Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 เปโตร 1-5

การทักทายของเปโตร

ข้าพเจ้าเปโตรอัครทูตของพระเยซูคริสต์

เรียน ท่านทั้งหลายผู้เป็นชนต่างแดนที่พระเจ้าได้เลือกไว้ ซึ่งได้กระจัดกระจายไปอยู่ทั่วแคว้นปอนทัส แคว้นกาลาเทีย แคว้นคัปปาโดเซีย แคว้นเอเชีย และแคว้นบิธีเนีย ท่านได้รับเลือกตามที่พระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาทราบดีมาแต่แรก และโดยการชำระให้บริสุทธิ์ของพระวิญญาณ เพื่อจะได้เชื่อฟังพระเยซูคริสต์ และรับการประพรมด้วยโลหิตของพระองค์

ขอพระคุณและสันติสุขจงมีแก่ท่านอย่างเต็มเปี่ยมเถิด

ความหวังอันดำรงอยู่

สรรเสริญพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ด้วยความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า พระองค์จึงโปรดให้เราได้บังเกิดใหม่เพื่อเข้าสู่ความหวังแห่งชีวิต โดยผ่านการฟื้นคืนชีวิตจากความตายของพระเยซูคริสต์ และให้ได้รับมรดกซึ่งไม่มีวันสูญสิ้น ปราศจากมลทินและไม่ร่วงโรย ซึ่งได้เก็บรักษาไว้ให้ท่านในสวรรค์แล้ว ท่านผู้มีความเชื่อก็จะได้รับการคุ้มครองโดยอานุภาพของพระเจ้า จนกระทั่งถึงวันแห่งความรอดพ้น ซึ่งจะได้เผยให้ทราบในวาระสุดท้าย ท่านควรชื่นชมยินดีอย่างยิ่งในสิ่งเหล่านี้ ถึงแม้ว่า ในขณะนี้ท่านจะต้องทนทุกข์ทรมานนานัปการชั่วขณะหนึ่ง สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อพิสูจน์ความถ่องแท้ของความเชื่อของท่าน แม้แต่ทองคำซึ่งถูกทำลายได้เมื่อถูกทดสอบด้วยไฟ ฉะนั้นความเชื่อของท่านมีค่ามากกว่าทองคำก็ต้องถูกทดสอบด้วย และผลที่จะได้รับคือคำสรรเสริญ บารมี และเกียรติในเวลาที่พระเยซูคริสต์มาปรากฏ แม้ว่าท่านยังไม่เคยเห็นพระองค์ ท่านก็ยังรักพระองค์ และแม้ว่าท่านไม่เห็นพระองค์ในขณะนี้ ท่านก็ยังเชื่อพระองค์ ท่านร่าเริงด้วยความยินดีเป็นล้นพ้นเกินที่จะกล่าวได้ เพราะท่านกำลังรับผลของความเชื่อของท่าน คือความรอดพ้นของจิตวิญญาณ

10 บรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าได้เผยความถึงพระคุณซึ่งจะบังเกิดแก่ท่าน พวกเขาได้สืบเสาะและสอบถามอย่างระมัดระวังเรื่องความรอดพ้นนี้ 11 พระวิญญาณของพระคริสต์สถิตกับพวกเขา และพระวิญญาณได้พยากรณ์ถึงการทนทุกข์ทรมานของพระคริสต์ และหลังจากการทรมานนั้นแล้ว พระองค์จะได้รับพระบารมี พวกเขาพยายามสืบหาว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร และเกิดกับผู้ใด 12 พระเจ้าเปิดเผยให้พวกเขาทราบว่า เขาไม่ได้กระทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง แต่เพื่อพวกท่าน สิ่งใดก็ตามที่เขากล่าวไว้ พวกท่านก็ได้รับรู้แล้วโดยบรรดาผู้ประกาศข่าวประเสริฐ ซึ่งได้รับการดลใจโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์จากสวรรค์ให้ประกาศแก่ท่านในเวลานี้ แม้เหล่าทูตสวรรค์ก็ปรารถนาจะได้ทราบสิ่งเหล่านี้

จงเป็นผู้บริสุทธิ์

13 ดังนั้น พวกท่านจงเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม จงควบคุมตนเอง และตั้งความหวังทั้งหมดที่มีไว้ในพระคุณ ซึ่งจะให้แก่ท่านเวลาพระเยซูคริสต์มาปรากฏ 14 ตามอย่างบุตรที่เชื่อฟัง อย่าทำตัวตามกิเลสเหมือนครั้งที่ท่านยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ 15 แต่เป็นไปตามพระองค์ผู้บริสุทธิ์ที่ได้เรียกท่าน ท่านก็จงกระทำทุกสิ่งด้วยความบริสุทธิ์ 16 ดังที่มีบันทึกไว้ว่า “จงเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์”[a] 17 ถ้าท่านร้องเรียกพระนามของพระบิดาผู้พิพากษาการกระทำของทุกคนโดยปราศจากความลำเอียง ท่านก็จงดำเนินชีวิตดั่งเป็นคนแปลกถิ่นด้วยความยำเกรง 18 เพราะท่านทราบว่าพระองค์ได้ไถ่ท่านจากวิถีชีวิตอันว่างเปล่าอันตกทอดจากบรรพบุรุษมาสู่ท่าน ด้วยสิ่งที่ไม่อาจเสื่อมสลายได้ดังเช่นเงินและทอง 19 แต่ไถ่ด้วยโลหิตอันล้ำค่าของพระคริสต์ เหมือนลูกแกะที่ปราศจากตำหนิหรือจุดด่าง 20 พระเจ้าได้กำหนดพระคริสต์ก่อนสร้างโลก แต่ให้พระองค์ปรากฏในวาระสุดท้ายนี้เพื่อท่านทั้งหลาย 21 เพราะพระคริสต์ ท่านจึงเชื่อในพระเจ้าที่โปรดให้พระองค์ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย และมอบพระบารมีแก่พระองค์ ดังนั้นความเชื่อและความหวังของท่านจึงอยู่ในพระเจ้า

22 ในเมื่อท่านทั้งหลายได้ชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์แล้วโดยการเชื่อฟังความจริง เพื่อรักกันฉันพี่น้องอย่างแท้จริง ท่านจงรักกันอย่างลึกซึ้งด้วยใจจริงเถิด 23 เพราะท่านบังเกิดใหม่แล้วจากเมล็ดที่มีชีวิต ไม่ใช่จากเมล็ดที่ฝ่อ คือด้วยคำกล่าวของพระเจ้าซึ่งมีชีวิตและดำรงอยู่ 24 ด้วยว่า

“มนุษย์ทุกคนเป็นเสมือนต้นหญ้า
    และบารมีของเขาเป็นเสมือนดอกหญ้า
ต้นหญ้านั้นเหี่ยวแห้ง และดอกร่วงโรย
25     แต่คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ายั่งยืนอยู่ตลอดกาล”[b]

นี่คือคำกล่าวซึ่งได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลายแล้ว

ดังนั้น จงกำจัดความคิดปองร้ายและการล่อลวงทั้งปวง ความเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ความอิจฉา และการว่าร้ายทุกชนิด เช่นเดียวกับเด็กทารกแรกเกิดซึ่งกระหายน้ำนมอันบริสุทธิ์ฝ่ายวิญญาณ น้ำนมจะทำให้ท่านเติบโตสู่ความรอดพ้น และท่านก็ได้ลิ้มรสแล้วว่า พระผู้เป็นเจ้าประเสริฐ

ศิลาที่ดำรงอยู่ และชนชาติของพระเจ้า

จงเข้าหาพระองค์ผู้เป็นเสมือนศิลาที่ดำรงอยู่ ซึ่งมนุษย์ไม่ยอมรับ แต่ในสายตาของพระเจ้าแล้ว พระองค์ถูกเลือกและมีค่ายิ่ง ท่านทั้งหลายก็เช่นกัน ท่านเป็นดังศิลาที่มีชีวิต ซึ่งกำลังถูกสร้างให้เป็นเรือนฝ่ายวิญญาณ เพื่อเป็นปุโรหิตผู้บริสุทธิ์ที่ถวายเครื่องสักการะฝ่ายวิญญาณ อันเป็นที่พอใจของพระเจ้าโดยผ่านพระเยซูคริสต์ เพราะพระคัมภีร์ระบุว่า

“ดูเถิด เราวางศิลาก้อนหนึ่งลงในศิโยน
    เป็นศิลามุมเอกที่ถูกเลือกไว้และล้ำค่า
ผู้ที่ไว้วางใจในพระองค์
    จะไม่ได้รับความอับอาย”[c]

ศิลานี้ล้ำค่าสำหรับท่านที่เชื่อ แต่สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อ

“ศิลาที่พวกช่างก่อสร้างทิ้ง
    ได้กลายเป็นศิลามุมเอก”[d]

และ

“ศิลาก้อนหนึ่งที่เป็นเหตุให้คนสะดุด
    และเป็นหินที่ทำให้พวกเขาล้มลง”[e]

เขาสะดุดก็เพราะไม่เชื่อฟังคำประกาศ ตามที่เขาถูกกำหนดไว้เช่นนั้น

แต่พวกท่านถูกเลือกให้เป็นเชื้อชาติ พวกท่านเป็นทั้งปุโรหิตหลวง ประชาชาติที่บริสุทธิ์ และชนชาติของพระเจ้า เพื่อให้ท่านประกาศการกระทำอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ โดยเรียกท่านให้พ้นจากความมืดสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ 10 เมื่อก่อนท่านทั้งหลายไม่ได้เป็นชนชาติ แต่บัดนี้ท่านเป็นชนชาติของพระเจ้า เมื่อก่อนท่านทั้งหลายไม่ได้รับความเมตตา แต่บัดนี้ท่านได้รับความเมตตาแล้ว

11 ท่านที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอให้ท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นคนแปลกถิ่นและคนต่างแดน ละเว้นจากตัณหาฝ่ายเนื้อหนัง ซึ่งยังคงต่อสู้กับจิตวิญญาณของท่าน 12 จงรักษาความประพฤติอันดีของท่านไว้ให้มั่นในท่ามกลางคนนอก เพื่อว่าในกรณีที่เขาจะกล่าวหาว่าท่านประพฤติผิด เขาจะได้เห็นความดีของท่าน และจะได้สรรเสริญพระเจ้าในวันแห่งการพิพากษา[f]

เชื่อฟังผู้มีสิทธิ์บังคับบัญชา

13 ท่านจงยอมเชื่อฟังผู้มีสิทธิ์บังคับบัญชาที่มนุษย์ตั้งไว้ทุกแขนง เพื่อเห็นแก่พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ผู้มีสิทธิอำนาจยิ่ง 14 หรือจะเป็นบรรดาผู้ว่าราชการ ซึ่งได้รับคำสั่งจากกษัตริย์ให้ลงโทษผู้ประพฤติชั่ว และส่งเสริมผู้ประพฤติดี 15 เป็นความประสงค์ของพระเจ้า ที่ท่านจะทำให้คนโง่เขลานิ่งอึ้งโดยความประพฤติที่ดีของท่าน 16 จงดำเนินชีวิตอย่างผู้เป็นอิสระ แต่อย่าใช้อิสรภาพนั้นเป็นข้ออ้างเพื่อทำความชั่ว จงดำเนินชีวิตเช่นผู้รับใช้ของพระเจ้า 17 จงให้เกียรติแก่ทุกคน รักเหล่าพี่น้อง ยำเกรงพระเจ้า และจงให้เกียรติแก่กษัตริย์

18 บรรดาทาส จงยอมเชื่อฟังนายของท่านด้วยความยำเกรงทุกอย่าง ไม่ใช่เฉพาะนายที่ดีและสุภาพเท่านั้น แต่นายที่แข็งกระด้างด้วย 19 ถ้าผู้ใดอดทนต่อความทุกข์ทรมานที่ตนไม่สมควรได้รับ และใจของเขายังตระหนักถึงความประสงค์ของพระเจ้า เขาก็จะเป็นที่พอใจของพระองค์ 20 ถ้าท่านทนต่อการเฆี่ยนตีเมื่อท่านกระทำผิด แล้วท่านจะได้รับการยกย่องอะไร แต่ถ้าท่านทนทุกข์ทรมานเนื่องจากการกระทำดีและอดกลั้นไว้ พระเจ้าก็จะชมเชยท่าน 21 พระเจ้าเรียกท่านมาด้วยจุดประสงค์นี้ เพราะพระคริสต์ได้ทนทุกข์ทรมานเพื่อท่าน และเป็นตัวอย่างให้ท่านปฏิบัติตาม 22 “พระองค์ไม่ได้กระทำบาปเลย และพระองค์ไม่เคยกล่าวคำที่ล่อลวง”[g] 23 เมื่อผู้คนกล่าวคำหยาบคายต่อพระองค์ พระองค์ก็มิได้ว่ากลับ เมื่อพระองค์รับทุกข์ทรมานก็มิได้ขู่ประการใด แต่ได้มอบพระองค์เองให้แก่พระเจ้าผู้ทำการพิพากษาด้วยความชอบธรรม 24 พระองค์รับบาปของเราทั้งหลายไว้ในร่างกายของพระองค์บนไม้กางเขนนั้น เพื่อให้เราตายต่อบาปและดำเนินชีวิตเพื่อความชอบธรรม ท่านทั้งหลายได้รับการรักษาให้หายได้ก็เพราะบาดแผลของพระองค์ 25 พวกท่านเป็นเสมือนแกะที่พลัดจากฝูง แต่บัดนี้ท่านกลับมาหาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะและผู้ดูแลจิตวิญญาณของท่าน

ภรรยาและสามี

ภรรยาทั้งหลายก็เช่นกัน จงยอมเชื่อฟังสามี หากสามีบางคนไม่เชื่อฟังคำกล่าวของพระเจ้า แต่ความประพฤติของภรรยาอาจจะจูงใจพวกเขาได้โดยไม่ต้องใช้คำพูดเลย เขาจะได้เห็นความบริสุทธิ์และความยำเกรงในชีวิตของท่าน ความงามของท่านไม่ควรเกิดจากการประดับกายภายนอก เช่น การถักผม สวมเครื่องประดับทองและเสื้อผ้าสวยงาม แต่ควรเป็นความงามภายในที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย คือความอ่อนโยนและความสงบของวิญญาณ ซึ่งมีคุณค่ายิ่งในสายตาของพระเจ้า เพราะในวิธีนี้ที่บรรดาหญิงบริสุทธิ์ในอดีตมีความหวังในพระเจ้า และเคยแต่งกายให้งามโดยการยอมเชื่อฟังสามีของตน ดังเช่นนางซาราห์ที่ได้เชื่อฟังอับราฮัม และเรียกท่านว่า นายท่าน ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติถูกต้องและไม่หวาดกลัวสิ่งใด ท่านก็เป็นลูกสาวของนาง

สามีทั้งหลายก็เช่นกัน จงเข้าใจภรรยาที่อยู่ร่วมกัน ให้เกียรติว่านางเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า และเป็นผู้รับมรดกร่วมกับท่าน คือชีวิตแห่งพระคุณ เพื่อว่าจะได้ไม่มีสิ่งใดขัดขวางคำอธิษฐานของท่านได้

รับทุกข์ทรมานจากการทำดี

สุดท้ายนี้ท่านทั้งหลาย จงดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกัน มีความเห็นใจกัน รักกันฉันพี่น้อง จงมีใจสงสารและถ่อมตน อย่าสนองตอบความเลวร้ายด้วยความเลวร้าย หรือสบประมาทด้วยการสบประมาท แต่จงตอบด้วยการอวยพรเขา พระองค์เรียกท่านมาด้วยจุดประสงค์นี้ เพื่อท่านจะได้รับพระพร 10 ด้วยว่า

“ใครก็ตามที่ยินดีกับชีวิต
    และประสบกับสิ่งดีงาม
ต้องบังคับลิ้นไม่ให้พูดสิ่งที่ชั่ว
    และไม่ให้ปากพูดล่อลวง
11 เขาต้องหลีกเลี่ยงการทำความชั่วเพื่อทำความดี
    เขาต้องใฝ่หาสันติสุขและมุ่งมั่นเพื่อจะได้มาซึ่งสันติสุขนั้น
12 เพราะว่าตาของพระผู้เป็นเจ้าเฝ้าดูคนที่มีความชอบธรรม
    และพระองค์ฟังคำอธิษฐานของเขา
แต่พระผู้เป็นเจ้าขัดขวางบรรดาผู้กระทำความชั่ว”[h]

13 ถ้าท่านมีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะทำความดีแล้ว ใครจะปองร้ายท่านได้ 14 แต่ถ้าหากว่าท่านต้องรับทุกข์ทรมานจากการประพฤติที่ถูกต้อง ท่านก็จะเป็นสุข “อย่ากลัวสิ่งที่เขากลัว และอย่าตระหนกตกใจ”[i] 15 จงยกย่องนับถือในใจท่าน ว่าพระคริสต์เป็นพระผู้เป็นเจ้า และพร้อมเสมอที่จะตอบทุกคนที่ถามท่าน ว่าเหตุใดท่านจึงมีความหวัง แต่จงกระทำด้วยความอ่อนโยนและความเคารพ 16 จงมีมโนธรรมที่ดี เพื่อว่าเวลามีคนพูดคัดค้านต่อความประพฤติดีของท่านที่มีในพระคริสต์ เขาจะรู้สึกละอายใจกับการว่าร้ายของเขา 17 หากว่าเป็นความประสงค์ของพระเจ้าแล้ว ให้เรารับทุกข์ทรมานจากการทำดี ก็ยังจะดีกว่ารับทุกข์ทรมานจากการทำชั่ว

18 เพราะว่าพระคริสต์สิ้นชีวิตเพื่อบาปเพียงครั้งเดียวเป็นพอ องค์ผู้มีความชอบธรรมกระทำให้สำหรับคนที่ไม่มีความชอบธรรม เพื่อพาท่านเข้าถึงพระเจ้า คือพระองค์สิ้นชีวิตฝ่ายกาย แต่พระองค์มีชีวิตฝ่ายวิญญาณ 19 และโดยทางวิญญาณ พระองค์ไปประกาศแก่เหล่าวิญญาณที่ถูกจำคุกอยู่ 20 คือนานมาแล้วพวกเขาไม่เชื่อฟัง เมื่อครั้งที่พระเจ้ารอด้วยความอดทน ในสมัยของโนอาห์ขณะที่มีการสร้างเรือใหญ่อยู่ มีเพียงไม่กี่คน คือรวมทั้งหมดได้ 8 คนที่อยู่ในเรือใหญ่เท่านั้นที่รอดชีวิตจากน้ำ 21 และน้ำนี้เป็นสัญลักษณ์ของบัพติศมาซึ่งขณะนี้ช่วยท่านให้รอดพ้นเช่นกัน ไม่ใช่เป็นการล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย แต่เป็นการขอร้องพระเจ้าเพื่อช่วยให้เรามีมโนธรรมที่ดี โดยการฟื้นคืนชีวิตจากความตายของพระเยซูคริสต์ 22 พระองค์ได้ไปสวรรค์และสถิต ณ เบื้องขวาของพระเจ้า มีบรรดาทูตสวรรค์ บรรดาผู้มีสิทธิอำนาจ และผู้มีอานุภาพฝ่ายวิญญาณอยู่ใต้บัญชาของพระองค์ด้วย

ใช้ชีวิตเพื่อพระเจ้า

ฉะนั้น ในเมื่อพระคริสต์ถูกทรมานทางร่างกาย ท่านจงมีความคิดอย่างเดียวกัน อันเป็นเสมือนอาวุธป้องกันตัวด้วย เพราะว่าผู้ที่ได้รับทุกข์ทรมานทางร่างกายไม่อยู่ใต้อำนาจบาป ผลที่ได้รับก็คือ จะไม่ใช้ชีวิตที่ยังเหลืออยู่ในโลกเพื่อปฏิบัติตามกิเลสของมนุษย์ แต่อยู่เพื่อปฏิบัติตามความประสงค์ของพระเจ้า พวกท่านได้ใช้ชีวิตที่ผ่านมาในสิ่งที่คนนอกเลือกกระทำ คือใช้ชีวิตหมดไปกับความมักมากในกาม กิเลส ดื่มสุราเมามาย เฮฮามั่วสุม ดื่มจนหัวราน้ำ และบูชารูปเคารพอันน่าชัง พวกเขาคงแปลกใจที่ท่านไม่ประพฤติชั่วคล้อยตามความเหลวแหลก และเขาก็ว่าร้ายท่าน แต่พวกเขาจะต้องให้การต่อพระองค์ ซึ่งพร้อมที่จะพิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย ด้วยเหตุนี้ข่าวประเสริฐได้ถูกประกาศ แม้แก่ผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว และถึงแม้ว่าฝ่ายกายนั้นเขาถูกพิพากษาอย่างเช่นมนุษย์ทั่วๆ ไป แต่เขาจะได้มีชีวิตฝ่ายวิญญาณตามความประสงค์ของพระเจ้า

การสิ้นสุดของสิ่งทั้งหลายใกล้เข้ามาแล้ว ฉะนั้นจงมีสติสัมปชัญญะ และรู้จักควบคุมตนเองเพื่ออธิษฐาน เหนือสิ่งอื่นใดแล้วท่านจงรักกันและกันอย่างลึกซึ้ง เพราะว่าความรักให้อภัยบาปมากมายได้ จงต้อนรับกันและกันโดยไม่บ่น 10 ทุกคนควรใช้ของประทานที่ตนได้รับเพื่อรับใช้ผู้อื่น เป็นผู้รับมอบหมายที่ดี โดยการแสดงพระคุณนานาประการของพระเจ้า 11 ถ้าผู้ใดจะพูด ก็ให้พูดเสมือนเป็นคำที่มาจากพระเจ้า ถ้าผู้ใดรับใช้ก็ควรปฏิบัติด้วยพลังซึ่งพระเจ้าให้ เพื่อว่าในทุกสิ่งที่ท่านกระทำไป พระเจ้าจะได้รับการสรรเสริญโดยผ่านพระเยซูคริสต์ ขอพระบารมีและอานุภาพจงมีแด่พระองค์ชั่วนิรันดร์กาลเถิด อาเมน

ทนทุกข์ทรมานเพราะเป็นคริสเตียน

12 ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าประหลาดใจกับความทุกข์ที่ท่านรับอย่างแสนสาหัส เสมือนว่าเป็นสิ่งแปลกที่เกิดขึ้นกับท่าน 13 แต่จงชื่นชมยินดีว่าท่านร่วมรับความทุกข์กับพระคริสต์ เพื่อท่านจะได้ร่าเริงใจยิ่งเมื่อพระบารมีของพระองค์มาปรากฏ 14 ถ้าท่านถูกเหยียดหยามเพราะพระนามของพระคริสต์ ท่านก็ได้รับพระพร เพราะพระวิญญาณพระเจ้าอันกอปรด้วยพระสง่าราศีสถิตกับท่าน 15 ถ้าท่านทนทุกข์ทรมาน ก็อย่าให้เป็นเหตุอันเนื่องมาจากฆาตกรรม การลักขโมย เป็นคนชั่วร้าย หรือเป็นคนเข้าไปยุ่งกับกิจธุระของผู้อื่นโดยไม่จำเป็น 16 อย่างไรก็ตามถ้าท่านทนทุกข์ทรมานเพราะว่าท่านเป็นคริสเตียน ก็อย่าได้ละอายใจ แต่จงสรรเสริญพระเจ้าเพราะพระนามนั้น 17 ถึงเวลาที่การพิพากษาจะเริ่มต้นกับครอบครัวของพระเจ้า และถ้าเริ่มต้นกับพวกเราแล้ว ผู้ที่ไม่เชื่อฟังข่าวประเสริฐของพระเจ้าจะได้รับผลเช่นไร 18 และ

“ถ้ายากสำหรับคนที่มีความชอบธรรมจะได้รับความรอดพ้น
    แล้วคนที่ไร้คุณธรรมกับคนบาปเล่าจะเป็นอย่างไร”[j]

19 ดังนั้นแล้ว เมื่อผู้ใดปฏิบัติตามความประสงค์ของพระเจ้าและต้องทนทุกข์ทรมาน ก็จงให้ผู้นั้นฝากฝังจิตวิญญาณของเขากับผู้ที่ไว้วางใจได้ คือองค์ผู้สร้างสิ่งทั้งปวง และจงประพฤติดีต่อไปเถิด

เลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้า

ฉะนั้น ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นผู้ปกครองร่วมกับท่าน และเป็นพยานในเรื่องการทนทุกข์ทรมานของพระคริสต์ และจะเป็นผู้ร่วมในพระบารมีที่จะปรากฏด้วย ข้าพเจ้าจึงขอร้องบรรดาผู้ปกครองในหมู่ท่าน คือจงเลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ในความดูแลของท่านด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ด้วยการฝืนใจ แต่ตามความประสงค์ของพระเจ้า และกระทำอย่างกระตือรือร้นโดยไม่โลภมักได้ ไม่ยกตนข่มท่านกับคนที่อยู่ใต้การดูแลของท่าน แต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น เมื่อหัวหน้าผู้เลี้ยงดูฝูงแกะมาปรากฏ ท่านจะได้รับมงกุฎแห่งพระสง่าราศีซึ่งไม่มีวันสูญสลาย ในทำนองเดียวกัน คือท่านผู้เยาว์จงยอมเชื่อฟังผู้อาวุโสกว่า ทุกท่านจงรับใช้กันและกันอย่างถ่อมตนเพราะ “พระเจ้าต่อต้านผู้หยิ่งยโส แต่แสดงพระคุณแก่คนที่ถ่อมตน”[k]

ฉะนั้น ท่านจงถ่อมตนอยู่ใต้อานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เพื่อว่าพระองค์จะยกย่องท่านเมื่อถึงเวลา จงมอบความกังวลทั้งสิ้นไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ห่วงใยท่าน จงควบคุมตนเองและคอยระวังระไวไว้ ศัตรูของท่านคือพญามาร มันวนเวียนดุจสิงโตคำรามที่แสวงหาเหยื่อ จงต่อต้านศัตรูนั้นด้วยการยืนหยัดในความเชื่อ เพราะท่านทราบว่า เหล่าพี่น้องทั่วโลกกำลังรับทุกข์ทรมานแบบเดียวกัน 10 พระเจ้าผู้มีพระคุณล้ำเลิศ ได้เรียกท่านเข้าสู่พระบารมีอันเป็นนิรันดร์ในพระคริสต์ หลังจากที่ท่านได้รับทุกข์ทรมานชั่วขณะหนึ่งแล้ว พระองค์จะเสริมสร้างท่านให้มีกำลังเข้มแข็งและมั่นคง 11 ขอพระอานุภาพจงมีแด่พระองค์ชั่วนิรันดร์กาลเถิด อาเมน

คำลงท้าย

12 สิลวานัส คือคนที่ข้าพเจ้านับว่าเป็นพี่น้องผู้ภักดีคนหนึ่ง เขาได้ช่วยข้าพเจ้าเขียนถึงท่านอย่างสั้นๆ เพื่อให้กำลังใจและยืนยันว่า นี่แหละคือพระคุณที่แท้จริงของพระเจ้า จงตั้งมั่นอยู่ในพระคุณนั้น 13 คริสตจักรที่เมืองบาบิโลนซึ่งพระองค์เลือกไว้เช่นเดียวกัน ส่งความคิดถึงมายังท่าน และมาระโกบุตรของข้าพเจ้าก็ส่งความคิดถึงมาด้วย 14 จงทักทายกันด้วยการจูบแก้ม[l]อันเป็นการแสดงความรักต่อกัน

สันติสุขจงมีแก่ท่านทุกคนในพระคริสต์เถิด

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation