Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
อพยพ 22-24

กฎเกณฑ์เกี่ยวกับสิ่งที่มีเจ้าของ

22 ถ้าผู้ใดขโมยโคหรือแกะไปฆ่าหรือขาย เขาจะต้องชดใช้ด้วยโค 5 ตัวแทนโคที่ขโมยไป 1 ตัว และแกะ 4 ตัวแทนแพะแกะที่ถูกขโมย 1 ตัว ถ้าขโมยถูกจับได้ขณะบุกรุกขึ้นบ้านและถูกซ้อมตาย ผู้ทุบตีจะไม่มีความผิด แต่ถ้าเกิดเรื่องหลังจากดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว ผู้ที่ทำให้เขาตายจะเป็นฝ่ายผิด ขโมยจะต้องจ่ายค่าเสียหายโดยเด็ดขาด แต่ถ้าเขาไม่มีให้ เขาต้องขายตัวเองเป็นค่าเสียหายเพื่อชดใช้ของที่ตนขโมย ถ้าพบว่าสัตว์ที่ถูกขโมยมีชีวิตและยังอยู่กับเขา ไม่ว่าจะเป็นโค ลา หรือแกะก็ตาม เขาจะต้องจ่ายคืนเป็นสองเท่า

ถ้าผู้ใดให้ฝูงสัตว์เล็มหญ้าในนาหรือสวนองุ่น โดยปล่อยให้มันหลงเข้าไปเล็มหญ้าในที่นาของคนอื่น เขาจะต้องยกผลผลิตที่ดีที่สุดจากทุ่งนาหรือสวนองุ่นของตนให้เป็นการชดใช้

ถ้าเกิดไฟไหม้ลุกลามทั่วกอหนาม จนทำให้กองฟาง นาข้าวหรือทั้งไร่นาถูกเผาผลาญ คนที่จุดไฟจะต้องจ่ายค่าเสียหาย

ถ้าผู้ใดขอให้เพื่อนบ้านของตนช่วยเก็บเงินหรือสิ่งของมีค่าไว้ แล้วสิ่งเหล่านั้นถูกขโมยไปจากบ้านของเขา ถ้าขโมยถูกจับได้ก็ต้องจ่ายคืนเป็นสองเท่า แต่ถ้าจับขโมยไม่ได้ เจ้าของบ้านจะถูกนำตัวมา ณ เบื้องหน้าพระเจ้า[a] เพื่อชี้ให้เห็นว่าเขาเป็นคนหยิบของจากเพื่อนบ้านไปหรือไม่ เพราะการล่วงละเมิดในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นโค ลา แพะแกะ เสื้อผ้า หรือสิ่งใดก็ตามที่หายไปโดยมีผู้หนึ่งอ้างว่า ‘นี่เป็นของเรา’ คู่กรณีจะต้องมา ณ เบื้องหน้าพระเจ้า คนที่พระเจ้าตัดสินว่าผิดจะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่เพื่อนบ้านของเขาเป็นสองเท่า

10 ถ้าผู้ใดขอให้เพื่อนบ้านของตนเลี้ยงลา โค แพะแกะ หรือสัตว์เลี้ยงใดๆ แล้วถ้าสัตว์ตาย บาดเจ็บหรือถูกต้อนหนีไปโดยไม่มีใครเห็น 11 เรื่องระหว่างคนทั้งสองต้องจบสิ้นลงที่คำสาบาน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าเพื่อให้เห็นว่าเขาได้ขโมยของจากเพื่อนบ้านไปหรือไม่ และเจ้าของสัตว์จะรับคำสาบาน และอีกฝ่ายก็ไม่ต้องชดใช้ 12 แต่ถ้าถูกขโมยไปจริง ผู้นั้นจะต้องชดใช้ให้แก่เจ้าของสัตว์ 13 ถ้าถูกสัตว์ป่าฆ่าตาย ก็ต้องเอาหลักฐานมาให้ดู และไม่จำเป็นต้องชดใช้แต่อย่างใด

14 ถ้าใครขอยืมสิ่งใดจากเพื่อนบ้าน และถ้ามันเกิดบาดเจ็บหรือตายในระหว่างที่เจ้าของไม่อยู่ด้วย คนนั้นต้องชดใช้คืนเท่าเดิม 15 ถ้าเจ้าของอยู่ด้วย เขาก็ไม่ต้องชดใช้ แต่ถ้าสัตว์นั้นเช่ามา ผู้นั้นก็เสียเพียงค่าเช่า

การรับผิดชอบต่อสังคม

16 ถ้าพรหมจาริณีซึ่งเดิมมิได้หมั้นหมายอยู่กับผู้ใด แล้วเธอถูกชายคนหนึ่งล่อลวงไปทำมิดีมิร้าย ชายนั้นจะต้องจ่ายค่าสินสอด และรับเธอไว้เป็นภรรยา 17 ถ้าบิดาของเธอยืนกรานปฏิเสธที่จะยกเธอให้เขา เขาจะต้องจ่ายเงินในจำนวนที่เท่ากับค่าสินสอดสำหรับพรหมจาริณี

18 เจ้าไม่ควรให้หญิงใดที่ใช้วิทยาคมมีชีวิตอยู่

19 ใครก็ตามที่มีเพศสัมพันธ์กับสัตว์จะต้องรับโทษถึงตาย

20 ใครก็ตามที่ถวายเครื่องสักการะแก่พวกเทพเจ้า ซึ่งไม่ใช่พระผู้เป็นเจ้า เขาจะต้องถูกกำหนดให้พินาศ

21 เจ้าอย่ากระทำการอันไม่สมควรต่อคนต่างด้าวหรือบีบบังคับเขา เพราะพวกเจ้าล้วนเคยเป็นคนต่างด้าวในแผ่นดินอียิปต์ 22 เจ้าอย่าเอาเปรียบหญิงม่ายหรือเด็กกำพร้าคนใด 23 ถ้าเจ้าเอาเปรียบพวกเขา แล้วเขาร้องเรียกถึงเรา เราย่อมได้ยินเสียงร้องของเขาอย่างแน่นอน 24 ความกริ้วของเราจะพลุ่งขึ้น จนกระทั่งสามารถฆ่าเจ้าด้วยคมดาบ ภรรยาของเจ้าจะกลายเป็นม่าย และลูกๆ ของเจ้าจะกำพร้าพ่อ

25 ถ้าเจ้าให้ผู้ยากไร้ในหมู่ชนชาติของเรายืมเงิน เจ้าจะต้องไม่ทำตัวเป็นเจ้าหนี้ และไม่เค้นเอาดอกเบี้ยจากเขา 26 ถ้าเจ้ายึดเสื้อคลุมของเพื่อนบ้านไว้เป็นของประกัน เจ้าจะต้องคืนให้เขาก่อนตะวันตกดิน 27 เพราะนั่นเป็นเครื่องนุ่งห่มชิ้นเดียวของเขา มันเป็นเครื่องนุ่งห่มสำหรับกายของเขา แล้วเขาจะใช้อะไรนุ่งนอน ถ้าเขาร้องเรียกถึงเรา เราย่อมได้ยิน เพราะเรามีเมตตา

28 อย่าพูดหมิ่นประมาทพระเจ้าหรือสาปแช่งบุคคลชั้นปกครอง

29 อย่าตระหนี่ผลผลิตอันอุดมที่ได้จากธัญพืช เหล้าองุ่นและน้ำมันมะกอก จงถวายบุตรชายคนแรกให้แก่เรา 30 จงทำเช่นเดียวกันกับฝูงโค และแพะแกะของเจ้าด้วย คือปล่อยให้อยู่กับแม่ของมัน 7 วัน แล้วจึงถวายให้เราในวันที่แปด

31 พวกเจ้าจงเป็นคนบริสุทธิ์เพื่อเรา ดังนั้นอย่ารับประทานเนื้อที่ถูกสัตว์ป่าขย้ำตายในทุ่งนา แต่จงทิ้งให้สุนัขกิน[b]

กฎแห่งความเป็นธรรมและเมตตา

23 อย่ากล่าวเท็จต่อๆ กันไป และอย่าช่วยเหลือผู้มีความผิดด้วยการเป็นพยานเท็จ อย่ากระทำชั่วตามคนส่วนใหญ่ และจงอย่าเป็นพยานในคดีความที่มีการฟ้องร้อง เพื่อเข้าข้างคนส่วนใหญ่ ซึ่งถือว่าบิดเบือนความเป็นธรรม อย่าโน้มเอียงเข้าข้างคนยากไร้ในยามฟ้องร้อง

ถ้าเจ้าพบโคหรือลาของศัตรูโดยบังเอิญ เจ้าต้องนำมันมาคืนให้เขา ถ้าเจ้าเห็นลาแบกของหนักล้มทรุดลง และเจ้าของลาคือคนที่เกลียดเจ้า เจ้าก็ต้องช่วยลาของเขาให้ลุกขึ้น

อย่าปฏิเสธความเป็นธรรมที่คนยากไร้ควรได้รับในกรณีฟ้องร้อง อย่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกล่าวหาผิดๆ อย่าทำให้ผู้ไร้ความผิดหรือผู้มีความชอบธรรมต้องรับโทษถึงตาย เพราะเราจะไม่ปล่อยคนชั่วให้รอดมือไปได้ อย่ารับสินบน เพราะการรับสินบนทำให้คนตาดีกลายเป็นคนตาบอด และพลิกคดีของผู้ปราศจากความผิดได้

อย่าข่มเหงคนต่างด้าว เจ้ารู้ใจคนต่างด้าวอย่างลึกซึ้ง เพราะเจ้าเองก็เคยเป็นคนต่างด้าวในแผ่นดินอียิปต์

กฎของวันสะบาโต

10 เจ้าหว่านพืชและเก็บเกี่ยวได้ผลเป็นเวลา 6 ปี 11 แต่ในปีที่เจ็ดเจ้าต้องปล่อยที่นาทิ้งไว้ ให้บรรดาผู้ยากไร้เก็บรับประทานของในนาได้ เศษที่พวกเขาเหลือไว้ก็ให้สัตว์ป่ากิน สวนองุ่นและสวนมะกอกเจ้าก็จงทำเช่นนั้นเหมือนกัน

12 จงทำการงานของเจ้า 6 วัน แต่เจ้าจงหยุดพักในวันที่เจ็ด เพื่อโคและลาของเจ้าได้หยุดพัก ทาสที่กำเนิดในครัวเรือนของเจ้าและชาวต่างด้าวจะได้มีเวลาหายใจบ้าง

13 เจ้าจงทำตามทุกสิ่งที่เราบอกไว้ให้ดี อย่าอธิษฐานต่อเทพเจ้าใดๆ หรือแม้แต่จะเอ่ยชื่อก็อย่าทำ

งานเทศกาลประจำปีทั้งสาม

14 เจ้าจงฉลองงานเทศกาลเพื่อเป็นเกียรติแก่เราปีละ 3 ครั้ง 15 เจ้าจงฉลองเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ ตามที่เราสั่งเจ้าคือ รับประทานขนมปังไร้เชื้อในระยะ 7 วันตามเวลาที่กำหนดไว้ในเดือนอาบีบ เพราะเจ้าออกจากอียิปต์ในเดือนนั้น อย่าให้ใครมาอยู่เบื้องหน้าเราโดยมือเปล่า 16 เจ้าจงใช้ผลแรกที่เก็บเกี่ยวได้จากนาของเจ้า เพื่อฉลองเทศกาลเก็บเกี่ยวธัญพืช[c] จงฉลองเทศกาลเก็บรวมตอนปลายปี คือเวลาที่เจ้ารวบรวมผลผลิตทั้งหมดที่ได้จากแรงงานที่ไร่นาของเจ้า 17 ชายทุกคนในพวกเจ้าต้องมา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ปีละ 3 ครั้ง

18 อย่าถวายเลือดสัตว์จากเครื่องสักการะของเราปนกับสิ่งใดที่มีเชื้อยีสต์ หรือปล่อยให้มีไขมันจากงานเทศกาลของเราเหลืออยู่จนถึงรุ่งเช้า

19 จงนำผลแรกที่พิเศษสุดจากนาที่เจ้าเก็บเกี่ยวได้มายังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า

อย่าต้มลูกแพะในน้ำนมของแม่มัน[d]

ทูตสวรรค์ของพระเจ้าเตรียมทาง

20 ดูเถิด เราส่งทูตสวรรค์ผู้หนึ่งไปล่วงหน้าเจ้าเพื่อปกปักรักษาเจ้าเวลาเดินทาง และนำเจ้าไปยังที่ที่เราได้เตรียมไว้ให้เจ้าแล้ว 21 จงตั้งใจและเชื่อฟังเขา อย่าขัดขืนต่อเขา เพราะเขาจะไม่ยกโทษการล่วงละเมิดของพวกเจ้า เพราะเขามีสิทธิอำนาจในนามของเรา

22 แต่ถ้าเจ้าตั้งใจเชื่อฟังเขาเป็นอย่างดี และกระทำตามทุกสิ่งที่เราพูด เราก็จะเป็นศัตรูกับเหล่าศัตรูของเจ้า และเป็นปฏิปักษ์กับบรรดาปฏิปักษ์ของเจ้า

23 เมื่อทูตสวรรค์ของเราไปล่วงหน้าเจ้าและนำเจ้าไปยังชาวอาโมร์ ชาวฮิต ชาวเปริส ชาวคานาอัน ชาวฮีว และชาวเยบุส เราจะทำให้พวกเขาสาบสูญไป 24 อย่าก้มกราบหรือนมัสการบรรดาเทพเจ้าของพวกเขา หรือปฏิบัติตามอย่างพวกเขา แต่เจ้าจงทำลายรูปเคารพให้หมดสิ้นและทุบแผ่นหินที่ตั้งอยู่ให้แตกเป็นเสี่ยงๆ 25 เจ้าจงนมัสการพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า แล้วเราจะอวยพรเจ้าผ่านอาหารและน้ำของเจ้า และจะทำให้พวกเจ้าพ้นจากโรคภัยด้วย 26 จะไม่มีผู้ใดแท้งลูกหรือเป็นหมันในแผ่นดินของเจ้า และจะให้เจ้ามีอายุยืน 27 เราจะทำให้ชนชาติทั้งปวงที่เป็นปฏิปักษ์กับเจ้าเกิดพรั่นพรึงขึ้นมา เราจะทำให้พวกศัตรูของเจ้าสับสนและหันหลังเตลิดไป 28 เราจะส่งฝูงแตนไปล่วงหน้าเจ้า เพื่อไล่ชาวฮีว ชาวคานาอันและชาวฮิตไปให้พ้นทางของเจ้า 29 เราจะไม่ไล่พวกเขาให้พ้นทางในระยะเวลาปีเดียว เพราะเกรงว่าแผ่นดินจะกลายเป็นที่ร้าง และจำนวนสัตว์ป่าก็จะมีมากกว่าพวกเจ้า 30 เราจะไล่พวกเขาให้พ้นทางเจ้าทีละน้อย จนกระทั่งพวกเจ้าทวีจำนวนมากขึ้นจนเป็นเจ้าของดินแดน 31 แล้วเราจะกำหนดเขตแดนจากทะเลแดงจนถึงทะเลของชาวฟีลิสเตีย และจากถิ่นทุรกันดารจรดแม่น้ำยูเฟรติส เพราะเราจะทำให้ผู้อยู่อาศัยในดินแดนตกอยู่ในมือของพวกเจ้า และเจ้าจะขับไล่พวกเขาไปให้พ้นหน้าเจ้า 32 อย่าทำพันธสัญญากับพวกเขาหรือบรรดาเทพเจ้าของเขา 33 อย่ายอมให้พวกเขาอาศัยอยู่ในดินแดนของเจ้า เกรงว่าเขาจะเป็นเหตุให้พวกเจ้ากระทำผิดต่อเรา เพราะถ้าหากว่าเจ้าบูชาบรรดาเทพเจ้าของพวกเขา เจ้าก็จะติดบ่วงแร้วอย่างแน่นอน”

ประทับตราพันธสัญญา

24 พระองค์กล่าวกับโมเสสว่า “ตัวเจ้ากับอาโรนจงขึ้นมาหาพระผู้เป็นเจ้า พร้อมทั้งนาดับ อาบีฮู และบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 70 คนของอิสราเอล และกราบนมัสการอยู่ห่างๆ โมเสสผู้เดียวที่จะเข้ามาใกล้พระผู้เป็นเจ้า ส่วนคนอื่นๆ อย่าเข้ามาใกล้ และอย่าให้ประชาชนขึ้นมากับโมเสสเลย”

โมเสสไปบอกประชาชนถึงคำสั่งทุกประการและทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าว ประชาชนตอบเป็นเสียงเดียวว่า “พวกเราจะทำตามทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าว” โมเสสเขียนบันทึกทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวไว้ ท่านลุกขึ้นแต่เช้าตรู่เพื่อสร้างแท่นบูชาที่เชิงเขา และก่อเสาหินขึ้น 12 ต้น ตามจำนวน 12 เผ่าของอิสราเอล ครั้นแล้วท่านก็ให้ชายหนุ่มชาวอิสราเอลไปมอบสัตว์ที่จะเผาเป็นของถวาย และมอบโคตัวผู้เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมแด่พระผู้เป็นเจ้า โมเสสเทเลือดสัตว์ครึ่งหนึ่งลงในอ่าง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งท่านสาดลงที่แท่นบูชา แล้วหยิบพันธสัญญาเล่มที่เขียนไว้ เพื่ออ่านให้ประชาชนฟัง พวกเขาพูดว่า “เราจะเชื่อฟังและจะทำทุกอย่างตามที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าว” โมเสสจึงประพรมเลือดสัตว์ที่ตัวประชาชนและกล่าวว่า “นี่คือเลือดแห่งพันธสัญญาซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้ทำไว้กับพวกท่านตามทุกสิ่งที่พระองค์กล่าว”

ครั้นแล้ว โมเสส อาโรน นาดับ อาบีฮู และบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 70 คนของอิสราเอลก็ขึ้นเขาไป 10 แล้วพวกเขาก็มองเห็นพระเจ้าของอิสราเอล บริเวณพื้นที่พระองค์ยืนอยู่เป็นดั่งนิลสีครามและสุกใสเหมือนฟ้าสวรรค์ 11 พระองค์ไม่ได้ทำอันตรายบรรดาผู้นำของอิสราเอลแต่อย่างใด พวกเขาเห็นพระเจ้าและยังได้ดื่มกินด้วย

12 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “ขึ้นมาพบเราบนภูเขาและรออยู่ที่นั่น เราจะให้แผ่นศิลาที่เราเขียนสั่งพวกเขาเกี่ยวกับกฎบัญญัติและคำบัญญัติไว้กับเจ้า” 13 โมเสสจึงลุกขึ้นพร้อมกับโยชูวาผู้ช่วยคนสำคัญของท่าน แล้วโมเสสขึ้นไปบนภูเขาของพระเจ้า 14 ท่านพูดกับบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ว่า “ท่านรอเราอยู่ที่นี่เถิด จนกว่าเราจะกลับมาหาท่าน อาโรนและฮูร์ก็อยู่กับท่าน ถ้าใครมีปัญหาก็ให้เขาไปหาทั้ง 2 คนได้”

15 โมเสสขึ้นภูเขาไป มีเมฆปกคลุมภูเขา 16 พระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าสถิตบนภูเขาซีนาย เมฆปกคลุมภูเขาอยู่ 6 วัน พอวันที่เจ็ดพระองค์เรียกโมเสสจากก้อนเมฆ 17 บัดนี้พระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าปรากฏแก่สายตาประชาชนชาวอิสราเอลดั่งเปลวไฟลุกโพลงที่ยอดภูเขา 18 โมเสสเดินเข้าไปในก้อนเมฆ ขึ้นเขาไป ท่านอยู่บนภูเขา 40 วัน 40 คืน

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation