Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
2 ซามูเอล 22-24

บทเพลงสรรเสริญของดาวิด

(สดด.18:1-50)

22 ดาวิดทรงขับร้องเพลงบทนี้ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า หลังจากที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเหลือเขาจากเงื้อมมือของซาอูลและศัตรูอื่นๆ ทั้งปวง เขากล่าวว่า

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นศิลา เป็นป้อมปราการ และผู้กอบกู้ของข้าพเจ้า
พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นศิลาที่ข้าพเจ้าเข้าไปลี้ภัย
ทรงเป็นโล่ เป็นกำลัง[a]แห่งความรอดของข้าพเจ้า
พระองค์ทรงเป็นที่มั่น เป็นที่ลี้ภัย เป็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากคนอำมหิต
ข้าพเจ้าร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสมควรแก่การสรรเสริญ
แล้วข้าพเจ้าก็ได้รับการช่วยให้รอดพ้นจากเหล่าศัตรู

“คลื่นแห่งความตายถาโถมใส่ข้าพเจ้า
กระแสแห่งความหายนะท่วมท้นข้าพเจ้า
บ่วงแห่งแดนผู้ตายรัดรอบตัวข้าพเจ้า
บ่วงแร้วแห่งความตายอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า
ในยามทุกข์โศก ข้าพเจ้าร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าทูลเรียกพระเจ้าของข้าพเจ้า
พระองค์ทรงสดับเสียงของข้าพเจ้าจากพระวิหารของพระองค์
เสียงร่ำร้องของข้าพเจ้าดังไปถึงพระกรรณของพระองค์

“แผ่นดินโลกสะเทือนเลื่อนลั่น
ฐานของสวรรค์[b]สั่นคลอน
สวรรค์สั่นสะเทือนเพราะพระองค์ทรงพระพิโรธ
ควันพุ่งออกมาจากพระนาสิก
เปลวไฟเผาผลาญและถ่านไฟลุกโชน
ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์
10 พระองค์ทรงแหวกฟ้าสวรรค์และเสด็จลงมา
เมฆมืดทึบอยู่ใต้พระบาทของพระองค์
11 พระองค์ทรงประทับเหนือเครูบ
เสด็จมา[c]ด้วยปีกแห่งกระแสลม
12 พระองค์ทรงทำให้ความมืดปกคลุมอยู่รายรอบพระองค์
ทรงให้เมฆฝนดำทะมึน[d]ในท้องฟ้าอยู่รอบพระองค์
13 สายฟ้าแลบแปลบปลาบออกมา
จากแสงสว่างเจิดจ้าแห่งการปรากฏของพระองค์
14 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปล่งกัมปนาทจากฟ้าสวรรค์
พระสุรเสียงขององค์ผู้สูงสุดดังก้อง
15 พระองค์ทรงยิงลูกศร ทำให้เหล่าศัตรูกระเจิดกระเจิงไป
ทรงส่งฟ้าแลบ ทำให้พวกเขาแตกพ่ายไป
16 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำราบ
เมื่อลมพวยพุ่งออกจากพระนาสิกของพระองค์
หุบเขาในท้องทะเลก็เผยออก
รากฐานของโลกก็ปรากฏ

17 “พระองค์ทรงเอื้อมพระหัตถ์จากเบื้องบนลงมายึดข้าพเจ้าไว้
ทรงดึงข้าพเจ้าขึ้นจากห้วงน้ำลึก
18 พระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากศัตรูผู้ทรงอำนาจ
จากปฏิปักษ์ผู้แข็งแกร่งกว่าข้าพเจ้า
19 พวกเขาบุกโจมตีในยามที่ข้าพเจ้าประสบภัยพิบัติ
แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงค้ำชูข้าพเจ้าไว้
20 พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าออกมายังที่กว้างขวาง
ทรงช่วยข้าพเจ้าไว้เพราะทรงปีติยินดีในตัวข้าพเจ้า

21 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบแทนข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า
ทรงปูนบำเหน็จแก่ข้าพเจ้า เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นคนมือสะอาด
22 เพราะข้าพเจ้ารักษาทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าไม่ได้ทำชั่วโดยหันไปจากพระเจ้าของข้าพเจ้า
23 บทบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์อยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าไม่ได้หันไปจากกฎหมายของพระองค์
24 ข้าพเจ้าไร้ตำหนิต่อหน้าพระองค์
และได้รักษาตนให้พ้นจากบาป
25 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปูนบำเหน็จแก่ข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า
ตามที่ทรงเห็นว่าข้าพเจ้าสะอาดบริสุทธิ์[e]

26 “ต่อผู้ที่ซื่อสัตย์ ทรงสำแดงพระองค์ว่าซื่อสัตย์
ต่อผู้ที่ไร้ที่ติ ทรงสำแดงพระองค์ว่าไร้ที่ติ
27 ์ต่อผู้ที่บริสุทธิ์ ทรงสำแดงพระองค์ว่าบริสุทธิ์
แต่กับผู้ที่คดโกง ทรงสำแดงพระองค์ว่าฉลาดหลักแหลม
28 พระองค์ทรงช่วยผู้ที่ถ่อมใจให้รอดพ้น
แต่ทรงจับตาดูคนหยิ่งผยองเพื่อทำให้เขาตกต่ำลง
29 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงเป็นประทีปของข้าพระองค์
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปลี่ยนความมืดมนของข้าพระองค์ให้กลายเป็นความสว่าง
30 ข้าพระองค์สามารถตะลุยกองทัพได้[f]ด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์
ข้าพระองค์ปีนข้ามกำแพงเมืองได้โดยพระเจ้าของข้าพระองค์

31 “สำหรับพระเจ้า วิถีของพระองค์นั้นดีพร้อม
พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีข้อผิดพลาด
พระองค์ทรงเป็นโล่
สำหรับทุกคนที่เข้าลี้ภัยในพระองค์
32 ใครเล่าเป็นพระเจ้า นอกจากพระยาห์เวห์?
ผู้ใดเล่าคือพระศิลา เว้นแต่พระเจ้าของเรา?
33 พระเจ้านี่แหละ ทรงเป็นผู้ประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า[g]
ทรงกระทำให้หนทางของข้าพเจ้าดีพร้อม
34 พระองค์ทรงกระทำให้เท้าของข้าพเจ้าเป็นเหมือนเท้ากวาง
ทรงทำให้ข้าพเจ้ายืนอยู่บนที่สูงได้
35 พระองค์ทรงฝึกมือของข้าพเจ้าให้พร้อมรบ
แขนของข้าพเจ้าจึงสามารถโก่งคันธนูทองสัมฤทธิ์ได้
36 พระองค์ประทานโล่แห่งชัยชนะของพระองค์แก่ข้าพระองค์
ทรงน้อมพระองค์ลงเพื่อกระทำให้ข้าพระองค์ยิ่งใหญ่
37 พระองค์ทรงกระทำให้ทางที่ข้าพระองค์เดินนั้นกว้างขวาง
เพื่อข้าพระองค์จะไม่พลาดล้ม[h]

38 “ข้าพระองค์รุกไล่ศัตรูและบดขยี้พวกเขา
ข้าพระองค์ไม่ได้หันหลังกลับจนกระทั่งพวกเขาถูกทำลาย
39 ข้าพระองค์บดขยี้พวกเขาจนแหลกลาญ และไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก
พวกเขาสยบอยู่ใต้เท้าของข้าพระองค์
40 พระองค์ประทานกำลังให้ข้าพระองค์แข็งแกร่งพร้อมรบ
ทรงกระทำให้บรรดาปฏิปักษ์ของข้าพระองค์หมอบแทบเท้าข้าพระองค์
41 พระองค์ทรงกระทำให้ศัตรูของข้าพระองค์ถอยหนีไป
ข้าพระองค์ทำลายล้างปฏิปักษ์ของข้าพระองค์
42 พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วย
เขาร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ไม่ทรงตอบ
43 ข้าพระองค์จึงบดขยี้พวกเขาแหลกละเอียดเป็นผงธุลี
ข้าพระองค์เหยียบย่ำพวกเขาเหมือนเหยียบโคลนตามถนน

44 “พระองค์ทรงช่วยข้าพระองค์จากการโจมตีของประชากรของข้าพระองค์
ทรงสงวนข้าพระองค์ไว้ให้เป็นประมุขของประชาชาติทั้งหลาย
ผู้คนที่ข้าพระองค์ไม่รู้จักมาสวามิภักดิ์ต่อข้าพระองค์
45 คนต่างชาติมาสยบต่อข้าพระองค์
ทันทีที่ได้ยินถึงข้าพระองค์ พวกเขาก็เชื่อฟังข้าพระองค์
46 พวกเขาล้วนเสียขวัญ
ต่างก็ตัวสั่น[i]ออกมาจากที่มั่น

47 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่! ขอถวายสรรเสริญแด่พระศิลาของข้าพระองค์!
ขอพระเจ้า พระศิลา พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องเทิดทูน!
48 พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงแก้แค้นให้ข้าพเจ้า
ผู้ทรงปราบประชาชาติต่างๆ ไว้ภายใต้ข้าพเจ้า
49 ผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าพ้นจากเหล่าศัตรู
พระองค์ทรงเชิดชูข้าพเจ้าไว้เหนือข้าศึกทั้งหลาย
ทรงกอบกู้ข้าพเจ้าจากหมู่คนอำมหิต
50 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเหตุนี้ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย
จะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์
51 พระองค์ประทานชัยชนะยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ที่ทรงเลือกสรรไว้
ทรงสำแดงความกรุณาอย่างไม่หยุดยั้งต่อผู้ที่พระองค์ทรงเจิมตั้งไว้
คือดาวิดและวงศ์วานของเขาสืบไปเป็นนิตย์”

คำอำลาของดาวิด

23 ต่อไปนี้คือคำอำลาของดาวิด

“วาทะของดาวิดบุตรเจสซี
วาทะของผู้ที่องค์ผู้สูงสุดทรงเชิดชู
บุรุษผู้ได้รับการเจิมตั้งโดยพระเจ้าของยาโคบ
ผู้ขับขานบทเพลงของอิสราเอล[j]

“พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสผ่านข้าพเจ้า
พระดำรัสของพระองค์อยู่ที่ลิ้นของข้าพเจ้า
พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัส
พระศิลาแห่งอิสราเอลตรัสกับข้าพเจ้าว่า
‘เมื่อผู้หนึ่งปกครองปวงชนด้วยความชอบธรรม
เมื่อเขาปกครองด้วยความยำเกรงพระเจ้า
เขาก็เป็นเช่นแสงอรุณ
ดั่งอรุโณทัยอันไร้เมฆหมอก
ประดุจฟ้ากระจ่างหลังฝน
ซึ่งทำให้หญ้างอกขึ้นมาจากผืนดิน’

“พระเจ้าทรงตั้งพงศ์พันธุ์ของข้าพเจ้าไว้ไม่ใช่หรือ?
พระองค์ทรงทำพันธสัญญานิรันดร์กับข้าพเจ้าอย่างสมบูรณ์
และมั่นคงทุกส่วนทุกตอนไม่ใช่หรือ?
พระองค์จะไม่ทรงให้ความรอด
และความปรารถนาทั้งปวงของข้าพเจ้าสัมฤทธิ์ผลหรือ?
ส่วนคนชั่วจะถูกเหวี่ยงทิ้งไปหมด
เหมือนหนามซึ่งจะไม่ใช้มือกอบหรือกำ
ผู้ใดแตะต้องหนาม
ย่อมใช้เครื่องมือเหล็กหรือด้ามหอก
พวกเขาถูกเผาทิ้งในที่ที่เขาอยู่”

ยอดนักรบของดาวิด(A)

ต่อไปนี้คือยอดนักรบของดาวิด ได้แก่

โยเชบบัสเชเบธ[k]แห่งทาห์เคโมนี[l] หัวหน้าสามยอดนักรบ เขาใช้หอกสังหาร[m]ข้าศึกถึงแปดร้อยคนในคราวเดียวกัน

คนต่อมาคือเอเลอาซาร์บุตรโดดัยชาวอาโหอาห์ เขาเป็นหนึ่งในสามยอดนักรบซึ่งอยู่กับดาวิด ข่มขวัญพวกฟีลิสเตียผู้มาร่วมพลอยู่ที่ปัสดัมมิม[n] เพื่อสู้รบ ครั้งนั้นคนอิสราเอลล่าถอย 10 แต่เขายืนหยัดฟาดฟันคนฟีลิสเตียจนมือล้าเป็นเหน็บปล่อยดาบไม่ได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในวันนั้น บรรดาทหารกลับมาหาเอเลอาซาร์ เพียงเพื่อจะริบข้าวของจากผู้ตาย

11 ถัดมาคือชัมมาห์บุตรอากีชาวฮาราร์ เมื่อพวกฟีลิสเตียรวมตัวกันอยู่ที่หนึ่งซึ่งมีต้นถั่วเต็มไปหมด กองทัพอิสราเอลก็หนีไป 12 แต่ชัมมาห์ยืนหยัดอยู่กลางทุ่งนั้นป้องกันพื้นที่ ฟาดฟันจนชาวฟีลิสเตียพ่ายแพ้ และองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะอันยิ่งใหญ่

13 ในฤดูเก็บเกี่ยว สามทหารแห่งสามสิบยอดนักรบมาหาดาวิดที่ถ้ำอดุลลัม ขณะกองทหารของฟีลิสเตียตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาเรฟาอิม 14 ครั้งนั้นดาวิดอยู่ในที่มั่น ส่วนแนวรบของฟีลิสเตียอยู่ที่เบธเลเฮม 15 ดาวิดกระหายน้ำและเปรยขึ้นว่า “ถ้ามีใครไปนำน้ำจากบ่อใกล้ประตูเมืองเบธเลเฮมมาให้เราดื่มก็ดี!” 16 คนทั้งสามก็ตีฝ่าแนวรบของฟีลิสเตียไปตักน้ำจากบ่อนั้นมาให้ แต่ดาวิดไม่ยอมดื่ม กลับรินลงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า และกล่าวว่า 17 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ไม่อาจดื่มได้! นี่คือเลือดของคนที่เสี่ยงชีวิตเอามาไม่ใช่หรือ?” และดาวิดก็ไม่ยอมดื่มน้ำนั้น

นี่คือวีรกรรม ของสามยอดนักรบ

18 อาบีชัยน้องชายของโยอาบบุตรนางเศรุยาห์เป็นหัวหน้าของสามสิบยอดนักรบ[o] เขาใช้หอกสังหารข้าศึกถึงสามร้อยคน เขาจึงมีชื่อเสียงเทียบเท่าสามยอดนักรบ 19 แม้จะไม่ได้เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น แต่เขายิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาสามสิบยอดนักรบที่เป็นนายทหารชั้นแนวหน้าของกองทัพ และเขาคือหัวหน้าของพวกเขา

20 เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาเป็นทหารกล้าจากเมืองขับเซเอล ผู้สร้างวีรกรรมหลายครั้ง เขาสังหารยอดฝีมือสองคนของโมอับ ครั้งหนึ่งเขาลงไปในหลุมฆ่าสิงโตในวันที่หิมะตกหนัก 21 และเขาได้สังหารคนอียิปต์คนหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่แม้ว่าคนนั้นถือหอกอยู่ เบไนยาห์ถือไม้พลองเข้าสู้ เขากระชากหอกจากมือของชาวอียิปต์คนนั้นและสังหารด้วยหอก 22 นี่คือวีรกรรมของเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา เขาก็มีชื่อเสียงเลื่องลือเทียบเท่าสามยอดนักรบด้วย 23 เขามีเกียรติมากกว่าใครๆ ในสามสิบยอดนักรบ แต่ไม่ได้รวมอยู่ในสามยอดนักรบ ดาวิดทรงแต่งตั้งให้เขาดูแลกองทหารรักษาพระองค์

24 ในบรรดาสามสิบยอดนักรบ ได้แก่

อาสาเฮลน้องชายของโยอาบ

เอลฮานันบุตรโดโด คนเบธเลเฮม

25 ชัมมาห์คนฮาโรด

เอลีคาคนฮาโรด

26 เฮเลสคนปัลที

อิราบุตรอิกเขชคนเทโคอา

27 อาบีเอเซอร์คนอานาโธท

สิบเบคัย[p]คนหุชาห์

28 ศัลโมนคนอาโหอาห์

มาหะรัยคนเนโทฟาห์

29 เฮเลด[q] บุตรบาอานาห์คนเนโทฟาห์

อิธัยบุตรรีบัยคนกิเบอาห์ในเขตเบนยามิน

30 เบไนยาห์คนปิราโธนฮิดดัย[r]คนห้วยกาอัช

31 อาบีอัลโบนคนอารบา

อัสมาเวทคนบาฮูริม

32 เอลียาห์บาคนชาอัลโบน

บรรดาบุตรของยาเชน

โยนาธาน 33 บุตรของ[s]ชัมมาห์คนฮาราร์

อาหิอัมบุตรชาราร์[t]คนฮาราร์

34 เอลีเฟเลทบุตรอาหัสบัยคนมาอาคาห์

เอลีอัมบุตรอาหิโธเฟลคนกิโลห์

35 เฮสโรคนคารเมล

ปาอารัยคนอาราบ

36 อิกาลบุตรนาธันคนโศบาห์

บุตรของฮากรี[u]

37 เศเลกคนอัมโมน

นาหะรัย คนเบเอโรทผู้ถืออาวุธประจำตัวของโยอาบบุตรเศรุยาห์

38 อิราคนอิธรา

กาเรบคนอิธรา

39 และอุรียาห์คนฮิตไทต์

รวมทั้งหมด 37 คน

ดาวิดทรงนับไพร่พล(B)

24 อีกครั้งหนึ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอิสราเอล และทรงดลใจดาวิดให้หาเรื่องเดือดร้อนมาให้พวกเขา โดยตรัสว่า “จงไปทำสำมะโนไพร่พลอิสราเอลและยูดาห์”

ดาวิดจึงตรัสกับโยอาบและบรรดานายทัพ[v]ว่า “จงทำทะเบียนพลรบทั้งหมดของทุกเผ่าในอิสราเอลจากดานจดเบเออร์เชบา เพื่อเราจะรู้ว่ามีคนอยู่เท่าไร”

แต่โยอาบกราบทูลว่า “ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาททรงเพิ่มกองทหารร้อยเท่า และขอให้ฝ่าพระบาทได้เห็นกับตา เหตุใดฝ่าพระบาทจึงมีพระประสงค์จะกระทำเช่นนี้”

แต่คำบัญชาของกษัตริย์ย่อมมีอำนาจเหนือโยอาบและบรรดานายทัพ ฉะนั้นพวกเขาจึงทูลลาไปทำรายชื่อของพลรบอิสราเอล

หลังจากข้ามแม่น้ำจอร์แดน พวกเขาไปตั้งค่ายพักในหุบเขาทางใต้ของเมืองอาโรเออร์ แล้วผ่านกาดไปยังยาเซอร์ พวกเขาไปที่กิเลอาดและเขตแดนทาห์ทิมโหดชิ แล้วไปดานยาอันและไปทั่วจนถึงไซดอน จากนั้นไปยังป้อมแห่งเมืองไทระ และหัวเมืองทั้งหมดของชาวฮีไวต์ และชาวคานาอัน ท้ายสุดไปยังเบเออร์เชบาในเนเกบแห่งยูดาห์

หลังจากพวกเขาไปทั่วแดนก็กลับมายังเยรูซาเล็ม ใช้เวลาเก้าเดือนยี่สิบวัน

โยอาบทูลรายงานจำนวนพลรบต่อกษัตริย์ คนที่อยู่ในเกณฑ์ออกรบได้มีแปดแสนคนในอิสราเอล ส่วนในยูดาห์มีห้าแสนคน

10 หลังจากสำรวจไพร่พลแล้ว ดาวิดก็สำนึกผิดจึงกราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “สิ่งที่ข้าพระองค์ทำนั้นบาปมาก ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าบัดนี้ขอทรงโปรดยกโทษความผิดของผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าพระองค์ได้ทำสิ่งที่โง่เขลามาก”

11 ก่อนดาวิดตื่นบรรทมเช้าวันรุ่งขึ้น มีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงผู้เผยพระวจนะกาดซึ่งเป็นผู้ทำนายให้ดาวิด ความว่า 12 “จงไปบอกดาวิดว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า ‘เรามีข้อเสนอสามประการ ให้เจ้าเลือกอย่างหนึ่งแล้วเราจะจัดการกับเจ้าตามนั้น’”

13 กาดจึงมาเข้าเฝ้าดาวิดทูลว่า “ฝ่าพระบาทจะทรงเลือกการกันดารอาหารทั่วดินแดนสามปี[w] หรือเตลิดหนีจากศัตรูผู้รุกไล่สามเดือน หรือยอมให้มีโรคระบาดในดินแดนสามวัน ขอทรงตรึกตรองแล้วแจ้งคำตอบเพื่อข้าพระบาทจะนำไปทูลพระองค์ผู้ทรงใช้ข้าพระบาทมา”

14 ดาวิดตรัสตอบกาดว่า “เราลำบากใจมาก แต่ขอตกอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าดีกว่าตกอยู่ในเงื้อมมือของมนุษย์ เพราะพระเมตตาคุณของพระองค์ใหญ่หลวงนัก”

15 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้เกิดโรคระบาดในอิสราเอลตั้งแต่เช้าวันนั้นจนครบกำหนด จากดานจดเบเออร์เชบา มีผู้เสียชีวิตเจ็ดหมื่นคน 16 เมื่อทูตสวรรค์เงื้อมือขึ้นจะทำลายล้างกรุงเยรูซาเล็ม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทุกข์พระทัยเนื่องด้วยภัยพิบัตินั้น จึงตรัสกับทูตนั้นว่า “พอแล้ว! ยั้งมือเถิด” ขณะนั้นทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังยืนอยู่ที่ลานนวดข้าวของอาราวนาห์ชาวเยบุส

17 เมื่อดาวิดเห็นทูตองค์นั้นผู้ทำให้ประชากรล้มตายก็กราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพระองค์คือผู้ที่ทำผิดทำบาป ประชากรเหล่านี้เป็นเพียงฝูงแกะ พวกเขาทำผิดอันใดเล่า? ขอทรงลงโทษข้าพระองค์กับครอบครัวเท่านั้นเถิด”

ดาวิดสร้างแท่นบูชา(C)

18 ในวันนั้นกาดมาทูลดาวิดว่า “ขอทรงขึ้นไปสร้างแท่นบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าที่ลานนวดข้าวของอาราวนาห์ชาวเยบุสเถิด” 19 ดาวิดจึงไปปฏิบัติตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งผ่านทางกาด 20 เมื่ออาราวนาห์เห็นกษัตริย์และผู้ตามเสด็จมาหาตนก็เข้าไปหมอบกราบลงกับพื้น

21 ทูลถามว่า “ฝ่าพระบาทเสด็จมาด้วยพระประสงค์อันใด?”

ดาวิดตรัสว่า “เพื่อมาซื้อลานนวดข้าวของเจ้า เราจะสร้างแท่นบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะได้ทรงระงับโรคระบาดครั้งนี้เสีย”

22 อาราวนาห์ทูลว่า “ขอฝ่าพระบาททรงใช้ทุกสิ่งตามที่ต้องประสงค์เถิด นี่คือวัวสำหรับเป็นเครื่องเผาบูชา และนี่คือเลื่อนนวดข้าวกับแอกวัวใช้เป็นฟืน 23 ข้าพระบาทอาราวนาห์ขอถวายทั้งหมด และขอพระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาททรงโปรดฝ่าพระบาทด้วยเถิด”

24 แต่กษัตริย์ตรัสตอบอาราวนาห์ว่า “เรายืนยันที่จะซื้อจากเจ้า เราจะไม่ถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราโดยที่ไม่ลงทุนอะไรเลย”

เป็นอันว่าดาวิดทรงซื้อลานนวดข้าวกับวัวด้วยเงินหนัก 50 เชเขล[x] 25 แล้วดาวิดสร้างแท่นบูชาขึ้นที่นั่นถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และถวายเครื่องเผาบูชากับเครื่องสันติบูชา องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานเพื่อแผ่นดิน โรคระบาดที่เกิดแก่อิสราเอลก็หมดไป

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.