Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
กิจการของอัครทูต 11-13

เปโตรเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนนอก

11 เหล่าอัครทูตและพี่น้องทั่วแคว้นยูเดียได้ยินว่า บรรดาคนนอกก็ได้รับคำกล่าวของพระเจ้าด้วย เมื่อเปโตรขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็ม พวกที่เชื่อซึ่งเข้าสุหนัตแล้วก็ตำหนิท่าน โดยพูดว่า “ท่านไปยังบ้านของพวกที่ไม่ได้เข้าสุหนัตแล้วก็รับประทานร่วมกับเขา” เปโตรเริ่มอธิบายทุกสิ่งให้พวกเขาฟังตามขั้นตอนว่า “ข้าพเจ้าอยู่ในเมืองยัฟฟา กำลังอธิษฐานอยู่และข้าพเจ้าตกอยู่ในภวังค์เห็นภาพนิมิต มีสิ่งหนึ่งเหมือนผ้าผืนใหญ่ ทั้ง 4 มุมหย่อนลงมาจากสวรรค์ ลงมายังที่ซึ่งข้าพเจ้าอยู่ เมื่อมองดูก็เห็นพวกสัตว์สี่เท้า สัตว์ป่า สัตว์เลื้อยคลาน และนกในอากาศ แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงกล่าวว่า ‘เปโตร จงลุกขึ้นเถิด ฆ่าและกินเสีย’ ข้าพเจ้าตอบว่า ‘ไม่ได้หรอก พระองค์ท่าน ข้าพเจ้าไม่เคยให้สิ่งใดที่ไม่บริสุทธิ์หรือมีมลทินเข้าปากของข้าพเจ้า’ เสียงพูดจากสวรรค์เป็นครั้งที่สองว่า ‘สิ่งที่พระเจ้าได้ทำให้สะอาดแล้ว ก็อย่าเรียกว่าไม่บริสุทธิ์’ 10 หลังจากที่เกิดขึ้น 3 ครั้งแล้วผืนผ้านั้นก็กลับขึ้นไปในสวรรค์อีก 11 ทันใดนั้นเอง ชาย 3 คนที่ถูกส่งมาหาข้าพเจ้าจากซีซารียาก็หยุดอยู่ที่บ้านซึ่งข้าพเจ้าพักอยู่ 12 พระวิญญาณกล่าวกับข้าพเจ้าว่า ไม่ต้องลังเลใจที่จะไปกับพวกเขา พี่น้อง 6 คนนี้ก็ได้ไปกับข้าพเจ้าด้วย และพวกเราเข้าไปในบ้านของชายผู้นั้น 13 ท่านบอกพวกเราว่า ท่านเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาปรากฏในบ้านของท่านและบอกท่านว่า ‘ส่งคนไปหาซีโมนหรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่าเปโตร ที่เมืองยัฟฟา 14 เขาจะนำเรื่องมาบอกท่าน เพื่อให้ท่านและทุกคนในบ้านรับชีวิตที่รอดพ้น’ 15 เมื่อข้าพเจ้าเริ่มต้นพูด พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็มาสถิตกับคนเหล่านั้น ดังที่เคยลงมาสถิตกับพวกเราในตอนแรก 16 แล้วข้าพเจ้าก็ระลึกถึงสิ่งที่พระเยซูเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ‘ยอห์นให้บัพติศมาด้วยน้ำ แต่เจ้าจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’ 17 ดังนั้น ถ้าพระเจ้าให้ของประทานแก่พวกเขา ดังที่พระองค์ให้แก่พวกเราซึ่งเชื่อในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าเป็นใครที่จะคิดว่าตนเองจะคัดค้านพระเจ้าได้” 18 เมื่อคนเหล่านั้นได้ยินดังนั้นแล้วก็มิได้ค้านอีกต่อไป และสรรเสริญพระเจ้าว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว พระเจ้าได้โปรดให้บรรดาคนนอกกลับใจเพื่อจะมีชีวิตใหม่ด้วย”

คริสตจักรที่เมืองอันทิโอก

19 ส่วนพวกที่หนีกระจัดกระจายไปเพราะถูกกดขี่ข่มเหงเนื่องมาจากสเทเฟน ก็ได้หนีไปถึงแคว้นฟีนิเซีย เกาะไซปรัสและเมืองอันทิโอก เขาเหล่านั้นพากันประกาศคำกล่าวแก่ชาวยิวเท่านั้น 20 อย่างไรก็ตาม บางคนที่มาจากเกาะไซปรัสและเมืองไซรีนได้ไปยังเมืองอันทิโอก เพื่อบอกข่าวประเสริฐเกี่ยวกับพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้ากับชาวกรีกด้วย 21 มือของพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพวกเขา ผู้คนจำนวนมากเชื่อและหันเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า 22 ข่าวนี้ก็เล่าลือไปยังคริสตจักรที่เมืองเยรูซาเล็ม ผู้คนได้ขอให้บาร์นาบัสไปยังเมืองอันทิโอก 23 เมื่อท่านไปถึงก็เห็นจริงถึงพระคุณของพระเจ้า ท่านเกิดความยินดีและให้กำลังใจพวกเขาทุกคน ให้ยึดมั่นในพระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ 24 ท่านเป็นคนดี เปี่ยมล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และความเชื่อ และผู้คนจำนวนมากได้หันมาเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า 25 แล้วบาร์นาบัสก็ออกตามหาเซาโลที่เมืองทาร์ซัส 26 เมื่อพบแล้วก็พาเซาโลมาที่เมืองอันทิโอก ระยะเวลาตลอดทั้งปีบาร์นาบัสและเซาโลได้พบกับคริสตจักรและได้สั่งสอนผู้คนจำนวนมาก และที่เมืองอันทิโอกนั่นเองพวกสาวกได้รับการขนานนามว่า คริสเตียน เป็นครั้งแรก

27 ในเวลานั้นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าบางท่านได้ลงมาจากเมืองเยรูซาเล็มเพื่อจะไปยังเมืองอันทิโอก 28 ผู้หนึ่งในจำนวนนั้นชื่ออากาบัส ได้ยืนขึ้นพยากรณ์ด้วยพระวิญญาณว่า ความอดอยากรุนแรงจะเกิดขึ้นทั่วอาณาจักรโรมัน และความอดอยากนั้นก็ได้เกิดขึ้นในสมัยจักรพรรดิคลาวดิอัส 29 พวกสาวกได้ตัดสินใจให้ความช่วยเหลือแก่พี่น้องที่อาศัยอยู่ในแคว้นยูเดียตามความสามารถของแต่ละคน 30 พวกเขาจึงส่งเงินบริจาคไปกับบาร์นาบัสและเซาโลเพื่อให้แก่พวกผู้ปกครอง

เปโตรตามทูตสวรรค์ออกไปจากคุก

12 ในระยะเวลานั้น กษัตริย์เฮโรดจับกุมบางคนที่มีส่วนร่วมในคริสตจักร โดยเจตนาจะข่มเหงคนเหล่านั้น เฮโรดสั่งฆ่ายากอบซึ่งเป็นพี่ชายของยอห์นด้วยดาบ เมื่อท่านเห็นว่าชาวยิวพอใจก็คิดจะจับกุมเปโตรด้วย เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในระหว่างเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ หลังจากที่ท่านได้จับกุมเปโตรแล้วก็สั่งจำคุก มีทหาร 4 กลุ่ม กลุ่มละ 4 คนคุมตัวไว้ เฮโรดตั้งใจที่จะพิจารณาคดีต่อหน้าประชาชนหลังจากเทศกาลปัสกา ขณะที่เปโตรถูกจำคุก คริสตจักรก็ตั้งจิตอธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อท่านมากยิ่งขึ้น

ในคืนก่อนที่เฮโรดจะนำตัวเปโตรออกพิจารณาคดี เปโตรนอนอยู่ระหว่างทหาร 2 คนโดยมีโซ่ล่ามไว้ 2 เส้น และมีพวกทหารยามเฝ้าอยู่ทางเข้า ในทันใดนั้น ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏ และมีแสงส่องในเรือนจำ ทูตสวรรค์สัมผัสเปโตรที่สีข้างให้ตื่นขึ้นแล้วกล่าวว่า “เร็วๆ ลุกขึ้นเถิด” แล้วโซ่ก็หลุดออกจากข้อมือของเปโตร ทูตสวรรค์กล่าวกับเปโตรว่า “จงสวมเสื้อผ้าและรองเท้าของท่านเถิด” เปโตรก็ทำตาม ทูตสวรรค์จึงกล่าวต่อไปว่า “สวมเสื้อคลุมแล้วตามเรามา” เปโตรก็ตามทูตสวรรค์ออกไปจากคุก แต่ไม่คิดว่าที่ทูตสวรรค์กระทำอยู่นั้นเป็นความจริง คิดว่าที่เห็นเป็นเพียงภาพนิมิตเท่านั้น 10 เมื่อทั้งสองผ่านยามชั้นที่หนึ่งและที่สองมา แล้วก็มาถึงประตูเหล็กทางเข้าสู่เมือง ประตูก็เปิดออกเองให้เขาทั้งสองผ่านไปได้ เมื่อออกมาได้ไกลประมาณถนนหนึ่ง ทูตสวรรค์ก็จากท่านไปโดยฉับพลัน 11 เปโตรรู้สึกตัวขึ้นจึงพูดว่า “ข้าพเจ้าทราบแน่แล้วว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มาช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของเฮโรด และจากทุกสิ่งที่ชาวยิวคาดหมายว่าจะทำ”

12 เมื่อท่านตระหนักเช่นนั้นแล้ว จึงไปยังบ้านของมารีย์มารดาของยอห์นที่มีอีกชื่อหนึ่งว่ามาระโก ที่นั่นมีผู้คนจำนวนมากกำลังร่วมกันอธิษฐานอยู่ 13 ครั้นเปโตรเคาะประตูทางเข้าด้านนอก เด็กรับใช้หญิงชื่อโรดาก็มาฟังที่ประตู 14 และจำเสียงของเปโตรได้ จึงเกิดความยินดี วิ่งกลับไปโดยไม่ได้เปิดประตูให้ พลางร้องว่า “เปโตรอยู่ที่ประตู” 15 เขาเหล่านั้นบอกเธอว่า “เธอเสียสติแล้ว” เมื่อเธอยืนกรานว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ พวกเขาจึงกล่าวว่า “คงต้องเป็นทูตสวรรค์ของท่าน” 16 แต่เปโตรก็ยังเคาะประตูอยู่ เมื่อคนเหล่านั้นเปิดประตูแล้ว เห็นท่านยืนอยู่ก็พากันแปลกใจ 17 เปโตรโบกมือให้พวกเขาเงียบ แล้วอธิบายว่าพระผู้เป็นเจ้าได้นำท่านออกจากคุกได้อย่างไร ท่านพูดว่า “จงรายงานเรื่องนี้ให้ยากอบและพวกพี่น้องทราบด้วย” แล้วท่านก็เดินทางไปยังที่อื่นต่อไป

18 พอรุ่งเช้า ก็เกิดความอลหม่านไม่น้อยในหมู่ทหาร เพราะไม่ทราบว่าได้เกิดอะไรขึ้นกับเปโตร 19 ส่วนเฮโรดก็ค้นหาแต่ไม่พบเช่นกัน จึงไต่สวนพวกทหารยามและสั่งฆ่าเสีย แล้วก็ลงจากแคว้นยูเดียไปพักอยู่ที่เมืองซีซารียาชั่วระยะหนึ่ง

20 ช่วงนั้นเฮโรดกำลังบาดหมางกับชาวเมืองไทระและเมืองไซดอนอยู่ และชาวเมืองของทั้งสองได้ร่วมใจกันเข้าพบท่าน โดยเกลี้ยกล่อมบลัสตัสต้นห้องของกษัตริย์เฮโรดได้ แล้วก็ขอเป็นไมตรี เพราะพวกเขาต้องอาศัยอาหารจากดินแดนของเฮโรดเลี้ยงคนในเขตเมืองของพวกเขา

เฮโรดสิ้นชีวิต

21 เมื่อถึงวันที่กำหนดไว้ เฮโรดสวมเสื้อคลุมของกษัตริย์อยู่บนบัลลังก์ และกล่าวคำปราศรัยแก่ผู้คน 22 ฝ่ายผู้คนก็ร้องตะโกนว่า “นี่คือเสียงของเทพเจ้า ไม่ใช่เสียงของคน” 23 ทันใดนั้นเอง ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าได้บันดาลให้ท่านล้มเจ็บ เป็นเพราะว่าเฮโรดไม่ได้สรรเสริญยกย่องพระเจ้า และท่านก็ถูกหนอนกินจนสิ้นชีวิต

24 คำกล่าวของพระเจ้ากลับแผ่ขยายและเพิ่มพูนไปมากยิ่งขึ้น

25 เมื่อบาร์นาบัสและเซาโลทำหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายเสร็จแล้ว จึงได้กลับไปจากเมืองเยรูซาเล็ม และได้พายอห์นที่มีอีกชื่อหนึ่งว่ามาระโกไปด้วย

พระวิญญาณบริสุทธิ์ให้แต่งตั้งบาร์นาบัสและเซาโลเพื่อปฏิบัติงาน

13 ในคริสตจักรเมืองอันทิโอก มีกลุ่มผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าและพวกอาจารย์ คือบาร์นาบัส สิเมโอนที่มีอีกชื่อหนึ่งว่านิเกอร์ ลูสิอัสชาวเมืองไซรีน มานาเอน (ซึ่งเติบโตคู่มากับเฮโรดผู้ปกครองแคว้น) และเซาโล ขณะที่คนเหล่านี้กำลังนมัสการพระผู้เป็นเจ้าและอดอาหารอยู่ พระวิญญาณบริสุทธิ์กล่าวว่า “จงแต่งตั้งบาร์นาบัสและเซาโลเพื่อปฏิบัติงานที่เราได้เรียกตัวไว้ใช้” หลังจากที่ทั้งกลุ่มอดอาหารและอธิษฐานเสร็จสิ้นแล้ว ก็วางมือบนตัวบาร์นาบัสและเซาโล แล้วจึงให้ทั้งสองออกเดินทางไป

ที่เกาะไซปรัส

พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ดลใจให้ท่านทั้งสองลงไปยังเมืองเซลูเคีย และแล่นเรือจากที่นั่นไปยังเกาะไซปรัส เมื่อมาถึงเมืองซาลามิส ก็ได้ประกาศคำกล่าวของพระเจ้าตามศาลาที่ประชุมของชาวยิว โดยมียอห์นเป็นผู้ช่วย ทั้ง 3 คนเดินทางไปทั่วเกาะจนถึงเมืองปาโฟส และได้พบกับบาร์เยซูชาวยิวผู้ใช้เวทมนตร์คาถา และยังเป็นผู้เผยคำกล่าวเท็จด้วย เขาอยู่กับเสอร์จีอัสเปาโลซึ่งเป็นผู้ว่าราชการแคว้นที่ฉลาดรอบรู้ ผู้ว่าราชการจึงให้คนไปตามบาร์นาบัสและเซาโลมาพบ เพราะต้องการจะฟังคำกล่าวของพระเจ้า แต่เอลีมาส (ชื่อของบาร์เยซูในภาษากรีก) ผู้ใช้เวทมนตร์คาถาได้คัดค้านบาร์นาบัสและเซาโล โดยพยายามจะหันเหความเชื่อของผู้ว่าราชการแคว้น แล้วเซาโลหรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า เปาโล ซึ่งเปี่ยมล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จ้องมาที่เอลีมาสและพูดว่า 10 “เจ้าเต็มด้วยความหลอกลวงจอมปลอม บุตรของพญามาร เจ้าเป็นศัตรูของความดี เจ้ายังจะไม่หยุดบิดเบือนหนทางของพระผู้เป็นเจ้าอีกหรือ 11 บัดนี้พระผู้เป็นเจ้ากำลังจะลงโทษเจ้า เจ้าจะตาบอดและมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ไปชั่วระยะหนึ่ง” ในทันใดนั้นดวงตาของเอลีมาสก็มืดมัวไป จนต้องคลำหาให้คนจูงมือไป 12 เมื่อผู้ว่าราชการแคว้นผู้นั้นเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็เชื่อ เพราะอัศจรรย์ใจกับการสอนเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า

ที่เมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย

13 เปาโลและเพื่อนร่วมทางแล่นเรือจากเมืองปาโฟสไปยังเมืองเปอร์กา ในแคว้นปัมฟีเลีย ซึ่งเป็นเมืองที่ยอห์นได้แยกจากท่านทั้งสอง เพื่อกลับไปยังเมืองเยรูซาเล็ม 14 แล้วเปาโลกับบาร์นาบัสก็เดินทางจากเมืองเปอร์กา ถึงเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย ในวันสะบาโตก็เข้าไปนั่งในศาลาที่ประชุม 15 หลังจากที่ได้อ่านจากหมวดกฎบัญญัติและหมวดผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าแล้ว บรรดาผู้อยู่ในระดับปกครองศาลาที่ประชุมได้ใช้ให้คนมาบอกว่า “พี่น้องเอ๋ย ถ้าท่านมีเรื่องชื่นชูจิตใจผู้คนก็กรุณาพูดเถิด”

16 เปาโลยืนขึ้นโบกมือและพูดว่า “ชาวอิสราเอลและบรรดาคนนอกผู้นมัสการพระเจ้า จงฟังข้าพเจ้าเถิด 17 พระเจ้าของชนชาติอิสราเอลได้เลือกบรรพบุรุษของเรา พระองค์ทำให้พวกเขาเจริญยิ่งขึ้นขณะที่อยู่ในประเทศอียิปต์ และด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ พระองค์นำพวกเขาออกไปจากประเทศนั้น 18 พระองค์อดกลั้นต่อความประพฤติของพวกเขาในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาประมาณ 40 ปี 19 เมื่อพระองค์ได้ทำลาย 7 ชาติในดินแดนคานาอันแล้ว จึงมอบดินแดนนั้นให้เป็นมรดกแก่ชนชาติของพระองค์ 20 สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ใช้เวลาประมาณ 450 ปี หลังจากนั้นพระเจ้าได้มอบบรรดาผู้วินิจฉัยแก่พวกเขา จนกระทั่งถึงซามูเอลผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า 21 ครั้นแล้วประชาชนได้เรียกร้องให้มีการแต่งตั้งกษัตริย์ พระองค์จึงมอบกษัตริย์ซาอูลบุตรคีชจากเผ่าเบนยามิน ให้ปกครองคนเหล่านั้น 40 ปี 22 หลังจากที่ได้ปลดกษัตริย์ซาอูลแล้ว พระเจ้าเลือกดาวิดให้เป็นกษัตริย์ของพวกเขา พระองค์อ้างถึงดาวิดว่า ‘เราพบว่าดาวิดบุตรของเจสซีเป็นคนที่เราโปรดปรานยิ่งนัก เขาจะทำทุกสิ่งที่เราบัญชาให้เขาทำ’ 23 จากเชื้อสายของชายผู้นี้ พระเจ้าได้มอบพระเยซูผู้ช่วยให้รอดพ้นแก่ประเทศอิสราเอล ดังที่ได้สัญญาไว้ 24 ก่อนที่พระเยซูจะมา ยอห์นได้ประกาศเรื่องการกลับใจและบัพติศมาให้แก่มวลชนของอิสราเอล 25 ขณะที่ยอห์นกำลังดำเนินงานของท่านให้เสร็จครบถ้วน ยอห์นก็พูดว่า ‘ท่านคิดว่าข้าพเจ้าคือใคร ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้นั้น แต่ว่าพระองค์กำลังจะมาภายหลังข้าพเจ้า แม้แต่เชือกผูกรองเท้าของพระองค์ ข้าพเจ้าก็มิบังควรที่จะแก้ออก’

26 พี่น้องเอ๋ย ลูกๆ ของอับราฮัม และบรรดาคนนอกที่เกรงกลัวพระเจ้า คำกล่าวเรื่องการมีชีวิตรอดพ้นนี้ ส่งมาเพื่อพวกเรา 27 ทั้งๆ ที่ผู้คนในเมืองเยรูซาเล็มและพวกที่อยู่ในระดับปกครองของเขาไม่ยอมรับพระเยซู พวกเขาจึงกล่าวโทษพระองค์ ทำให้เหตุการณ์กลับเป็นไปตามคำป่าวประกาศของบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าซึ่งเราได้ยินทุกครั้งในวันสะบาโต 28 แม้ว่าพวกนั้นไม่มีข้อกล่าวหาใดที่จะให้พระองค์ถึงแก่ความตายได้ ก็ยังขอให้ปีลาตสั่งประหารพระองค์เสีย 29 เมื่อคนเหล่านั้นได้กระทำทุกอย่างต่อพระองค์ ตามที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์แล้ว พวกเขาจึงนำร่างของพระองค์ลงจากไม้กางเขน และวางไว้ในถ้ำเก็บศพ 30 แต่พระเจ้าให้พระองค์ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย 31 กลุ่มชนที่เดินทางไปกับพระองค์จากแคว้นกาลิลีถึงเมืองเยรูซาเล็ม ได้เห็นพระองค์เป็นเวลาหลายวัน และขณะนี้ต่างก็เป็นบรรดาพยานของพระองค์แก่ชนชาติของเรา 32 พวกเราประกาศข่าวประเสริฐนี้เพื่อให้ท่านทราบว่า สิ่งที่พระเจ้าได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของเรานั้น 33 พระองค์ได้กระทำตามพระสัญญาเพื่อพวกเราซึ่งเป็นลูกหลานของเขาเหล่านั้น โดยให้พระเยซูฟื้นคืนชีวิต ตามที่มีบันทึกในฉบับสดุดีบทที่สอง ว่า

‘เจ้าเป็นบุตรของเรา
    วันนี้เราประกาศว่าเราเป็นบิดาของเจ้า’[a]

34 ความจริงที่ว่า พระเจ้าได้ให้พระองค์ฟื้นคืนชีวิตจากความตายโดยไม่เปื่อยเน่านั้น พระองค์กล่าวคำเหล่านี้ว่า

‘เราจะให้พรที่บริสุทธิ์อย่างแน่นอนแก่เจ้า ตามที่ได้สัญญาไว้กับดาวิด’[b]

35 และตามที่ได้กล่าวไว้อีกครั้งในฉบับสดุดีว่า

‘พระองค์จะไม่ปล่อยให้องค์ผู้บริสุทธิ์ของพระองค์เปื่อยเน่าไป’[c]

36 ด้วยว่าดาวิดได้รับใช้ตามความประสงค์ของพระเจ้าในสมัยของท่านแล้ว และได้ล่วงลับไป ร่างที่เปื่อยเน่าถูกฝังเคียงข้างบรรพบุรุษของท่าน 37 แต่ผู้ที่พระเจ้าได้ให้ฟื้นคืนชีวิตแล้วนั้นไม่ได้เปื่อยเน่าไป 38 ฉะนั้นพี่น้องเอ๋ย ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านทราบว่า เป็นเพราะพระเยซู จึงมีการประกาศการยกโทษบาปให้แก่พวกท่าน 39 และโดยพระองค์ ผู้ที่เชื่อทุกคนก็จะพ้นผิดจากทุกสิ่งที่ไม่สามารถพ้นผิดได้ด้วยหมวดกฎบัญญัติของโมเสส 40 จงระวังไว้ เพื่อว่าสิ่งที่บรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าได้กล่าวไว้ จะได้ไม่เกิดขึ้นกับท่าน

41 ‘ดูก่อน พวกเจ้าผู้ดูหมิ่น
    เจ้าจะประหลาดใจ และพินาศ
ด้วยว่า เรากำลังจะทำบางสิ่งในสมัยของเจ้า
    ซึ่งแม้มีคนบอกเจ้า เจ้าก็จะไม่มีวันเชื่อ’”[d]

42 ขณะที่เปาโลและบาร์นาบัสกำลังจะไปจากศาลาที่ประชุม ผู้คนก็เชิญให้ท่านทั้งสองพูดถึงสิ่งเหล่านี้ต่ออีกในวันสะบาโตหน้า 43 เมื่อการประชุมเลิกแล้ว มีคนจำนวนมากทั้งชาวยิวและคนที่เคยปฏิบัติตามศาสนาของชาวยิวและเกรงกลัวพระเจ้าก็ติดตามเปาโลและบาร์นาบัสไป ท่านทั้งสองได้ชักชวนพวกเขาให้พึ่งในพระคุณของพระเจ้าต่อไป

44 ครั้นถึงวันสะบาโตหน้า ผู้คนเกือบทั้งเมืองก็มาร่วมกันฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า 45 เมื่อชาวยิวเห็นว่ามีผู้คนจำนวนมากก็เกิดความริษยาขึ้น จึงพูดจาดูแคลนและคัดค้านคำพูดของเปาโล 46 เปาโลและบาร์นาบัสก็ตอบคนเหล่านั้นด้วยใจกล้าหาญว่า “จำเป็นที่เราจะพูดถึงคำกล่าวของพระเจ้ากับพวกท่านก่อน เมื่อท่านไม่รับและไม่คิดว่าพวกท่านเองสมควรที่จะได้รับชีวิตอันเป็นนิรันดร์ เราจึงได้เบนเข็มมายังบรรดาคนนอก 47 ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้าได้สั่งพวกเราไว้ว่า

‘เราได้ทำให้เจ้าเป็นแสงสว่างแก่บรรดาคนนอก
    เพื่อเจ้าจะได้นำความรอดพ้นไปยังทุกมุมโลก’”[e]

48 เมื่อบรรดาคนนอกได้ยินดังนั้นก็ชื่นชมยินดี พวกเขาพากันสรรเสริญคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า และทุกคนที่ได้รับเลือกในชีวิตอันเป็นนิรันดร์ก็มีความเชื่อ 49 คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าได้แผ่ขยายไปทั่วเขตแดนนั้น 50 แต่ชาวยิวพากันยุยงพวกสตรีสูงศักดิ์ที่เกรงกลัวพระเจ้า รวมทั้งผู้นำชายในเมืองนั้น ให้ข่มเหงและขับไล่เปาโลกับบาร์นาบัสออกไปให้พ้นจากเขตแดนของพวกเขา 51 ดังนั้นท่านทั้งสองจึงสลัดฝุ่นออกจากเท้าเพื่อแสดงความผิดของพวกเขา แล้วก็ไปยังเมืองอิโคนียูม 52 เหล่าสาวกก็เปี่ยมล้นด้วยความชื่นชมยินดีและด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation