Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
ปฐมกาล 22-24

พระเจ้าทดสอบอับราฮัม

22 หลังจากนั้นต่อมา พระเจ้าได้ทดสอบอับราฮัมโดยกล่าวกับท่านว่า “อับราฮัม” ท่านตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่” พระองค์กล่าวว่า “จงพาบุตรชายของเจ้า อิสอัคบุตรคนเดียวของเจ้าที่เจ้ารัก ไปยังดินแดนของโมริยาห์ และมอบอิสอัคเพื่อเผาเป็นของถวายบนเขาแห่งหนึ่งซึ่งเราจะแสดงให้เห็น”[a] อับราฮัมก็ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ ขนของขึ้นลา ให้คนรับใช้หนุ่ม 2 คนไป พร้อมกับอิสอัคบุตรของตน และท่านได้ตัดฟืนสำหรับของถวายที่จะเผา แล้วออกเดินทางไปยังที่ซึ่งพระเจ้าสั่งไว้ พอถึงวันที่สาม อับราฮัมเงยหน้าดูก็เห็นสถานที่นั้นแต่ไกล แล้วอับราฮัมพูดกับคนรับใช้หนุ่มว่า “เจ้าอยู่ที่นี่กับลา เรากับเด็กจะไปข้างหน้าโน้นเพื่อนมัสการ แล้วจะกลับมา” อับราฮัมให้อิสอัคแบกฟืนสำหรับของถวายที่จะเผา ท่านเองก็ถือถ่านไฟกับมีด แล้วทั้งสองเริ่มเดินไปด้วยกัน อิสอัคพูดกับอับราฮัมบิดาของเขาว่า “พ่อท่าน” ท่านพูดว่า “พ่ออยู่นี่ ลูกเอ๋ย” อิสอัคพูดว่า “ดูสิ มีไฟกับฟืน แต่ลูกแกะสำหรับเผาเป็นของถวายอยู่ที่ไหน” อับราฮัมพูดว่า “ลูกเอ๋ย พระเจ้าจะจัดหาลูกแกะสำหรับเผาเป็นของถวายเอง” แล้วทั้งสองก็เดินต่อไปด้วยกัน

เมื่อมาถึงที่ซึ่งพระเจ้าได้บอกอับราฮัมไว้ ท่านก็สร้างแท่นบูชาที่นั่น เรียงฟืนไว้เรียบร้อย มัดตัวอิสอัคบุตรของตน และวางตัวเขาไว้บนฟืนที่แท่นบูชา[b] 10 ครั้นแล้วอับราฮัมก็ยื่นมือคว้ามีดเพื่อจะฆ่าบุตรของตน 11 แต่ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าเรียกท่านจากฟ้าสวรรค์ พลางกล่าวว่า “อับราฮัม อับราฮัม” ท่านพูดว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่” 12 ทูตสวรรค์กล่าวว่า “อย่าให้เขาเจ็บตัวหรือทำอะไรเขา เพราะบัดนี้เรารู้แล้วว่าเจ้าเกรงกลัวพระเจ้า เราเห็นแล้วว่าเจ้าไม่ได้ยึดเหนี่ยวบุตรของเจ้าซึ่งเป็นบุตรคนเดียวของเจ้าไว้จากเรา” 13 อับราฮัมเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นแกะผู้ตัวหนึ่ง เขาของมันเกี่ยวติดกับพุ่มไม้ทึบ อับราฮัมจึงไปจับตัวมันมา เพื่อจะใช้เผาเป็นของถวายแทนตัวบุตรของท่าน 14 ดังนั้นอับราฮัมเรียกชื่อสถานที่นั้นว่า “พระผู้เป็นเจ้าจะจัดหาให้” ตามที่พูดกันอยู่ทุกวันนี้ว่า “จะจัดหาให้บนภูเขาของพระผู้เป็นเจ้า

15 และทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าเรียกอับราฮัมจากฟ้าสวรรค์เป็นครั้งที่สอง 16 โดยกล่าวว่า “เราปฏิญาณโดยตัวเราเอง พระผู้เป็นเจ้าพูดว่า เป็นเพราะเจ้าได้ปฏิบัติเช่นนี้ โดยไม่ได้ยึดเหนี่ยวบุตรของเจ้า ซึ่งเป็นบุตรคนเดียวของเจ้า 17 เราจึงให้พรแก่เจ้า และจะเพิ่มผู้สืบเชื้อสายให้แก่เจ้ามากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน มากมายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า และราวกับเม็ดทรายบนชายฝั่งทะเล และบรรดาผู้สืบเชื้อสายของเจ้าจะยึดครองเมืองของพวกศัตรู 18 และประชาชาติทั้งปวงในโลกจะได้รับพรโดยผ่านผู้สืบเชื้อสายของเจ้า[c] เพราะเจ้าเชื่อฟังเรา” 19 อับราฮัมก็กลับไปหาคนรับใช้หนุ่มของท่าน แล้วทั้งสี่ก็ไปยังเบเออร์เช-บาด้วยกัน แล้วอับราฮัมก็ได้ตั้งรกรากอยู่ที่เบเออร์เช-บา

20 ต่อมาภายหลัง มีคนบอกอับราฮัมว่า “มิลคาห์ให้กำเนิดบุตรแก่นาโฮร์น้องชายของท่านด้วยคือ 21 อูสคนหัวปี บูซน้องชายของเขา เคมูเอลบิดาของอารัม 22 เคเสด ฮาโซ ปิลดาช ยิดลาฟและเบธูเอล” 23 เบธูเอลเป็นบิดาของนางเรเบคาห์ 8 คนที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นบุตรชายที่มิลคาห์ให้กำเนิดแก่นาโฮร์น้องชายของอับราฮัม 24 นอกจากนี้แล้วภรรยาน้อยของเขาที่ชื่อเรอูมาห์ก็ได้ให้กำเนิดเทบาห์ กาฮัม ทาหาชและมาอาคาห์

ซาราห์สิ้นชีวิต และการซื้อสุสาน

23 ซาราห์มีชีวิตอยู่ถึง 127 ปี แล้วนางก็สิ้นชีวิตที่คีริยาทอาร์บา (มีอีกชื่อว่า เฮโบรน) ในดินแดนของคานาอัน อับราฮัมเข้าไปร้องคร่ำครวญถึงซาราห์ และร้องไห้ถึงนาง เมื่ออับราฮัมลุกขึ้นจากข้างศพก็พูดกับพวกชาวฮิตว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนต่างแดนอาศัยอยู่ท่ามกลางพวกท่าน ขอให้ข้าพเจ้าได้ที่ดินเป็นสถานที่สำหรับบรรจุศพที่นี่เถิด เพื่อจะได้บรรจุร่างผู้ตายของข้าพเจ้าให้พ้นสายตา” ชาวฮิตตอบอับราฮัมว่า “นายท่าน โปรดฟังพวกเราเถิด ท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และอยู่ท่ามกลางพวกเรา ไปบรรจุร่างผู้ตายของท่านในถ้ำเก็บศพที่ดีที่สุดของพวกเราเถิด ไม่มีใครหวงถ้ำเก็บศพโดยไม่ให้ท่าน หรือรั้งท่านมิให้บรรจุร่างผู้ตายของท่านหรอก” อับราฮัมลุกขึ้นคำนับชาวฮิตซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน และพูดกับพวกเขาว่า “ถ้าท่านยินดีให้ข้าพเจ้าบรรจุร่างผู้ตายของข้าพเจ้าให้พ้นสายตาก็โปรดฟัง และช่วยขอร้องเอโฟรนลูกโศหาร์ให้ข้าพเจ้าด้วย ขอถ้ำมัคเป-ลาห์ซึ่งเขาเป็นเจ้าของอยู่ ถ้ำนั้นตั้งอยู่ปลายทุ่ง ขอให้เขาขายต่อหน้าท่านทั้งหลายในราคาเต็ม ข้าพเจ้าจะได้มีไว้ใช้เป็นสถานบรรจุศพ”

10 เอโฟรนกำลังนั่งอยู่กับกลุ่มชาวฮิต ดังนั้นเอโฟรนชาวฮิตจึงตอบอับราฮัมต่อหน้าชาวฮิตทั้งหลายที่เข้าฟังร่วมกันที่ประตูเมืองของเขาว่า 11 “ไม่หรอก นายท่าน โปรดฟังข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายกทุ่งนาให้แก่ท่าน รวมทั้งถ้ำในนาด้วย ข้าพเจ้าขอมอบให้แก่ท่านต่อหน้าพลเมืองของข้าพเจ้า ท่านจงใช้เป็นที่บรรจุร่างผู้ตายของท่านเถิด” 12 อับราฮัมคำนับต่อหน้าพลเมืองของดินแดนนั้น 13 และท่านพูดกับเอโฟรนต่อหน้าพลเมืองของดินแดนนั้นว่า “ได้โปรดเถิด ฟังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะซื้อทุ่งนาตามราคา จงรับไปจากข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าจะได้ใช้เป็นที่บรรจุร่างผู้ตายของข้าพเจ้าที่นั่น” 14 เอโฟรนตอบอับราฮัมว่า 15 “นายท่าน โปรดฟังข้าพเจ้า ที่ดินผืนเดียวมีค่าเป็นเงินหนัก 400 เชเขล[d] ไม่หนักหนาอะไรเลย ท่านจงใช้เป็นที่บรรจุร่างผู้ตายของท่านเถิด” 16 อับราฮัมเห็นด้วยกับราคาของเอโฟรน ท่านจึงชั่งเงินที่เอโฟรนตีราคาไว้ต่อหน้าชาวฮิตทั้งหลาย เป็นเงินหนัก 400 เชเขลตามมาตรฐานน้ำหนักที่พวกพ่อค้าใช้กัน

17 ดังนั้นทุ่งนาของเอโฟรนในมัคเป-ลาห์ ซึ่งอยู่ใกล้มัมเร ทั้งทุ่งและถ้ำ ต้นไม้ทั้งหมดที่อยู่ในทุ่ง ทั่วบริเวณทั้งหมดถูกโอน 18 ให้อับราฮัมเป็นเจ้าของต่อหน้าชาวฮิต ต่อหน้าทุกคนที่เข้าไปในประตูเมืองของเขา 19 หลังจากนั้น อับราฮัมก็บรรจุซาราห์ภรรยาของท่านไว้ในถ้ำที่ทุ่งนาในมัคเป-ลาห์ ซึ่งอยู่ใกล้มัมเรในเฮโบรน ในดินแดนคานาอัน 20 ชาวฮิตโอนทุ่งนาและถ้ำที่อยู่ในนาให้อับราฮัมเป็นเจ้าของเพื่อใช้เป็นสุสาน

อิสอัคกับเรเบคาห์

24 บัดนี้อับราฮัมชราลง ท่านมีอายุมากแล้ว และพระผู้เป็นเจ้าได้ให้พรอับราฮัมในทุกด้าน อับราฮัมพูดกับผู้รับใช้ที่มีอายุมากที่สุดในบ้าน และเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของท่านว่า “จงวางมือของเจ้าไว้ที่ใต้ขาอ่อนของเรา และเราจะให้เจ้าสาบานในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกว่า เจ้าจะไม่หาลูกสาวจากชาวคานาอันมาเป็นภรรยาลูกชายของเรา เราเองก็อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขา แต่เจ้าจะกลับไปที่ประเทศและหมู่ญาติพี่น้องของเรา และหาภรรยาให้อิสอัคลูกชายของเรา” ผู้รับใช้ตอบท่านว่า “ถ้าทางฝ่ายหญิงไม่ยอมติดตามข้าพเจ้ามายังดินแดนนี้ ข้าพเจ้าจะพาลูกชายของท่านกลับไปยังดินแดนที่ท่านจากมาหรือไม่” อับราฮัมพูดกับเขาว่า “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เจ้าอย่าพาลูกชายของเรากลับไปที่นั่น พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ผู้นำเรามาจากบ้านของบิดาของเรา และจากดินแดนที่เรากำเนิด และเป็นองค์ผู้กล่าวกับเราและปฏิญาณดังนี้ว่า ‘เราจะให้ดินแดนนี้แก่ผู้สืบเชื้อสายของเจ้า’[e] พระองค์จะให้ทูตสวรรค์ของพระองค์ล่วงหน้าไปก่อนเจ้า และเจ้าจะหาภรรยาจากที่นั่นให้ลูกชายของเราได้ แต่ถ้าผู้หญิงไม่ยอมติดตามเจ้า เจ้าก็จะพ้นจากคำสาบานของเรา ขอเพียงแต่เจ้าอย่าพาลูกชายของเรากลับไปที่นั่น” ดังนั้นผู้รับใช้จึงวางมือของเขาไว้ที่ใต้ขาอ่อนของอับราฮัมนายของเขา และสาบานต่อท่านในเรื่องนี้

10 ผู้รับใช้นำอูฐ 10 ตัวของนายมา แล้วออกเดินทางไป เขานำของมีค่าสารพัดชนิดของนายติดมือไปด้วย เขาไปยังอารัมนาหะราอิม[f] ยังเมืองของนาโฮร์ 11 เขาให้อูฐคุกเข่าลงที่นอกเมืองใกล้บ่อน้ำในเวลาเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่พวกผู้หญิงพากันไปตักน้ำ 12 แล้วเขาพูดว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอับราฮัมนายของข้าพเจ้า โปรดให้ข้าพเจ้าได้พบความสำเร็จในวันนี้เถิด ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระองค์ ขอพระองค์แสดงความรักอันมั่นคงต่ออับราฮัมนายข้าพเจ้าเถิด 13 ดูเถิด ข้าพเจ้ากำลังยืนอยู่ที่ข้างบ่อน้ำพุ และบรรดาลูกสาวของคนในเมืองนี้ออกมาตักน้ำ 14 ขอให้หญิงสาวคนที่ข้าพเจ้าจะพูดกับเธอว่า ‘โปรดวางโถของเธอลงให้ฉันดื่ม’ เป็นคนที่จะพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘ดื่มเถิด และฉันจะให้อูฐของท่านกินน้ำด้วย’ โปรดให้เธอเป็นคนที่พระองค์มั่นหมายไว้สำหรับอิสอัคผู้รับใช้ของพระองค์ ถ้าเกิดขึ้นตามนี้ ข้าพเจ้าจะได้ทราบว่าพระองค์ได้แสดงความรักอันมั่นคงของพระองค์แก่นายของข้าพเจ้า”

15 เขายังพูดไม่ทันจบ ดูเถิด เรเบคาห์บุตรหญิงของเบธูเอลบุตรของมิลคาห์ภรรยาของนาโฮร์น้องชายของอับราฮัม ก็แบกโถน้ำบนบ่าของเธอเดินออกมา 16 หญิงสาวผู้นั้นโฉมงามนักและเธอเป็นพรหมจาริณี ซึ่งยังไม่มีชายใดแตะต้องมาก่อน เธอลงไปที่น้ำพุ ตักน้ำใส่โถของนางจนเต็ม และกลับขึ้นมา 17 ครั้นแล้วผู้รับใช้คนนั้นก็วิ่งไปพบเธอ พลางพูดว่า “โปรดให้ฉันดื่มน้ำจากโถของเธอสักนิด” 18 เธอพูดว่า “เชิญดื่มเถิด นาย” แล้วเธอก็ลดโถน้ำที่ประคองในมือของเธอลงโดยเร็ว และให้เขาดื่ม 19 เมื่อเธอให้เขาดื่มเสร็จแล้ว เธอพูดว่า “ฉันจะตักน้ำให้อูฐของท่านด้วย จนกว่าจะกินกันอิ่ม” 20 เธอจึงรีบเทน้ำจากโถของเธอลงในรางน้ำ แล้ววิ่งไปตักน้ำจากบ่ออีก เธอตักน้ำให้อูฐของเขาทุกตัว 21 ชายผู้นั้นจ้องดูเธอโดยไม่ปริปาก เพื่อดูว่าพระผู้เป็นเจ้าได้ให้การเดินทางของเขาสำเร็จผลหรือไม่

22 เมื่ออูฐกินน้ำเสร็จแล้ว ชายผู้นั้นก็หยิบแหวนทองคำหนักครึ่งเชเขล กับกำไลมือทองคำ 2 วงหนัก 10 เชเขล 23 และพูดว่า “บอกฉันเถิดว่าเธอเป็นลูกสาวของใคร บ้านบิดาของเธอมีห้องพักให้พวกเราค้างแรมหรือเปล่า” 24 เธอพูดตอบเขาว่า “ฉันเป็นลูกสาวของเบธูเอลผู้เป็นลูกชายของนาโฮร์กับมิลคาห์” 25 เธอพูดต่ออีกว่า “เรามีทั้งฟางและอาหารพอ รวมทั้งห้องสำหรับค้างแรมด้วย” 26 ชายผู้นั้นก้มศีรษะและกราบนมัสการพระผู้เป็นเจ้า 27 พลางพูดว่า “สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอับราฮัมนายข้าพเจ้า พระองค์ไม่ลืมความรักอันมั่นคงของพระองค์ และความสัตย์จริงที่มีต่อนายของข้าพเจ้า พระผู้เป็นเจ้าได้นำทางข้าพเจ้าให้มาถึงบ้านของญาติพี่น้องของนายข้าพเจ้า” 28 แล้วหญิงสาวผู้นั้นวิ่งไปบอกคนในครัวเรือนของมารดาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

29 ลาบันพี่ชายเรเบคาห์วิ่งไปหาชายผู้นั้นที่น้ำพุ 30 เมื่อเขาเห็นแหวนกับกำไลที่ข้อมือน้องสาว และเมื่อเขาได้ยินเรเบคาห์น้องสาวพูดว่า “ชายคนนั้นพูดกับฉันอย่างนี้” เขาก็ไปหาชายคนนั้น และเห็นว่าเขากำลังยืนอยู่ข้างอูฐที่น้ำพุ 31 เขาจึงพูดว่า “เชิญเข้ามาข้างใน ท่านผู้ได้รับพระพรของพระผู้เป็นเจ้า ทำไมท่านจึงยืนอยู่ข้างนอก ข้าพเจ้าได้เตรียมบ้านให้เรียบร้อยแล้ว และมีที่สำหรับพวกอูฐด้วย” 32 ชายคนนั้นจึงเข้าไปในบ้าน ลาบันยกของลงจากอูฐ ให้ฟางและอาหารแก่อูฐ มีน้ำล้างเท้าให้เขาและพวกผู้ชายที่มากับเขาด้วย 33 จากนั้นก็มีอาหารตั้งไว้ที่ตรงหน้าเขาเพื่อรับประทาน แต่เขาพูดว่า “ข้าพเจ้าจะไม่รับประทานจนกว่าจะได้พูดเรื่องธุระก่อน” ลาบันพูดว่า “เชิญท่านพูดเถิด”

34 เขาจึงพูดว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของอับราฮัม 35 พระผู้เป็นเจ้าได้อวยพรนายของข้าพเจ้าจนท่านมั่งมี พระองค์ได้ให้แพะแกะและโคเป็นฝูงๆ แก่ท่าน ทั้งเงินและทอง ผู้รับใช้ชายและหญิง อูฐ และลา 36 ส่วนซาราห์ภรรยาของนายข้าพเจ้าได้กำเนิดลูกชายคนหนึ่งให้แก่ท่านในวัยชรา นายข้าพเจ้าได้ให้ทุกสิ่งที่ท่านมีแก่ลูกของท่าน 37 นายข้าพเจ้าให้ข้าพเจ้าสาบานว่า ‘เจ้าจะไม่หาลูกสาวจากชาวคานาอันมาเป็นภรรยาลูกชายของเรา เราเองก็อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขา 38 แต่เจ้าจะไปยังบ้านบิดาของเราและตระกูลของเรา และหาภรรยาให้อิสอัคลูกชายของเรา’ 39 ข้าพเจ้าพูดกับนายข้าพเจ้าว่า ‘ทางฝ่ายหญิงอาจจะไม่ยอมติดตามข้าพเจ้ามา’ 40 แต่ท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นผู้ที่ข้าพเจ้าเชื่อฟังจะให้ทูตสวรรค์ของพระองค์ไปกับเจ้า และจะมอบความสำเร็จให้แก่เจ้า เจ้าจะหาภรรยาจากตระกูลของเราและจากบ้านบิดาของเราให้แก่ลูกชายของเรา 41 เจ้าก็จะพ้นจากคำสาบานของเรา เวลาเจ้าไปหาคนในตระกูลของเรา แล้วถ้าพวกเขาไม่ยอมให้เธอไปกับเจ้า เจ้าก็จะพ้นจากคำสาบานของเรา’

42 วันนี้ข้าพเจ้าไปที่น้ำพุ ข้าพเจ้าพูดว่า ‘โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอับราฮัมนายข้าพเจ้า โปรดให้การเดินทางของข้าพเจ้าสำเร็จผล 43 ดูเถิด ข้าพเจ้ากำลังยืนอยู่ที่ข้างบ่อน้ำพุ ขอให้หญิงสาวคนที่มาตักน้ำ เป็นคนที่ข้าพเจ้าจะพูดด้วยว่า “โปรดให้ฉันดื่มน้ำจากโถของเธอสักนิด” 44 และเป็นคนที่จะพูดกับข้าพเจ้าว่า “ดื่มเถิด และฉันจะตักให้อูฐของท่านด้วย” ขอให้เธอเป็นหญิงที่พระผู้เป็นเจ้าได้มั่นหมายไว้สำหรับลูกชายของนายข้าพเจ้าเถิด’

45 ข้าพเจ้าอธิษฐานยังไม่ทันจบ ดูเถิด เรเบคาห์แบกโถน้ำบนบ่าของเธอเดินออกมา และเธอลงไปที่น้ำพุเพื่อตักน้ำ ข้าพเจ้าพูดกับเธอว่า ‘โปรดให้ฉันดื่มน้ำเถิด’ 46 เธอประคองโถน้ำของเธอลงจากบ่าโดยเร็ว และพูดว่า ‘เชิญดื่มเถิด และฉันจะให้อูฐของท่านกินด้วย’ ข้าพเจ้าจึงดื่ม และเธอก็ให้อูฐกินด้วย 47 แล้วข้าพเจ้าถามเธอว่า ‘เธอเป็นลูกสาวของใคร’ เธอพูดว่า ‘ลูกสาวของเบธูเอลผู้เป็นลูกชายของนาโฮร์กับมิลคาห์’ ข้าพเจ้าจึงใส่แหวนที่จมูก และกำไลที่ข้อมือให้เธอ 48 แล้วข้าพเจ้าก้มศีรษะและกราบนมัสการพระผู้เป็นเจ้า และสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอับราฮัมนายข้าพเจ้า องค์ผู้นำทางให้ข้าพเจ้าตรงมายังที่หมาย เพื่อพาลูกสาวของญาติพี่น้องของนายข้าพเจ้า ไปให้ลูกชายของท่าน 49 มาบัดนี้ ถ้าท่านจะแสดงความกรุณาและความภักดีต่อนายข้าพเจ้า ขอให้ท่านบอกข้าพเจ้า และหากว่าไม่ ก็ขอให้บอกข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะได้ทราบว่าจะทำอย่างไรต่อไป”

50 ลาบันและเบธูเอลตอบว่า “เรื่องนี้มาจากพระผู้เป็นเจ้า พวกเราจะว่าอะไรได้ 51 ดูเถิด เรเบคาห์ก็อยู่ตรงหน้าท่าน เชิญพาเธอไป ให้เธอไปเป็นภรรยาของลูกชายของนายท่าน ตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวไว้”

52 เมื่อผู้รับใช้ของอับราฮัมได้ยินคำพูดของพวกเขาแล้ว เขาก็ก้มลงกราบที่พื้น ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 53 แล้วผู้รับใช้หยิบเครื่องประดับกายเงินและทองคำ และเสื้อผ้าออกมาให้เรเบคาห์ เขาให้ของอันมีค่าแก่พี่ชายและมารดาของเธอด้วย 54 หลังจากนั้น เขาและพวกผู้ชายที่มากับเขาก็รับประทานและดื่มกัน แล้วค้างแรมที่นั่น เมื่อลุกขึ้นในตอนเช้า เขาพูดว่า “ให้ข้าพเจ้ากลับไปยังนายของข้าพเจ้าเถิด” 55 พี่ชายกับมารดาของเธอพูดว่า “ให้เธออยู่กับเราสักพัก อย่างน้อย 10 วัน และหลังจากนั้น เธอจึงไปได้” 56 แต่เขาพูดตอบว่า “อย่ารั้งข้าพเจ้าเลย ในเมื่อพระผู้เป็นเจ้าได้ให้การเดินทางของข้าพเจ้าสำเร็จผล ปล่อยให้ข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าจะได้ไปหานายของข้าพเจ้า” 57 พวกเขาพูดว่า “เราจะเรียกหญิงสาวมาถามเอง” 58 แล้วพวกเขาจึงเรียกเรเบคาห์มา และถามเธอว่า “เจ้าจะไปกับชายคนนี้หรือไม่” เธอตอบว่า “ฉันจะไป” 59 ดังนั้น พวกเขาจึงส่งตัวเรเบคาห์น้องสาวกับพี่เลี้ยงของเธอ ไปกับผู้รับใช้ของอับราฮัมและคนของท่าน 60 แล้วพวกเขาอวยพรเรเบคาห์ พลางพูดกับเธอว่า

“น้องสาวของเรา ขอให้เจ้าเป็นมารดา
    ของคนจำนวนมากมายเกินที่จะนับได้
และขอให้บรรดาผู้สืบเชื้อสาย
    ของเจ้ายึดครองเมืองของพวกศัตรูได้”

61 เรเบคาห์กับพวกสาวใช้ก็ลุกขึ้น แล้วขึ้นขี่อูฐตามชายคนนั้นไป ผู้รับใช้คนนั้นก็พาเรเบคาห์ไป

62 ส่วนอิสอัคเพิ่งกลับมาจากเบเออลาไฮรอย และกำลังอาศัยอยู่ที่เนเกบ 63 ครั้นใกล้ยามเย็นอิสอัคออกไปใคร่ครวญอยู่ในทุ่งนา ท่านเงยหน้าขึ้นเห็น ดูเถิด มีอูฐเดินมา 64 เรเบคาห์เงยหน้าขึ้น เมื่อเธอเห็นอิสอัค เธอก็ลงจากอูฐ 65 และถามผู้รับใช้คนนั้นว่า “ชายคนที่กำลังเดินในทุ่งนามาพบกับเรานั่นเป็นใคร” ผู้รับใช้ตอบว่า “เป็นนายของข้าพเจ้า” เธอจึงหยิบผ้าคลุมหน้ามาคลุม 66 แล้วผู้รับใช้ก็บอกอิสอัคถึงทุกสิ่งที่เขาทำ 67 อิสอัคจึงพาเรเบคาห์เข้าไปในกระโจมของซาราห์มารดาของตน อิสอัครับเธอเป็นภรรยา ท่านรักเธอ นับจากวันที่สูญเสียมารดาของท่านไปแล้ว บัดนี้เองที่อิสอัครู้สึกสบายใจขึ้น

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation