Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
ปฐมกาล 43-45

ครอบครัวโยเซฟไปประเทศอียิปต์ครั้งที่สอง

43 ในเวลานั้นทุพภิกขภัยเกิดขึ้นอย่างรุนแรงที่สุดในแผ่นดิน และเมื่อเขาทั้งหลายได้ใช้ธัญพืชที่ได้มาจากอียิปต์จนหมดแล้ว บิดาพูดกับพวกเขาว่า “ไปอีก ไปซื้ออาหารให้พวกเราอีกหน่อย” แต่ยูดาห์พูดว่า “ชายผู้นั้นเตือนเราอย่างเอาจริงเอาจังว่า ‘อย่ามาให้เราเห็นหน้าอีก เว้นเสียแต่ว่าน้องชายของเจ้าจะมากับเจ้าด้วย’ ถ้าพ่อจะให้น้องชายไปกับพวกเรา เราก็จะลงไปซื้ออาหารมาให้พ่อ แต่ถ้าพ่อไม่ให้เขาไป เราก็จะไม่ลงไป เพราะว่าชายผู้นั้นพูดกับเราว่า ‘อย่ามาให้เราเห็นหน้าอีก จนกว่าน้องชายของเจ้าจะมากับเจ้าด้วย’” อิสราเอลพูดว่า “ทำไมเจ้าจึงบอกชายผู้นั้นว่าเจ้ามีน้องชายอีกคน นั่นก็เป็นการสร้างปัญหาให้กับพ่อมาก” พวกเขาตอบว่า “ชายผู้นั้นซักไซ้พวกเราอย่างละเอียดเกี่ยวกับตัวเราและครอบครัว โดยถามว่า ‘บิดาของเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เจ้ามีน้องอีกคนหรือไม่’ ทุกสิ่งที่พวกเราตอบก็ตอบตามคำถามพวกนี้แหละ เราจะทราบได้อย่างไรว่าท่านจะสั่งว่า ‘ให้พาน้องชายของเจ้าลงมาด้วย’” แล้วยูดาห์พูดกับอิสราเอลบิดาของตนว่า “ให้เจ้าหนุ่มน้อยไปกับลูกเถิด เราจะได้ลุกขึ้นไปกัน พวกเราจะได้มีชีวิตอยู่ต่อ จะได้ไม่ตาย ทั้งตัวเราเอง ตัวพ่อ และเจ้าตัวเล็กๆ ของเราด้วย ลูกจะเป็นประกันตัวเขา พร้อมกับจะรับผิดชอบแทนเขาเอง ถ้าลูกไม่พาเขากลับมาให้พ่อ และมาให้ยืนตรงหน้าพ่อ ลูกก็ยินดีรับผิดไปตลอดชีวิต 10 ถ้าพวกเราไม่ล่าช้า ป่านนี้คงจะไปและกลับมาได้ 2 เที่ยวแล้ว”

11 ครั้นแล้วอิสราเอลบิดาของเขาพูดว่า “ถ้าจะต้องเป็นอย่างนั้น ก็จงทำไปตามนี้เถิด เอาผลิตผลชั้นดีของถิ่นเราใส่ถุงของเจ้าไป แล้วแบกไปให้ชายผู้นั้นเป็นของกำนัล ยางไม้ชนิดต่างๆ น้ำผึ้งอย่างละนิดละหน่อย มดยอบ ถั่วพิสตาชิโอและอัลมอนด์ 12 เอาเงินติดตัวไปเป็น 2 เท่า หอบเงินที่ติดอยู่ปากถุงของเจ้ากลับไป บางทีมันอาจจะติดมากับตัวเจ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ 13 เอาตัวน้องชายเจ้าไปด้วย ลุกขึ้นได้แล้ว กลับไปหาชายผู้นั้น 14 ขอให้พระเจ้าผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพโปรดให้ชายผู้นั้นมีเมตตาต่อพวกเจ้า ท่านจะได้ปล่อยตัวพี่ชายกับเบนยามินกลับมา แต่ถ้าพ่อจะต้องเสียลูก พ่อก็จำต้องเสียพวกเขาไป”

15 ดังนั้น พวกบุตรของยาโคบจึงเอาของกำนัล แบกเงินเป็นจำนวน 2 เท่าติดตัวพร้อมกับเบนยามิน ออกเดินทางลงไปยังประเทศอียิปต์ เพื่อไปหาโยเซฟ

16 เมื่อโยเซฟเห็นเบนยามินมากับพวกพี่ๆ เขาบอกหัวหน้าคุมงานของเขาว่า “พาชายพวกนั้นเข้ามาในเรือนของเรา ฆ่าสัตว์ตัวหนึ่งเตรียมเป็นอาหารไว้ เพราะว่าชายเหล่านั้นจะรับประทานด้วยกันกับเราในตอนเที่ยง” 17 หัวหน้าคุมงานทำตามที่โยเซฟสั่ง และนำพวกผู้ชายไปยังบ้านโยเซฟ 18 ชายเหล่านั้นกลัวเพราะถูกนำตัวไปยังบ้านของโยเซฟ จึงพูดกันว่า “เป็นเพราะเงินที่อยู่ในถุงของพวกเราครั้งแรก เราจึงถูกนำตัวมาที่นี่ ท่านหาโอกาสกล่าวหาและบังคับพวกเราได้ จะให้เราเป็นทาสและจะเอาลาของเราไปด้วย” 19 พวกเขาเดินไปหาหัวหน้าคุมงานของโยเซฟ และพูดกับเขาที่ทางเข้าบ้าน 20 โดยกล่าวว่า “ได้โปรดเถิดนาย พวกเราลงมาครั้งแรกเพื่อซื้ออาหาร 21 พอเราถึงที่ค้างแรมก็เปิดถุงของเราออก จึงเห็นว่ามีเงินของทุกคนอยู่ที่ปากถุงของตนเอง เงินเต็มจำนวน เราจึงเอากลับมาคืน 22 และเราเอาเงินอีกจำนวนติดมือมาซื้ออาหาร เราไม่ทราบว่าใครใส่เงินของเรากลับไว้ในถุง” 23 เขาตอบว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก อย่ากังวลเลย พระเจ้าของท่านและพระเจ้าของบิดาของท่านคงเป็นผู้ใส่สิ่งมีค่าในถุงให้ท่าน เราได้รับเงินของท่านแล้ว” แล้วเขาก็นำตัวสิเมโอนออกมาให้ 24 เมื่อหัวหน้าคุมงานพาชายเหล่านั้นไปยังบ้านโยเซฟแล้ว ก็หาน้ำมาให้ล้างเท้า และให้อาหารแก่ลา 25 หลังจากนั้นพวกเขาก็จัดเตรียมของกำนัลเพื่อมอบแก่โยเซฟเมื่อเขามาถึงในราวเที่ยงวัน เพราะพวกเขาทราบมาว่าควรจะรับประทานร่วมกับเขาที่นั่น

26 เมื่อโยเซฟถึงบ้าน พวกเขาก็นำของกำนัลที่เอาติดตัวมาเข้าบ้านมอบให้แก่โยเซฟ และก้มตัวลงราบกับพื้น ณ เบื้องหน้าโยเซฟ 27 เขาถามถึงทุกข์สุขของพวกเขาและพูดว่า “บิดาของเจ้าสบายดีหรือ ชายชราที่เจ้าเคยพูดถึงน่ะ เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่” 28 พวกเขาตอบว่า “บิดาของเราคือผู้รับใช้ของท่านสบายดี และท่านยังมีชีวิตอยู่” แล้วพวกเขาก็ก้มศีรษะและแสดงความเคารพ 29 โยเซฟเงยหน้าขึ้นดูก็เห็นเบนยามินน้องชายร่วมมารดาของตน เขาจึงพูดว่า “นี่เป็นน้องคนสุดท้องของเจ้าที่เล่าให้เราฟังหรือ ลูกเอ๋ย ขอพระเจ้าจงมีพระคุณต่อเจ้าเถิด” 30 แล้วรีบออกไปข้างนอก เพราะความรักและความสงสารที่มีต่อน้องชายนั้นมีมากจนน้ำตาจะหลั่ง เขาจึงเข้าไปที่ห้องชั้นใน และร้องไห้อยู่ที่นั่น 31 หลังจากที่เขาได้ล้างหน้าแล้วก็ออกมา พอควบคุมตนเองได้ก็พูดว่า “ตั้งโต๊ะได้แล้ว” 32 เขานั่งคนละโต๊ะกับพวกเขา มีพวกชาวอียิปต์ที่รับประทานอยู่ด้วยนั่งคนละโต๊ะกับเขา เพราะชาวอียิปต์ไม่รับประทานอาหารร่วมกับชาวฮีบรู เนื่องจากชาวอียิปต์นับว่าชาวฮีบรูน่ารังเกียจ 33 พวกเขาถูกจัดให้นั่งที่ตรงหน้าโยเซฟตามลำดับอายุ เรียงแถวจากคนที่มีอายุมากสุดไปจนถึงคนที่มีอายุน้อยสุด และชายเหล่านั้นมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ 34 อาหารแบ่งออกไปจากโต๊ะของโยเซฟให้พวกเขา แต่ส่วนที่เป็นของเบนยามินมากกว่าของทุกคนเป็น 5 เท่า เขาทั้งหลายดื่มและรื่นเริงอยู่กับเขา

ถ้วยเงินในถุง

44 โยเซฟสั่งหัวหน้าคุมงานของเขาว่า “จงบรรจุอาหารใส่ถุงของชายเหล่านี้ให้เต็มเท่าที่เขาจะแบกได้ และเอาเงินของเขาแต่ละคนใส่ที่ปากถุง ใส่ถ้วยเงินของเราที่ปากถุงของคนสุดท้อง พร้อมกับเงินของเขาที่เอามาซื้อข้าวด้วย” เขาก็ทำตามที่โยเซฟสั่ง

ทันทีที่ฟ้าสางชายเหล่านั้นก็เริ่มออกเดินทางไปกับลาของเขา เมื่อออกไปจากเมืองได้เพียงระยะสั้น โยเซฟบอกหัวหน้าคุมงานของเขาว่า “รีบตามชายพวกนั้นไป พอตามจับทันก็ให้พูดกับเขาว่า ‘ทำไมพวกท่านจึงทำชั่วตอบแทนความดีเล่า ทำไมพวกท่านจึงขโมยถ้วยเงินของเราไป มันเป็นถ้วยที่เจ้านายใช้ดื่มนี่นา และท่านก็ใช้ในการทำนาย สิ่งที่พวกท่านทำนั้นเป็นความผิดมหันต์’”

เมื่อเขาตามจับทันแล้ว เขาก็พูดไปตามนั้น ชายเหล่านั้นพูดกับเขาว่า “ทำไมท่านจึงพูดอย่างนั้น ผู้รับใช้ทั้งหลายของท่านไม่มีวันทำตัวแบบนั้นแน่ ก็ดูสิ เงินที่พวกเราพบที่ปากถุงของเราก็นำกลับมาจากดินแดนคานาอัน แล้วเราจะขโมยเงินหรือทองคำจากบ้านเจ้านายของท่านได้อย่างไร ถ้าหากถ้วยอยู่กับผู้รับใช้ของท่านคนใด ก็ฆ่าให้คนนั้นตาย และเราจะยอมเป็นทาสของเจ้านายของท่านด้วย” 10 เขาตอบว่า “ให้เป็นไปตามที่ท่านพูดเถิด ถ้าถ้วยอยู่กับสิ่งของๆ ผู้ใด ผู้นั้นจะต้องเป็นทาสของเรา ส่วนคนอื่นๆ ก็จะเป็นอิสระ” 11 ดังนั้น ทุกคนจึงหย่อนถุงลงบนพื้นดินโดยเร็ว และต่างก็เปิดถุงของตน 12 แล้วเขาค้นโดยเริ่มจากคนโตสุด ลงท้ายที่คนสุดท้อง และพบถ้วยในถุงของเบนยามิน 13 พวกเขาจึงฉีกเสื้อผ้าของตน และต่างก็บรรทุกของขึ้นลากลับเข้าไปในเมือง

14 เมื่อยูดาห์และพวกพี่น้องมาถึงบ้านโยเซฟ เขายังอยู่ที่บ้าน พวกเขาก็ทิ้งตัวลงราบกับพื้น ณ เบื้องหน้าเขา 15 โยเซฟพูดกับเขาทั้งปวงว่า “พวกเจ้าทำอะไรลงไป เจ้าไม่รู้หรือว่า คนอย่างเราสามารถรู้อะไรต่อมิอะไรได้จากการทำนาย” 16 ยูดาห์พูดว่า “พวกเราจะพูดอะไรต่อนายท่านของเราได้เล่า เราจะโต้กลับได้อย่างไร เราจะแก้ตัวได้อย่างไร พระเจ้าได้เผยให้เห็นความผิดของผู้รับใช้ของท่านแล้ว พวกเราเป็นทาสของนายท่านของเรา คือไม่เป็นเพียงคนที่ถูกค้นพบว่า มีถ้วยอยู่ในครอบครอง แต่เป็นพวกเราทุกคนด้วย” 17 แต่โยเซฟพูดว่า “เราไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่ คนที่มีถ้วยอยู่ในครอบครองเท่านั้นที่จะเป็นทาสของเรา ส่วนพวกเจ้าก็กลับขึ้นไปหาบิดาของเจ้าได้อย่างปลอดภัย”

18 ยูดาห์จึงเข้าไปใกล้โยเซฟและพูดว่า “โอ นายท่าน ข้าพเจ้าขอร้อง โปรดให้ผู้รับใช้ของท่านได้พูดให้นายท่านฟังเถิด และอย่าโกรธผู้รับใช้ของท่านเลย เพราะท่านเสมือนเป็นฟาโรห์กระนั้น 19 นายท่านถามผู้รับใช้ทั้งหลายว่า ‘พวกเจ้ามีบิดาหรือน้องชายหรือไม่’ 20 และพวกเราตอบนายท่านว่า ‘เรามีบิดาผู้ชราคนหนึ่งกับน้องชายผู้เยาว์เกิดครั้งบิดามีอายุมากแล้ว และพี่ชายของเขาก็เสียชีวิตไปแล้ว เขาไม่มีใครอีกแล้วที่เกิดจากมารดาเดียวกัน บิดาของเขาก็รักเขามากด้วย’ 21 แล้วท่านบอกผู้รับใช้ทั้งปวงของท่านว่า ‘พาเขาลงมาหาเรา เราจะได้เห็นตัวเขา’ 22 พวกเราบอกนายท่านว่า ‘เด็กหนุ่มจะจากบิดาของเขาไปไม่ได้ เพราะถ้าเขาจากไป บิดาของเขาก็จะตาย’ 23 แล้วท่านบอกผู้รับใช้ของท่านว่า ‘อย่ามาให้เราเห็นหน้าอีก จนกว่าน้องชายคนเล็กของเจ้าจะลงมากับเจ้า’

24 เมื่อพวกเรากลับไปหาบิดาของเรา เราก็บอกให้ฟังว่าท่านพูดอย่างไร 25 ครั้นบิดาของเราพูดว่า ‘ไปอีก ไปซื้ออาหารให้พวกเราอีกหน่อย’ 26 เราบอกว่า ‘พวกเราลงไปไม่ได้ ถ้าน้องชายคนสุดท้องลงไปด้วย เราจึงจะลงไป เพราะพวกเราจะไปให้ชายผู้นั้นเห็นหน้าเราอีกไม่ได้ จนกว่าน้องชายคนสุดท้องของเราจะไปกับเรา’ 27 บิดาของเราผู้รับใช้ของท่านพูดว่า ‘เจ้าก็รู้ว่าภรรยาพ่อให้กำเนิดลูกชาย 2 คน 28 คนหนึ่งไม่อยู่แล้ว เขาคงถูกสัตว์ขม้ำ และจนบัดนี้พ่อก็ไม่ได้เห็นเขาอีก 29 ถ้าเจ้าเอาตัวคนนี้ไปจากพ่ออีก ถ้าเกิดมีอันตรายกับเขา ความโศกเศร้าจะทำให้คนแก่อย่างพ่อขาดใจตาย’

30 ฉะนั้น ณ บัดนี้เวลาข้าพเจ้าไปหาบิดาผู้รับใช้ของท่าน แล้วเด็กหนุ่มไม่ได้อยู่กับพวกเรา โอ ชีวิตท่านผูกพันอยู่กับชีวิตของเด็กหนุ่มคนนี้ 31 เมื่อท่านเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่ได้อยู่กับพวกเรา ท่านก็จะตาย พวกผู้รับใช้ของท่านจะทำให้ความโศกเศร้าเป็นเหตุให้คนแก่อย่างบิดาของเราที่เป็นผู้รับใช้ของท่านขาดใจตาย 32 ยิ่งกว่านั้นอีก ข้าพเจ้าได้เอาชีวิตข้าพเจ้าเป็นประกันตัวเด็กไว้กับบิดาข้าพเจ้า หากข้าพเจ้าไม่พาตัวเด็กกลับไป ข้าพเจ้าจะรับผิดไปตลอดชีวิต 33 ฉะนั้น ณ บัดนี้ข้าพเจ้าขอร้องท่าน ให้ผู้รับใช้ของท่านอยู่แทนตัวเด็กหนุ่มในฐานะทาสของนายท่าน และปล่อยให้เด็กกลับไปกับพวกพี่ๆ ของเขาเถิด 34 ข้าพเจ้าจะกลับไปหาบิดาของข้าพเจ้าได้อย่างไร ในเมื่อเด็กหนุ่มไม่อยู่กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สามารถทนดูเหตุร้ายเกิดขึ้นกับบิดาของข้าพเจ้าได้”

โยเซฟประกาศตัว

45 โยเซฟไม่สามารถควบคุมตนเองต่อหน้าคนทั้งปวงที่ยืนอยู่รอบข้างเขาได้อีก เขาจึงร้องขึ้นว่า “ให้ทุกคนออกไปข้างนอก” ดังนั้นไม่มีใครอยู่กับโยเซฟเวลาเขาประกาศตัวให้พวกพี่น้องของเขาทราบ แล้วเขาก็ร้องไห้เสียงดังจนชาวอียิปต์ได้ยิน และข่าวกระจายไปจนถึงเรือนของฟาโรห์ โยเซฟพูดกับพี่น้องของเขาว่า “เราคือโยเซฟ บิดาเรายังมีชีวิตอยู่หรือ” แต่พวกพี่น้องของเขาไม่สามารถตอบอะไรออกมาได้สักคำเพราะตกใจที่ประจันหน้ากับเขา

โยเซฟจึงพูดกับพวกพี่น้องของเขาว่า “โปรดเข้ามาใกล้ๆ เราเถิด” พวกเขาจึงเข้าไปใกล้โยเซฟ เขาพูดว่า “เราคือโยเซฟน้องชายที่พี่ขายมายังประเทศอียิปต์ มาบัดนี้อย่ากลุ้มใจหรือโทษตัวเองที่พวกพี่ๆ ขายตัวเราให้มาอยู่นี่เลย เพราะพระเจ้าได้ส่งเรามาล่วงหน้าพี่ก็เพื่อช่วยชีวิต เพราะทุพภิกขภัยที่เกิดขึ้นในแผ่นดินมาแล้ว 2 ปี ยังเหลือเวลาอีก 5 ปีที่จะไม่มีโอกาสไถนาหรือเก็บเกี่ยวข้าวได้ และพระเจ้าส่งเรามาล่วงหน้าพี่ เพื่อสงวนให้มีคนเหลืออยู่บนโลกจำนวนหนึ่งสำหรับพี่ๆ และเพื่อช่วยคนของพี่ให้มีชีวิตรอดอยู่ได้จำนวนมาก ฉะนั้นไม่ใช่พี่ที่ส่งเรามาที่นี่ แต่เป็นพระเจ้า และพระองค์ให้เราได้เป็นที่ปรึกษาชั้นสูงของฟาโรห์ คุมกิจการทั้งหมดของแผ่นดินของท่าน และควบคุมทั่วดินแดนอียิปต์ รีบขึ้นไปหาบิดาของเรา และบอกท่านว่า ‘โยเซฟลูกชายของพ่อพูดว่า พระเจ้าได้ให้ลูกเป็นคนคุมกิจการทั่วอียิปต์ รีบลงมาหาลูกเถิด 10 พ่อจะอาศัยอยู่ในอาณาเขตโกเชน จะได้อยู่ใกล้ลูก ทั้งพ่อและลูกหลาน แพะแกะ และฝูงสัตว์ของพ่อ และทุกสิ่งที่พ่อเป็นเจ้าของ 11 ลูกจะดูแลพ่อที่นั่น เพราะยังมีช่วงเวลาแห่งทุพภิกขภัยอีก 5 ปี กลัวว่าพ่อกับครอบครัวทั้งหมดและฝูงสัตว์จะอดตายกัน’ 12 บัดนี้พวกพี่ๆ เองและเบนยามินน้องชายของเราก็เห็นด้วยตาว่า เป็นปากเราที่พูดกับทุกคน 13 พี่ไปเล่าให้พ่อเราฟังถึงความมั่งคั่งของเราที่อียิปต์ และทุกสิ่งที่ได้เห็นแล้ว รีบไปเถิด และพาพ่อของเราลงมาที่นี่” 14 แล้วเขาก็ซบหน้าลงที่บ่าเบนยามินน้องชายของเขา และร้องไห้ เบนยามินก็กอดคอเขา และร้องไห้ 15 เขาจูบแก้มพี่ชายทุกคน และร้องไห้ หลังจากนั้นพวกพี่ๆ ของเขาพูดคุยกับเขา

16 เมื่อวังของฟาโรห์ทราบข่าวว่า “พี่น้องของโยเซฟมา” ฟาโรห์และผู้รับใช้ของท่านก็ยินดี 17 และฟาโรห์พูดกับโยเซฟว่า “จงบอกพี่ๆ ของเจ้าว่า ‘จงทำตามนี้ ขนของขึ้นลากลับไปยังดินแดนคานาอัน 18 พาบิดาและครอบครัวทั้งหมดของเจ้ามาหาเรา และเราจะให้ที่ดินผืนงามที่สุดในอียิปต์ และเจ้าจะได้ดื่มกินอย่างดีที่สุดในแผ่นดินนี้’ 19 สั่งพวกเขาด้วยว่า ‘จงทำตามนี้คือ เอาเกวียนจากดินแดนอียิปต์ไปรับเด็กเล็กและพวกภรรยาของเจ้า และพาบิดาของเจ้ามา 20 ไม่ต้องห่วงสมบัติของเจ้าเลย เพราะสิ่งดีๆ ทั้งหลายทั่วดินแดนอียิปต์เป็นของเจ้า’”

21 บรรดาบุตรของอิสราเอลก็ทำตาม และโยเซฟให้เกวียนพวกเขาไป ตามคำสั่งของฟาโรห์ และให้อาหารไปกินระหว่างเดินทาง 22 เขาให้เสื้อใหม่แก่ทุกคน คนละ 1 ชุด แต่เขาให้เงินหนัก 300 เชเขลและเสื้อใหม่ 5 ชุดแก่เบนยามิน 23 ของที่เขาฝากไปให้บิดามี ลา 10 ตัวบรรทุกสิ่งดีๆ ของอียิปต์ ลาตัวเมียบรรทุกธัญพืช ขนมปังและอาหารสำหรับการเดินทางของบิดาของเขา 24 เขาส่งพวกพี่น้องกลับไป และขณะที่กำลังออกเดินทางไป โยเซฟบอกพวกเขาว่า “อย่าทะเลาะกันระหว่างทาง”

25 ดังนั้น พวกเขาเดินทางขึ้นไปจากอียิปต์ กลับมาหายาโคบบิดาของเขาที่ดินแดนคานาอัน 26 พวกเขาบอกยาโคบว่า “โยเซฟยังมีชีวิตอยู่ เขาเป็นผู้ปกครองทั่วทั้งอียิปต์” ยาโคบใจหายเพราะไม่เชื่อ 27 แต่เมื่อเขาทั้งหลายเล่าทุกอย่างให้ยาโคบฟังตามที่โยเซฟกำชับ และเมื่อเห็นเกวียนที่โยเซฟได้ส่งมารับตัวไป จึงหายตกใจ 28 และอิสราเอลพูดว่า “โยเซฟลูกชายของพ่อยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นก็พอแล้ว พ่อจะไปหาเขาก่อนพ่อตาย”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation