Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
ปัญญาจารย์ 9-12

จุดหมายปลายทางของทุกคน

ข้าพเจ้าจึงได้พิเคราะห์สิ่งทั้งปวงนี้ และสรุปว่า ทั้งคนชอบธรรมและคนฉลาดและการกระทำของพวกเขาล้วนอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า แต่ไม่มีใครรู้ว่าความรักหรือความเกลียดรอคอยเขาอยู่เบื้องหน้า ทุกคนมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน ไม่ว่าคนชอบธรรมหรือคนชั่ว คนดีหรือคนเลว[a] คนไม่เป็นมลทินหรือคนเป็นมลทิน คนถวายเครื่องบูชาหรือคนไม่ถวาย

สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนดีฉันใด
ก็เกิดขึ้นกับคนบาปฉันนั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่กล่าวคำสาบานฉันใด
ก็เกิดขึ้นกับคนที่กลัวจะสาบานฉันนั้น

นี่เป็นสิ่งเลวร้ายในบรรดาสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์ คือทุกคนมีอันเป็นไปแบบเดียวกันหมด ยิ่งกว่านั้นจิตใจของมนุษย์ยังเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและบ้าคลั่งตราบชั่วชีวิต และหลังจากนั้นเขาก็ตายตามคนอื่นไป มีความหวังสำหรับคนเป็นเท่านั้น[b] แม้แต่สุนัขเป็นๆ ก็ยังดีกว่าราชสีห์ที่ตายแล้ว!

เพราะอย่างน้อยคนเป็นรู้ว่าเขาจะตาย
แต่คนตายไม่รู้อะไรเลย
ไม่มีบำเหน็จรางวัลต่อไป
ไม่มีแม้แต่ผู้ที่ระลึกถึงเขา
ความรัก ความเกลียด และความอิจฉาของเขา
ล้วนผ่านพ้นไปนานแสนนาน
และเขาไม่มีส่วนร่วมกับสิ่งใดๆ
ที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์อีกต่อไป

ฉะนั้นไปเถิด ไปรับประทานอาหารของท่านด้วยความปีติยินดี และดื่มเหล้าองุ่นของท่านด้วยใจเปรมปรีดิ์ เพราะขณะนี้แหละที่พระเจ้าโปรดปรานสิ่งที่ท่านทำ จงสวมเสื้อผ้าสีขาวเสมอและชโลมศีรษะด้วยน้ำมัน จงอยู่กินกับภรรยาที่รักด้วยความชื่นชมยินดีตลอดวันคืนอนิจจัง ซึ่งพระเจ้าประทานแก่ท่านภายใต้ดวงอาทิตย์ เพราะนี่คือส่วนในชีวิตของท่าน และในการงานตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์ 10 มือของท่านหยิบจับการใด จงทำการนั้นเต็มกำลังความสามารถเพราะในแดนมรณาที่ท่านกำลังจะไปถึงนั้น ไม่มีงาน ไม่มีการวางแผน ไม่มีความรู้หรือสติปัญญา

11 ข้าพเจ้าเห็นสิ่งอื่นอีกภายใต้ดวงอาทิตย์คือ

คนว่องไวไม่ชนะการวิ่งแข่งเสมอไป
คนเข้มแข็งไม่ชนะศึกเสมอไป
หรือใช่ว่าคนฉลาดจะได้อาหาร
ใช่ว่าคนปราดเปรื่องจะได้ทรัพย์สมบัติ
และใช่ว่าผู้รู้จะได้รับความโปรดปราน
แต่เวลาและโอกาสมาถึงพวกเขาทุกคน

12 ยิ่งกว่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไรจะถึงคราวของตน

เหมือนปลาติดร่างแหอันโหดร้าย
และนกติดกับฉันใด
คนก็ติดกับของคราวร้าย
ซึ่งโถมเข้าใส่เขาโดยไม่นึกไม่ฝันฉันนั้น

สติปัญญาดีกว่าความโฉดเขลา

13 และภายใต้ดวงอาทิตย์ข้าพเจ้าเห็นแบบอย่างของสติปัญญาซึ่งข้าพเจ้าประทับใจมาก 14 มีเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งซึ่งมีคนอาศัยอยู่เพียงหยิบมือเดียว และมีมหาราชองค์หนึ่งกรีธาทัพมาล้อมเมืองไว้ 15 ในเมืองนั้นมีชายคนหนึ่งยากจนแต่ฉลาด และเขาช่วยเมืองนั้นไว้ได้โดยสติปัญญาของเขา แต่ไม่มีใครระลึกถึงชายยากจนคนนั้น 16 ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า “สติปัญญาดีกว่าพละกำลัง” แต่สติปัญญาของชายยากจนก็ถูกดูหมิ่น และถ้อยคำของเขาก็ไม่มีใครรับฟัง

17 ถ้อยคำแผ่วเบาของคนฉลาดน่าฟัง
ยิ่งกว่าเสียงตะโกนของผู้ปกครองที่โง่เขลา
18 สติปัญญาเหนือกว่าอาวุธสงคราม
แต่คนบาปคนเดียวทำให้เสียหายนักต่อนัก

10 แมลงวันตายทำให้น้ำหอมเหม็นคลุ้งฉันใด
ความโง่เขลานิดหน่อยก็อาจบั่นทอนสติปัญญาและเกียรติฉันนั้น
ใจของคนฉลาดไขว่คว้าหาความถูกต้อง
ส่วนใจของคนโง่เอียงไปสู่ความชั่วร้าย
คนโง่แม้เดินไปตามถนนหนทาง
ก็ยังไม่มีสำนึก
และทำให้คนดูออกว่าเขาโง่แค่ไหน
หากเจ้านายโกรธเคืองท่าน
อย่าเพิ่งทิ้งหน้าที่ไป
ความสงบสยบความผิดพลาดใหญ่หลวงได้

ข้าพเจ้าได้เห็นความชั่วร้ายอีกอย่างหนึ่งภายใต้ดวงอาทิตย์
เป็นความผิดที่เกิดขึ้นจากผู้ครอบครอง
คือให้คนโง่ได้ตำแหน่งสูง
ขณะที่คนร่ำรวยอยู่ในตำแหน่งต่ำต้อย
ข้าพเจ้าเห็นทาสนั่งบนหลังม้า
ขณะที่เจ้านายเดินเท้าไปเหมือนทาส

คนที่ขุดหลุมอาจจะตกลงไปในหลุม
คนที่รื้อกำแพงอาจจะถูกงูกัด
คนที่สกัดหินอาจได้รับบาดเจ็บเพราะหิน
คนที่เลื่อยซุงอาจได้รับอันตรายจากซุง

10 หากขวานทื่อ
และไม่ได้ลับให้คม
เวลาใช้ก็ต้องออกแรงมากขึ้น
แต่ความเชี่ยวชาญจะนำความสำเร็จมาให้

11 หมองูก็ไม่มีประโยชน์
หากเขาถูกกัดก่อนที่จะสะกดมันได้

12 ถ้อยคำของคนฉลาดนั้นน่าฟัง
แต่คนโง่ย่อยยับเพราะลมปากของตัวเอง
13 พอเริ่มพูดก็แสดงความโง่
พูดจบก็ยิ่งบ้าเลวทราม
14 และต่อความยาวสาวความยืดไม่รู้จบ

ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ใครเล่าจะบอกเขาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหลัง?

15 งานของคนโง่ทำให้เขาอ่อนระโหย
เขาไม่รู้จักทางเข้าเมือง

16 วิบัติแก่เจ้า ดินแดนซึ่งมีคนรับใช้[c]เป็นกษัตริย์
และบรรดาเจ้านายกินเลี้ยงเฮฮากันตั้งแต่เช้า
17 ความสุขมีแก่เจ้า ดินแดนที่กษัตริย์ของเจ้ามีคุณธรรมสูง
และเจ้านายรู้จักกินดื่มในเวลาอันควร
เพื่อให้มีกำลังวังชา ไม่ใช่เพื่อเมามาย

18 หากผู้ใดเกียจคร้าน จันทัน[d]ก็ผุพัง
หากงอมืองอเท้า เรือนก็รั่ว

19 งานเลี้ยงสังสรรค์ให้เสียงหัวเราะ
เหล้าองุ่นให้ชีวิตรื่นเริง
แต่เงินคือคำตอบสำหรับทุกสิ่ง

20 อย่าแช่งด่ากษัตริย์ แม้แต่ในความคิดคำนึง
หรือแช่งด่าคนรวยในห้องนอนของท่าน
เพราะนกในอากาศอาจจะคาบวาจาของท่านไป
และนกที่โบยบินอาจจะรายงานสิ่งที่ท่านพูด

ขนมปังบนน้ำ

11 จงโยนขนมปังของท่านลงบนน้ำ
เพราะหลังจากนั้นหลายวันท่านจะพบมันอีก
จงแบ่งปันให้คนเจ็ดคนหรือแปดคน
เพราะท่านไม่รู้ว่าภัยพิบัติอันใดจะเกิดขึ้นในแผ่นดิน

หากเมฆอุ้มน้ำไว้เต็ม
มันจะเทฝนลงมาบนโลก
ไม่ว่าต้นไม้จะล้มไปทางเหนือหรือทางใต้
มันล้มลงตรงไหน มันก็นอนอยู่ตรงนั้น
ผู้ใดมัวสังเกตลมก็จะไม่หว่านพืช
และผู้ใดที่มองเมฆก็จะไม่เก็บเกี่ยว

ท่านไม่หยั่งรู้ทางของลม
หรือไม่รู้ว่าร่างกายถูกปั้นขึ้นมา[e]ในครรภ์มารดาได้ฉันใด
ท่านก็ไม่อาจเข้าใจพระราชกิจของพระเจ้า
พระผู้สร้างสรรพสิ่งฉันนั้น

จงหว่านเมล็ดพืชของท่านในยามเช้า
และเมื่อตกเย็นก็อย่าให้มือของท่านว่างงาน
เพราะท่านไม่รู้ว่างานไหนจะสำเร็จ งานนั้นหรืองานนี้
หรือทั้งสองงานจะเจริญดีเหมือนกัน

จงระลึกถึงพระผู้สร้างของเจ้าเมื่อยังเยาว์วัย

แสงสว่างนั้นชื่นใจ
และการได้เห็นแสงตะวันก็ชื่นตา
คนเราจะมีชีวิตสั้นยาวเท่าใด
ก็ให้ชื่นชมทุกวันคืนของชีวิตเถิด
แต่ให้เขาระลึกถึงวันคืนอันมืดมนไว้ด้วย
เพราะจะมีหลายวัน
ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นล้วนอนิจจัง

เยาวชนเอ๋ย จงมีความสุขขณะที่เจ้าอยู่ในปฐมวัย
และให้จิตใจเบิกบานแจ่มใสตลอดวันเวลาในวัยเยาว์ของเจ้า
จงทำตามที่ใจของเจ้าเรียกร้อง
และทำสิ่งใดก็ได้ตามที่ตาเห็นชอบ
แต่รู้ไว้เถิดว่า เนื่องด้วยสิ่งทั้งปวงเหล่านี้
พระเจ้าจะทรงนำเจ้าเข้าสู่การพิพากษา
10 ฉะนั้นจงขจัดความห่วงกังวลออกจากจิตใจ
และสลัดความทุกข์ร้อนออกจากกายของเจ้า
เพราะวัยเยาว์และพละกำลังล้วนอนิจจัง

12 เจ้าจงระลึกถึงพระผู้สร้างของเจ้า
ตลอดวันเวลาที่เจ้ายังเยาว์วัย
ก่อนยามทุกข์ลำเค็ญจะมาถึง
และปีเดือนเหล่านั้นใกล้เข้ามา เมื่อเจ้าจะพูดว่า
“ฉันไม่เห็นชื่นชมอะไรในชีวิต”
ก่อนดวงอาทิตย์และแสงสว่าง
ดวงจันทร์และดวงดาวจะมืดมัวลง
ก่อนเมฆจะหวนกลับมาภายหลังฝน
เมื่อคนเฝ้าเรือนตัวสั่น
และชายฉกรรจ์ค้อมตัวลง
เมื่อคนโม่แป้งหยุดโม่เพราะเหลืออยู่ไม่กี่คน
และบรรดาผู้ที่มองผ่านหน้าต่างเริ่มมองเห็นไม่ชัด
เมื่อประตูที่เปิดสู่ถนนนั้นถูกปิดไป
และเสียงโม่เบาลง
เมื่อคนเราตื่นขึ้นยามแว่วเสียงนกร้อง
แต่เสียงเพลงทั้งปวงของพวกมันก็แผ่วลง
เมื่อคนเรากลัวความสูง
และกลัวภัยอันตรายในท้องถนน
เมื่อต้นอัลมอนด์ผลิดอก
ตั๊กแตนลากขาเดินไป
และความปรารถนาไม่ถูกปลุกเร้าอีกต่อไป
เมื่อนั้นมนุษย์ก็ไปสู่บ้านนิรันดร์ของตน
และคนไว้ทุกข์เดินไปตามถนน

จงระลึกถึงพระองค์ ก่อนที่สายเงินจะขาดผึง
หรือชามทองคำจะแตก
ก่อนที่คนโทจะแหลกละเอียดที่น้ำพุ
หรือล้อหักเสียที่บ่อน้ำ
เมื่อนั้นธุลีดินจะกลับคืนสู่แผ่นดินที่มันจากมา
และจิตวิญญาณกลับคืนสู่พระเจ้าผู้ประทานให้

ปัญญาจารย์[f]กล่าวว่า “อนิจจัง! อนิจจัง! ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง!”

บทสรุป

ปัญญาจารย์นั้นไม่เพียงแต่เฉลียวฉลาด แต่ยังถ่ายทอดความรู้ให้แก่ประชาชนอีกด้วย เขาใคร่ครวญ ค้นคว้า และรวบรวมสุภาษิตต่างๆ ไว้ให้เป็นระบบ 10 เขาเสาะหาถ้อยคำที่เหมาะเจาะ สิ่งที่เขาเขียนนั้นเที่ยงตรงและเป็นจริง 11 วาจาของปราชญ์เหมือนประตัก ประมวลภาษิตของเขาเหมือนตะปูตรึงแน่น ซึ่งองค์พระผู้เลี้ยงประทานให้ 12 ลูกเอ๋ย จงระวังสิ่งที่ต่อเติมเสริมแต่งไปกว่านั้น จะทำหนังสือมากๆ ก็ไม่มีจบสิ้นและเรียนมากก็เหนื่อยกาย

13 บัดนี้ก็ได้ฟังกันมาหมดสิ้นแล้ว
บทสรุปก็คือ
จงยำเกรงพระเจ้าและรักษาพระบัญญัติของพระองค์
เพราะนี่เป็นหน้าที่ทั้งหมดของมนุษย์
14 เพราะพระเจ้าจะทรงพิพากษาการกระทำทุกอย่าง
รวมถึงทุกสิ่งที่ปกปิดไว้
ไม่ว่าดีหรือชั่ว

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.