Beginning
21 เยโฮชาฟัททรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ด้วยกันในเมืองดาวิด แล้วเยโฮรัมโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน 2 โอรสองค์อื่นๆ ของเยโฮชาฟัทกษัตริย์แห่งอิสราเอล[a]ที่เป็นอนุชาของเยโฮรัมได้แก่ อาซาริยาห์ เยฮีเอล เศคาริยาห์ อาซาริยาฮู มีคาเอล และเชฟาทิยาห์ 3 เยโฮชาฟัทราชบิดาได้ประทานเงิน ทองคำ และของมีค่าให้โอรสแต่ละองค์ และให้ครองเมืองป้อมปราการต่างๆ ในยูดาห์ แต่ทรงยกอาณาจักรให้แก่เยโฮรัมเพราะเป็นโอรสหัวปี
กษัตริย์เยโฮรัมแห่งยูดาห์(A)
4 เมื่อเยโฮรัมสถาปนาอาณาจักรของราชบิดาให้มั่นคงเป็นปึกแผ่นแล้ว ก็ประหารอนุชาทั้งปวงและเจ้านายบางองค์ของอิสราเอล 5 ขณะขึ้นเป็นกษัตริย์เยโฮรัมทรงมีพระชนมายุ 32 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มแปดปี 6 เยโฮรัมทรงดำเนินตามอย่างบรรดากษัตริย์อิสราเอล ตามอย่างราชวงศ์อาหับเพราะทรงอภิเษกกับพระธิดาองค์หนึ่งของอาหับ พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า 7 แต่เนื่องจากพันธสัญญาที่ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำกับดาวิด องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงไม่ทรงประสงค์จะทำลายล้างราชวงศ์ของดาวิด พระองค์ทรงสัญญาไว้ว่าจะรักษาดวงประทีปดวงหนึ่งไว้สำหรับดาวิดและวงศ์วานตลอดไป
8 ในรัชกาลของเยโฮรัม เอโดมกบฏต่อยูดาห์และตั้งกษัตริย์ปกครองตนเอง 9 เยโฮรัมจึงกรีธาทัพไปพร้อมด้วยทหารและรถม้าศึกทั้งหมด ชาวเอโดมโอบล้อมพระองค์กับผู้บัญชาการรถรบ แต่เยโฮรัมทรงตีฝ่าวงล้อมออกไปได้ในเวลากลางคืน 10 เอโดมจึงกบฏต่อยูดาห์จนถึงทุกวันนี้
ครั้งนั้นลิบนาห์ก็กบฏด้วย เพราะเยโฮรัมได้ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพระองค์ 11 ทั้งยังทรงสร้างสถานบูชาบนที่สูงบนเนินเขาทั้งหลายของยูดาห์ และทรงชักนำชาวเยรูซาเล็มให้เอาใจออกห่างจากพระเจ้า และทำให้ยูดาห์หลงเจิ่นไป
12 มีจดหมายจากผู้เผยพระวจนะเอลียาห์มาถึงเยโฮรัมความว่า
“พระยาห์เวห์พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของท่านตรัสดังนี้ว่า ‘เจ้าไม่ได้เจริญรอยตามเยโฮชาฟัทบิดาของเจ้าหรือกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ 13 แต่เดินตามรอยกษัตริย์อิสราเอล และเจ้าได้ชักนำชาวยูดาห์กับชาวเยรูซาเล็มให้นอกใจเราเช่นเดียวกับราชวงศ์อาหับ มิหนำซ้ำยังสังหารพี่น้องของเจ้าซึ่งเป็นคนในครัวเรือนบิดาของเจ้าและดีกว่าเจ้า 14 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะลงโทษคนของเจ้า บุตรกับภรรยาของเจ้าและทุกสิ่งที่เจ้ามีอย่างหนัก 15 เจ้าเองจะป่วยหนักด้วยโรคลำไส้เรื้อรังจนกระทั่งลำไส้ของเจ้าทะลักออกมา’ ”
16 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดลใจชาวฟีลิสเตียและชาวอาหรับซึ่งอยู่ถัดจากชาวคูชให้เป็นศัตรูกับเยโฮรัม 17 พวกเขาเข้ามาโจมตีและรุกรานยูดาห์ ริบเอาข้าวของมีค่าทั้งหมดในพระราชวังไป รวมทั้งบรรดาโอรสและมเหสีของเยโฮรัมด้วย ไม่มีโอรสองค์ใดเหลืออยู่เว้นแต่อาหัสยาห์[b]โอรสองค์สุดท้อง
18 หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทรมานเยโฮรัมด้วยโรคลำไส้ซึ่งรักษาไม่ได้ 19 เมื่อปลายปีที่สอง ลำไส้ของเยโฮรัมทะลักออกมาและพระองค์ก็สิ้นพระชนม์ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ประชาชนไม่ได้ก่อไฟถวายให้สมพระเกียรติเหมือนรัชกาลก่อนๆ
20 เยโฮรัมมีพระชนมายุ 32 พรรษาเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 8 ปี และสิ้นพระชนม์ไปโดยไม่มีใครโศกเศร้าเสียใจ พระศพถูกฝังไว้ในเมืองดาวิดแต่ไม่ใช่ในสุสานหลวง
กษัตริย์อาหัสยาห์แห่งยูดาห์(B)
22 ชาวเยรูซาเล็มตั้งอาหัสยาห์โอรสองค์สุดท้องของเยโฮรัมขึ้นครองราชย์เพราะกองโจรที่เข้ามาในค่ายกับชาวอาหรับได้สังหารโอรสผู้พี่องค์อื่นๆ หมดแล้ว อาหัสยาห์โอรสกษัตริย์เยโฮรัมแห่งยูดาห์จึงเริ่มครองราชย์
2 อาหัสยาห์ทรงมีพระชนมายุ 22 พรรษา[c]เมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ และทรงครองราชย์อยู่เพียงปีเดียวในกรุงเยรูซาเล็ม ราชมารดาคืออาธาลิยาห์หลานสาวของอมรี
3 อาหัสยาห์ก็เช่นกัน พระองค์ทรงดำเนินตามอย่างราชวงศ์อาหับ เพราะราชมารดาสนับสนุนให้ทำผิด 4 และทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามอย่างราชวงศ์อาหับ เพราะหลังจากราชบิดาสิ้นพระชนม์ ทรงยึดราชวงศ์อาหับเป็นที่ปรึกษาซึ่งนำพระองค์ไปสู่หายนะ 5 พระองค์ทรงทำตามคำแนะนำของพวกเขาโดยเข้าร่วมกับโยรัม[d]โอรสของกษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอล ไปรบกับกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัมที่เมืองราโมทกิเลอาด โยรัมได้รับบาดเจ็บด้วยน้ำมือของชาวอารัม 6 พระองค์จึงเสด็จกลับมาพักฟื้นที่ยิสเรเอลเพราะบาดเจ็บจากสงครามกับกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัมที่ราโมท[e]
แล้วอาหัสยาห์[f]โอรสกษัตริย์เยโฮรัมแห่งยูดาห์ก็เสด็จลงไปเยี่ยมพระอาการของโยรัมโอรสของอาหับที่ยิสเรเอล
7 ในการเยี่ยมครั้งนี้พระเจ้าทรงนำจุดจบมาสู่อาหัสยาห์ เมื่ออาหัสยาห์มาถึง พระองค์กับโยรัมก็ออกไปพบเยฮูบุตรนิมชี ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเจิมตั้งให้เป็นผู้ทำลายล้างราชวงศ์อาหับ 8 ขณะเยฮูออกกวาดล้างราชวงศ์อาหับ ได้พบกับบรรดาเจ้านายยูดาห์และญาติของอาหัสยาห์ที่รับใช้อาหัสยาห์ เยฮูก็ประหารพวกเขา 9 แล้วเยฮูก็ค้นหาอาหัสยาห์ คนของเยฮูพบอาหัสยาห์หลบซ่อนอยู่ในสะมาเรียจึงคุมตัวมาให้เยฮูปลงพระชนม์ พวกเขาฝังพระศพของอาหัสยาห์โดยให้เหตุผลว่า “พระองค์ทรงเป็นลูกหลานของเยโฮชาฟัทผู้แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดใจ” ไม่มีใครในราชวงศ์อาหัสยาห์ที่เข้มแข็งพอจะกู้อาณาจักรให้เป็นปึกแผ่นเช่นเดิมได้เลย
พระนางอาธาลิยาห์กับโยอาช(C)
10 เมื่อพระนางอาธาลิยาห์ราชมารดาของอาหัสยาห์เห็นว่าโอรสสิ้นพระชนม์แล้ว ก็สังหารเชื้อพระวงศ์ของยูดาห์ทั้งหมด 11 แต่เยโฮเชบา[g] ธิดาของกษัตริย์เยโฮรัม น้องสาวของอาหัสยาห์และเป็นภรรยาของปุโรหิตเยโฮยาดา นำตัวโยอาชโอรสของอาหัสยาห์มาจากบรรดาเจ้านายที่กำลังจะถูกฆ่า ไปซ่อนไว้ในห้องนอนพร้อมกับพี่เลี้ยง เด็กนั้นจึงพ้นจากมือของพระนางอาธาลิยาห์ 12 โยอาชซ่อนพระองค์อยู่กับพวกเขาในพระวิหารของพระเจ้าตลอดหกปีที่พระนางอาธาลิยาห์ครองราชย์
23 ในปีที่เจ็ดแห่งรัชกาล ปุโรหิตเยโฮยาดาตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ทำพันธสัญญากับผู้บัญชาการกองร้อยได้แก่ อาซาริยาห์บุตรเยโรฮัม อิชมาเอลบุตรเยโฮฮานัน อาซาริยาห์บุตรโอเบด มาอาเสอาห์บุตรอาดายาห์ และเอลีชาฟัทบุตรศิครี 2 คนเหล่านี้เดินทางไปทั่วยูดาห์ เพื่อแจ้งคนเลวีและหัวหน้าครอบครัวต่างๆ ของอิสราเอลจากทุกเมืองให้มาชุมนุมกันที่กรุงเยรูซาเล็ม 3 ประชากรทั้งหมดทำพันธสัญญากับกษัตริย์ที่พระวิหารของพระเจ้า
เยโฮยาดากล่าวกับพวกเขาว่า “ราชโอรสจะขึ้นครองราชย์ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้เกี่ยวกับวงศ์วานของดาวิด 4 ท่านทั้งหลายจะดำเนินการดังนี้ หนึ่งในสามของพวกท่านที่เป็นปุโรหิตและคนเลวีซึ่งประจำหน้าที่ในวันสะบาโตจะเฝ้าอยู่ที่ประตูต่างๆ 5 อีกหนึ่งในสามที่พระราชวัง และอีกหนึ่งในสามที่ประตูฐานราก คนอื่นนอกนั้นให้อยู่ที่ลานพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 6 อย่าให้ใครเข้าไปในพระวิหารของ องค์พระผู้เป็นเจ้า นอกจากปุโรหิตกับคนเลวีซึ่งประจำหน้าที่ เนื่องจากพวกเขาได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว ส่วนคนอื่นๆ ให้ปฏิบัติตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบหมาย[h] 7 คนเลวีจงอารักขากษัตริย์ ถืออาวุธพร้อม และประหารทุกคนที่ล่วงล้ำเข้ามาในพระวิหาร ขอให้พวกท่านอยู่เคียงข้างองค์กษัตริย์เสมอไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน”
8 คนเลวีและชายชาวยูดาห์ทั้งหมดก็ทำตามคำสั่งของปุโรหิตเยโฮยาดา แต่ละคนก็นำคนของตนไป ทั้งคนที่จะเข้าเวรในวันสะบาโตและคนที่จะพ้นเวร เพราะปุโรหิตเยโฮยาดาไม่ปล่อยให้ออกเวร 9 จากนั้นเยโฮยาดานำหอกพร้อมทั้งโล่ใหญ่และเล็กของกษัตริย์ดาวิดซึ่งเก็บไว้ในคลังพระวิหารออกมาแจกจ่ายแก่นายกองทั้งปวง 10 ทหารเหล่านี้ซึ่งมีอาวุธครบครันคอยถวายการอารักขากษัตริย์ที่ใกล้ๆ แท่นบูชา และจากด้านทิศใต้ของพระวิหารไปจดด้านทิศเหนือ
11 เยโฮยาดากับบุตรทั้งหลายนำราชโอรสออกมาและสวมมงกุฎให้พระองค์ ถวายหนังสือพันธสัญญา และประกาศว่าพระองค์เป็นกษัตริย์ พวกเขาเจิมพระองค์และโห่ร้องว่า “ขอกษัตริย์จงทรงพระเจริญ!”
12 เมื่อพระนางอาธาลิยาห์ได้ยินเสียงอึกทึกของประชาชน และเสียงโห่ร้องต้อนรับกษัตริย์ ก็เสด็จมาพบพวกเขาที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 13 พระนางทอดพระเนตรเห็นกษัตริย์ประทับยืนอยู่ข้างเสาตรงทางเข้า มีเจ้าหน้าที่กับคนเป่าแตรอยู่ข้างพระองค์ และปวงชนกำลังรื่นเริงยินดีและเป่าแตร นักร้องก็บรรเลงดนตรีนำการสดุดี พระนางอาธาลิยาห์ก็ทรงฉีกฉลองพระองค์และร้องตะโกนว่า “กบฏ! กบฏ!”
14 ปุโรหิตเยโฮยาดาส่งบรรดาผู้บังคับกองร้อยซึ่งรับผิดชอบกองทหารออกไปและสั่งว่า “คุมตัวพระนางออกไปจากแถวทหาร[i] อย่าประหารพระนางในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ให้ฆ่าทุกคนที่พยายามจะเข้ามาช่วยพระนาง” 15 พวกเขาจึงคุมตัวพระนางไปยังประตูที่ม้าผ่านเข้าพระราชวังและปลงพระชนม์พระนางที่นั่น
16 จากนั้นเยโฮยาดาได้ทำพันธสัญญาร่วมกับประชาชนและกษัตริย์ว่า[j]จะเป็นประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้า 17 แล้วทุกคนกรูเข้าไปรื้อทำลายวิหารของพระบาอัล ทุบแท่นบูชาและเทวรูปทั้งหลายทิ้งและประหารมัททานปุโรหิตของพระบาอัลตรงหน้าแท่น
18 แล้วเยโฮยาดาแต่งตั้งปุโรหิตซึ่งเป็นชนเลวีให้ดูแลพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่ดาวิดมอบหมายไว้ เพื่อถวายเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่บันทึกไว้ในบทบัญญัติของโมเสสด้วยความชื่นชมยินดีและด้วยการร้องเพลงตามที่ดาวิดตรัสสั่งไว้ 19 เยโฮยาดายังได้ตั้งยามประตูพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อไม่ให้ผู้ที่เป็นมลทินด้วยเหตุหนึ่งเหตุใดเข้าไปได้
20 จากนั้นเยโฮยาดาร่วมกับบรรดานายกอง ขุนนาง ผู้ปกครอง และประชาชนทั้งปวง นำเสด็จกษัตริย์จากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ดำเนินผ่านประตูบนสู่พระราชวัง และอัญเชิญขึ้นประทับบนราชบัลลังก์ 21 ประชาชนทั่วแดนพากันชื่นชมยินดีและนครก็สงบสุข เพราะพระนางอาธาลิยาห์ถูกประหารด้วยดาบแล้ว
โยอาชทรงซ่อมแซมพระวิหาร(D)
24 เมื่อโยอาชขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุเจ็ดพรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสี่สิบปี ราชมารดาคือศิบียาห์จากเบเออร์เชบา 2 โยอาชทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดชั่วอายุของปุโรหิตเยโฮยาดา 3 เยโฮยาดาหามเหสีให้สององค์และโยอาชทรงมีโอรสธิดาหลายองค์
4 ต่อมาโยอาชตั้งพระทัยจะซ่อมแซมพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 5 จึงทรงเรียกปุโรหิตและคนเลวีมาประชุม แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “จงไปยังหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และรวบรวมเงินประจำปีจากอิสราเอลทั้งปวง เพื่อการซ่อมแซมพระวิหารของพระเจ้าของท่าน จงลงมือทำเดี๋ยวนี้” แต่คนเลวีไม่ได้ทำตามทันที
6 ฉะนั้นกษัตริย์ทรงเรียกเยโฮยาดาหัวหน้าปุโรหิตมาถามว่า “ทำไมท่านจึงไม่ออกคำสั่งให้คนเลวีออกไปเก็บภาษีบำรุงพระวิหารจากหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม? โมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้ากำหนดให้เก็บภาษีนี้จากประชากรอิสราเอลเพื่อบำรุงรักษาเต็นท์แห่งพันธสัญญา”
7 ก่อนหน้านี้บริวารของพระนางอาธาลิยาห์ผู้ชั่วร้ายได้บุกเข้าไปในพระวิหาร และถึงกับนำของศักดิ์สิทธิ์ไปใช้สำหรับพระบาอัล
8 โยอาชตรัสสั่งให้ทำหีบใบหนึ่งตั้งไว้ข้างนอกที่ประตูพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 9 และออกหมายประกาศในยูดาห์และในกรุงเยรูซาเล็ม ให้ประชาชนนำภาษีซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าได้กำหนดให้เก็บจากชนอิสราเอลในถิ่นกันดารมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 10 เจ้าหน้าที่และประชากรทั้งปวงต่างยินดีนำเงินมาใส่ไว้ในหีบจนเต็ม 11 เมื่อใดที่คนเลวียกหีบมาพบเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์และพวกเขาเห็นว่ามีเงินมาก ราชเลขากับเจ้าหน้าที่ของมหาปุโรหิตจะเก็บเงินออกจากหีบ แล้วนำหีบไปตั้งไว้ที่เดิม พวกเขาทำเช่นนี้สม่ำเสมอจนได้เงินก้อนใหญ่ 12 กษัตริย์และเยโฮยาดามอบเงินนั้นแก่ผู้ควบคุมการก่อสร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า คนเหล่านี้จ้างช่างก่อ ช่างไม้ ช่างเหล็ก และช่างทองสัมฤทธิ์มาซ่อมแซมพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า
13 เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ปฏิบัติงานอย่างขยันขันแข็ง ดูแลให้งานซ่อมแซมคืบหน้าไป พวกเขาปฏิสังขรณ์พระวิหารตามรูปแบบเดิมและเสริมให้แข็งแกร่งขึ้น 14 เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น พวกเขานำเงินที่เหลือมามอบแด่กษัตริย์และเยโฮยาดา และใช้ทำเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ สำหรับพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า เครื่องใช้ในพิธีและการถวายเครื่องเผาบูชา รวมทั้งชามและภาชนะเงินและทอง มีการถวายเครื่องเผาบูชาในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสม่ำเสมอตลอดชั่วอายุของปุโรหิตเยโฮยาดา
15 เยโฮยาดามีอายุยืนมาก เขาสิ้นชีวิตเมื่ออายุ 130 ปี 16 เขาถูกฝังไว้รวมกับกษัตริย์องค์ต่างๆ ในเมืองดาวิด เพราะเขาได้บำเพ็ญประโยชน์มากมายในอิสราเอลเพื่อพระเจ้าและเพื่อพระวิหารของพระองค์
ความชั่วร้ายของโยอาช
17 หลังจากเยโฮยาดาสิ้นชีวิต บรรดาเจ้าหน้าที่ของยูดาห์มาถวายบังคมกษัตริย์และพระองค์ทรงฟังพวกเขา 18 พวกเขาพากันละทิ้งพระวิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษไปกราบไหว้เสาเจ้าแม่อาเชราห์และรูปเคารพต่างๆ พระพิโรธของพระเจ้าจึงตกแก่ยูดาห์และเยรูซาเล็มเนื่องจากความผิดของพวกเขา 19 แม้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ผู้เผยพระวจนะมาเพื่อนำพวกเขาหันกลับไปหาพระองค์ และถึงแม้ว่าผู้เผยพระวจนะเหล่านั้นว่ากล่าวตักเตือน แต่พวกเขาก็ไม่ยอมฟัง
20 แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาเหนือเศคาริยาห์บุตรปุโรหิตเยโฮยาดา เขายืนอยู่ต่อหน้าประชาชนและกล่าวว่า “พระเจ้าตรัสว่า ‘เหตุใดพวกเจ้าไม่เชื่อฟังพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า? พวกเจ้าจะไม่เจริญเพราะเจ้าได้ละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์จึงได้ทรงละทิ้งเจ้า’ ”
21 แต่พวกเขาคบคิดกันกำจัดเศคาริยาห์ พวกเขารุมเอาหินขว้างเศคาริยาห์จนตายในลานพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามพระราชโองการของกษัตริย์ 22 กษัตริย์โยอาชไม่ได้ระลึกถึงบุญคุณของเยโฮยาดาบิดาของเศคาริยาห์เลย แต่กลับฆ่าลูกของเขา ขณะจะสิ้นชีวิต เศคาริยาห์กล่าวว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรสิ่งนี้และเรียกร้องความรับผิดชอบจากท่าน”
23 ในปีต่อมา[k]กองทัพอารัมมารบกับโยอาช บุกโจมตียูดาห์และเยรูซาเล็ม สังหารผู้นำทุกคนของประชาชนและนำของที่ยึดมาได้ทั้งหมดกลับไปถวายกษัตริย์ของพวกเขาในเมืองดามัสกัส 24 แม้กองทัพอารัมมีกำลังพลน้อย แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงให้พวกเขาชนะกองทัพใหญ่ เพราะยูดาห์ได้ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษ โยอาชจึงถูกลงโทษ 25 เมื่อชาวอารัมกลับไป ทิ้งให้โยอาชบาดเจ็บสาหัส ข้าราชการของพระองค์คบคิดกันกำจัดโยอาชที่ได้ประหารบุตรของปุโรหิตเยโฮยาดา จึงปลงพระชนม์โยอาชซึ่งบรรทมอยู่บนแท่น แล้วฝังพระศพไว้ในเมืองดาวิด แต่ไม่ใช่ในสุสานหลวง
26 ผู้สมคบกันคือศาบาด[l]บุตรนางชิเมอัทชาวอัมโมน และเยโฮซาบาดบุตรนางชิมริท[m]ชาวโมอับ 27 เรื่องราวเกี่ยวกับโอรสของโยอาช คำพยากรณ์ต่างๆ ว่าด้วยโยอาช และเรื่องราวการซ่อมแซมพระวิหารมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์องค์ต่างๆ แล้วอามาซิยาห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.