Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
กันดารวิถี 8-10

ดวงประทีป 7 ดวง

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงพูดกับอาโรนว่า ‘เวลาจัดตั้งดวงประทีป 7 ดวง จงให้แสงส่องทางด้านหน้าคันประทีป’” อาโรนก็ปฏิบัติตาม ท่านจัดตั้งดวงประทีปให้แสงส่องทางด้านหน้าคันประทีปตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส และคันประทีปตีขึ้นตามนี้คือเป็นทองคำตีด้วยค้อน ทั้งเชิงและกลีบดอกก็ตีด้วยค้อน ท่านตีคันประทีปตามแบบที่พระผู้เป็นเจ้าได้ชี้แจงแก่โมเสสไว้แล้ว

การแต่งตั้งชาวเลวี

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงแยกชาวเลวีออกจากชาวอิสราเอลและทำตามพิธีเพื่อให้พวกเขาบริสุทธิ์ เจ้าจงทำสิ่งเหล่านี้เพื่อทำให้พวกเขาบริสุทธิ์คือ จงใช้น้ำในพิธีชำระตัวประพรมพวกเขา ให้โกนขนทั่วกาย ซักเสื้อผ้าและชำระร่างกายให้สะอาด ให้พวกเขาเอาโคหนุ่มกับเครื่องธัญญบูชา แป้งสาลีชั้นเยี่ยมผสมน้ำมัน เจ้าจงเอาโคหนุ่มตัวที่สองเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป จงพาชาวเลวีมายังด้านหน้าของกระโจมที่นัดหมาย และเรียกประชุมชาวอิสราเอลทั้งมวล 10 และเจ้าจงนำชาวเลวีมา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ให้ชาวอิสราเอลวางมือบนตัวชาวเลวี 11 อาโรนต้องถวายชาวเลวี ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ดั่งเครื่องโบกจากชาวอิสราเอล เพื่อพวกเขาจะได้พร้อมในการทำงานของพระผู้เป็นเจ้า 12 ชาวเลวีจะวางมือบนหัวโค 2 ตัวนั้น แล้วเจ้าจงถวายตัวหนึ่งเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปแด่พระผู้เป็นเจ้า และอีกตัวเป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายในพิธีชดใช้บาปให้แก่ชาวเลวี 13 เจ้าจงกำชับให้ชาวเลวียืนที่ตรงหน้าอาโรนและบรรดาบุตรของเขา แล้วถวายชาวเลวีเป็นเครื่องโบกแด่พระผู้เป็นเจ้า

14 เจ้าจงแยกชาวเลวีออกจากชาวอิสราเอล และชาวเลวีจะเป็นของเรา 15 หลังจากนี้ให้ชาวเลวีเข้าไปปฏิบัติงานในกระโจมที่นัดหมาย และเจ้าจะทำให้พวกเขาบริสุทธิ์ และถวายพวกเขาดั่งเครื่องโบก 16 เพราะพวกเขาถูกแยกออกจากชาวอิสราเอล และมอบให้แก่เราแทนบุตรหัวปีทุกคนที่มาจากครรภ์ของชาวอิสราเอลทั้งปวง เราได้รับพวกเขามาเป็นของเราแล้ว 17 เพราะทุกชีวิตแรกจากทั้งมนุษย์และสัตว์เลี้ยงในหมู่ชนชาวอิสราเอลเป็นของเรา ในวันที่เราฆ่าบุตรหัวปีทุกคนในแผ่นดินอียิปต์ เราได้แยกพวกเขาออกมาสำหรับเราเอง 18 และได้รับชาวเลวีแทนบุตรหัวปีทุกคนของชาวอิสราเอล 19 เราได้มอบชาวเลวีจากชาวอิสราเอลให้เป็นของประทานแก่อาโรนและบรรดาบุตรของเขา เพื่อปฏิบัติงานในกระโจมที่นัดหมายให้ชาวอิสราเอล และทำพิธีชดใช้บาป เพื่อภัยพิบัติจะไม่เกิดขึ้นกับชาวอิสราเอล เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้สถานที่บริสุทธิ์”

20 โมเสส อาโรน และชาวอิสราเอลทั้งมวลกระทำต่อชาวเลวีตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส 21 ชาวเลวีชำระร่างกายให้บริสุทธิ์ ซักเสื้อผ้าของตนเอง แล้วอาโรนก็จะมอบพวกเขาให้เป็นเครื่องโบก ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และทำพิธีชดใช้บาปให้แก่พวกเขาเพื่อทำให้บริสุทธิ์ 22 จากนั้นชาวเลวีก็จะเข้าไปปฏิบัติงานในกระโจมที่นัดหมายภายใต้การควบคุมของอาโรนและบรรดาบุตรของท่าน เขากระทำต่อชาวเลวีตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส

23 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 24 “เรื่องต่อไปนี้เกี่ยวกับชาวเลวี เขาจะมีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป จะต้องมีส่วนร่วมงานในกระโจมที่นัดหมาย 25 แต่เมื่อถึงอายุ 50 ปีพวกเขาจะหยุดปฏิบัติงานนั้น คือไม่ต้องทำงานอีกต่อไป 26 พวกเขาจะช่วยพี่น้องของเขาที่ปฏิบัติงานรับใช้ในกระโจมที่นัดหมายก็ได้ แต่ไม่ต้องทำงาน ฉะนั้นเจ้าต้องจัดแจงเรื่องงานรับใช้ให้แก่ชาวเลวี”

เทศกาลปัสกา

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสในถิ่นทุรกันดารซีนาย ในเดือนแรกของปีที่สองหลังจากที่พวกเขาพ้นออกจากแผ่นดินอียิปต์ว่า “ให้ชาวอิสราเอลฉลองเทศกาลปัสกาตามเวลาที่กำหนดไว้ จงฉลองวันตามเวลาที่กำหนดไว้ในยามโพล้เพล้ของวันที่สิบสี่เดือนนี้ ตามคำบัญชาและกฎเกณฑ์” ดังนั้นโมเสสจึงบอกชาวอิสราเอลให้ฉลองเทศกาลปัสกา พวกเขาก็ทำตามนั้นเมื่ออยู่ในถิ่นทุรกันดารซีนายเวลาโพล้เพล้ของวันที่สิบสี่ของเดือนแรก ชาวอิสราเอลทำทุกอย่างตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสสทุกประการ แต่มีบางคนที่ไม่สามารถฉลองเทศกาลปัสกาในวันนั้นได้ เพราะมีมลทินที่เกิดจากการแตะต้องซากศพ พวกเขาจึงมาพบโมเสสและอาโรนในวันเดียวกันนั้น และพูดกับโมเสสว่า “พวกเรามีมลทินเพราะแตะต้องซากศพ แต่ทำไมพวกเราถึงถูกกันไม่ให้ถวายเครื่องบูชาแด่พระผู้เป็นเจ้าด้วยกันกับชาวอิสราเอลอื่นๆ ตามเวลาที่กำหนดไว้เล่า” โมเสสตอบพวกเขาว่า “จงรอจนกว่าเราจะทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าบัญชาอย่างไรในเรื่องของท่าน”

แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 10 “จงบอกชาวอิสราเอลตามนี้ ‘เมื่อใครก็ตามในพวกเจ้าหรือผู้สืบเชื้อสายมีมลทินเพราะแตะต้องซากศพ หรือเดินทางไปที่อื่น พวกเขาก็สามารถฉลองเทศกาลปัสกาของพระผู้เป็นเจ้าได้ 11 โดยให้เขาฉลองในวันที่สิบสี่ของเดือนสองยามโพล้เพล้ เขาต้องรับประทานเนื้อแกะกับขนมปังไร้เชื้อและผักรสขม 12 เขาจะต้องไม่ให้มีของเหลือทิ้งไว้จนถึงรุ่งเช้า หรือหักกระดูกสักชิ้นเดียว[a] เวลาพวกเขาฉลองวันปัสกา เขาต้องทำตามกฎเกณฑ์ทุกข้อ 13 แต่ถ้าชายใดไม่มีมลทินและไม่ได้ออกเดินทางไปไหน แต่ไม่ได้ฉลองเทศกาลปัสกา เขาจะต้องถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา เพราะเขาไม่ได้ถวายเครื่องบูชาของพระผู้เป็นเจ้าตามกำหนดเวลา ชายผู้นั้นจะต้องรับโทษบาปของตน 14 ชาวต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในหมู่พวกเจ้าที่ต้องการฉลองเทศกาลปัสกาของพระผู้เป็นเจ้า ต้องกระทำตามคำบัญชาและกฎเกณฑ์ของวันปัสกา เจ้าต้องใช้กฎเกณฑ์เดียวกันนี้สำหรับชาวต่างแดนและชาวอิสราเอลโดยกำเนิด’”

เมฆอยู่เหนือที่พำนัก

15 ในวันที่จัดตั้งกระโจมที่พำนัก มีก้อนเมฆปกคลุมกระโจมที่พำนัก ซึ่งเป็นกระโจมแห่งพันธสัญญา และในเวลาเย็น เมฆนั้นอยู่เบื้องบนกระโจมที่พำนักในลักษณะของเพลิงไฟจนกระทั่งเช้า 16 เป็นอย่างนั้นเรื่อยไป มีก้อนเมฆปกคลุมที่พำนัก และมีลักษณะของเพลิงไฟในยามกลางคืน 17 เมื่อใดเมฆลอยตัวขึ้นจากกระโจม ชาวอิสราเอลก็ออกเดินทางต่อไป ที่ใดเมฆหยุดอยู่ ชาวอิสราเอลก็ไปตั้งค่ายอยู่ที่นั่น 18 ชาวอิสราเอลออกเดินทางตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า และชาวอิสราเอลไปตั้งค่ายตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า ตราบที่ก้อนเมฆหยุดอยู่เหนือกระโจมที่พำนัก พวกเขาก็จะยังคงตั้งค่ายอยู่ 19 เมื่อก้อนเมฆอยู่เหนือกระโจมที่พำนักเป็นเวลาหลายวัน ชาวอิสราเอลก็ปฏิบัติตามคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าโดยไม่ออกเดินทาง 20 บางครั้งเมื่อก้อนเมฆอยู่เหนือกระโจมที่พำนักเพียงไม่กี่วัน พวกเขาก็ไปตั้งค่ายอยู่ตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า และออกเดินทางตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า 21 ในบางครั้งเมื่อก้อนเมฆคงอยู่ตั้งแต่เย็นจนถึงเช้า แต่เมื่อเมฆนั้นลอยตัวขึ้นในยามเช้า พวกเขาก็จะออกเดินทางต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนก็ตาม เมื่อเมฆลอยขึ้นพวกเขาก็ออกเดินทาง 22 ไม่ว่าก้อนเมฆจะอยู่เหนือกระโจมที่พำนักเพียง 2 วัน 1 เดือน หรือ 1 ปี ชาวอิสราเอลจะไปตั้งค่ายอยู่ โดยไม่ออกเดินทาง แต่เมื่อเมฆนั้นลอยตัวขึ้น พวกเขาจะออกเดินทางต่อไป 23 พวกเขาไปตั้งค่ายตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า และพวกเขาออกเดินทางตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาปฏิบัติตามคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าที่ได้มอบไว้กับโมเสส

แตรเงิน

10 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงตีแตรยาว 2 คันด้วยเงินและตีด้วยค้อน[b] เจ้าจงใช้แตรนั้นเรียกประชุมและเวลาออกเดินทาง เมื่อพวกเขาเป่าแตรทั้งสองคัน มวลชนทั้งปวงต้องมาประชุมพร้อมกันกับเจ้าที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย หากพวกเขาเป่าแตรคันเดียว บรรดาหัวหน้าหรือผู้นำของตระกูลชาวอิสราเอลต้องมาประชุมพร้อมกันกับเจ้า เมื่อเจ้าเป่าแตรให้สัญญาณเสียง บรรดาค่ายทางด้านตะวันออกจะออกเดินทาง และเมื่อเจ้าเป่าให้สัญญาณที่สอง บรรดาค่ายทางด้านใต้จะออกเดินทาง พวกเขาจะเป่าแตรให้สัญญาณเพื่อออกเดินทาง แต่เมื่อจะเรียกมวลชนมาประชุมร่วมกัน เจ้าจะต้องเป่าแตรงอน[c]ที่ไม่ใช่สัญญาณเดียวกัน บรรดาบุตรของอาโรนซึ่งเป็นปุโรหิต เป็นผู้เป่าแตรยาว จงถือเป็นกฎเกณฑ์ของทุกชาติพันธุ์ของพวกเจ้าไปตลอดกาล และหากเจ้าทำศึกสงครามกับศัตรูที่บีบบังคับเจ้าบนแผ่นดินของเจ้าเอง เจ้าก็จงเป่าแตรยาวให้สัญญาณ แล้วพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้าจะระลึกถึงพวกเจ้า และเจ้าจะปลอดภัยจากศัตรู 10 ในวันที่พวกเจ้ามีความยินดี ในเทศกาลที่กำหนดไว้ และในยามเทศกาลข้างขึ้น พวกเจ้าต้องเป่าแตรยาวในเวลามอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย และของถวายเพื่อสามัคคีธรรม และพวกเจ้าจะเป็นที่ระลึกถึง ณ เบื้องหน้าพระเจ้าของพวกเจ้า เราเป็นพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า”

เริ่มเดินทางออกจากซีนาย

11 ในวันที่ยี่สิบเดือนสองของปีที่สอง ก้อนเมฆลอยตัวขึ้นจากกระโจมที่พำนักแห่งพันธสัญญา 12 ชาวอิสราเอลจึงออกเดินทางออกจากถิ่นทุรกันดารซีนายจนกระทั่งก้อนเมฆหยุดอยู่ที่ถิ่นทุรกันดารปาราน 13 พวกเขาออกเดินทางครั้งแรกนี้ตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านโมเสส 14 บรรดากองทัพจากค่ายยูดาห์ออกเดินทางเป็นกองแรก ตามธงของพวกเขา นาโชนบุตรอัมมีนาดับเป็นผู้บังคับการ 15 เนธันเอลบุตรศุอาร์เป็นผู้นำกองทัพของเผ่าชาวอิสสาคาร์ 16 และเอลีอับบุตรเฮโลนเป็นผู้นำกองทัพของเผ่าชาวเศบูลุน

17 เมื่อรื้อกระโจมที่พำนักลง บรรดาบุตรเกอร์โชนและเมรารีผู้แบกหามกระโจมที่พำนักก็ออกเดินทาง 18 บรรดากองทัพจากค่ายรูเบนออกเดินทางตามไป ตามธงของพวกเขา เอลีซูร์บุตรเชเดเออร์เป็นผู้นำกองทัพ 19 เชลูมิเอลบุตรศูริชัดดัยเป็นผู้นำกองทัพของเผ่าชาวสิเมโอน 20 เอลียาสาฟบุตรเดอูเอลเป็นผู้นำกองทัพของเผ่าชาวกาด

21 แล้วชาวโคฮาทออกเดินทางพร้อมกับแบกหามสิ่งบริสุทธิ์ โดยต้องมีคนตั้งกระโจมที่พำนักก่อนที่พวกเขาจะไปถึง 22 แล้วกองทัพจากค่ายของชาวเอฟราอิมออกเดินทางตามธงของพวกเขา เอลีชามาบุตรอัมมีฮูดเป็นผู้บังคับการ 23 กามาลิเอลบุตรเปดาห์ซูร์ เป็นผู้นำกองทัพของเผ่าชาวมนัสเสห์ 24 และอาบีดันบุตรกิเดโอนีเป็นผู้นำกองทัพของเผ่าชาวเบนยามิน

25 และกองทัพจากค่ายของชาวดานซึ่งเป็นค่ายท้ายสุดก็ออกเดินทางตามธงของพวกเขา อาหิเยเซอร์บุตรอัมมีชัดดัยเป็นผู้บังคับการ 26 ปากีเอลบุตรโอครานเป็นผู้นำกองทัพของเผ่าชาวอาเชอร์ 27 อาหิราบุตรเอนันเป็นผู้บังคับการของชาวนัฟทาลี 28 ชาวอิสราเอลออกเดินทางตามธงของพวกเขา ดังที่กล่าวมา แล้วต่างก็มุ่งหน้าไป

โฮบับและหีบ

29 โมเสสพูดกับโฮบับบุตรเรอูเอลชาวมีเดียนพ่อตาของโมเสสว่า “พวกเรากำลังออกเดินทางไปยังที่ที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ‘เราจะให้ที่ดินแก่เจ้าทั้งหลาย’ จงมากับเรา แล้วเราจะดีต่อท่าน เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้สัญญาสิ่งดีๆ แก่อิสราเอล” 30 เขาพูดว่า “เราจะไม่ไป เราจะกลับไปยังดินแดนและหมู่ญาติพี่น้องของเรา” 31 แต่โมเสสพูดว่า “โปรดอย่าจากพวกเราไปเลย เพราะท่านทราบว่าพวกเราควรไปตั้งค่ายอย่างไรในถิ่นทุรกันดาร และท่านจะช่วยพวกเราได้มาก 32 และถ้าท่านไปกับเรา เราก็จะตอบแทนท่านเหมือนที่พระผู้เป็นเจ้ากระทำสิ่งดีๆ ให้แก่พวกเรา”

33 ดังนั้น พวกเขาจึงออกเดินทางจากภูเขาของพระผู้เป็นเจ้าไปเป็นเวลา 3 วัน หีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้านำหน้าพวกเขาไปในช่วง 3 วันเพื่อหาที่ให้พวกเขาพัก 34 เมฆของพระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือพวกเขาในเวลากลางวัน เมื่อเขาออกเดินทางไปจากค่าย

35 เมื่อใดพวกเขาหามหีบออกเดินทาง โมเสสจะพูดว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า ลุกขึ้นเถิด ขอให้ศัตรูของพระองค์กระจัดกระจายไป ขอให้ข้าศึกของพระองค์เตลิดหนีไปต่อหน้าพระองค์” 36 เมื่อใดหีบหยุดพัก ท่านจะพูดว่า “ขอพระองค์กลับสู่ชาวอิสราเอลซึ่งมีจำนวนเป็นหมื่นเป็นแสน เกินกว่าจะนับได้ถ้วน”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation