Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
2 พงศาวดาร 9-12

ราชินีแห่งเชบามาเยือนโซโลมอน(A)

เมื่อราชินีแห่งเชบาทรงได้ยินกิตติศัพท์ของโซโลมอน ก็เสด็จมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อทดสอบพระองค์โดยตั้งปัญหายากๆ พระนางทรงมาถึงกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับกองคาราวานใหญ่ มีอูฐบรรทุกเครื่องเทศ ทองคำจำนวนมาก และเพชรนิลจินดา พระนางเข้าเฝ้าโซโลมอนและทรงสนทนาทุกเรื่องที่ทรงดำริไว้ โซโลมอนทรงตอบปัญหาของพระนางได้ทุกข้อ ไม่มีสิ่งใดยากเกินกว่าที่พระองค์จะทรงอธิบายแก่พระนาง เมื่อราชินีแห่งเชบาทรงเห็นพระสติปัญญาของโซโลมอน และพระราชวังที่ทรงสร้างขึ้น อาหารบนโต๊ะเสวย ข้าราชบริพารที่เข้าเฝ้า มหาดเล็กในเครื่องแบบ และพนักงานเชิญจอกเสวยในเครื่องแบบ และเครื่องเผาบูชามากมายซึ่งถวายที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระนางก็ประหลาดพระทัยเป็นล้นพ้น

พระนางตรัสกับกษัตริย์ว่า “ที่หม่อมฉันได้ยินได้ฟังมาในประเทศของหม่อมฉันเกี่ยวกับความสำเร็จและพระปรีชาญาณของฝ่าพระบาทล้วนเป็นความจริง แต่หม่อมฉันไม่เชื่อมาก่อนเลยจนกระทั่งได้มาเห็นกับตา แท้จริงแล้วที่หม่อมฉันได้ยินมาก็ยังไม่ถึงครึ่งของพระปรีชาญาณของฝ่าพระบาท ฝ่าพระบาททรงยิ่งใหญ่กว่าที่เขาร่ำลือกันมากนัก ไพร่ฟ้าของฝ่าพระบาทคงมีความสุขยิ่งนัก! ข้าราชบริพารของฝ่าพระบาทคงมีความสุขที่ได้เข้าเฝ้าและสดับฟังพระปัญญาของฝ่าพระบาทอยู่เสมอ! สรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาทที่ได้ทรงโปรดปรานและตั้งฝ่าพระบาท ขึ้นเป็นกษัตริย์ครองบัลลังก์ของพระองค์ และปกครองในพระนามของพระเจ้าพระยาห์เวห์ เพราะพระเจ้าของฝ่าพระบาททรงรักอิสราเอลยิ่งนัก และทรงประสงค์จะเชิดชูอิสราเอลไว้ตลอดกาล จึงทรงตั้งฝ่าพระบาทเป็นกษัตริย์เหนือพวกเขาเพื่อผดุงความยุติธรรมและความชอบธรรม”

จากนั้นพระนางถวายทองคำหนักประมาณ 4 ตัน[a] เครื่องเทศมากมาย และอัญมณีล้ำค่าแด่โซโลมอน ไม่เคยมีเครื่องเทศเหมือนที่ราชินีแห่งเชบาถวายแด่กษัตริย์โซโลมอนมาก่อนเลย

10 (ลูกเรือของฮีรามและโซโลมอนนำทองคำมาจากเมืองโอฟีร์กับไม้ประดู่[b] และเพชรนิลจินดาล้ำค่า 11 กษัตริย์โซโลมอนทรงใช้ไม้ประดู่ทำขั้นบันไดพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและราชวัง ทำพิณใหญ่และพิณเขาคู่สำหรับเหล่านักดนตรี ไม่พบเห็นเช่นนั้นมาก่อนเลยทั่วแดนยูดาห์)

12 กษัตริย์โซโลมอนประทานทุกสิ่งตามที่ราชินีแห่งเชบาทรงประสงค์และทูลขอ ทรงให้มากยิ่งกว่าที่พระนางนำมาถวาย จากนั้นพระนางกับขบวนตามเสด็จก็กลับสู่ประเทศของพระนาง

สง่าราศีของโซโลมอน(B)

13 ทุกปีโซโลมอนได้รับทองคำหนักประมาณ 23 ตัน[c] 14 ยังไม่รวมภาษีอากรที่พ่อค้าวาณิชนำมา รวมทั้งเงินและทองจากบรรดากษัตริย์อาระเบีย และเหล่าผู้ปกครองของดินแดนนั้นนำมาถวาย

15 กษัตริย์โซโลมอนทรงให้นำทองคำมาตีเป็นโล่ใหญ่สองร้อยอัน แต่ละอันใช้ทองคำหนักประมาณ 3.5 กิโลกรัม[d] 16 และโล่เล็กสามร้อยอัน แต่ละอันใช้ทองคำหนักประมาณ 1.7 กิโลกรัม[e] พระองค์ทรงเก็บโล่เหล่านี้ไว้ในตำหนักพนาเลบานอน

17 แล้วกษัตริย์ยังได้ทรงทำพระที่นั่งขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยงาช้างและบุด้วยทองคำบริสุทธิ์ 18 พระที่นั่งนี้มีบันไดหกขั้นและแท่นรองพระบาททำด้วยทองคำติดกัน ที่วางพระหัตถ์ทั้งสองข้างมีสิงโตขนาบข้างละตัว 19 ที่บันไดแต่ละขั้นมีสิงโตยืนอยู่ข้างละตัว รวมเป็นสิบสองตัว ไม่เคยมีเช่นนี้ในราชอาณาจักรอื่น 20 ถ้วยเสวยทุกใบของกษัตริย์โซโลมอนทำด้วยทองคำ และเครื่องใช้ไม้สอยทั้งหมดในตำหนักพนาเลบานอนล้วนทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งใดทำด้วยเงิน เพราะในสมัยโซโลมอนถือว่าเงินด้อยค่า 21 กษัตริย์ทรงมีกองเรือพาณิชย์[f] โดยลูกเรือซึ่งได้มาจากกษัตริย์ฮีราม[g] เรือจะบรรทุกทองคำ เงิน งาช้าง ลิงและลิงบาบูนกลับมาทุกสามปี

22 กษัตริย์โซโลมอนทรงมั่งคั่งและมีพระปรีชาญาณเหนือกว่ากษัตริย์ใดๆ ทั้งปวงในแผ่นดินโลก 23 กษัตริย์ทั่วโลกมาเข้าเฝ้าโซโลมอน เพื่อสดับฟังสติปัญญาซึ่งพระเจ้าประทานไว้ในพระทัยของพระองค์ 24 ปีแล้วปีเล่าทุกคนที่มาจะนำเครื่องบรรณาการมาถวายได้แก่ เครื่องเงินเครื่องทอง เสื้อผ้าอาภรณ์ อาวุธ เครื่องเทศ ม้าและล่อ

25 โซโลมอนทรงมีที่เก็บรถม้าศึกและม้า 4,000 แห่ง และมีม้า 12,000 ตัว[h] ซึ่งพระองค์ทรงเก็บบางส่วนไว้ที่หัวเมืองซึ่งใช้เก็บรถม้าศึกและบางส่วนอยู่กับพระองค์ที่กรุงเยรูซาเล็ม 26 ทรงปกครองบรรดากษัตริย์และราชอาณาจักรต่างๆ ตั้งแต่แม่น้ำยูเฟรติส จนจดดินแดนฟีลิสเตียและไกลถึงพรมแดนอียิปต์ 27 พระองค์ทรงทำให้เงินในกรุงเยรูซาเล็มมีมากมายเหมือนก้อนหิน และมีไม้สนซีดาร์ดาษดื่นเหมือนต้นมะเดื่อแถบเชิงเขา 28 ม้าของโซโลมอนนั้นนำเข้าจากอียิปต์[i]และประเทศอื่นๆ

โซโลมอนสิ้นพระชนม์(C)

29 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลโซโลมอนตั้งแต่ต้นจนจบมีบันทึกไว้ในบันทึกของผู้เผยพระวจนะนาธัน ในคำพยากรณ์ของอาหิยาห์แห่งชิโลห์ และในนิมิตของผู้ทำนายอิดโดเกี่ยวกับเยโรโบอัมบุตรเนบัทไม่ใช่หรือ? 30 โซโลมอนทรงครองราชย์เหนืออิสราเอลในกรุงเยรูซาเล็มเป็นเวลาสี่สิบปี 31 แล้วทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ในเมืองของดาวิดราชบิดาของพระองค์ และเรโหโบอัมราชโอรสของพระองค์ก็ขึ้นครองราชย์แทน

อิสราเอลกบฏต่อเรโหโบอัม(D)

10 เรโหโบอัมเสด็จไปที่เชเคม เพราะชาวอิสราเอลทั้งปวงพากันไปที่นั่นเพื่อตั้งเรโหโบอัมขึ้นเป็นกษัตริย์ เมื่อเยโรโบอัมบุตรเนบัท (ซึ่งหนีกษัตริย์โซโลมอนไปอยู่ในอียิปต์) ทราบข่าวจึงกลับมาจากอียิปต์ พวกเขาก็ส่งคนไปตามเยโรโบอัมมา แล้วเขากับอิสราเอลทั้งปวงก็เข้าเฝ้าและทูลเรโหโบอัมว่า “ราชบิดาของฝ่าพระบาททรงวางแอกหนักให้พวกข้าพระบาท บัดนี้ขอทรงผ่อนภาระและบรรเทาแอกที่วางไว้ แล้วพวกข้าพระบาทจะรับใช้ฝ่าพระบาท”

เรโหโบอัมตรัสตอบว่า “อีกสามวันค่อยกลับมาพบเรา” ประชากรจึงกลับไป

กษัตริย์เรโหโบอัมทรงหารือกับบรรดาผู้อาวุโสซึ่งเคยถวายคำปรึกษาแด่โซโลมอนราชบิดาเมื่อครั้งยังทรงพระชนม์อยู่ว่า “ท่านว่าเราควรจะตอบประชาชนเหล่านี้ว่าอย่างไร?”

พวกเขาทูลว่า “หากฝ่าพระบาทแสดงความเมตตาต่อประชาชน เอาใจพวกเขาและตอบตามที่พวกเขาต้องการ พวกเขาก็จะเป็นผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเสมอไป”

แต่เรโหโบอัมไม่ฟังคำแนะนำของผู้อาวุโส กลับปรึกษาพระสหายหนุ่มๆ ซึ่งเติบโตมาด้วยกันและรับใช้พระองค์อยู่ พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “พวกเจ้าจะแนะนำอย่างไร? เราควรจะตอบคนที่มาพูดกับเราว่า ‘ขอทรงผ่อนปรนแอกที่ราชบิดาของฝ่าพระบาทวางไว้บนเหล่าข้าพระบาท’ ว่าอย่างไร?”

10 พวกคนหนุ่มที่เติบโตขึ้นมากับพระองค์ก็ทูลตอบว่า “ขอให้ตรัสกับบรรดาผู้ที่มาทูลว่า ‘ราชบิดาของฝ่าพระบาททรงวางแอกหนักบนเรา ขอทรงทำให้แอกของเราเบาลง’ นั้นว่า ‘นิ้วก้อยของเราก็หนายิ่งกว่าเอวของเสด็จพ่อเสียอีก 11 เสด็จพ่อของเราวางแอกหนักบนพวกเจ้า เราจะทำให้หนักยิ่งขึ้นไปอีก เสด็จพ่อของเราเคยใช้แส้เฆี่ยนพวกเจ้า ส่วนเราจะใช้แมงป่องเล่นงานพวกเจ้า’ ”

12 สามวันต่อมาเยโรโบอัมและประชากรทั้งปวงกลับมาเข้าเฝ้ากษัตริย์เรโหโบอัมตามที่ตรัสไว้ว่า “อีกสามวันค่อยกลับมาพบเรา” 13 กษัตริย์ตรัสตอบพวกเขาด้วยท่าทีแข็งกร้าว ทรงปฏิเสธคำแนะนำของเหล่าผู้อาวุโส 14 พระองค์ทรงทำตามคำแนะนำของพวกคนหนุ่มและตรัสว่า “เสด็จพ่อของเราวางแอกหนักให้พวกเจ้า เราจะให้หนักยิ่งขึ้นไปอีก เสด็จพ่อเคยใช้แส้เฆี่ยนเจ้า ส่วนเราจะใช้แมงป่องเล่นงานเจ้า” 15 ดังนั้นกษัตริย์ไม่ทรงรับฟังประชาชน เหตุการณ์นี้มาจากพระเจ้า เพื่อให้สำเร็จตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้กับเยโรโบอัมบุตรเนบัทผ่านทางอาหิยาห์ชาวชิโลห์

16 เมื่ออิสราเอลทั้งปวงเห็นว่ากษัตริย์ไม่ทรงฟังพวกตน พวกเขาก็ตอบกษัตริย์ว่า

“เราเกี่ยวข้องอะไรกับดาวิด?
เรามีส่วนอันใดกับบุตรเจสซี?
อิสราเอลเอ๋ย กลับบ้านกันเถิด!
ให้ดาวิดดูแลปกครองพวกตัวเองไปก็แล้วกัน!”

ดังนั้นชนอิสราเอลทั้งปวงจึงพากันกลับบ้าน 17 แต่เรโหโบอัมยังคงปกครองคนอิสราเอลซึ่งอยู่ในเมืองต่างๆ ของยูดาห์

18 กษัตริย์เรโหโบอัมทรงใช้อาโดนีรัม[j] ไปเกณฑ์แรงงานโยธาตามหน้าที่ แต่อิสราเอลรุมเอาก้อนหินขว้างเขาจนตาย ส่วนกษัตริย์เรโหโบอัม รีบหลบขึ้นราชรถเสด็จหนีกลับกรุงเยรูซาเล็ม 19 ตั้งแต่นั้นมาอิสราเอลก็กบฏต่อราชวงศ์ของดาวิดจนถึงทุกวันนี้

11 เมื่อเรโหโบอัมเสด็จมาถึงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงระดมพลรบจากเผ่ายูดาห์และเผ่าเบนยามิน 180,000 คน เพื่อทำสงครามกับอิสราเอลและกอบกู้อาณาจักรคืนมาให้เรโหโบอัม

แต่พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเชไมอาห์คนของพระเจ้าว่า “จงไปบอกเรโหโบอัมโอรสกษัตริย์โซโลมอนแห่งยูดาห์ และชนอิสราเอลทั้งปวงในยูดาห์กับเบนยามินว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า อย่าไปรบกับพี่น้องของเจ้า ทุกคนจงกลับบ้านไปเพราะทั้งหมดนี้เราเป็นผู้กระทำ’ ” พวกเขาก็เชื่อฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าและไม่ได้ไปรบกับเยโรโบอัม

เรโหโบอัมเสริมกำลังป้องกันยูดาห์

เรโหโบอัมประทับอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มและทรงสร้างเมืองต่างๆ ในยูดาห์เพื่อป้องกันดินแดนได้แก่ เบธเลเฮม เอตาม เทโคอา เบธซูร์ โสโค อดุลลัม กัท มาเรชาห์ ศิฟ อาโดราอิม ลาคีช อาเซคาห์ 10 โศราห์ อัยยาโลน และเฮโบรน เมืองเหล่านี้คือเมืองป้อมปราการในยูดาห์และเบนยามิน 11 พระองค์ทรงเสริมปราการและเครื่องป้องกันต่างๆ และทรงตั้งผู้บัญชาการไว้ดูแล มีเสบียง น้ำมันมะกอก และเหล้าองุ่นพร้อม 12 พระองค์ทรงเก็บหอกและโล่ไว้ทุกเมือง และทรงทำให้เมืองเหล่านี้แข็งแกร่ง ดังนั้นยูดาห์และเบนยามินยังคงเป็นของพระองค์

13 บรรดาปุโรหิตและคนเลวีจากเขตต่างๆ ทั่วอิสราเอลอยู่ฝ่ายเรโหโบอัม 14 คนเลวีถึงกับทิ้งทุ่งหญ้าและทรัพย์สินมายังยูดาห์และเยรูซาเล็ม เพราะถูกเยโรโบอัมกับโอรสปลดออกจากตำแหน่งปุโรหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า 15 แล้วพระองค์ทรงแต่งตั้งปุโรหิตของพระองค์เองสำหรับสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายและสำหรับเทวรูปแพะและลูกวัวซึ่งเยโรโบอัมทรงสร้างขึ้น 16 คนจากทุกเผ่าของอิสราเอลที่มีใจจดจ่อแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลก็ติดตามคนเลวีมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายเครื่องบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษ 17 พวกเขาทำให้อาณาจักรยูดาห์แข็งแกร่งขึ้นและสนับสนุนเรโหโบอัมโอรสของโซโลมอนตลอดช่วงสามปีที่เรโหโบอัมดำเนินตามแบบอย่างของดาวิดและโซโลมอน

ราชวงศ์ของเรโหโบอัม

18 เรโหโบอัมทรงอภิเษกกับมาหะลัทธิดาของเยรีโมทโอรสของดาวิด มารดาคืออาบีฮายิล ธิดาของเอลีอับบุตรเจสซี 19 พระนางให้กำเนิดโอรสได้แก่ เยอูช เชมาริยาห์ และศาอัม 20 ต่อมาทรงอภิเษกกับมาอาคาห์ธิดาของอับซาโลม มีโอรสคืออาบียาห์ อัททัย ศีศา และเชโลมิท 21 เรโหโบอัมทรงรักมาอาคาห์ธิดาของอับซาโลมยิ่งกว่ามเหสีหรือสนมอื่นๆ ทรงมีมเหสี 18 องค์ และสนม 60 คน มีโอรส 28 องค์ และธิดา 60 องค์

22 เรโหโบอัมทรงตั้งอาบียาห์ โอรสที่ประสูติจากพระนางมาอาคาห์ให้เป็นเอกในหมู่พี่ๆ น้องๆ เพื่อจะได้ตั้งเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป 23 พระองค์ทรงทำการอย่างชาญฉลาดในการแยกย้ายโอรสองค์อื่นๆ ไปทั่วแดนยูดาห์กับเบนยามิน และไปยังเมืองป้อมปราการทั้งปวง พระองค์ทรงจัดหาสิ่งต่างๆ ให้พวกเขาอย่างบริบูรณ์และจัดหาชายาให้อย่างมากมายด้วย

ชิชักโจมตีเยรูซาเล็ม(E)

12 เมื่อราชบัลลังก์ของเรโหโบอัมมั่นคงเป็นปึกแผ่นและแข็งแกร่งขึ้น พระองค์กับอิสราเอลทั้งปวง[k]ก็ละทิ้งบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า เนื่องจากพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นกษัตริย์ชิชักแห่งอียิปต์จึงกรีธาทัพมาตีกรุงเยรูซาเล็มในปีที่ห้าแห่งรัชกาลเรโหโบอัม โดยมีรถม้าศึก 1,200 คัน พลม้า 60,000 คน และมีทหารราบชาวลิเบีย ชาวสุคคียิม และชาวคูช[l] จำนวนนับไม่ถ้วนมาจากอียิปต์กับพระองค์ พระองค์ยึดเมืองป้อมปราการต่างๆ ของยูดาห์มาจนถึงเยรูซาเล็ม

ผู้เผยพระวจนะเชไมอาห์มาเข้าเฝ้าเรโหโบอัม และมาพบบรรดาผู้นำของยูดาห์ซึ่งมาชุมนุมกันในกรุงเยรูซาเล็มเพราะกลัวชิชัก และกล่าวกับพวกเขาดังนี้ “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เจ้าทั้งหลายได้ทิ้งเรา บัดนี้เราจึงทิ้งเจ้าให้แก่ชิชัก’ ”

แล้วเรโหโบอัมกับเหล่าผู้นำอิสราเอลก็ถ่อมใจลงและยอมรับว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเที่ยงธรรม”

เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเห็นว่าพวกเขาถ่อมใจลง จึงมีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเชไมอาห์ว่า “เพราะพวกเขาถ่อมใจลง เราจะไม่ทำลายล้างเขา แต่จะช่วยกู้ในไม่ช้า เราจะไม่ใช้ชิชักระบายโทสะของเราเหนือเยรูซาเล็ม แต่พวกเขาจะต้องรับใช้ชิชัก จะได้เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างการรับใช้เรากับการรับใช้บรรดากษัตริย์ชาติอื่นๆ”

เมื่อกษัตริย์ชิชักแห่งอียิปต์มาโจมตีเยรูซาเล็ม พระองค์กวาดเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดไปจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพระราชวัง รวมทั้งโล่ทองคำซึ่งโซโลมอนทรงทำขึ้น 10 ดังนั้นกษัตริย์เรโหโบอัมจึงทรงทำโล่ทองสัมฤทธิ์ขึ้นแทน และมอบหมายให้เหล่าผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ซึ่งประจำการอยู่ที่ทางเข้าพระราชวังดูแล 11 เมื่อใดก็ตามที่กษัตริย์เสด็จมายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า เหล่าทหารรักษาพระองค์จะถือโล่มากับพระองค์ หลังจากนั้นก็นำโล่กลับไปไว้ที่กองรักษาการณ์

12 เนื่องจากเรโหโบอัมถ่อมพระองค์ลง พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงระงับไป และพระเจ้าไม่ได้ทรงทำลายล้างพระองค์ให้หมดสิ้นไป แท้จริงยูดาห์ก็ยังมีดีอยู่บ้าง

13 กษัตริย์เรโหโบอัมทรงสถาปนาราชอำนาจให้มั่นคงเป็นปึกแผ่นในกรุงเยรูซาเล็มและครองราชย์สืบไป เมื่อพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงมีพระชนมายุ 41 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ 17 ปี ในกรุงเยรูซาเล็ม นครซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกสรรจากทุกเผ่าของอิสราเอลให้เป็นที่สถาปนาพระนามของพระองค์ ราชมารดาของเรโหโบอัมคือนาอามาห์ชาวอัมโมน 14 เรโหโบอัมทรงทำชั่วเพราะไม่ได้มีพระทัยแน่วแน่ในการแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า

15 เหตุการณ์ต่างๆ ในรัชกาลเรโหโบอัมตั้งแต่ต้นจนจบมีเขียนไว้ในบันทึกของผู้เผยพระวจนะเชไมอาห์ และของผู้ทำนายอิดโดที่เกี่ยวกับลำดับวงศ์ตระกูลไม่ใช่หรือ? เรโหโบอัมกับเยโรโบอัมทำสงครามกันอยู่เสมอ 16 เรโหโบอัมทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ในเมืองดาวิด และอาบียาห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.