Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
อิสยาห์ 36-41

อัสซีเรียบุกยูดาห์

(2 พกษ. 18:13-37; 2 พศด. 32:1-19)

36 ในช่วงปีที่สิบสี่[a] ที่กษัตริย์เฮเซคียาห์[b] ปกครองยูดาห์ กษัตริย์เซนนาเคอริบ[c] ของอัสซีเรียได้ยกทัพขึ้นมาโจมตีเมืองต่างๆที่มีป้อมปราการของยูดาห์ และยึดเมืองเหล่านั้นไว้ได้ กษัตริย์อัสซีเรียได้ส่งแม่ทัพของเขาพร้อมกับกองทัพใหญ่จากเมืองลาคีช ไปหากษัตริย์เฮเซคียาห์ที่เมืองเยรูซาเล็ม แม่ทัพนั้นได้มาหยุดอยู่ข้างๆรางน้ำของสระด้านบน ตรงถนนที่มุ่งไปยังทุ่งของคนซักผ้า มีสามคนออกไปหาแม่ทัพคนนั้นที่นั่น คือเอลียาคิมผู้ดูแลวัง ที่เป็นลูกชายของฮิลคียาห์ เชบนาเลขานุการของกษัตริย์ และโยอาห์ผู้จดบันทึกที่เป็นลูกชายของอาสาฟ

แม่ทัพได้พูดกับพวกเขาว่า “ไปบอกเฮเซคียาห์ว่า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ คือกษัตริย์อัสซีเรีย พูดอย่างนี้ว่า

‘ทำไมเจ้าถึงได้มีความเชื่อมั่นขนาดนี้ ข้อตกลงกับพันธมิตรที่เจ้าหวังพึ่งนั้นมันก็แค่เพียงคำพูด เจ้าคิดว่ามันจะใช้แทนกลยุทธ์และกำลังทหารในสงครามได้หรือ เดี๋ยวนี้เจ้าไปพึ่งใครหรือ ถึงกล้ามากบฏกับเรา ดูดีๆว่าเจ้ากำลังพึ่งอียิปต์ ซึ่งเป็นเหมือนไม้เท้าต้นอ้อที่เดาะแล้ว ถ้าใครไปค้ำยันมัน มันก็จะแตกและเสียบมือของคนนั้น ฟาโรห์กษัตริย์ของอียิปต์ ก็จะเป็นอย่างนั้นกับคนที่มาพึ่งพิงเขา

แต่ถ้าเจ้าจะบอกเราว่า “เราเชื่อพึ่งในพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา” อ้าว เฮเซคียาห์ได้รื้อพวกสถานที่นมัสการและแท่นบูชาของพระนั้นทิ้งไปแล้วไม่ใช่หรือ และสั่งคนยูดาห์และคนในเยรูซาเล็มว่า “พวกเจ้าต้องนมัสการที่แท่นบูชานี้ที่อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเท่านั้น”

ตอนนี้ มาทำข้อตกลงกับกษัตริย์ของอัสซีเรีย เจ้านายของข้าดีกว่า ข้าจะให้ม้ากับเจ้าสองพันตัว ถ้าเจ้ามีปัญญาหาคนมาขี่พวกมันได้ ในเมื่อเจ้าและอียิปต์อ่อนแอซะขนาดนี้ เจ้ายังจะปฏิเสธอำนาจของข้าราชการตัวเล็กๆของเจ้านายข้า แล้วไปหวังพึ่งรถรบและทหารม้าของอียิปต์อีกหรือ

10 และตอนนี้ เจ้าคิดว่าที่ข้าขึ้นมาโจมตีแผ่นดินนี้เพื่อทำลายมัน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพระยาห์เวห์อย่างนั้นหรือ เป็นพระยาห์เวห์เองที่พูดกับข้าว่า “ขึ้นไปโจมตีแผ่นดินนี้และทำลายมันซะ”’”

11 แล้วเอลียาคิม เชบนา และโยอาห์ ตอบกับแม่ทัพไปว่า “ช่วยพูดกับพวกเราผู้รับใช้ของท่านเป็นภาษาอารเมคด้วยเถิด เพราะพวกเราเข้าใจภาษานั้น อย่าพูดกับพวกเราเป็นภาษาฮีบรูเลย เพราะไม่อยากให้พวกนั้นที่อยู่บนกำแพงได้ยิน”

12 แต่แม่ทัพนั้นตอบว่า “เจ้าคิดว่า เจ้านายข้าส่งข้ามาเพื่อพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้านายเจ้า และกับเจ้าเท่านั้นหรือยังไง เขาส่งให้ข้ามาพูดกับไอ้คนพวกนั้นที่นั่งอยู่บนกำแพงด้วย ไอ้พวกนั้นก็จะต้องกินขี้และเยี่ยวของตัวเอง[d]เหมือนกับพวกเจ้านั่นแหละ”

13 แล้วแม่ทัพก็ยืนขึ้นและร้องตะโกนเสียงดังเป็นภาษาฮีบรูว่า

“นี่เป็นคำพูดของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ คือกษัตริย์อัสซีเรีย 14 พระองค์พูดว่าอย่างนี้ ‘อย่าให้เฮเซคียาห์หลอกลวงเจ้า เพราะเขาไม่สามารถช่วยกู้พวกเจ้าได้หรอก 15 และอย่าให้เฮเซคียาห์ทำให้พวกเจ้าคิดจะพึ่งพระยาห์เวห์ เมื่อเขาพูดว่า “พระยาห์เวห์จะช่วยกู้พวกเราอย่างแน่นอน พระยาห์เวห์จะไม่ยอมให้เมืองนี้ตกไปอยู่ในกำมือของกษัตริย์อัสซีเรียเป็นอันขาด”

16 อย่าไปฟังเฮเซคียาห์ เพราะกษัตริย์อัสซีเรียพูดไว้ว่าอย่างนี้ “มาทำสัญญาสงบศึกกับข้าและออกมาจำนนต่อข้า แล้วพวกเจ้าแต่ละคนก็จะได้กินจากต้นองุ่นและต้นมะเดื่อของตัวเอง และดื่มจากบ่อเก็บน้ำของตน 17 จนกว่าเราจะมาและพาพวกเจ้าไปยังแผ่นดินที่เหมือนกับแผ่นดินของเจ้านี้ เป็นแผ่นดินที่มีข้าวและเหล้าองุ่นใหม่ มีขนมปังและสวนองุ่น”

18 ระวังให้ดี อย่าให้เฮเซคียาห์ทำให้เจ้าหลงผิดไป เมื่อเขาพูดว่า “พระยาห์เวห์จะช่วยกู้พวกเรา” เราขอถามเจ้าว่า “มีพระของชาติไหนบ้างที่เคยช่วยแผ่นดินของพวกเขาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย” 19 พวกพระของเมืองฮามัท[e]กับเมืองอารปัดไปไหนแล้ว พระของเมืองเสฟารวาอิมไปไหนแล้ว พวกพระของสะมาเรียสามารถช่วยกู้สะมาเรียจากเงื้อมมือของข้าได้หรือ 20 ในพวกพระทั้งหมดของประเทศเหล่านี้ มีพระองค์ไหนบ้างได้ช่วยประเทศของพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของข้า แล้วเจ้ายังคิดว่าพระยาห์เวห์จะสามารถช่วยเยรูซาเล็มให้พ้นจากเงื้อมมือข้าได้หรือ’”

21 แต่พวกเขาก็เงียบ ไม่ได้ตอบเขาสักคำ เพราะกษัตริย์เฮเซคียาห์ได้สั่งไว้ว่า “อย่าไปตอบมัน”

22 แล้วเอลียาคิมผู้ดูแลวัง ที่เป็นลูกชายของฮิลคียาห์ เชบนา เลขานุการของกษัตริย์ และโยอาห์ผู้จดบันทึกที่เป็นลูกชายของอาสาฟ ได้ไปหาเฮเซคียาห์ใส่เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งที่พวกเขาฉีกด้วยความโศกเศร้า และพวกเขาก็รายงานกษัตริย์ถึงสิ่งที่แม่ทัพนั้นพูด

เฮเซคียาห์ขอคำปรึกษาจากอิสยาห์

(2 พกษ. 19:1-13)

37 เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ได้ยินอย่างนั้น พระองค์ก็ฉีกเสื้อผ้าด้วยความโศกเศร้า แล้วเอาผ้ากระสอบมาสวมแทน และพระองค์ก็เข้าไปในวิหารของพระยาห์เวห์ พระองค์ได้ให้เอลียาคิมผู้ดูแลวัง เชบนาเลขานุการของพระองค์ และพวกนักบวชอาวุโส สวมผ้ากระสอบไปหาผู้พูดแทนพระเจ้าชื่ออิสยาห์ ลูกชายของอามอส

พวกเขาพูดกับอิสยาห์ว่า “กษัตริย์เฮเซคียาห์พูดไว้อย่างนี้ว่า ‘นี่เป็นเวลาแห่งความเดือดร้อน การลงโทษ และความอับอาย พวกเราเป็นเหมือนผู้หญิงพร้อมคลอดแล้ว แต่ไม่มีแรงเบ่งลูกออกมา ไม่แน่นะ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ยินคำพูดของแม่ทัพนั้นแล้ว กษัตริย์อัสซีเรียเจ้านายของเขาได้ส่งเขามาเพื่อเยาะเย้ยพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ และไม่แน่นะ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอาจจะลงโทษเขาเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ได้ อย่างนั้นช่วยอธิษฐานสำหรับคนของเราที่ยังเหลือรอดอยู่’”

เมื่อพวกข้าราชการของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาหาอิสยาห์ อิสยาห์บอกกับพวกเขาว่า “ให้บอกกับเจ้านายของพวกท่านว่า พระยาห์เวห์ได้พูดไว้ว่า ‘ไม่ต้องกลัวคำพูดต่างๆที่เจ้าได้ยินมา คือคำพูดที่พวกคนรับใช้ของกษัตริย์อัสซีเรียได้ลบหลู่เรานั้น ตัวเราเองจะทำให้กษัตริย์อัสซีเรียกังวลใจ เพื่อว่าเมื่อเขาได้ยินข่าวลือ เขาจะได้รีบกลับไปยังแผ่นดินของเขา แล้วเราจะทำให้เขาล้มตายลงด้วยดาบในแผ่นดินของเขาเอง’”

กองทัพอัสซีเรียถอยทัพจากเยรูซาเล็ม

กษัตริย์ของอัสซีเรียได้ออกจากเมืองลาคีชไปยังเมืองลิบนาห์ เมื่อแม่ทัพได้ยินอย่างนั้น เขาก็ไปยังเมืองลิบนาห์ และพบว่ากษัตริย์อัสซีเรียกำลังสู้รบอยู่กับเมืองนั้น ในเวลานั้น กษัตริย์อัสซีเรียได้ยินเกี่ยวกับกษัตริย์ทีระหะคาร์[f] แห่งเอธิโอเปียว่า “กษัตริย์ทีระหะคาร์ได้ยกทัพมาทำสงครามกับท่าน” เมื่อกษัตริย์อัสซีเรียได้ยินอย่างนั้น พระองค์ก็ส่งพวกผู้ถือสารไปหากษัตริย์เฮเซคียาห์ และสั่งพวกเขาว่า

10 “ให้ไปบอกกับกษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ด้วยว่า อย่าให้พระเจ้าที่เจ้าไว้วางใจนั้น หลอกลวงพวกเจ้า เมื่อพระองค์พูดว่า ‘เยรูซาเล็มจะไม่มีวันตกไปอยู่ในเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรียหรอก’[g] 11 ดูสิ เจ้าก็ได้ยินถึงสิ่งที่พวกกษัตริย์ของอัสซีเรียได้ทำกับแผ่นดินทั้งหมดนั้นแล้ว พวกเขาได้ทำลายพวกมันจนราบคาบ แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีรอดพ้นหรือ 12 มีพวกพระของชนชาติไหนบ้าง ที่ช่วยพวกเขาให้รอด ตอนที่ถูกบรรพบุรุษของข้าทำลาย พวกเขาได้ทำลายเมืองโกซาน ฮาราน เรเซฟ และประชาชนของเอเดน[h] ที่อาศัยอยู่ในเทลอัสสาร์ 13 แล้วกษัตริย์ของฮามัท กษัตริย์ของอารปัด กษัตริย์ของเมืองเสฟารวาอิม กษัตริย์ของเฮนา หรือกษัตริย์ของอิฟวาห์ หายไปไหนกันหมดแล้ว”

เฮเซคียาห์อธิษฐานถึงพระเจ้า

(2 พกษ. 19:14-19)

14 เฮเซคียาห์รับจดหมายจากพวกผู้ถือสารและอ่านมัน แล้วพระองค์ก็ขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์ แล้วเขาก็คลี่จดหมายฉบับนั้นออกต่อหน้าพระยาห์เวห์ 15 แล้วเขาก็อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า

16 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอล ผู้นั่งประทับบนบัลลังก์เหนือพวกเครูบ มีแต่พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นพระเจ้าของอาณาจักรทั้งหมดในโลก พระองค์เป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก 17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยเงี่ยหูของพระองค์ฟังด้วยเถิด ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยเปิดตาของพระองค์ดูด้วยเถิด ช่วยฟังคำพูดทั้งหมดของเซนนาเคอริบที่เขาได้ส่งมา เพื่อเยาะเย้ยพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ด้วยเถิด

18 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ก็จริงอยู่ที่พวกกษัตริย์อัสซีเรียได้ทำลายชนชาติทั้งหลายรวมทั้งแผ่นดินของพวกเขาด้วย 19 และได้โยนพวกพระของพวกนั้นลงในไฟ แต่พระพวกนั้นไม่ได้เป็นพระเจ้าจริง แต่เป็นฝีมือมนุษย์ที่ทำขึ้นมาจากไม้และหิน พวกมันก็เลยถูกทำลายไป 20 ดังนั้น ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเรา ตอนนี้ช่วยกู้พวกเราให้พ้นจากมือของกษัตริย์อัสซีเรียด้วยเถิด เพื่ออาณาจักรทั้งหมดในโลกนี้จะได้รู้ว่า พระองค์ พระยาห์เวห์คือพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”

พระเจ้าตอบเฮเซคียาห์

(2 พกษ. 19:20-34)

21 จากนั้นอิสยาห์ลูกชายของอามอส ได้ส่งคนไปบอกเฮเซคียาห์ว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลพูด คือ ‘เจ้าได้อธิษฐานถึงเราเกี่ยวกับเซนนาเคอริบกษัตริย์ของอัสซีเรีย’

22 ดังนั้น ให้รู้ว่านี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับเขาว่า

‘เซนนาเคอริบเอ๋ย
    ศิโยนสาวพรหมจรรย์ได้ดูถูกเจ้า
เธอหัวเราะเยาะเจ้า
    นางสาวเยรูซาเล็มส่ายหัวเยาะเย้ยเจ้าในขณะที่เจ้าวิ่งหนี
23 เจ้าดูถูกใครหรือพูดหมิ่นประมาทใครรู้รึเปล่า
    เจ้าขึ้นเสียงใส่ใครรู้รึเปล่า
เจ้าเหยียดตาใส่ใครรู้รึเปล่า
    เจ้าได้ทำใส่เราผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอล
24 เจ้าได้เย้ยองค์เจ้าชีวิตผ่านทางพวกผู้รับใช้ที่เจ้าส่งมา
    เจ้าพูดว่า “ข้าได้ปีนขึ้นไปถึงยอดเขา ยอดที่สูงที่สุดในเลบานอนด้วยรถรบมากมายของข้า
ข้าได้โค่นพวกต้นซีดาร์ที่สูงที่สุดของมันและต้นสนที่ดีที่สุดของมัน
    ข้าได้ไปถึงยอดเขาที่ไกลลิบลิ่วของมัน ข้าไปถึงป่าที่ดีที่สุดของมัน
25 ข้าได้ขุดบ่อน้ำไปทั่วในต่างแดน[i]และดื่มจากบ่อน้ำพวกนั้น
    ข้าได้เหยียบย่ำน้ำในลำธารทั้งหลายของอียิปต์จนมันเหือดแห้งไป”

26 กษัตริย์ของอัสซีเรีย เจ้าไม่เคยได้ยินหรือเรื่องที่เราได้กำหนดไว้นานมาแล้ว
    เรื่องที่เราได้วางแผนตั้งแต่สมัยโบราณ
แล้วตอนนี้เรากำลังทำให้มันเกิดขึ้น
    คือเราได้ให้เจ้าทำลายป้อมปราการของเมืองต่างๆให้กลายเป็นกองซากปรักหักพัง
27 ในขณะที่พลเมืองที่ขาดกำลังของเมืองเหล่านั้นกำลังตกใจกลัวและอับอาย
    พวกเขาเป็นเหมือนพืชที่ท้องทุ่ง เป็นเหมือนหญ้าอ่อน
    เป็นเหมือนหญ้าที่ขึ้นบนดาดฟ้า
    และถูกเผาแห้งไปด้วยลมตะวันออก[j]
28 เรารู้แม้กระทั่งเวลาที่เจ้ายืนขึ้นหรือนั่งลง
    เวลาที่เจ้าออกไปหรือเข้ามา
    และเราก็รู้ตอนที่เจ้าเกรี้ยวกราดใส่เรา
29 เพราะเจ้าเกรี้ยวกราดใส่เรา เราได้ยินคำพูดที่หยิ่งยโสของเจ้า
    อย่างนั้น เราจะเอาขอเกี่ยวจมูกของเจ้า เอาบังเหียนของเราใส่ปากเจ้า
    และเราจะนำเจ้ากลับไปตามทางที่เจ้ามา’”

30 เฮเซคียาห์ นี่จะเป็นเรื่องที่พิสูจน์ว่าสิ่งที่เราพูดนี้จะเกิดขึ้นจริง คือในปีแรกนี้จะปลูกอะไรไม่ได้เลย ก็ให้กินข้าวที่งอกขึ้นมาเองก่อน ในปีที่สอง ก็ให้กินสิ่งที่เกิดขึ้นเองอีก ในปีที่สาม ก็ให้เจ้าหว่านข้าว และเก็บเกี่ยวมันและให้ปลูกสวนองุ่นและกินผลของมัน 31 คนในครอบครัวยูดาห์ที่ยังหลงเหลืออยู่ จะเป็นเหมือนต้นไม้หยั่งรากลงข้างล่างและออกผลขึ้นข้างบน 32 แล้วคนที่ยังเหลืออยู่ก็จะแผ่ขยายออกไปจากเยรูซาเล็ม คนที่ยังรอดชีวิตบางคนก็จะออกมาจากภูเขาศิโยน ความรักอันแรงกล้าของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นก็จะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ

33 แล้วนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับกษัตริย์อัสซีเรีย

“เขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองเยรูซาเล็ม
    เขาจะไม่ได้ยิงธนูใส่เมืองนี้หรอก
เขาจะไม่ได้ถือโล่มาเผชิญหน้ากับเมืองนี้
    เขาจะไม่ได้สร้างเนินดินบุกขึ้นกำแพง
34 เขาจะต้องกลับไปทางเดิมที่เขามา
    เขาจะไม่ได้เข้าเมืองหรอกพระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
35 เพราะเราจะป้องกันเมืองนี้ เพื่อให้มันรอด
    เราจะทำสิ่งนี้เพื่อเห็นแก่เราเอง และเพื่อเห็นแก่ดาวิดคนรับใช้ของเรา”

กองทัพของอัสซีเรียถูกทำลาย

(2 พกษ. 19:35-37)

36 แล้วทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ก็ออกไป และฆ่าทหารในค่ายของอัสซีเรียไปหนึ่งแสนแปดหมื่นห้าพันคน เมื่อคนตื่นขึ้นในตอนเช้า ก็เห็นศพเกลื่อนกลาดไปหมด 37 ดังนั้นเซนนาเคอริบ กษัตริย์ของอัสซีเรียก็กลับบ้าน และไปอาศัยอยู่ที่นีนะเวห์

38 วันหนึ่ง ในขณะที่ท่านกำลังนมัสการอยู่ในวัดของนิสรคพระของท่านอยู่นั้น พวกลูกชายของท่านคืออัดรัมเมเลค และชาเรเซอร์ ก็ได้ฆ่าท่านด้วยดาบ และพวกเขาก็หนีไปที่แผ่นดินอารารัต แล้วลูกของท่านคือ เอสารฮัดโดน ก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอัสซีเรียแทนท่าน

เฮเซคียาห์ป่วย

(2 พกษ. 20:1-11; 2 พศด. 32:24-26)

38 ในช่วงนั้นเฮเซคียาห์ป่วยใกล้ตายแล้ว อิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าลูกชายของอามอสก็ได้มาหาท่านและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด ‘ให้สั่งเสียคนในครัวเรือนของเจ้าให้เรียบร้อย เพราะเจ้ากำลังจะตาย เจ้าจะไม่หายหรอก’”

แล้วเฮเซคียาห์ก็หันหน้าเข้าข้างฝา และอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ ท่านพูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอได้โปรดอย่าลืมว่าข้าพเจ้านั้นได้รับใช้พระองค์อย่างสัตย์ซื่อด้วยสุดหัวใจของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้ทำในสิ่งที่พระองค์เห็นว่าดี” แล้วเฮเซคียาห์ก็ร้องห่มร้องไห้เสียงดัง

แล้วอิสยาห์ก็ได้รับข้อความจากพระยาห์เวห์ว่า “ไปหาเฮเซคียาห์และบอกกับเขาว่า พระยาห์เวห์ พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของท่าน พูดว่าอย่างนี้ ‘เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้า และได้เห็นน้ำตาของเจ้า เราจะต่อชีวิตให้กับเจ้าอีกสิบห้าปี เราจะช่วยกู้เจ้าและเมืองนี้ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย และเราก็จะป้องกันเมืองนี้ไว้’”

แล้วนี่จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้ท่านเห็นว่า พระยาห์เวห์จะทำในสิ่งที่พระองค์ได้บอก พระยาห์เวห์พูดว่า “คอยดูนะ เราจะทำให้เงาที่ทอดยาวไปบนขั้นบันไดของอาหัส[k] ย้อนถอยหลังกลับไปสิบขั้น” แล้วเงาของดวงอาทิตย์ที่ได้ทอดยาวไปแล้วนั้น ก็ได้ถอยหลังกลับไปสิบขั้น

เฮเซคียาห์ขอบคุณพระยาห์เวห์

ต่อไปนี้คือสิ่งที่เฮเซคียาห์กษัตริย์ของยูดาห์เขียนขึ้นมา หลังจากที่ท่านป่วยและหายดีแล้ว

10 ตอนนั้นข้าพูดว่า “ในช่วงกลางคน ข้าจะต้องไปซะแล้ว
    แล้วใช้วันปีที่เหลือข้างในประตูแห่งแดนผู้ตาย”
11 ตอนนั้นข้าพูดว่า “ข้าจะไม่ได้เห็นพระยาห์เวห์ในแดนของคนเป็นอีกแล้ว
    ข้าจะไม่ได้เห็นคนหรืออยู่กับคนที่อาศัยอยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว
12 ชั่วชีวิตของข้าก็ถูกรื้อลงและเอาไปจากข้าเหมือนเต็นท์ของผู้เลี้ยงแกะ
    ชีวิตของข้าถูกม้วนเก็บเหมือนกับคนทอผ้าม้วนผ้า
พระองค์ตัดข้าออกจากหูกทอผ้า
    พระองค์จบชีวิตของข้าในวันเดียว
13 ข้าร้องขอความช่วยเหลือจนถึงเช้า
    พระองค์หักกระดูกทั้งหมดของข้าเหมือนสิงโต
    พระองค์จบชีวิตของข้าในวันเดียว
14 ข้าร้องเหมือนกับนกนางแอ่นและนกกระเรียน
    ข้าร้องคร่ำครวญเหมือนนกเขา
ตาของข้าเมื่อยล้าจากการมองขึ้นไปบนสวรรค์
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าถูกกดขี่ข่มเหง ช่วยประกันตัวข้าออกไปด้วยเถิด
15 เมื่อพระเจ้าบอกว่าจะทำอะไร ข้าจะทำอะไรได้
    และพระองค์เป็นผู้ทำมันเอง
    ข้านอนไม่หลับ[l] เพราะความทุกข์ในใจ
16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ มนุษย์เราอยู่ได้เพราะสิ่งที่พระองค์พูดและทำ
    สิ่งทั้งหมดนั้นทำให้ข้าพเจ้ามีชีวิต
ขอคืนสุขภาพที่แข็งแรงให้กับข้าพเจ้า
    และให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยเถิด”

17 ดูเถอะ ที่ข้ามีความทุกข์มากนั้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อข้า
    พระองค์ได้ไว้ชีวิตของข้าไม่ให้ตกลงไปในหลุมแห่งความพินาศ
    พระองค์ได้เอาความบาปทั้งหมดของข้าเหวี่ยงทิ้งไปด้านหลังพระองค์
18 คนในแดนคนตายไม่สามารถขอบคุณพระองค์ได้
    คนตายก็ไม่สามารถสรรเสริญพระองค์ได้
    คนเหล่านั้นที่ลงไปยังหลุมก็ไม่สามารถหวังพึ่งในความสัตย์ซื่อของพระองค์ได้
19 มีแต่คนเป็น คนเป็นเท่านั้นที่ขอบคุณพระองค์ได้เหมือนกับที่ข้าพเจ้าทำในวันนี้
    พวกพ่อจะสอนลูกๆของเขาเกี่ยวกับความสัตย์ซื่อของพระองค์
20 พระยาห์เวห์พร้อมที่จะช่วยกู้ข้าพเจ้าเสมอ
    ดังนั้น พวกเราจะเล่นเครื่องสายตลอดชีวิตของพวกเราที่วิหารของพระยาห์เวห์

21 อิสยาห์ได้บอกพวกคนรับใช้ของกษัตริย์เฮเซคียาห์ว่า “ให้เอามะเดื่อมาอัดกันเป็นก้อนแล้วโปะเข้าไปที่แผลเปื่อยของเขา แล้วเขาก็จะหาย” 22 เฮเซคียาห์ถามอิสยาห์ว่า “จะมีอะไรพิสูจน์ว่าข้าพเจ้าจะได้ขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์อีก”[m]

พวกทูตจากบาบิโลน

(2 พกษ. 20:12-19)

39 หลังจากนั้นไม่นาน กษัตริย์เมโรดัคบาลาดัน[n] ลูกชายของบาลาดันแห่งบาบิโลนได้ส่งพวกทูตถือพวกจดหมายและของขวัญมาให้กับเฮเซคียาห์ เพราะเมโรดัคบาลาดันได้ยินข่าวว่าเฮเซคียาห์ป่วยและตอนนี้หายดีแล้ว เฮเซคียาห์ได้ต้อนรับพวกทูตเหล่านั้น และพาพวกเขาไปดูคลังสมบัติของเขา ทั้งเงินทองและเครื่องเทศต่างๆรวมทั้งน้ำมันที่มีค่า คลังอาวุธทั้งหมด และทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในพวกคลังเก็บของ เฮเซคียาห์พาพวกเขาไปดูทุกซอกทุกมุมของวังและทั่วราชอาณาจักรของเขา

แล้วอิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า ก็ได้มาหากษัตริย์เฮเซคียาห์ และพูดกับเขาว่า “คนพวกนี้มาพูดอะไร และพวกเขามาหาท่านจากที่ไหนกัน”

เฮเซคียาห์ตอบว่า “พวกเขามาหาข้าจากแดนไกลโน้น มาจากบาบิโลน”

อิสยาห์ถามอีกว่า “พวกเขาเห็นอะไรบ้างในวังของท่าน”

เฮเซคียาห์ตอบว่า “พวกเขาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในวังของข้า ไม่มีอะไรเลยในพวกคลังเก็บของของข้า ที่ข้าไม่ได้ให้พวกเขาดู”

แล้วอิสยาห์ก็บอกกับเฮเซคียาห์ว่า “ฟังให้ดี นี่คือข่าวสารจากพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น เวลานั้นกำลังจะมาถึง ที่ทุกสิ่งทุกอย่างในวังของท่าน รวมทั้งทุกสิ่งที่บรรพบุรุษของท่านได้เก็บสะสมมาให้จนถึงทุกวันนี้ จะถูกขนย้ายไปที่บาบิโลน จะไม่มีอะไรเหลือเลย พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนั้น พวกเขาจะเอาลูกๆของท่านบางคนไป พวกลูกชายของท่านเอง พวกเขาจะกลายเป็นพวกขันทีในวังของกษัตริย์บาบิโลน”

แล้วเฮเซคียาห์ก็พูดกับอิสยาห์ว่า “ข่าวสารของพระยาห์เวห์ที่ท่านพูดมานั้นดี” เพราะเขาคิดว่า “ในช่วงสมัยของข้า จะมีสันติสุขและความมั่นคงปลอดภัย”

การลงโทษของอิสราเอลจะสิ้นสุดลง

40 พระเจ้าของพวกเจ้าพูดว่า
    “ให้ปลอบโยน ให้ปลอบโยนชนชาติของเรา
ให้พูดกับคนเยรูซาเล็มอย่างอ่อนโยน
    และให้บอกกับเธอว่าการเป็นทาสรับใช้ของเธอนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว
เธอได้ใช้หนี้บาปของเธอแล้ว
    พระยาห์เวห์ได้ลงโทษเธอเป็นสองเท่าแล้วสำหรับบาปทั้งหมดของเธอ”
มีเสียงหนึ่งร้องว่า
    “ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง ให้เตรียมทางสำหรับพระยาห์เวห์
    ให้สร้างทางหลวงให้ตรงไปให้กับพระเจ้าของเราในทะเลทราย
ทุกๆหุบเขาจะถูกถมให้สูงขึ้น
    ทุกๆภูเขาและเนินเขาจะถูกปราบให้แบนราบลง
พื้นที่ลุ่มๆดอนๆจะเสมอกันไปหมด
    พื้นที่ที่ขรุขระจะราบเรียบ
แล้วสง่าราศีของพระยาห์เวห์ก็จะถูกเปิดเผยออกมา
    และมนุษย์ทุกคนก็จะได้เห็นมันพร้อมๆกัน
    เพราะปากของพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาออกมาอย่างนี้”

มีเสียงหนึ่งบอกว่า “ตะโกนสิ”
    แต่ข้าบอกว่า “จะให้ข้าตะโกนอะไรหรือ
มนุษย์ทุกคนก็เป็นเหมือนหญ้า
    และความจงรักภักดีของเขาเป็นเหมือนดอกไม้ในทุ่ง
หญ้าเหี่ยวแห้งไป ดอกไม้ก็ร่วงโรยไป
    เมื่อลมจากพระยาห์เวห์เป่าไปถูกมัน”
    เสียงนั้นตอบว่า “ใช่แล้ว มนุษย์เป็นเหมือนหญ้า
หญ้าก็เหี่ยวแห้งไป ดอกไม้ก็ร่วงโรยไป
    แต่พระคำของพระเจ้าของเราจะยั่งยืนตลอดกาล”

ศิโยนเอ๋ย ผู้นำข่าวดี
    ขึ้นไปบนภูเขาสูงสิ แล้วตะโกนให้สุดเสียงของเจ้า
เยรูซาเล็มเอ๋ย ผู้นำข่าวดี
    ร้องตะโกนให้ดังๆไม่ต้องกลัว บอกเมืองต่างๆของยูดาห์ว่า
    “นี่ไง พระเจ้าของพวกเจ้า”
10 ดูสิ พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตกำลังมาด้วยพลังอันเกรียงไกร
    พระองค์จะปกครองด้วยแขนอันทรงพลังของพระองค์
พระองค์เอารางวัลมาให้
    และพระองค์จะจ่ายค่าตอบแทนให้แต่ละคน
11 พระองค์จะนำหน้าฝูงแกะของพระองค์อย่างผู้เลี้ยงแกะ
    พระองค์จะรวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมแขนของพระองค์
    และอุ้มพวกมันไว้ในอ้อมอกและนำแม่แกะไปหาน้ำ

ใครเล่าเป็นเหมือนพระยาห์เวห์

12 ใครหนอ ที่ตวงน้ำทั้งทะเลได้ด้วยอุ้งมือเดียวหรือวัดท้องฟ้าได้ในหนึ่งคืบ
    และใครกันที่สามารถถือฝุ่นทั้งโลกในถ้วยตวงเดียว
    หรือชั่งพวกภูเขาบนตาชั่งและพวกเนินเขาบนตราชู
13 มีใครหรือที่ชี้ทางให้กับพระวิญญาณของพระยาห์เวห์
    และสั่งสอนพระองค์เหมือนเป็นที่ปรึกษาของพระองค์
14 พระองค์ต้องปรึกษาใครหรือ เพื่อจะได้เข้าใจอย่างถ่องแท้
    พระองค์ต้องให้ใครมาสอนพระองค์เรื่องความยุติธรรมหรือ
ใครสอนให้พระองค์มีความรู้
    ใครเล่าเรื่องทางแห่งสติปัญญาให้พระองค์เข้าใจหรือ
15 ดูสิ ชนชาติทั้งหลายเปรียบเหมือนน้ำหยดเดียวในถัง
    หรือถือเป็นแค่ขี้ฝุ่นบนตราชั่ง
    ดูสิ พระองค์ยกเกาะทั้งหลายเหมือนผงฝุ่น
16 จะเอาไม้ทั้งป่าเลบานอนมาเป็นฟืนเผาเครื่องบูชาให้กับพระองค์
    และสัตว์ทั้งหมดของเลบานอนมาเผาเป็นเครื่องบูชาก็ยังไม่สมกับเกียรติของพระองค์
17 ต่อหน้าพระองค์ ชนชาติทั้งหมดอย่างกับเป็นศูนย์เลย
    พระองค์ถือว่าชนชาติทั้งหมดนั้นน้อยกว่าศูนย์และไร้ค่า
18 เจ้าจะเปรียบพระเจ้าเหมือนใครหรือ
    จะเอารูปอะไรมาเปรียบกับพระองค์หรือ
19 จะเปรียบพระองค์เหมือนรูปเคารพหรือ
    ที่ช่างหล่อขึ้นมาแล้วช่างทองก็เอาทองมาหุ้มไว้
    และทำสร้อยเงินให้กับมัน
20 ส่วนคนที่ยากจนก็จะเลือกไม้ที่จะไม่ผุมา
    แล้วหาช่างไม้ที่เก่งๆมาแกะสลักรูปเคารพที่จะไม่ล้มคว่ำลงมา
21 พวกเจ้าไม่เคยรู้หรือ
    พวกเจ้าไม่เคยได้ยินหรือ
ไม่เคยมีใครบอกพวกเจ้าตั้งแต่แรกหรือ
    พวกเจ้าไม่เคยเข้าใจเรื่องที่เป็นจริงตั้งแต่วางรากสร้างโลกมาหรือ
22 คือพระองค์เป็นผู้นั้นที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์
    เหนือวงกลมของโลกนี้
และเมื่อพระองค์มองลงมา
    พวกที่อาศัยอยู่บนมันก็เป็นเหมือนกับตั๊กแตน
พระองค์เป็นผู้ที่ขึงฟ้าสวรรค์ออกเหมือนขึงผ้าเต็นท์
    และกางมันออกเหมือนกางเต็นท์ให้อยู่
23 พระองค์เป็นผู้ที่ทำให้พวกผู้ครอบครองหมดสภาพไป
    และทำให้พวกผู้พิพากษาของโลกนี้กลายเป็นศูนย์
24 พวกนั้นเป็นเหมือนกับพวกพืชที่เพิ่งจะหว่านยังไม่ทันลงรากเลย
    พระองค์ก็เป่าพวกมันซะแล้ว
แล้วพวกเขาก็เหี่ยวแห้งไป
    แล้วพายุก็มาพัดพวกเขาไปเหมือนฟาง
25 องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์พูดว่า “พวกเจ้าจะเปรียบเรากับใครหรือ
    ใครจะมาเทียบกับเราได้หรือ”
26 เงยหน้าขึ้นและมองซะ
    ใครเป็นผู้ที่สร้างสิ่งเหล่านี้
พระองค์ได้นำกองทัพหมู่ดาวเหล่านั้นออกมาทีละดวง
    และเรียกชื่อมันแต่ละดวง ไม่มีสักดวงที่ขัดขืนไม่ออกมา
เพราะพระองค์มีพลังอันมหาศาล
    และฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่

27 ยาโคบเอ๋ย ทำไมเจ้าถึงบ่นอย่างนี้
    อิสราเอลเอ๋ย ทำไมเจ้าถึงพูดว่า
“พระยาห์เวห์มองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้า
    และพระเจ้าของข้าก็ไม่เห็นสนใจที่จะให้ความยุติธรรมกับข้าเลย”
28 เจ้าไม่รู้หรือ เจ้าไม่เคยได้ยินหรือ ที่ว่า
    พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าตลอดมาและตลอดไป เป็นผู้สร้างทั้งโลก
พระองค์ไม่เคยเหนื่อยหรือหมดเรี่ยวแรง
    ไม่มีใครหยั่งรู้ถึงสติปัญญาของพระองค์ได้
29 พระองค์ให้เรี่ยวแรงกับคนที่เหน็ดเหนื่อย
    และเพิ่มกำลังให้กับคนที่หมดเรี่ยวแรง
30 แม้คนหนุ่มๆจะเหนื่อยและหมดเรี่ยวแรง
    และชายหนุ่มจะสะดุดล้มลง
31 แต่คนเหล่านั้นที่ฝากความหวังไว้กับพระยาห์เวห์จะมีกำลังขึ้นมาใหม่
    และจะบินสูงขึ้นไปเหมือนติดปีกนกอินทรี[o]
พวกเขาจะวิ่งและจะไม่หมดเรี่ยวแรง
    พวกเขาจะเดินและจะไม่เหนื่อย

พระยาห์เวห์อยู่เบื้องหลังประวัติศาสตร์

41 พระยาห์เวห์พูดว่า
    “พวกเจ้าที่อยู่ตามชายฝั่งทะเลและเกาะทั้งหลาย ให้ฟังเราอย่างเงียบๆ
ชนชาติทั้งหลาย ให้เข้มแข็งไว้
    ให้พวกเขาเข้ามาใกล้ๆและให้พวกเขาพูด
    ให้พวกเรามาเจอกันเพื่อขึ้นศาลตัดสินคดีกัน
ใครยุแหย่ชายคนนั้นที่มาจากทางทิศตะวันออก[p]
    เขามีแต่ชัยชนะในทุกย่างก้าวของเขา
พระยาห์เวห์ได้ส่งมอบชนชาติต่างๆให้กับเขา
    เขาจึงเหยียบย่ำพวกกษัตริย์ไว้ใต้เท้าเขา
เขาใช้ดาบทำให้พวกนั้นกลายเป็นเหมือนฝุ่น
    เขาใช้คันธนู ทำให้พวกนั้นกระจายไปเหมือนฟางถูกลมพัด
เขาไล่ตามพวกนั้นไปและไม่ได้รับบาดเจ็บด้วย
    เขาเร็วจนเท้าแทบไม่ติดพื้น
ใครกันที่ทำสิ่งนี้ และใครกันที่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นมา
    ใครกันที่ควบคุมประวัติศาสตร์ตั้งแต่แรก
เป็นเราเอง ยาห์เวห์
    เราอยู่ตอนเริ่มแรก
    และเราก็จะอยู่ตอนจบ
พวกคนที่อยู่ตามแถบชายฝั่งและหมู่เกาะต่างๆได้เห็นผู้พิชิตที่เรายกขึ้นมาและเกิดความเกรงกลัว
    สุดปลายโลกก็กลัวจนสั่นเทิ้ม
    พวกเขาได้เข้ามาใกล้และได้มาถึงแล้ว
พวกเขาช่วยเหลือกันและกัน
    และคนหนึ่งพูดกับอีกคนหนึ่งว่า ‘ให้เข้มแข็งไว้’
ช่างแกะสลักไม้ให้กำลังใจช่างทอง
    ช่างที่ใช้ค้อนเคาะเหล็กให้เรียบก็ให้กำลังใจช่างตีเหล็กขึ้นรูป
ช่างตีเหล็กขึ้นรูปก็พูดเกี่ยวกับงานเชื่อมว่า ‘มันดีแล้ว’
    และเขาก็ตอกตะปูยึดรูปเคารพนั้นไว้เพื่อไม่ให้มันล้มลงมา”

พระยาห์เวห์พูดว่า “แต่เจ้า อิสราเอล ผู้รับใช้ของเราเอ๋ย
    ยาโคบ คนที่เราได้เลือกมาเอ๋ย
    และลูกหลานของอับราฮัมเพื่อนเราเอ๋ย
เจ้าผู้ที่เราได้นำมาจากสุดปลายแผ่นดินโลก
    เจ้าผู้ที่เราได้เรียกมาจากไกลสุดขอบโลก
เจ้าที่เราได้พูดว่า ‘เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
    เราได้เลือกเจ้าและไม่ได้ทอดทิ้งเจ้า’
10 ไม่ต้องกลัว เพราะเราอยู่กับเจ้า
    อย่ากลัวเลย เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า
เราจะทำให้เจ้ามีกำลัง ใช่แล้ว เราจะช่วยเจ้า
    เราจะพยุงเจ้าด้วยมือขวาแห่งชัยชนะของเรา

พระยาห์เวห์จะดูแลคนอิสราเอล

11 ดูสิ คนทั้งหลายที่โกรธเคืองเจ้าจะได้รับความอับอายขายหน้า
    พวกนั้นที่ต่อต้านเจ้าจะเป็นอย่างกับศูนย์และพินาศไป
12 เจ้าจะมองหาคนพวกนั้นที่ต่อสู้กับเจ้าแต่จะหาไม่เจอ
    คนพวกนั้นที่ทำสงครามกับเจ้าจะเป็นอย่างกับศูนย์ไปเลย
13 เพราะเรา ยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้ากำลังจับมือขวาของเจ้าไว้
    เป็นเราเอง ที่กำลังพูดกับเจ้าว่า ‘ไม่ต้องกลัว เราจะช่วยเจ้า’”
14 พระยาห์เวห์พูดว่า “อย่ากลัวเลย ยาโคบ เจ้าหนอนตัวน้อย
    อย่ากลัวเลย อิสราเอล เจ้าหนอนผีเสื้อตัวน้อย
ตัวเราเองจะช่วยเจ้า
    ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลคือผู้ที่ปกป้องเจ้า
15 ดูสิ เราจะทำให้เจ้าเป็นเลื่อนนวดข้าว
    ที่แหลมคม ใหม่ และมีซี่ฟันมากมาย
เจ้าจะนวดและบดภูเขาต่างๆ
    เจ้าจะทำให้เนินเขาต่างๆเป็นเหมือนแกลบ
16 เจ้าจะฟัดร่อนพวกมัน แล้วลมก็จะพัดพวกมันไป
    พายุก็จะพัดให้พวกมันกระจายไป
แล้วเจ้าก็จะชื่นชมยินดีในพระยาห์เวห์
    เจ้าก็จะภาคภูมิใจในผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล
17 เมื่อคนจนและคนขัดสนแสวงหาน้ำแต่ไม่มีน้ำ
    แล้วลิ้นของพวกเขาก็แห้งผากด้วยความกระหาย
เรา ยาห์เวห์ ก็จะตอบพวกเขา
    เรา พระเจ้าของอิสราเอล จะไม่ทอดทิ้งพวกเขา
18 เราจะทำให้เกิดแม่น้ำหลายสายไหลอยู่บนที่สูงที่ว่างเปล่านั้น
    แล้วทำให้เกิดพวกตาน้ำท่ามกลางหุบเขาเหล่านั้น
และจะทำให้ทะเลทรายกลายเป็นทะเลสาบ
    และทำให้ที่ดินแห้งกลายเป็นตาน้ำ
19 เราจะปลูกต้นซีดาร์ในทะเลทรายนั้น รวมทั้งต้นกระถิน ไม้พุ่มหอม และต้นมะกอก
    เราจะปลูกต้นสนไซเพรส ต้นสนเฟอร์ และต้นสนไพน์ไว้ด้วยกัน
20 เราจะทำอย่างนี้ เพื่อทุกคนจะได้เห็นและรู้
    และพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้และเข้าใจว่า
เป็นมือของพระยาห์เวห์ที่ได้ทำสิ่งนี้
    ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอลเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา

พระยาห์เวห์ได้ท้าทายพวกพระปลอม

21 พระยาห์เวห์พูดว่า ‘พวกพระจอมปลอมทั้งหลาย นำคดีของเจ้ามาดูสิ’
    กษัตริย์ของยาโคบพูดว่า ‘เอาหลักฐานต่างๆของเจ้ามาดูสิ’
22 ให้พวกพระปลอมพวกนั้นเข้ามาและบอกเราหน่อยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
    ให้บอกเราถึงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีต บอกความหมายของเหตุการณ์เหล่านั้น
เพื่อเราจะพิจารณาสิ่งเหล่านั้น
    และจะได้รู้ว่าผลออกมาเป็นยังไง
    หรือไม่ก็บอกเราว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
23 บอกเราหน่อยสิว่าต่อไปนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น
    เพื่อเราจะได้รู้แน่ๆว่าพวกเจ้าเป็นพระแท้จริง
หรืออย่างน้อยก็ทำอะไรสักอย่าง
    เรื่องดีหรือร้ายก็ได้ เราจะได้พากันขยาดกลัว
24 ดูสิ เจ้านี่มันน้อยกว่าศูนย์เสียอีก ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย
    และใครก็ตามที่เลือกที่จะนมัสการเจ้า มันช่างน่าขยะแขยงเสียจริงๆ”

25 “เราได้ยั่วยุชายคนหนึ่งจากทิศเหนือ
    และเขาก็ได้มาแล้ว
เราได้เรียกเขาตามชื่อของเขาให้มาจากทางทิศตะวันออก[q]
    เขาได้เหยียบย่ำพวกผู้นำเหมือนโคลน
    เหมือนกับช่างปั้นหม้อเหยียบย่ำดินเหนียว
26 ใครได้ทำนายเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เพื่อเราจะได้รู้
    ใครได้ประกาศล่วงหน้า เพื่อเราจะได้พูดว่า ‘เขาแม่นจริงๆ’”
จริงๆแล้ว ไม่มีใครได้ทำนายเรื่องนี้ จริงๆแล้ว ไม่มีใครประกาศเรื่องนี้
    ไม่มีใครได้ยินพวกเจ้าพูดสักคำ
27 เราได้ประกาศเรื่องนี้ให้ศิโยนรู้ล่วงหน้าว่า “ดูสิ กองทัพของเขากำลังมา”
    เราได้ส่งผู้ส่งข่าวไปบอกเรื่องนี้ในเยรูซาเล็ม
28 แต่เมื่อเรามองดูพระปลอมพวกนั้น
    ไม่เห็นมีใครให้คำปรึกษาได้เลย
    เมื่อเราถามพวกมันก็ไม่มีใครตอบอะไรได้
29 ดูสิ พระปลอมพวกนั้นเป็นแค่ภาพลวงตา
    พวกมันทำอะไรไม่ได้เลย
    รูปปั้นของพวกมันว่างเปล่าเหมือนลม

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International