Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 โครินธ์ 5-8

ขับไล่คนชั่วร้าย

มีผู้แจ้งมาว่ามีการประพฤติผิดทางเพศในหมู่ท่าน ชนิดที่คนนอก[a]ก็ยังมิกระทำ คือบุตรเอาภรรยาของพ่อมาเป็นภรรยาของตน ท่านกลับหยิ่งผยองทั้งๆ ที่ควรจะเศร้าโศกมากกว่า และควรตัดขาดคนที่กระทำสิ่งนี้ไปเสียจากพวกท่าน ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้อยู่กับท่านฝ่ายกาย แต่ก็อยู่ด้วยฝ่ายวิญญาณ ข้าพเจ้าจึงกล่าวโทษคนที่ประพฤติเยี่ยงนี้แล้ว ราวกับว่าข้าพเจ้าอยู่ด้วยกับท่าน เมื่อท่านประชุมกันในพระนามของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ข้าพเจ้าย่อมอยู่ด้วยกับท่านฝ่ายวิญญาณพร้อมกับอานุภาพของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา จงมอบชายผู้นี้ให้ซาตาน[b]ทำลายฝ่ายเนื้อหนังเสีย เพื่อให้วิญญาณของเขารอดในวันที่พระผู้เป็นเจ้าจะมา

การโอ้อวดของท่านเป็นสิ่งไม่ดี ท่านไม่ทราบหรือว่า เชื้อยีสต์เพียงเล็กน้อยทำให้แป้งที่นวดแล้วฟูทั้งก้อน จงกำจัดเชื้อยีสต์เก่าเสีย เพื่อท่านจะได้เป็นแป้งนวดก้อนใหม่ที่ปราศจากเชื้อยีสต์ตามที่ท่านเป็นอยู่จริง เพราะพระคริสต์ซึ่งเป็นลูกแกะปัสกาของเราถูกสังเวยแล้ว ฉะนั้นเรามาฉลองเทศกาลกันด้วยขนมปังไร้เชื้อแห่งความจริงใจและความจริง มิใช่ด้วยเชื้อยีสต์เก่าๆ แห่งการปองร้ายและความชั่วร้าย

ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านแล้วว่า ไม่ให้คบกับคนที่ประพฤติผิดทางเพศ 10 ข้าพเจ้ามิได้หมายความถึงคนในโลกนี้ที่ประพฤติผิดทางเพศ หรือโลภ โกง หรือบูชารูปเคารพ ถ้าท่านจะหลีกเลี่ยงคนเหล่านั้น ท่านจะต้องออกไปเสียจากโลกนี้ 11 แต่ว่าขณะนี้ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพื่อไม่ให้คบกับคนที่นับว่าตนเป็นพี่น้องแต่ก็ยังประพฤติผิดทางเพศ มีความโลภ บูชารูปเคารพ หรือว่าร้ายคน เป็นคนขี้เมา หรือคดโกง แม้ในเรื่องอาหารก็จงอย่ารับประทานร่วมกับคนเช่นนั้นเลย

12 ไม่ใช่เรื่องของข้าพเจ้าที่จะไปกล่าวโทษคนนอกคริสตจักร ท่านควรกล่าวโทษคนภายในมิใช่หรือ 13 พระเจ้าจะเป็นผู้กล่าวโทษพวกคนนอกคริสตจักร “จงกำจัดคนชั่วร้ายออกไปเสียจากพวกท่านเถิด”[c]

พี่น้องฟ้องร้องกัน

มีคนใดในกลุ่มท่านบ้างไหมที่เมื่อเป็นความกัน แล้วกล้าไปฟ้องคดีต่อหน้าคนที่ไร้ความชอบธรรม แทนที่จะฟ้องร้องต่อหน้าบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า ท่านไม่ทราบหรือว่า บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าจะกล่าวโทษโลกนี้ ถ้าท่านกล่าวโทษโลกได้ ท่านจะไม่มีความสามารถกล่าวโทษคดีย่อยหรือ ท่านไม่ทราบหรือว่า พวกเราจะเป็นผู้ที่กล่าวโทษเหล่าทูตสวรรค์ และเราจะกล่าวโทษเรื่องของชีวิตนี้ได้ยิ่งกว่าเพียงไร ฉะนั้นถ้าท่านมีคดีความกันในเรื่องของชีวิตนี้แล้ว ท่านจะตั้งคนซึ่งไม่เป็นที่นับถือของคริสตจักรให้เป็นผู้ตัดสินหรือ ข้าพเจ้ากล่าวมานี้เพื่อให้ท่านละอายใจ เป็นไปได้หรือที่ไม่มีใครสักคนในพวกท่าน ที่มีสติปัญญาพอที่จะตัดสินเรื่องระหว่างพี่น้อง แต่พี่น้องกลับต้องไปว่าความกันต่อหน้าคนไม่มีความเชื่ออย่างนั้นหรือ อันที่จริงท่านพ่ายแพ้แล้วอย่างสิ้นเชิงเมื่อเป็นความกัน ทำไมท่านไม่ยอมเป็นฝ่ายผิด ทำไมท่านจึงไม่ยอมถูกโกง แต่กลับประพฤติผิดและโกงพี่น้องของท่านเอง

ท่านไม่ทราบหรือว่าคนชั่วจะไม่มีส่วนได้ในอาณาจักรของพระเจ้า อย่าให้คนชักนำท่านให้หลงผิดเลย ไม่ว่าจะเป็นผู้ประพฤติผิดทางเพศ บูชารูปเคารพ ผิดประเวณี ชายลักเพศ 10 ขโมย คนโลภ ขี้เมา ช่างว่าร้าย หรือคนโกง ทั้งหมดนี้จะไม่มีส่วนได้ในอาณาจักรของพระเจ้า 11 พวกท่านบางคนก็เคยเป็นเช่นนั้น แต่ท่านได้รับการชำระและได้รับการทำให้บริสุทธิ์แล้ว และท่านก็พ้นผิดแล้วในพระนามของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า และโดยพระวิญญาณของพระเจ้าของเรา

หนีจากการประพฤติผิดทางเพศ

12 “ทุกสิ่งไม่เป็นของต้องห้ามสำหรับข้าพเจ้า” แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งเป็นประโยชน์ “ทุกสิ่งไม่เป็นของต้องห้ามสำหรับข้าพเจ้า” แต่ข้าพเจ้าจะไม่ยอมเป็นทาสของสิ่งใดเลย 13 “อาหารมีไว้สำหรับท้อง และท้องนั้นสำหรับอาหาร” แต่พระเจ้าจะทำลายทั้งสองสิ่ง ร่างกายไม่ได้มีไว้สำหรับการประพฤติผิดทางเพศ แต่มีไว้สำหรับพระผู้เป็นเจ้า และพระผู้เป็นเจ้ามีไว้สำหรับร่างกาย 14 โดยอานุภาพของพระเจ้า พระองค์จึงได้บันดาลให้พระเยซูเจ้าฟื้นคืนชีวิต และพระองค์จะกระทำเช่นนั้นกับพวกเราด้วย 15 ท่านไม่ทราบหรือว่า ร่างกายของพวกท่านเป็นเสมือนอวัยวะส่วนต่างๆ ของพระคริสต์ ควรหรือที่ข้าพเจ้าจะเอาอวัยวะส่วนต่างๆ ของพระคริสต์มาแตะต้องเกี่ยวพันกับหญิงแพศยา ไม่มีทางจะเป็นเช่นนั้น 16 ท่านไม่ทราบหรือว่าคนที่ผูกพันกับหญิงแพศยาก็เป็นกายเดียวกันกับหญิงนั้น เพราะพระองค์กล่าวไว้ว่า “ทั้งสองจะเป็นหนึ่งเดียวกัน”[d] 17 แต่คนที่ผูกพันในพระผู้เป็นเจ้า ก็เป็นวิญญาณเดียวกันกับพระองค์ 18 จงหนีให้พ้นจากการประพฤติผิดทางเพศ บาปอื่นๆ ทุกชนิดที่คนกระทำเป็นบาปภายนอกกาย แต่คนที่ผิดทางเพศทำบาปต่อร่างกายของตนเอง 19 ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในตัวท่าน ซึ่งท่านได้รับจากพระเจ้า ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของตัวท่านเอง 20 พระเจ้าได้ซื้อท่านไว้แล้วในราคาสูง ฉะนั้นจงใช้ร่างกายของท่านในการถวายเกียรติแด่พระเจ้าเถิด

การแต่งงาน

ส่วนเรื่องที่พวกท่านเขียนมาว่า “ผู้ชายไม่มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงย่อมดีกว่า” แต่เพราะมีการยั่วยุให้ประพฤติผิดทางเพศ ชายแต่ละคนควรมีภรรยาเป็นของตนเอง และหญิงแต่ละคนควรมีสามีเป็นของตนเอง สามีควรปฏิบัติต่อภรรยาอย่างสมควรตามหน้าที่ ส่วนภรรยาก็เช่นกัน ร่างกายของภรรยาไม่ได้เป็นของนางเพียงผู้เดียว แต่เป็นของสามีด้วย ร่างกายของสามีไม่ได้เป็นของเขาเพียงผู้เดียว แต่เป็นของภรรยาด้วยเช่นกัน อย่าปฏิเสธกันและกันเว้นแต่มีการตกลงกันก่อน เพื่อท่านจะได้อุทิศเวลาสำหรับการอธิษฐาน ครั้นแล้วก็มาอยู่ร่วมกันอีก เพื่อซาตานจะได้ไม่อาจยั่วยุท่านได้ในยามที่ท่านควบคุมตนเองไม่ได้ ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้เพื่อเป็นการอนุญาต ไม่ใช่การสั่ง ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะให้ทุกคนเป็นเหมือนข้าพเจ้า แต่ทุกคนได้รับของประทานจากพระเจ้าต่างกัน คนหนึ่งได้รับอย่างหนึ่ง ในขณะที่อีกคนหนึ่งได้รับอีกอย่างหนึ่ง

สำหรับคนที่ยังไม่แต่งงานและพวกแม่ม่าย ข้าพเจ้าขอกล่าวว่าพวกเขาไม่แต่งงานจะดีกว่า เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าเป็น แต่ถ้าพวกเขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ก็ควรแต่งงาน เพราะว่าแต่งงานเสียจะดีกว่าปล่อยให้กามราคะเผาใจให้รุ่มร้อน

10 สำหรับผู้ที่แต่งงานแล้วข้าพเจ้าขอสั่งว่า (ไม่ใช่ข้าพเจ้า แต่เป็นพระผู้เป็นเจ้า) ภรรยาต้องไม่แยกไปจากสามี 11 แต่ถ้านางแยกจากไป นางต้องไม่แต่งงานใหม่ มิฉะนั้นต้องกลับมาคืนดีกับสามี และสามีต้องไม่หย่าร้างภรรยา

12 สำหรับคนอื่น ข้าพเจ้าขอกล่าวว่า (เป็นข้าพเจ้าเอง ไม่ใช่พระผู้เป็นเจ้า) ถ้าพี่น้องคนใดมีภรรยาผู้ไม่เชื่อในพระคริสต์ แต่ตั้งใจจะอยู่กับสามี สามีต้องไม่หย่าร้างนาง 13 และถ้าหญิงคนใดมีสามีผู้ไม่เชื่อในพระคริสต์ แต่ตั้งใจจะอยู่กับนาง นางต้องไม่หย่าร้างสามี 14 เพราะว่าสามีที่ไม่เชื่อได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ทางภรรยาแล้ว และภรรยาที่ไม่เชื่อได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ทางสามีผู้มีความเชื่อ มิฉะนั้นลูกของท่านจะมีมลทิน แต่เท่าที่เป็นอยู่ลูกๆ นั้นก็บริสุทธิ์ 15 แต่ถ้าคู่ครองที่ไม่เชื่อในพระคริสต์แยกจากไป ก็ปล่อยให้เขาไป ชายหรือหญิงที่เชื่อในพระคริสต์ ไม่มีข้อผูกมัดให้จำใจอยู่ด้วยกัน เพราะพระเจ้าได้เรียกเราให้อยู่อย่างสันติ 16 ผู้เป็นภรรยา ท่านทราบได้อย่างไรว่าท่านจะช่วยสามีให้รอดพ้นได้หรือไม่ หรือผู้เป็นสามี ท่านทราบได้อย่างไรว่า ท่านจะช่วยภรรยาให้รอดพ้นได้หรือไม่

17 อย่างไรก็ดี ท่านแต่ละคนควรดำรงชีวิตของตนตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้กำหนดไว้ และตามที่พระเจ้าเรียกท่าน นี่ก็เป็นกฎของข้าพเจ้าสำหรับทุกคริสตจักร 18 มีชายใดบ้างไหมที่ได้เข้าสุหนัตแล้ว เวลาที่พระเจ้าเรียกเขา ถ้าเข้าแล้วก็ไม่ควรเลิก มีชายใดบ้างไหมที่ยังไม่ได้เข้าสุหนัต เวลาที่พระเจ้าเรียกเขา ก็ไม่ต้องให้เขาเข้า 19 การเข้าสุหนัตหรือไม่นั้นไม่สำคัญเลย สิ่งสำคัญคือการปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า 20 ทุกคนควรดำรงอยู่ในฐานะที่เป็นอยู่เมื่อพระเจ้าเรียก 21 เมื่อพระเจ้าเรียกท่าน ท่านเป็นทาสอยู่หรือ ถ้าเป็นก็ไม่ต้องกังวลใจ แต่ถ้าหากสามารถเป็นอิสระได้ก็เป็นเถิด 22 ด้วยว่าคนที่พระผู้เป็นเจ้าเรียก แม้จะเป็นทาสอยู่ ก็นับว่าเป็นอิสระชนของพระผู้เป็นเจ้า ในทำนองเดียวกันคืออิสระชนที่พระผู้เป็นเจ้าเรียก ก็เป็นทาสของพระคริสต์ 23 พระเจ้าได้ซื้อท่านไว้แล้วในราคาสูง ดังนั้นอย่าเป็นทาสของมนุษย์ 24 พี่น้องแต่ละคนจงดำรงตนตามฐานะที่เป็นอยู่เวลาที่พระเจ้าเรียก

25 ส่วนเรื่องพรหมจารี ไม่มีคำสั่งจากพระผู้เป็นเจ้า แต่ตามความเห็นของข้าพเจ้าที่ไว้วางใจได้ด้วยพระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า 26 ข้าพเจ้าลงความเห็นตามความทุกข์ในขณะนี้ว่า ท่านอยู่อย่างที่เป็นอยู่นี้ก็ดีแล้ว 27 ท่านแต่งงานแล้วหรือ ไม่ต้องดิ้นรนหย่าร้างหรอก ท่านยังไม่ได้แต่งงานหรือ ก็อย่าเสาะหาคู่เลย 28 แต่หากว่าท่านแต่งงานก็ไม่นับว่าทำบาป แม้ว่าพรหมจาริณีแต่งงาน เธอก็ไม่ได้ทำบาป แต่พวกที่แต่งงานจะเผชิญความยุ่งยากในชีวิตนี้ และข้าพเจ้าพยายามช่วยให้ท่านหลุดพ้นจากความยุ่งยากดังกล่าว 29 พี่น้องเอ๋ย ข้าพเจ้าหมายความว่าเวลามีน้อย ตั้งแต่นี้ไปบรรดาผู้มีภรรยาควรดำเนินชีวิตเหมือนไม่มีภรรยา 30 บรรดาผู้เศร้าโศกดำเนินชีวิตเหมือนกับไม่เศร้าโศก บรรดาผู้ชื่นชมยินดีดำเนินชีวิตเหมือนกับไม่ชื่นชมยินดี บรรดาผู้ซื้อก็เหมือนไม่ได้สิ่งนั้นมาเป็นของตนเอง 31 บรรดาผู้ใช้สิ่งของในโลกก็เหมือนกับไม่ได้ใช้อย่างเต็มที่ เพราะตามแบบที่เป็นอยู่ของโลกนี้กำลังจะสูญสิ้นไป

32 ข้าพเจ้าอยากจะให้ท่านพ้นจากความห่วงใย ชายที่ไม่ได้แต่งงานมีความห่วงใยในพระผู้เป็นเจ้าว่า เขาจะทำอย่างไรจึงจะเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า 33 แต่คนที่แต่งงานแล้วก็จะห่วงใยในเรื่องของโลกนี้ว่า เขาจะเอาใจภรรยาได้อย่างไรบ้าง 34 เขาก็ต้องแบ่งความสนใจออกไป หญิงที่ไม่ได้แต่งงานหรือเป็นพรหมจาริณีจะมีความห่วงใยในเรื่องของพระผู้เป็นเจ้าว่า เธอจะอุทิศตนต่อพระผู้เป็นเจ้าด้วยความบริสุทธิ์ทั้งกายและวิญญาณได้อย่างไร แต่หญิงที่แต่งงานจะห่วงใยในเรื่องของโลกนี้ว่า นางจะเอาใจสามีได้อย่างไรบ้าง 35 ข้าพเจ้ากล่าวมานี้เพื่อประโยชน์ของท่านเอง ไม่ใช่เป็นบ่วงบาศคล้องท่านไว้ แต่ให้ท่านดำเนินชีวิตในทางที่ถูกต้องในการอุทิศตนต่อพระผู้เป็นเจ้า โดยไม่ต้องแบ่งความสนใจ

36 ถ้าชายใดคิดว่าเขาไม่ปฏิบัติตนอันสมควรต่อพรหมจาริณีที่หมั้นไว้ ถ้าเขาควบคุมความรุ่มร้อนในกามราคะไม่ได้ ก็ต้องเป็นไปตามนี้ คือปล่อยให้เขาแต่งงานได้ตามใจปรารถนา ไม่นับว่าเป็นการทำบาป และให้เขาแต่งงานกันเสีย 37 แต่ถ้าชายใดมั่นใจและเห็นว่าไม่จำเป็นต้องแต่งงาน เขาบังคับใจตนเองได้ และตัดสินใจให้คู่หมั้นของตนเป็นพรหมจาริณีอยู่คงเดิม เขาก็กระทำถูกต้องดีแล้ว 38 ฉะนั้นคนที่แต่งงานกับพรหมจาริณีกระทำดีแล้ว แต่คนที่ไม่แต่งงานกับเธอกระทำดียิ่งกว่า

39 ภรรยามีข้อผูกมัดอยู่กับสามี ตราบเท่าที่เขามีชีวิตอยู่ แต่ถ้าสิ้นสามีแล้ว นางมีอิสระที่จะแต่งงานกับคนที่นางต้องการได้ แต่เขาต้องเป็นผู้ที่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า 40 ตามความเห็นของข้าพเจ้าแล้ว นางจะมีความสุขมากกว่าถ้าไม่แต่งงานอีก และข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้ามีพระวิญญาณของพระเจ้าเช่นกัน

อาหารที่บูชาแก่รูปเคารพ

ส่วนเรื่องอาหารที่บูชาแก่รูปเคารพนั้นเราทราบว่า “พวกเราทุกคนต่างก็มีความรู้” และความรู้ทำให้ลำพองตัว แต่ความรักเสริมสร้างขึ้น คนที่คิดว่าตนรู้ ก็ถือว่ายังไม่รู้เท่าที่ควร แต่ถ้าผู้ใดรักพระเจ้า เขาก็เป็นที่รู้จักของพระองค์

เรื่องการรับประทานอาหารที่บูชาแก่รูปเคารพแล้ว เราทราบว่ารูปเคารพไม่มีความหมายในโลก และมีพระเจ้าแท้เพียงองค์เดียวเท่านั้น บางคนพูดว่ามีบรรดาเทพเจ้ามากทั้งในสวรรค์และโลก ก็จริงอยู่คือแม้จะมี “บรรดาเทพเจ้า” และ “บรรดาเจ้าฝ่ายวิญญาณ” อยู่มากก็ตาม แต่สำหรับเราแล้ว มีพระเจ้าองค์เดียวคือพระบิดา ทุกสิ่งล้วนมาจากพระองค์ และเรามีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์ ทุกสิ่งมีมาได้ และเราเป็นอยู่ได้โดยผ่านพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวคือพระเยซูคริสต์

มิใช่ว่าทุกคนจะทราบในเรื่องนี้ บางคนยังชินอยู่กับรูปเคารพจนกระทั่งบัดนี้ เวลาพวกเขารับประทานอาหารก็คิดว่าได้บูชาแก่รูปเคารพแล้ว และมโนธรรมของพวกเขาอ่อนแอจึงเป็นมลทิน แต่อาหารไม่ได้นำเราเข้าถึงพระเจ้า เราจะรับประทานหรือไม่ ก็ไม่ทำให้เราดีขึ้นหรือแย่ลง แต่จงระวังว่า ความมีอิสระของท่านจะไม่กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้อ่อนแอสะดุดใจ 10 เพราะถ้าคนมีมโนธรรมอ่อนแอเห็นท่าน ซึ่งเป็นผู้รู้ในเรื่องนี้ กำลังรับประทานอาหารในวิหารที่มีรูปเคารพ จะไม่ทำให้เป็นแรงกระตุ้นให้เขาอยากรับประทานอาหารที่ได้บูชาแก่รูปเคารพแล้วหรือ 11 พระคริสต์สิ้นชีวิตเพื่อพี่น้องที่จิตใจอ่อนแอคนนี้ แต่เพราะความรู้ของท่าน เขาจึงพินาศไป 12 แต่เมื่อท่านกระทำบาปต่อพี่น้อง และทำร้ายมโนธรรมที่อ่อนแอของเขา ท่านก็ได้กระทำบาปต่อพระคริสต์แล้ว 13 ฉะนั้นถ้าสิ่งที่ข้าพเจ้ารับประทานเป็นเหตุให้พี่น้องสะดุดใจ ข้าพเจ้าก็จะไม่รับประทานเนื้อสัตว์อีกเลย เพื่อจะได้ไม่เป็นเหตุให้พี่น้องสะดุดใจ

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation