Beginning
การทักทายของยากอบ
1 ข้าพเจ้ายากอบ ผู้รับใช้ของพระเจ้า และของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า
ขอส่งความคิดถึงมายัง 12 เผ่าที่กระจัดกระจายไปในต่างแดน
ทดสอบความเชื่อ
2 พี่น้องเอ๋ย เมื่อท่านประสบกับความลำบากต่างๆ ก็จงนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง 3 เพราะท่านทราบว่า การทดสอบความเชื่อของท่านทำให้เกิดความบากบั่น 4 ให้ความบากบั่นเป็นที่ปรากฏอย่างสม่ำเสมอ เพื่อท่านจะได้เป็นคนดีเพียบพร้อมทุกประการ และมีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องเลย
5 ถ้าคนใดในพวกท่านขาดปัญญา ก็ให้เขาขอจากพระเจ้า แล้วเขาก็จะได้รับ เพราะพระองค์มอบให้แก่ทุกคนด้วยความเอื้อเฟื้อและด้วยความยินดี 6 แต่เวลาเขาขอจากพระองค์ เขาต้องมีใจเชื่อโดยไม่สงสัย เพราะคนที่สงสัยเป็นเสมือนคลื่นในทะเลที่ถูกกระแสลมพัดให้ซัดม้วนไปมา 7 คนนั้นไม่ควรคิดว่า เขาจะได้รับสิ่งใดจากพระผู้เป็นเจ้าเลย 8 เขาเป็นคนสองจิตสองใจ ไม่มั่นคงในสิ่งใดๆ ที่ตนกระทำ
9 ให้พี่น้องผู้ต่ำต้อยยินดีเมื่อได้รับการยกย่อง 10 และคนมั่งมีถ่อมตัวเมื่อตกต่ำลง เพราะเขาจะล่วงลับไปเหมือนดอกหญ้า 11 เพราะดวงอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับความร้อนที่แผดเผา และทำให้พืชเหี่ยวเฉา ดอกร่วงโรยและความงามก็หมดสิ้นไป ในทำนองเดียวกันคือ คนมั่งมีจะล่วงลับไป แม้จะเป็นเวลาที่เขาทำหน้าที่การงานอยู่
12 คนที่บากบั่นฟันฝ่าความยากลำบากก็เป็นสุข เพราะเมื่อเขาผ่านการทดสอบแล้ว เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตที่พระเจ้าได้สัญญาไว้กับบรรดาผู้ที่รักพระองค์ 13 เวลาผู้ใดถูกยั่วยุก็อย่าพูดว่า “พระเจ้ากำลังยั่วยุข้าพเจ้า” เพราะความชั่วจะยั่วยุพระเจ้าไม่ได้ และพระเจ้าไม่ยั่วยุผู้ใดเช่นกัน 14 ทว่า แต่ละคนถูกยั่วยุได้ ในเวลาที่เขาติดกับดักแรงกิเลสของตัวเอง 15 เมื่อกิเลสเกิดขึ้นแล้ว บาปก็เกิดตามไปด้วย เมื่อบาปเติบใหญ่เต็มที่แล้ว ก็นำไปสู่ความตาย
ปฏิบัติตามคำกล่าว
16 พี่น้องที่รักของข้าพเจ้าเอ๋ย อย่าให้ผู้ใดหลอกลวงท่านเลย 17 สิ่งดีและเพียบพร้อมทุกประการมาจากเบื้องบน ลงมาจากพระบิดาผู้สร้างความสว่างทั้งหลายในท้องฟ้า พระองค์ไม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเงาที่เคลื่อนไปได้ 18 พระองค์มีความประสงค์ จึงได้ให้เราบังเกิดโดยคำกล่าวที่เป็นความจริง เพื่อว่าเราจะได้เป็นเสมือนผลแรก[a]ของสิ่งทั้งปวงที่พระองค์สร้างขึ้น
19 พี่น้องที่รักของข้าพเจ้าเอ๋ย จงทราบข้อนี้ว่า ทุกคนควรว่องไวในการฟัง ไม่ต้องรีบพูดหรือรีบโกรธ 20 ด้วยว่า ความโกรธของมนุษย์ไม่ช่วยให้เขามีชีวิตที่ชอบธรรมตามที่พระเจ้าประสงค์ 21 ดังนั้นจงกำจัดความโสมมทั้งปวงและความชั่วที่มีอยู่มากมาย และจงถ่อมตัวรับคำกล่าวที่ปลูกฝังอยู่ในตัวท่าน ซึ่งสามารถช่วยให้ท่านรอดพ้นได้
22 อย่าเป็นเพียงผู้ฟังคำกล่าวเท่านั้น เพราะเป็นการหลอกลวงตนเอง แต่จงทำตามคำที่กล่าวไว้ 23 ใครก็ตามที่เพียงแต่ได้ยินคำกล่าวแล้วไม่ทำตาม ก็เป็นเสมือนคนที่มองหน้าตนเองในกระจกเงา 24 และหลังจากมองดูตนเองแล้วก็เดินจากไป และลืมในทันทีว่าตัวเองเป็นอย่างไร 25 แต่คนที่พิจารณาดูกฎบัญญัติอันเพียบพร้อมทุกประการซึ่งนำไปสู่อิสรภาพ และบากบั่นต่อไป เขาไม่เป็นคนที่ฟังแล้วหลงลืม แต่เป็นผู้ปฏิบัติตาม แล้วเขาก็จะได้รับพระพรในสิ่งที่เขากระทำ
26 ถ้าผู้ใดคิดว่าตนเคร่งในศาสนา แต่ควบคุมลิ้นไว้ไม่ได้ ก็นับว่าหลอกตนเอง ศาสนาของเขาก็ไร้ค่า 27 ศาสนาที่พระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของเรานับว่าบริสุทธิ์และปราศจากมลทิน คือการดูแลพวกเด็กกำพร้าและหญิงม่ายซึ่งตกทุกข์ และการรักษาตัวเองให้พ้นจากราคีของโลก
ระวังอย่าลำเอียง
2 พี่น้องของข้าพเจ้าเอ๋ย เพราะท่านเป็นผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้กอปรด้วยพระสง่าราศี ท่านก็อย่าเป็นคนลำเอียง 2 ถ้ามีชายคนหนึ่งเข้ามาในที่ประชุมของท่าน แต่งกายดีและสวมแหวนทอง และมีคนจนสวมเสื้อสกปรกเข้ามาด้วย 3 และท่านเอาใจใส่คนที่สวมเสื้อผ้าดีโดยพูดว่า “เชิญท่านนั่งที่ดีๆ ที่นี่เถิด” และท่านพูดกับคนจนว่า “แกไปยืนที่โน่น ไม่ก็นั่งลงแทบเท้าของเรา” 4 พวกท่านไม่ได้แบ่งชั้นวรรณะในหมู่ท่านเอง และกลายเป็นผู้ตัดสินความด้วยใจชั่วหรือ 5 พี่น้องที่รักของข้าพเจ้าเอ๋ย จงฟังเถิด พระเจ้าไม่ได้เลือกคนจนของโลกให้เป็นคนมั่งมีในความเชื่อ และเป็นผู้รับมรดกของอาณาจักร ซึ่งพระองค์สัญญาไว้กับบรรดาคนที่รักพระองค์หรือ 6 แต่ท่านได้หลู่เกียรติคนจน ไม่ใช่คนมั่งมีหรอกหรือ ที่กดหัวท่าน และลากตัวท่านไปขึ้นศาล 7 ไม่ใช่พวกเขาหรอกหรือ ที่พูดหมิ่นประมาทชื่ออันประเสริฐ ซึ่งเป็นชื่อที่ผู้คนใช้เรียกท่าน
8 ถ้าท่านปฏิบัติตามกฎบัญญัติแห่งอาณาจักรโดยแท้จริงตามที่พระคัมภีร์ระบุว่า “จงรักเพื่อนบ้านของเจ้าให้เหมือนรักตนเอง”[b]แล้ว ท่านก็ประพฤติดีอยู่ 9 แต่ถ้าพวกท่านลำเอียง ท่านก็ทำบาป และถูกตัดสินโดยกฎบัญญัติว่าท่านละเมิดกฎ 10 เพราะใครก็ตามที่รักษากฎบัญญัติทั้งหมดแต่พลั้งผิดเพียงข้อเดียว ก็นับว่าเขาผิดต่อกฎบัญญัติทั้งหมด 11 เพราะองค์ที่กล่าวว่า “อย่าผิดประเวณี”[c] ก็กล่าวด้วยว่า “อย่าฆ่าคน”[d] ถ้าท่านไม่ผิดประเวณีแต่ฆ่าคน ท่านก็กลายเป็นคนละเมิดกฎแล้ว 12 จงพูดและประพฤติให้เหมือนกับคนที่จะถูกตัดสินโดยกฎบัญญัติที่นำไปสู่อิสรภาพ 13 เพราะว่าพระเจ้าจะไม่เมตตาในการพิพากษาคนที่ไม่มีความเมตตา ความเมตตาย่อมมีชัยชนะเหนือการพิพากษา
ความเชื่อที่ปราศจากการกระทำ
14 พี่น้องทั้งหลาย จะมีประโยชน์อะไรถ้ามีคนพูดว่า เขามีความเชื่อ แต่ไม่มีการกระทำแสดงให้เห็น ความเชื่อนั้นช่วยให้เขารอดพ้นได้หรือ 15 ถ้าพี่น้องคนใดไม่มีเสื้อผ้านุ่งห่มและอาหารประจำวัน 16 คนหนึ่งในพวกท่านพูดกับเขาว่า “ขอให้ทุกสิ่งเป็นไปด้วยดีกับท่าน จงระวังอย่าปล่อยให้หนาวและหิวเลย” โดยที่ท่านก็ยังไม่ให้สิ่งจำเป็นสำหรับร่างกายของเขา แล้วจะมีประโยชน์อะไร 17 ฉะนั้น ความเชื่อก็เช่นเดียวกัน ถ้าปราศจากการกระทำควบคู่กันไปก็ไร้ชีวิต
18 แต่บางคนจะพูดว่า “ท่านมีความเชื่อ ข้าพเจ้ามีการกระทำ” จงแสดงความเชื่อของท่านที่ปราศจากการกระทำให้ข้าพเจ้าเห็น แล้วข้าพเจ้าจะแสดงความเชื่อของข้าพเจ้าให้ท่านเห็น โดยสิ่งที่ข้าพเจ้ากระทำ 19 ท่านเชื่อว่ามีพระเจ้าองค์เดียว ดีแล้ว แม้แต่พวกมารก็เชื่อเช่นนั้น และกลัวจนตัวสั่น 20 คนโง่เขลาเอ๋ย ท่านอยากจะเห็นข้อพิสูจน์ไหมว่า ความเชื่อที่ปราศจากการกระทำนั้นไร้ประโยชน์ 21 พระเจ้านับว่าอับราฮัมบิดาของเรามีความชอบธรรมโดยการกระทำมิใช่หรือ เมื่อท่านถวายอิสอัคผู้เป็นบุตรบนแท่นบูชา 22 ท่านทั้งหลายจะเห็นได้ว่า ความเชื่อของอับราฮัมควบคู่ไปกับการกระทำของท่าน และความเชื่อนั้นบริบูรณ์ได้โดยการกระทำ 23 และเป็นไปตามที่พระคัมภีร์ระบุว่า “อับราฮัมเชื่อพระเจ้า และพระองค์จึงนับว่าท่านเป็นผู้มีความชอบธรรม”[e] และพระเจ้าได้เรียกท่านว่า เป็นสหายของพระองค์ 24 ท่านทั้งหลายเห็นว่าคนพ้นผิดได้โดยการกระทำของเขา มิใช่ใช้เพียงความเชื่อเท่านั้น 25 ในวิธีเดียวกันคือแม้ราหับหญิงแพศยา พระเจ้าก็นับว่านางเป็นผู้มีความชอบธรรมโดยการกระทำด้วยมิใช่หรือ เมื่อนางต้อนรับบรรดาผู้สอดแนมแล้ว นางช่วยให้เขาหนีออกไปทางอื่นเสีย 26 ร่างกายที่ปราศจากวิญญาณไร้ชีวิตเช่นไร ความเชื่อที่ปราศจากการกระทำก็ไร้ชีวิตเช่นนั้น
ทำลิ้นให้เชื่อง
3 พี่น้องของข้าพเจ้าเอ๋ย อย่าเป็นครูอาจารย์กันหลายคนเลย เพราะท่านทราบว่า พวกเราผู้สอนจะถูกพิพากษาอย่างเข้มงวดมากกว่า 2 เพราะเราทุกคนผิดพลาดหลายอย่าง ถ้าผู้ใดไม่ทำผิดพลาดไปจากสิ่งที่ตนพูด เขาก็เป็นคนดีโดยเพียบพร้อมทุกประการ สามารถควบคุมตนเองได้หมด 3 ถ้าเราเอาบังเหียนใส่ปากม้า เพื่อให้มันเชื่อฟังเรา เราก็ควบคุมม้าทั้งตัวได้ด้วย 4 ดูเถิด เรือก็เช่นกัน แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่และถูกลมแรงพัด ก็ยังถูกควบคุมด้วยหางเสือเล็กๆ ที่นายท้ายใช้บังคับทิศทาง 5 ลิ้นก็เช่นเดียวกัน เป็นส่วนเล็กของร่างกาย แต่ยังโอ้อวดเรื่องที่ยิ่งใหญ่
ดูเถิดว่า ป่าใหญ่ถูกไฟไหม้ได้ด้วยเปลวไฟเล็กๆ 6 ลิ้นก็เป็นเหมือนไฟ ลิ้นเป็นเสมือนโลกที่ไม่มีความชอบธรรม ซึ่งอยู่ร่วมกับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ลิ้นทำให้ทั้งร่างกายเป็นมลทิน ทำให้ตลอดทั้งชีวิตถูกไฟลุกไหม้ และลิ้นติดไฟจากนรกได้
7 สัตว์ทุกชนิด นก สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ในทะเลถูกทำให้เชื่องได้ และมนุษย์เป็นคนทำให้เชื่อง 8 แต่ไม่มีผู้ใดสามารถทำให้ลิ้นเชื่องได้ ลิ้นเป็นสิ่งชั่วที่อยู่ไม่สุขและเต็มด้วยพิษร้ายถึงตาย 9 เราสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าและพระบิดาของเราด้วยลิ้น และด้วยลิ้น เราก็สาปแช่งคนซึ่งถูกสร้างขึ้นตามคุณลักษณะของพระเจ้า 10 ทั้งคำสรรเสริญและคำสาปแช่งออกมาจากปากเดียวกัน พี่น้องของข้าพเจ้าเอ๋ย ไม่ควรให้เป็นเช่นนั้นเลย 11 บ่อน้ำพุมีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มพุ่งออกมาทางช่องเดียวกันได้หรือ 12 พี่น้องของข้าพเจ้าเอ๋ย ต้นมะเดื่อจะออกผลเป็นมะกอก หรือเถาองุ่นออกผลเป็นมะเดื่อได้ไหม บ่อน้ำพุเค็มก็ไม่สามารถให้น้ำจืดได้เช่นกัน
สติปัญญาจากเบื้องบน
13 ใครในพวกท่านบ้างที่มีสติปัญญาและเฉลียวฉลาด จงให้ผู้นั้นแสดงความประพฤติที่ดีงาม คือการกระทำซึ่งแสดงออกถึงการถ่อมตัวอันเนื่องมาจากสติปัญญา 14 แต่หากใจของท่านเต็มด้วยความอิจฉาและความทะเยอทะยานที่เห็นแก่ตัว ก็อย่าโอ้อวดตัว และคิดผิดจากความเป็นจริงเลย 15 สติปัญญาเช่นนี้ไม่ได้ลงมาจากเบื้องบน แต่เป็นปัญญาอย่างโลกซึ่งไม่ใช่ฝ่ายวิญญาณ คือเป็นอย่างมาร 16 ที่ใดมีความอิจฉาและความทะเยอทะยานที่เห็นแก่ตัว ที่นั่นมีความไม่เป็นระเบียบและมีความชั่วทุกชนิด 17 แต่สติปัญญาที่มาจากเบื้องบนบริสุทธิ์เป็นประการแรก แล้วจึงเป็นความสงบสุข อ่อนโยน ยอมเชื่อฟัง เปี่ยมด้วยความเมตตาและการกระทำที่ดี ไม่อ่อนไหวง่าย ไม่หน้าไหว้หลังหลอก 18 ผู้ที่สร้างสันติก็หว่านเมล็ดที่มีสันติ และจะเก็บเกี่ยวผลคือความชอบธรรม
เชื่อฟังพระเจ้า
4 อะไรเป็นเหตุให้พวกท่านสู้รบและทะเลาะวิวาทกัน เหตุนั้นไม่ได้มาจากความต้องการอันเร่าร้อนในตัวท่านหรือ 2 ท่านอยากได้เหลือเกิน แต่ก็ไม่ได้ ท่านจึงฆ่า ท่านโลภอยากได้ แต่ก็ไม่ได้มาเป็นของตน ท่านจึงทะเลาะวิวาทและสู้รบกัน ท่านไม่มี เพราะท่านไม่ได้อธิษฐานขอ 3 ท่านขอ และไม่ได้รับ เพราะท่านขอด้วยแรงจูงใจที่ผิด ท่านหวังจะได้ใช้เพื่อความสำราญของตน 4 พวกท่านที่ไม่ภักดี ท่านไม่รู้หรือว่าการเป็นมิตรกับโลกเป็นศัตรูกับพระเจ้า ฉะนั้นผู้ใดก็ตามที่ปรารถนาจะเป็นเพื่อนกับโลก ก็ทำตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า 5 ท่านคิดว่าพระคัมภีร์ระบุอย่างไม่มีเหตุผลหรือ ที่ว่า “พระเจ้าหวงแหนวิญญาณที่พระองค์มอบให้อยู่ในตัวเรามาก” 6 แต่พระองค์มอบพระคุณให้เรามากยิ่งขึ้น พระคัมภีร์จึงระบุว่า “พระเจ้าต่อต้านผู้หยิ่งยโส แต่แสดงพระคุณแก่คนที่ถ่อมตน”[f] 7 ฉะนั้นจงเชื่อฟังพระเจ้า และต่อต้านพญามาร แล้วมันจะหนีจากท่านไป 8 จงโน้มใจเข้าหาพระเจ้า และพระองค์ก็จะโน้มใจเข้าหาท่าน ท่านที่เป็นคนบาป จงชำระมือของท่านเถิด และท่านที่เป็นคนสองใจก็จงทำใจให้บริสุทธิ์เถิด 9 จงเป็นทุกข์ คร่ำครวญ และร้องไห้ ให้การหัวเราะกลับกลายเป็นการร้องคร่ำครวญ และความยินดีของท่านกลายเป็นความโศกสลด 10 จงถ่อมตัว ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะยกย่องท่าน
11 พี่น้องเอ๋ย อย่าพูดว่าร้ายต่อกันเลย คนที่พูดว่าร้ายหรือตำหนิพี่น้องของตน ผู้นั้นก็คัดค้านกฎบัญญัติและตำหนิกฎบัญญัติ แต่ถ้าท่านกล่าวโทษกฎบัญญัติ ท่านก็ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติตามกฎบัญญัติ แต่กลับเป็นผู้กล่าวโทษ 12 มีผู้ตั้งกฎและผู้กล่าวโทษอยู่เพียงผู้เดียว คือผู้ที่สามารถช่วยให้รอดพ้นและทำลายได้ แต่ท่านเป็นใครที่กล่าวโทษเพื่อนบ้านของท่าน
โอ้อวดถึงอนาคต
13 จงฟังให้ดี ท่านที่พูดว่า “วันนี้ หรือพรุ่งนี้ เราจะไปยังเมืองนั้นเมืองนี้ เพื่อจะไปอยู่ที่นั่น 1 ปีทำธุรกิจและหากำไร” 14 แต่ท่านยังไม่ทราบว่าชีวิตของท่านจะเป็นอย่างไรในวันพรุ่งนี้ ท่านเป็นเหมือนไอน้ำที่ปรากฏขึ้นเพียงชั่วขณะหนึ่งแล้วจางหายไป 15 ท่านควรจะพูดเช่นนี้ต่างหาก “ถ้าเป็นความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า เราจะมีชีวิตอยู่อีกเพื่อทำสิ่งนี้สิ่งนั้น” 16 แต่เท่าที่เป็นอยู่ ท่านโอ้อวดตามความยโส การโอ้อวดทุกอย่างเช่นนี้เป็นสิ่งชั่วร้าย 17 ฉะนั้นผู้ที่ทราบว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควรกระทำแต่ไม่กระทำ ก็นับว่าเป็นผู้ทำบาป
เตือนผู้มั่งมี
5 ท่านผู้มั่งมี จงฟังให้ดี ท่านร้องไห้และคร่ำครวญเถิด เพราะความทุกข์ต่างๆ กำลังจะเกิดกับท่าน 2 ความมั่งมีของท่านสูญเสียไปแล้ว และเครื่องนุ่งห่มก็ถูกแมลงกัดกิน 3 ทองคำและเงินของท่านก็ขึ้นสนิม และสนิมนั้นจะเป็นพยานต่อต้านท่าน และจะเผาผลาญเลือดเนื้อของท่านดุจเปลวเพลิง ท่านเก็บสะสมทรัพย์สมบัติไว้ในช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้าย 4 ดูเถิด ค่าจ้างที่ท่านไม่ได้จ่ายคนงานซึ่งเก็บเกี่ยวนาของท่านกำลังร้องต่อต้านท่าน เสียงร้องของบรรดาผู้เก็บเกี่ยวได้ทราบถึงหูของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา 5 ท่านได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกอย่างฟุ่มเฟือย และหาความสำราญใส่ตัว ท่านบำเรอจิตใจจนอ้วนพีไว้เพื่อวันประหาร 6 ท่านได้กล่าวโทษและฆ่าคนที่มีความชอบธรรม เขาก็ไม่ต่อต้านท่าน
การทนทุกข์และความอดทน
7 ฉะนั้น พี่น้องเอ๋ย จงอดทนจนถึงวันที่พระผู้เป็นเจ้าจะมา ดูสิว่า ชาวนาชาวสวนรอคอยผลอันล้ำค่าจากที่นา และมีความอดทนรอคอยฝนตอนต้นและปลายฤดู 8 ท่านก็ควรอดทนเช่นกัน จงทำใจให้ดีไว้ เพราะใกล้วันที่พระผู้เป็นเจ้าจะมาแล้ว 9 พี่น้องเอ๋ย อย่าบ่นต่อว่ากันเลย ท่านเองจะได้ไม่ถูกกล่าวโทษ ดูเถิด ผู้พิพากษากำลังยืนอยู่ที่ประตู 10 พี่น้องเอ๋ย จงเอาแบบอย่างในการทนทุกข์และความอดทนของผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าที่พูดในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า 11 ดูเถิด เรานับว่าบรรดาผู้ที่มีความบากบั่นเป็นผู้มีความสุข ท่านได้ยินเรื่องความบากบั่นของโยบ และได้เห็นความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าในที่สุดแล้วว่า พระผู้เป็นเจ้ามีความเมตตาและความเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง
12 พี่น้องของข้าพเจ้าเอ๋ย ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดแล้วท่านอย่าสบถสาบาน ไม่ว่าต่อสวรรค์ หรือต่อโลก หรือต่อคำมั่นสัญญาอื่นใดเลย แต่จงเป็นเพียง ใช่ก็ว่าใช่ และไม่ก็ว่าไม่ เพื่อท่านจะได้ไม่ถูกกล่าวโทษ
อธิษฐานด้วยความเชื่อ
13 มีพวกท่านคนใดไหมที่กำลังทนทุกข์ทรมานอยู่ ให้เขาอธิษฐานเถิด มีใครร่าเริงไหม ให้เขาร้องเพลงสรรเสริญเถิด 14 มีพวกท่านคนใดไหมที่เจ็บป่วย ให้เขาขอให้บรรดาผู้ปกครองของคริสตจักรมาอธิษฐานเพื่อเขา เจิมเขาด้วยน้ำมันในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า 15 การอธิษฐานด้วยความเชื่อจะทำให้คนป่วยหายได้ พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้เขามีสุขภาพดีอีก และถ้าเขาได้กระทำบาป เขาก็จะได้รับการยกโทษ 16 ฉะนั้นจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และอธิษฐานเพื่อกันและกัน เพื่อว่าท่านจะได้รับการรักษาให้หาย คำอธิษฐานของคนมีความชอบธรรมมีอานุภาพและเกิดผลมาก 17 เอลียาห์เป็นมนุษย์เหมือนกับเรา ท่านได้อธิษฐานอย่างแรงกล้าเพื่อไม่ให้ฝนตก และฝนก็ไม่ตกบนแผ่นดินถึงสามปีครึ่ง 18 ท่านอธิษฐานอีก และฟ้าสวรรค์ก็ให้ฝนตกลงมา และแผ่นดินโลกได้ผลิตพืชผลต่างๆ
19 พี่น้องของข้าพเจ้าเอ๋ย ถ้ามีคนใดในพวกท่านหลงผิดไปจากความจริง และมีคนพาเขากลับคืนมา 20 จงทราบด้วยว่า คนที่พาคนบาปกลับจากทางที่ผิด จะช่วยให้จิตวิญญาณของเขาพ้นจากความตาย และบาปมากมายจะได้รับการให้อภัย
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation