Beginning
ร่างกายอันเป็นนิรันดร์
5 เพราะเราทราบว่า หากกระโจมซึ่งเป็นร่างดินของเราถูกทำลายไป เราก็จะได้เรือนจากพระเจ้าซึ่งเป็นบ้านอันเป็นนิรันดร์ในสวรรค์ ที่ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ 2 เพราะว่าในร่างดินนี้ เรายังครวญคร่ำ ปรารถนาจะสวมเรือนแห่งสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง 3 เพื่อว่าเมื่อสวมใส่แล้วจะได้ไม่มีผู้ใดพบว่าเราเปลือยกาย 4 ขณะที่เรายังอยู่ในกระโจมนี้ เราคร่ำครวญเป็นทุกข์ ไม่ใช่เพราะเราต้องการเปลื้องกาย แต่ต้องการสวมกายอันเป็นนิรันดร์ เพื่อว่าชีวิตจะมีชัยชนะเหนือกายซึ่งตายได้ 5 พระเจ้าเป็นผู้เตรียมเราเพื่อการนี้ พระองค์ได้ให้พระวิญญาณแก่เราเป็นหลักประกัน
6 ฉะนั้น เราจึงรู้สึกมั่นใจเสมอ และทราบว่าตราบที่เราอาศัยในร่างกาย เราอยู่ห่างจากพระผู้เป็นเจ้า 7 เพราะเราทั้งหลายดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อ มิใช่ว่าต้องเห็นด้วยตา 8 พวกเรามั่นใจและคิดว่า อยากจะอยู่ห่างจากร่างกายเพื่อไปอยู่กับพระผู้เป็นเจ้ามากกว่า 9 ฉะนั้นเราจะอยู่ที่นี่ในชีวิตนี้หรือไม่ก็ตาม เราก็ตั้งเป้าหมายเพื่อทำตนให้เป็นที่พอใจของพระองค์ 10 เพราะเราทุกคนจะต้องปรากฏตัวต่อหน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ เพื่อแต่ละคนจะได้รับตอบแทนตามความประพฤติเมื่อครั้งที่มีชีวิตอยู่ในร่างกาย ไม่ว่าดีหรือชั่ว
คืนดีกับพระเจ้าได้โดยทางพระคริสต์
11 ฉะนั้น เมื่อเรารู้จักเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า เราจึงพยายามชักชวนคนให้เชื่อ เราเป็นอย่างไรก็เป็นที่ปรากฏชัดแก่พระเจ้า และข้าพเจ้าหวังว่าพวกเราเป็นที่ปรากฏชัดในมโนธรรมของท่านด้วย 12 มิใช่ว่าเราจะโอ้อวดตัวเองกับท่านอีก แต่ให้ท่านมีโอกาสได้มีความภูมิใจในตัวเรา เพื่อท่านจะได้สามารถตอบบรรดาผู้ที่โอ้อวดถึงสิ่งที่เห็นเพียงภายนอก แต่ไม่โอ้อวดสิ่งที่อยู่ในจิตใจ 13 ถ้าเราเสียสติ ก็จะเป็นไปเพื่อพระเจ้า แต่ความจริงเรามีสติดี เพื่อผลประโยชน์ของท่าน 14 ด้วยว่าความรักของพระคริสต์ครอบครองเรา เพราะเราสรุปความว่าผู้หนึ่งได้สิ้นชีวิตเพื่อทุกคน ดังนั้นชีวิตเก่าของทุกคนจึงสิ้นไป 15 พระองค์สิ้นชีวิตเพื่อทุกคน ฉะนั้นบรรดาผู้ที่มีชีวิตอยู่ จึงไม่ควรอยู่เพื่อตนเองอีกต่อไป แต่อยู่เพื่อพระองค์ผู้สิ้นชีวิตและได้ฟื้นคืนชีวิตเพื่อพวกเขา
16 ฉะนั้น จากนี้ไปเราจะไม่มีความเห็นเรื่องผู้ใดตามวิสัยโลก แม้ว่าเราเคยมีความเห็นเรื่องพระคริสต์ตามวิสัยโลก แต่บัดนี้เราไม่มีความเห็นเรื่องพระองค์แบบนั้นอีกแล้ว 17 ฉะนั้น ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนใหม่ สภาพเก่าล่วงไป มีสภาพใหม่เข้ามาแทน 18 สิ่งเหล่านี้มาจากพระเจ้า พระองค์ให้เราคืนดีกับพระองค์ได้โดยผ่านพระคริสต์ และโปรดให้เราได้มีงานรับใช้เพื่อนำคนทั้งหลายมาคืนดีกับพระองค์ด้วย 19 คือพระเจ้าให้โลกคืนดีกับพระองค์โดยผ่านพระคริสต์ พระองค์ไม่ถือโทษในการผิดบาปของมนุษย์ และได้มอบคำกล่าวเรื่องการคืนดีกับพระองค์ไว้กับเรา 20 ฉะนั้น พวกเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์ เหมือนกับว่าพระเจ้าขอร้องผ่านพวกเรา เราจึงขอพวกท่านในนามของพระคริสต์ว่า จงคืนดีกับพระเจ้าเถิด 21 พระเจ้าได้ให้พระองค์ผู้ไม่เคยกระทำบาปมาเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปของเรา เพื่อเราจะได้เป็นผู้มีความชอบธรรมของพระเจ้าในพระคริสต์
6 ในฐานะที่พวกเราเป็นผู้ร่วมงานของพระเจ้า เราขอร้องท่านด้วยว่า อย่ารับพระคุณของพระเจ้าโดยไร้ประโยชน์ 2 เพราะพระองค์กล่าวว่า
“เมื่อถึงเวลาที่เราจะโปรดปราน
เราก็ฟังเสียงของเจ้า
และเมื่อถึงวันช่วยให้รอดพ้น
เราก็ช่วยเจ้า”[a]
เราขอบอกท่านว่า ขณะนี้ถึงเวลาที่จะโปรดปราน ดูเถิด ขณะนี้เป็นวันช่วยให้รอดพ้น
3 เราไม่วางเครื่องกีดขวางเพื่อขวางทางของผู้ใด เพื่อว่างานรับใช้ของเราจะได้ไม่ถูกตำหนิ 4 ในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้า เราชี้ให้เห็นว่าเราเป็นอย่างไรในทุกๆ ด้าน ด้วยความเพียรอดทนอย่างยิ่ง ในการทนทุกข์ทรมาน ในความยากลำบาก และความเจ็บปวดรวดร้าว 5 ในการถูกโบย ในการถูกจำจอง ท่ามกลางการจลาจล ในการทำงานหนัก อดหลับอดนอน และหิวโหย 6 ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ความรู้ ความอดทน ความกรุณา ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และความรักจริงใจ 7 ด้วยการประกาศความจริง ด้วยอานุภาพของพระเจ้า โดยใช้อาวุธแห่งความชอบธรรมทั้งมือขวาและมือซ้าย 8 ทั้งเวลาที่มีเกียรติและไร้เกียรติ ทั้งเวลาที่ชื่อเสียงดีและเสื่อมเสีย แม้จะจริงใจแต่ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้หลอกลวง 9 ทั้งในยามที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ก็ยังเป็นที่รู้จักดี เป็นเหมือนคนที่สิ้นใจไปแล้ว แต่ดูเถอะเรายังมีชีวิตอยู่ ทั้งถูกลงโทษ แต่ก็ยังไม่ตาย 10 ทั้งโศกเศร้าแต่ยังชื่นชมยินดีเสมอ ทั้งยากไร้แต่ก็ทำให้หลายคนได้มั่งคั่ง ทั้งที่ตัวเปล่าแต่ก็ยังเป็นเจ้าของสารพัดสิ่ง
11 เราได้เปิดใจพูดกับท่าน โอ ชาวโครินธ์เอ๋ย ใจเราเปิดกว้างรับท่าน 12 เราไม่ได้ปิดใจต่อท่าน แต่ท่านต่างหากที่ปิดใจต่อเรา 13 ข้าพเจ้าจึงพูดในฐานะที่ท่านเป็นลูกของข้าพเจ้าว่า จงเปิดใจให้กว้างเถิด
อย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า
14 อย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า ความชอบธรรมจะร่วมกับความชั่วร้ายได้อย่างไร หรือความสว่างกับความมืดจะมีสามัคคีธรรมต่อกันได้อย่างไร 15 พระคริสต์กับเบลีอัล[b]จะสอดคล้องกันได้อย่างไร หรือผู้ที่เชื่อในพระเจ้าจะมีส่วนร่วมกับผู้ที่ไม่เชื่อได้อย่างไร 16 หรือวิหารของพระเจ้ากับรูปเคารพจะลงรอยกันได้อย่างไร เพราะเราเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ดำรงอยู่ ตามที่พระเจ้ากล่าวว่า
“เราจะอยู่กับเขา
และเดินเคียงข้างไปกับพวกเขา
เราจะเป็นพระเจ้าของเขา
และพวกเขาจะเป็นชนชาติของเรา”[c]
17 “พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า
ฉะนั้น จงออกมาจากพวกเขา
และจงแยกตัวออกจากเขา
อย่าจับต้องสิ่งที่เป็นมลทิน
แล้วเราจะรับเจ้าไว้”[d]
18 “เราจะเป็นบิดาของเจ้า
และเจ้าจะเป็นบุตรและธิดาของเรา
พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวไว้ดังนั้น”[e]
7 ท่านที่รักทั้งหลาย ในเมื่อเราได้รับพระสัญญาเช่นนี้แล้ว เรามาชำระตัวให้พ้นจากสิ่งที่เป็นมลทินทั้งฝ่ายกายและวิญญาณเถิด และทำตนให้บริสุทธิ์เพียบพร้อมด้วยความเกรงกลัวพระเจ้า
เปาโลยินดี
2 จงเปิดใจรับเราเถิด เราไม่ได้กระทำผิดต่อผู้ใด หรือทำให้ใครเสียคนไป หรือเอาเปรียบผู้ใดเลย 3 ข้าพเจ้าไม่ได้พูดเช่นนี้เพื่อกล่าวโทษพวกท่าน เพราะตามที่ข้าพเจ้าเคยพูดไว้แล้วว่า เรารักท่านมาก แม้จะเป็นหรือตายด้วยกันกับท่านก็ตาม 4 ข้าพเจ้ามั่นใจและภูมิใจในตัวท่านมาก ข้าพเจ้ามีกำลังใจ แม้ว่าเราเผชิญความลำบากทุกอย่าง ข้าพเจ้าก็มีความยินดีเป็นล้นพ้น
5 เมื่อเรามายังแคว้นมาซิโดเนีย ร่างกายของเราไม่ได้พักผ่อน เราประสบความลำบากตลอดเวลา มีการวิวาทรอบข้างเรา และมีความกลัวอยู่ในใจ 6 แต่พระเจ้าผู้ปลอบโยนพวกที่ท้อถอยได้ปลอบโยนพวกเราโดยให้ทิตัสมาหาเรา 7 ไม่เพียงการมาของเขาเท่านั้น แต่การปลอบโยนที่พวกท่านได้ให้แก่เขา ทิตัสบอกพวกเราว่าท่านคิดถึงข้าพเจ้า ท่านเศร้าโศก และห่วงใยข้าพเจ้าซึ่งทำให้ข้าพเจ้ายินดีมากยิ่งขึ้น 8 ถ้าแม้ว่าจดหมายฉบับก่อนของข้าพเจ้าทำให้ท่านเศร้าใจ ข้าพเจ้าก็ไม่เสียใจ แม้จะเสียใจบ้างก่อนหน้านี้ก็ตาม เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าจดหมายนั้นทำให้ท่านเศร้าใจเพียงชั่วครู่เท่านั้น 9 มิใช่ว่าท่านเศร้าใจจึงทำให้ข้าพเจ้ายินดีในเวลานี้ แต่เป็นเพราะท่านเศร้าใจจนถึงกับกลับใจ ท่านเศร้าใจตามความประสงค์ของพระเจ้า ฉะนั้นท่านไม่ได้เสียหายเพราะเราแต่อย่างใด
10 ด้วยเหตุว่าความเศร้าใจที่เป็นไปตามความประสงค์ของพระเจ้านั้น ทำให้เกิดการกลับใจซึ่งนำไปสู่ความรอดพ้น ซึ่งจะทำให้ไม่มีใครเสียใจในเรื่องนี้ แต่ความเศร้าใจอันเนื่องมาจากวิสัยโลกนำไปสู่ความตาย 11 ดูเถิดว่าความเศร้าใจที่เป็นไปตามความประสงค์ของพระเจ้าทำให้เกิดอะไรในตัวท่าน ทั้งความเอาจริงเอาจัง ความกระตือรือร้นเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ทั้งความโกรธ ความกลัว ความคิดถึง ความห่วงใย ความพร้อมที่จะเห็นการตัดสินอย่างยุติธรรม ท่านเองได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ท่านไม่มีความผิดในเรื่องเหล่านี้ 12 แม้ข้าพเจ้าเขียนจดหมายฉบับนั้นถึงท่าน ก็มิใช่เพื่อคนที่กระทำผิด หรือเพื่อคนที่ได้รับทุกข์จากการกระทำนั้น แต่เพื่อท่านจะได้เห็นเองว่าท่านจริงใจกับเราเพียงไรในสายตาของพระเจ้า 13 ฉะนั้น เราจึงมีกำลังใจ
นอกจากเราจะมีกำลังใจแล้ว เรายังยินดีมากที่เห็นว่าทิตัสมีความสุขเพียงไร เพราะท่านทั้งหลายทำให้จิตวิญญาณของเขาชุ่มชื่น 14 ข้าพเจ้าได้โอ้อวดเรื่องท่านแก่ทิตัสแล้ว และท่านก็ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าขายหน้า แต่ทุกสิ่งที่เราบอกท่านแล้วนั้นเป็นความจริง สิ่งที่เราอวดไว้กับทิตัสก็เป็นจริงเช่นกัน 15 ทิตัสจำได้ว่าพวกท่านมีความเกรงกลัวและหวาดหวั่นในการต้อนรับเขา และพวกท่านทุกคนพร้อมที่จะเชื่อฟังเป็นอย่างดี ดังนั้นความรักของทิตัสที่มีต่อท่านก็เพิ่มพูนยิ่งขึ้น 16 ข้าพเจ้ายินดีเพราะมีความมั่นใจในตัวท่านอย่างบริบูรณ์
ให้ด้วยความเอื้อเฟื้อ
8 พี่น้องทั้งหลาย บัดนี้พวกเราอยากจะให้ท่านทราบถึงพระคุณของพระเจ้า ซึ่งมีต่อบรรดาคริสตจักรในแคว้นมาซิโดเนีย 2 แม้ว่าพวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานมาก แต่ก็ยังมีความยินดียิ่ง และจากความยากไร้อย่างสุดแสนของเขากลับเบ่งบานออกมาเป็นความเอื้อเฟื้ออย่างมหาศาล 3 ข้าพเจ้ายืนยันได้ว่า พวกเขาได้ให้ตามความสามารถ และตั้งใจเผื่อแผ่ให้เกินตัวเสียอีก 4 เขาขอร้องเราครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ให้พวกเขามีส่วนร่วมช่วยเหลือบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า 5 พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติอย่างที่เราได้คาดไว้ แต่พวกเขากลับอุทิศตนต่อพระผู้เป็นเจ้าก่อน แล้วจึงอุทิศตนให้เราตามความประสงค์ของพระเจ้า 6 เราขอให้ทิตัสไปปฏิบัติงานอันพรั่งพร้อมด้วยพระคุณในหมู่ท่านให้เสร็จบริบูรณ์ เพราะเขาเป็นคนเริ่มไว้ก่อนแล้ว 7 แต่ตามที่ท่านเพียบพร้อมด้วยทุกสิ่ง ทั้งความเชื่อ วาจา และความรู้ ความเอาจริงเอาจัง และความรักของท่านที่มีต่อเรา จงดูด้วยว่าท่านพรั่งพร้อมด้วยพระคุณในการให้เช่นกัน
8 ข้าพเจ้าไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เป็นการออกคำสั่ง แต่ข้าพเจ้าต้องการจะพิสูจน์ความรักแท้ของท่านเมื่อเทียบกับความเอาจริงเอาจังของผู้อื่น 9 เพราะพวกท่านทราบถึงพระคุณของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราว่า แม้พระองค์จะมั่งคั่ง แต่เพราะเห็นแก่ท่าน พระองค์จึงมาเป็นผู้ยากไร้ เพื่อท่านจะได้มั่งคั่งเพราะความยากไร้ของพระองค์ 10 ข้าพเจ้าให้ความเห็นเรื่องนี้ เพื่อผลประโยชน์ของท่าน ปีที่แล้วท่านไม่เป็นเพียงพวกแรกที่เริ่มกระทำการนี้เท่านั้น แต่ยังปรารถนาที่จะทำด้วย 11 และเวลานี้ท่านจงกระทำให้เสร็จเถิด เพื่อว่าความตั้งใจที่พร้อมอยู่แล้วนั้นจะได้คู่ไปกับการกระทำให้เสร็จบริบูรณ์ ตามความสามารถของท่าน 12 เพราะถ้ามีความตั้งใจพร้อมที่จะให้ พระเจ้าก็รับเท่าที่เขามี มิใช่สิ่งที่เขาไม่มี
ทิตัสและผู้ร่วมงาน
13 เราไม่ได้หมายความว่าให้ผู้อื่นเบาใจ และให้ท่านหนักใจ แต่ควรจะมีความเสมอภาคกัน 14 ในเวลานี้ ท่านมีอย่างบริบูรณ์ซึ่งจะช่วยเหลือเขาตามความจำเป็นได้ เพื่อว่าเวลาเขามีอย่างบริบูรณ์ เขาจะได้ช่วยท่านตามความจำเป็นเช่นกัน จะได้มีความเสมอภาคกัน 15 ตามที่มีบันทึกไว้ว่า “คนที่เก็บสะสมมากไม่ได้มีเหลือเฟือ และคนที่เก็บสะสมเพียงเล็กน้อยก็ไม่ขัดสน”[f]
16 แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ทิตัสมีความกระตือรือร้นเหมือนกับที่ข้าพเจ้ามีต่อท่าน 17 เขาไม่เพียงรับคำขอร้องของเรา แต่เขามีความกระตือรือร้นมาก จึงได้ไปหาท่านตามใจปรารถนาของเขาเอง 18 เราจะให้พี่น้องคนหนึ่งผู้มีชื่อเสียงในหมู่คริสตจักรทั้งปวงในด้านการประกาศข่าวประเสริฐไปกับเขา 19 ยิ่งกว่านั้นคริสตจักรต่างๆ ก็ได้เลือกเขาให้เป็นผู้เดินทางไปกับเรา เพื่องานที่พรั่งพร้อมด้วยพระคุณครั้งนี้ ซึ่งเราเป็นฝ่ายจัดการเพื่อเป็นเกียรติแก่พระผู้เป็นเจ้าเอง และเพื่อแสดงความกระตือรือร้นของเราด้วย 20 เราต้องระวังไม่ให้มีใครติเตียนเราได้ ในการจัดการเงินเรี่ยไรจำนวนมากเช่นนี้ 21 เราใส่ใจกับสิ่งอันมีเกียรติ มิใช่เพียงต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แต่ต่อหน้ามนุษย์ด้วย 22 เราได้ให้พี่น้องของเราคนหนึ่งมากับเขาทั้งสองด้วย เราได้ทดสอบคนนี้หลายครั้ง และพบว่าเขาเอาจริงเอาจังกับหลายสิ่ง และเวลานี้เขาเอาจริงเอาจังมากยิ่งขึ้น เพราะเขามีความมั่นใจในตัวท่านมาก 23 สำหรับทิตัสแล้ว เขาเป็นผู้ร่วมงานของข้าพเจ้า เขาทำงานร่วมกับข้าพเจ้าในหมู่ท่าน ส่วนพี่น้อง 2 คนนั้นเป็นตัวแทนของคริสตจักรทั้งหลาย และพระคริสต์เป็นผู้ได้รับเกียรติ 24 ดังนั้นจงพิสูจน์ให้ชายเหล่านี้เห็นความรักของท่าน และความภูมิใจที่เรามีต่อพวกท่าน เพื่อคริสตจักรต่างๆ จะได้เห็น
9 ไม่มีความจำเป็นที่ข้าพเจ้าจะต้องเขียนถึงท่านเรื่องการช่วยเหลือบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าในด้านนี้ 2 เพราะข้าพเจ้าทราบว่าท่านมีความตั้งใจพร้อมอยู่แล้ว ข้าพเจ้ายังโอ้อวดให้พี่น้องชาวมาซิโดเนียฟังเสมอว่า พี่น้องในแคว้นอาคายาพร้อมจะให้ตั้งแต่ปีที่แล้ว และความกระตือรือร้นของท่านได้กระตุ้นพวกเขาเกือบทุกคน 3 แต่ข้าพเจ้าได้ส่งให้พี่น้องมา เพื่อว่าที่เราได้โอ้อวดเรื่องพวกท่านจะไม่เสียเปล่า ท่านจะเตรียมตัวพร้อมอย่างที่ข้าพเจ้าได้บอกไปแล้ว 4 ถ้าพี่น้องชาวมาซิโดเนียมากับเรา และเห็นว่าท่านไม่พร้อม ไม่เพียงท่านเท่านั้นที่ขายหน้า พวกเราจะขายหน้าด้วยที่มีความมั่นใจในพวกท่านถึงขนาดนี้ 5 ดังนั้นข้าพเจ้าคิดว่าจำเป็นต้องขอให้พี่น้องมาเยี่ยมท่านล่วงหน้าก่อน เพื่อให้ท่านเตรียมเงินเรี่ยไรด้วยความเอื้อเฟื้อให้พร้อม ตามที่ท่านได้สัญญาไว้ แล้วเงินที่ให้ก็จะได้มาจากใจจริง มิใช่มาจากการฝืนใจ
ให้ด้วยใจยินดี
6 ข้าพเจ้าขอบอกเรื่องนี้ว่า คนที่หว่านน้อยย่อมเก็บเกี่ยวได้น้อย และคนที่หว่านมากจะเก็บเกี่ยวได้มาก 7 แต่ละคนควรให้ตามที่ตั้งใจไว้ มิใช่ด้วยความลังเลหรือเพราะถูกกดดัน เพราะพระเจ้ารักผู้ที่ให้ด้วยใจยินดี 8 พระเจ้าสามารถให้พรท่านอย่างเต็มเปี่ยม เพื่อท่านจะได้มีเพียงพอในทุกสิ่งเสมอ และท่านจะได้มีอย่างล้นเหลือเพื่อช่วยผู้อื่นได้อีกด้วย 9 ตามที่บันทึกไว้คือ
“เขาเอื้อเฟื้อแก่ผู้ยากไร้
ความชอบธรรมของเขาคงอยู่เป็นนิตย์”[g]
10 พระองค์ผู้จัดหาเมล็ดให้คนหว่านพืช และขนมปังเพื่อให้เป็นอาหาร ก็จะจัดหาและเพิ่มพูนเมล็ดให้ท่านนำไปหว่าน และเพิ่มปริมาณการเก็บเกี่ยวความชอบธรรมของท่าน 11 ท่านจะมั่งคั่งในทุกด้านเพื่อท่านจะได้เอื้อเฟื้อในทุกโอกาส เมื่อท่านเอื้อเฟื้อโดยผ่านเราแล้ว ผลที่ได้คือหลายคนจะขอบคุณพระเจ้า
12 การรับใช้ด้านนี้ไม่เพียงจัดหาสิ่งจำเป็นให้ผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าเท่านั้น แต่หลายคนจะกล่าวขอบคุณพระเจ้าอย่างเหลือล้น 13 เป็นเพราะท่านได้พิสูจน์ตนในด้านการรับใช้นี้แล้ว ผู้คนจึงจะสรรเสริญพระเจ้าเพราะความเชื่อของท่าน และการปฏิบัติตัวสอดคล้องกับการที่ท่านยืนยันในเรื่องข่าวประเสริฐของพระคริสต์ และความเอื้อเฟื้อที่ท่านมีต่อพวกเขาและคนทั่วไป 14 เมื่อพวกเขาอธิษฐานเผื่อท่าน เขาระลึกถึงท่านอย่างจริงใจ เพราะพระเจ้ามีพระคุณต่อพวกท่านยิ่งนัก 15 ขอบคุณพระเจ้าสำหรับของประทานของพระองค์ซึ่งเกินจะพรรณนา
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation