Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
มัทธิว 11-12

คำถามของยอห์นถึงพระเยซู

11 หลังจากพระเยซูได้สั่งสาวกทั้งสิบสองของพระองค์แล้ว พระองค์ก็ออกไปจากที่นั่นเพื่อสอนและประกาศตามเมืองต่างๆ ในแคว้นกาลิลี

เมื่อยอห์นซึ่งติดคุกอยู่ได้ยินเรื่องกิจการของพระคริสต์ ท่านจึงส่งเหล่าสาวกของท่านไป เพื่อถามพระองค์ว่า “ท่านคือผู้ที่จะมานั้น หรือว่าพวกเราควรจะรอคอยผู้อื่นต่อไป” พระเยซูกล่าวตอบพวกเขาว่า “จงกลับไปรายงานยอห์นถึงสิ่งที่เจ้าเห็นและได้ยิน คนตาบอดมองเห็น คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายขาด คนหูหนวกได้ยิน คนตายฟื้นคืนชีวิต และข่าวประเสริฐถูกประกาศให้กับคนยากไร้ ผู้ใดที่ยังคงความเชื่อในเรา ผู้นั้นย่อมเป็นสุข”

ขณะที่สาวกของยอห์นจากไป พระเยซูเริ่มกล่าวกับฝูงชนถึงยอห์นว่า “พวกท่านออกไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไร ต้นอ้อที่ถูกลมพัดหรือ ถ้าไม่ใช่ แล้วท่านออกไปเพื่อดูอะไร ไปดูชายที่สวมเสื้อผ้าเนื้อนุ่มหรือ เปล่าเลย ผู้สวมใส่เสื้อผ้าเนื้อนุ่มย่อมอยู่ในวังของกษัตริย์ แต่ท่านออกไปเพื่อดูอะไรเล่า ไปดูผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าหรือ ใช่แล้ว เราขอบอกท่านว่า เขาเหนือกว่าผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเสียอีก 10 มีคำกล่าวถึงผู้นี้ไว้ว่า

‘ดูเถิด เราจะใช้ผู้ส่งข่าวของเราล่วงหน้าเจ้าไป
    เพื่อเตรียมทางของเจ้าล่วงหน้า’[a]

11 เราขอบอกความจริงกับท่านว่า ในบรรดาผู้เกิดจากครรภ์มารดา ไม่มีผู้ใดที่จะยิ่งใหญ่เหนือยอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่ว่าผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรแห่งสวรรค์กลับยิ่งใหญ่กว่ายอห์นเสียอีก 12 นับจากสมัยยอห์นผู้ให้บัพติศมา มาจนถึงทุกวันนี้อาณาจักรแห่งสวรรค์ฟันฝ่าต่อความรุนแรง และพวกที่รุนแรงก็พยายามยึดอาณาจักรนั้นไปให้ได้ 13 ด้วยว่าหมวดผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าทั้งหมดและหมวดกฎบัญญัติได้เผยคำกล่าวของพระเจ้ามาจนถึงยอห์น 14 ถ้าท่านตั้งใจจะรับ ยอห์นนี่แหละเป็นเอลียาห์[b]ผู้ที่จะมานั้น 15 ผู้ใดมีหูที่จะฟังก็จงฟังเถิด

16 เราจะเปรียบเทียบคนในช่วงกาลเวลานี้กับอะไรดี พวกเขาเป็นเหมือนกับเด็กๆ ที่นั่งในย่านตลาดและร้องต่อกันและกันว่า

17 ‘พวกเราเป่าขลุ่ยให้เธอ
    แต่เธอกลับไม่เต้นรำ
เมื่อพวกเราได้ร้องเพลงเศร้า
    เธอก็ไม่ร่ำไห้’

18 เมื่อยอห์นมาก็ไม่ได้กินหรือดื่มเหล้า พวกเขาก็ว่า ‘เขามีมารสิงอยู่’ 19 บุตรมนุษย์มา ทั้งกินและดื่ม พวกเขาก็ว่า ‘ดูเขาซิ เป็นทั้งคนตะกละและขี้เมา เพื่อนของคนเก็บภาษีและคนบาป’ แต่การกระทำเหล่านั้นชี้ให้เห็นว่าพระปัญญาเป็นทางที่ถูกต้อง”

พระเยซูตำหนิเมืองต่างๆ

20 ครั้นประชาชนไม่กลับใจ พระองค์จึงติเตียนเมืองต่างๆ ที่พระองค์ได้กระทำสิ่งอัศจรรย์ส่วนใหญ่ไว้ 21 “วิบัติจงเกิดแก่เจ้า เมืองโคราซิน วิบัติจงเกิดแก่เจ้า เมืองเบธไซดา หากสิ่งอัศจรรย์ทั้งหลายที่ได้เกิดขึ้นต่อหน้าเจ้ามาปรากฏในเมืองไทระและไซดอน พวกเขาจะต้องกลับใจไปนานแล้ว ทั้งนุ่งห่มด้วยผ้ากระสอบและปาขี้เถ้าใส่หัวตัวเอง 22 เราขอบอกเจ้าว่า ในวันพิพากษา เมืองไทระและไซดอนจะทนได้มากกว่าเจ้า 23 ฝ่ายเจ้าเอง เมืองคาเปอร์นาอุม เจ้าจะได้รับการยกขึ้นสู่ฟ้าหรือ เปล่าเลย เจ้าจะดิ่งลงสู่แดนคนตาย หากว่าสิ่งอัศจรรย์ต่างๆ ที่ได้เกิดขึ้นกับเจ้าแล้วได้เกิดขึ้นกับเมืองโสโดม เมืองโสโดมก็จะอยู่จนถึงทุกวันนี้ 24 อย่างไรก็ตาม เราขอบอกเจ้าว่า ในวันพิพากษา ดินแดนโสโดมจะทนได้มากกว่าตัวเจ้า”

ผู้ที่อ่อนล้าเข้าหาพระเยซูได้

25 ในเวลานั้นพระเยซูกล่าวว่า “ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ผู้เป็นทั้งพระบิดาและพระผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์และโลก เพราะพระองค์ได้ซ่อนสิ่งเหล่านี้จากผู้เรืองปัญญาและคนฉลาด แล้วเปิดเผยให้แก่พวกเด็กเล็กๆ 26 ใช่แล้ว พระบิดา เพราะว่านี่คือความพึงพอใจของพระองค์ 27 พระบิดาของเราได้มอบสิ่งทั้งปวงให้แก่เรา ไม่มีใครทราบว่าพระบุตรคือใคร นอกจากพระบิดา และไม่มีใครทราบว่าพระบิดาคือใคร นอกจากพระบุตร และผู้ที่พระบุตรเลือกที่จะเปิดเผยให้รู้ถึงพระองค์ 28 ทุกคนที่ตรากตรำและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะเป็นที่พักพิงให้แก่ท่าน 29 จงแบกแอกของเราไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเรามีใจอ่อนโยนและถ่อมตน และท่านจะพบที่พักพิงของจิตวิญญาณ 30 เพราะว่าแอกของเราพอเหมาะพอดี และภาระของเราก็เบา”

บุตรมนุษย์เป็นเจ้านายเหนือวันสะบาโต

12 ครั้งหนึ่งในวันสะบาโต[c] พระเยซูเดินผ่านไปในทุ่งนา เหล่าสาวกของพระองค์หิว จึงเริ่มเด็ดรวงข้าวมาขยี้ในมือกิน เมื่อพวกฟาริสีเห็นจึงพูดกับพระองค์ว่า “ดูเถิด พวกสาวกของท่านทำสิ่งต้องห้ามในวันสะบาโต” พระองค์กล่าวกับเขาว่า “ท่านไม่เคยอ่านเลยหรือว่า ครั้งที่ดาวิดกับพรรคพวกที่ไปด้วยได้ทำอะไรบ้างเมื่อรู้สึกหิว คราวที่ดาวิดได้เข้าไปในพระตำหนักของพระเจ้า และรับประทานขนมปังอันบริสุทธิ์ ซึ่งเขาและพรรคพวกไม่มีสิทธิ์รับประทาน แต่เป็นของพวกปุโรหิตเท่านั้น หรือท่านไม่เคยอ่านในกฎบัญญัติหรือว่า ในวันสะบาโตพวกปุโรหิตในพระวิหารละเมิดกฎวันสะบาโตและไม่มีความผิด เราขอบอกท่านว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าพระวิหารอยู่ที่นี่ แต่ถ้าท่านรู้ความหมายนี้แล้ว ‘เราต้องการความเมตตา ไม่ต้องการเครื่องสักการะ’[d] ท่านก็จะไม่กล่าวโทษคนที่ไม่มีความผิด เพราะว่าบุตรมนุษย์เป็นเจ้านายเหนือวันสะบาโต”

แล้วพระองค์จากสถานที่นั้นไป และเข้าไปในศาลาที่ประชุมของพวกเขา 10 มีชายมือลีบคนหนึ่งอยู่ที่นั่น พวกเขาถามพระองค์ว่า “ถูกต้องตามกฎบัญญัติหรือที่รักษาผู้คนในวันสะบาโต” เขาถามดังนั้นเพื่อจะได้ใช้เป็นข้อกล่าวหาพระองค์ 11 พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า “ถ้าคนใดคนหนึ่งในพวกท่านมีแกะตัวหนึ่งซึ่งตกบ่อในวันสะบาโต ท่านจะไม่คว้าและดึงตัวขึ้นไว้หรือ 12 แล้วมนุษย์คนหนึ่งมีค่ามากกว่าแกะเพียงไร ฉะนั้นการทำดีในวันสะบาโตถูกต้องตามกฎบัญญัติ” 13 ครั้นแล้วพระองค์กล่าวกับชายนั้นว่า “จงยื่นมือออกมาเถิด” เมื่อเขาทำตาม มือของเขาก็หายเป็นปกติเหมือนอีกข้างหนึ่ง 14 พวกฟาริสีจึงออกไป และปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรจึงฆ่าพระองค์ได้

ผู้รับใช้ที่พระเจ้าเลือก

15 พระเยซูทราบดีจึงเดินออกไปจากที่นั้น มีคนจำนวนมากติดตามพระองค์ไป และพระองค์รักษาทุกคนให้หายขาด 16 พระองค์สั่งพวกเขาไม่ให้บอกคนอื่นเกี่ยวกับพระองค์ 17 เพื่อว่าจะได้เป็นไปตามสิ่งที่กล่าวไว้โดยผ่านอิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า

18 “นี่คือผู้รับใช้ของเรา ซึ่งเป็นผู้ที่เราได้เลือกไว้แล้ว
    ผู้ที่เรารักและพึงพอใจยิ่งนัก
เราจะมอบวิญญาณของเราไว้ให้ท่าน
    และท่านจะประกาศความยุติธรรมแก่บรรดาคนนอก
19 ท่านจะไม่ทะเลาะวิวาทและร้องเสียงดัง
    และไม่มีใครได้ยินเสียงของท่านตามถนน
20 ไม้อ้อที่หักแล้วท่านจะไม่ทำลาย
    ไส้ตะเกียงที่ริบหรี่ท่านจะไม่ทำให้ดับ
    จนกว่าท่านจะมีชัยในความยุติธรรม
21 และบรรดาคนนอกจะฝากความหวังไว้กับท่าน”[e]

พระเยซูและเบเอลเซบูล

22 ครั้นแล้วมีคนพาชายใบ้ตาบอดซึ่งมีมารสิงอยู่มาหาพระองค์ พระองค์รักษาเขาให้หายขาด ชายใบ้จึงพูดได้และมองเห็น 23 คนทั้งปวงต่างก็อัศจรรย์ใจพากันพูดว่า “ชายผู้นี้เป็นบุตรของดาวิดหรือ” 24 เมื่อพวกฟาริสีได้ยินดังนั้นจึงพูดว่า “ชายผู้นี้ขับพวกมารออกได้โดยใช้เบเอลเซบูลหัวหน้าของพวกมารเท่านั้น” 25 พระเยซูทราบความคิดของคนเหล่านั้นจึงกล่าวว่า “อาณาจักรใดก็ตามที่แบ่งแยกกันเองก็จะพินาศ และบ้านหรือเมืองใดๆ ที่แบ่งแยกกันเองก็จะล่มสลาย 26 ถ้าซาตานขับซาตานออก มันก็แบ่งภาคออกจากกัน แล้วอาณาจักรของมันจะยืนหยัดได้อย่างไร 27 ถ้าเราขับมารโดยใช้เบเอลเซบูล แล้วผู้ติดตามของท่านเองล่ะ จะใช้ใครขับ ฉะนั้นแล้วเขาเหล่านั้นก็เป็นผู้ตัดสินความของท่าน 28 แต่ถ้าเราขับพวกมารโดยพระวิญญาณของพระเจ้า อาณาจักรของพระเจ้าก็มาถึงท่านแล้ว 29 การที่จะบุกรุกเข้าบ้านของคนที่มีกำลังมากและยึดทรัพย์สมบัติของเขาไป ก็จะต้องมัดตัวผู้ที่มีกำลังมากไว้เสียก่อน แล้วจึงจะปล้นเอาทรัพย์ไปจากบ้านได้ 30 ใครที่ไม่เป็นฝ่ายเราก็เป็นฝ่ายค้านเรา และคนที่ไม่เก็บรวบรวมกับเราก็กระจัดกระจายไป 31 ฉะนั้นเราขอบอกท่านว่า มนุษย์จะได้รับการยกโทษบาปและการหมิ่นประมาททุกประเภท แต่การหมิ่นประมาทพระวิญญาณจะไม่ได้รับการยกโทษ 32 ใครก็ตามที่กล่าวแย้งต่อบุตรมนุษย์ยังจะได้รับการยกโทษอยู่ แต่ใครก็ตามที่กล่าวแย้งพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะไม่ได้รับการยกโทษทั้งในยุคนี้และยุคที่จะมาถึง

33 ผลไม้ดีย่อมเกิดจากต้นไม้ดี ผลไม้เลวย่อมเกิดจากต้นไม้เลว เราดูคุณภาพของต้นไม้ได้จากผลของมัน 34 พวกชาติอสรพิษ ท่านเป็นคนชั่ว แล้วจะพูดสิ่งที่ดีได้อย่างไร ปากย่อมพูดแต่สิ่งที่อยู่ในใจ 35 คนดีย่อมส่งสิ่งดีที่สะสมอยู่ในใจออกมา และคนชั่วย่อมส่งสิ่งชั่วออกจากใจเช่นกัน 36 เราขอบอกท่านว่า ในวันพิพากษา มนุษย์ต้องรับผิดชอบคำพูดทุกคำที่เขาพูดโดยไม่ระวัง 37 ท่านจะพ้นผิดหรือจะถูกกล่าวโทษก็ตามแต่คำที่ท่านพูด”

ปรากฏการณ์อัศจรรย์ของโยนาห์

38 ครั้นแล้วอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติและฟาริสีบางคนจึงตอบพระองค์ว่า “อาจารย์ พวกเราต้องการเห็นปรากฏการณ์อัศจรรย์จากท่าน” 39 พระองค์กล่าวตอบพวกเขาว่า “คนในช่วงกาลเวลาอันชั่วโฉดและไม่ภักดีต่อพระเจ้าแสวงหาปรากฏการณ์อัศจรรย์แต่จะไม่ได้รับนอกจากปรากฏการณ์อัศจรรย์ของโยนาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเท่านั้น 40 โยนาห์อยู่ในท้องปลามหึมา 3 วัน 3 คืนฉันใด บุตรมนุษย์จะอยู่ที่ใจกลางโลก 3 วัน 3 คืนฉันนั้น 41 ชาวนีนะเวห์จะผงาดขึ้นในวันพิพากษา และกล่าวหาคนในช่วงกาลเวลานี้ ชาวนีนะเวห์ได้กลับใจเพราะคำประกาศของโยนาห์ และเวลานี้ผู้ที่เหนือกว่าโยนาห์อยู่ที่นี่แล้ว 42 ราชินีแห่งทิศใต้[f]จะลุกผงาดขึ้นในวันพิพากษา และกล่าวหาคนในช่วงกาลเวลานี้ ด้วยว่าพระนางมาจากปลายฟ้าเพื่อฟังสติปัญญาของกษัตริย์ซาโลมอน และบัดนี้ผู้ที่เหนือกว่ากษัตริย์ซาโลมอนอยู่ที่นี่

43 เมื่อวิญญาณร้ายออกมาจากคนหนึ่ง มันก็เที่ยวหาที่แล้งเพื่อพำนัก เมื่อไม่พบ 44 มันจึงพูดว่า ‘ข้าจะกลับไปยังบ้านที่ข้าจากมา’ เมื่อมาถึงก็กลับพบว่าบ้านนั้นว่าง ถูกปัดกวาดจนสะอาดเรียบร้อย 45 มันจึงไปเอาพวกวิญญาณอีก 7 ตนที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าเข้าไปอยู่ในบ้านนั้น ในที่สุดอาการของคนนั้นก็ทรุดหนักลงกว่าเดิม นั่นแหละเป็นทางที่จะเกิดขึ้นกับคนในช่วงกาลเวลาอันชั่วโฉดนี้”

มารดาและน้องชายของพระเยซู

46 ขณะที่พระองค์กำลังกล่าวกับฝูงชนอยู่ มารดาและพวกน้องชายที่ยืนอยู่ข้างนอกอยากจะพูดกับพระองค์ 47 และมีคนมาบอกพระองค์ว่า “มารดาและพวกน้องชายของท่านกำลังยืนอยู่ข้างนอกอยากจะพูดกับท่าน” 48 พระองค์ตอบคนที่มาบอกพระองค์ว่า “ใครเป็นมารดาและน้องชายของเรา” 49 พระองค์ชี้ไปทางสาวกของพระองค์และกล่าวว่า “นี่คือมารดาและพี่น้องของเรา 50 ใครก็ตามที่กระทำตามความประสงค์ของพระบิดาของเราในสวรรค์ คนนั้นก็เป็นพี่น้องชายหญิงและมารดาของเรา”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation