Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Book of Common Prayer

Daily Old and New Testament readings based on the Book of Common Prayer.
Duration: 861 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 131-135

สงบนิ่งในพระยาห์เวห์

เพลงที่ร้องในระหว่างทางขึ้นไปยังวิหาร เพลงของดาวิด

131 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าไม่ใช่เป็นคนเย่อหยิ่ง
    ไม่วางมาดใหญ่โต
ไม่ชอบทำงานที่เพ้อฝันใหญ่โต
    หรือทำในสิ่งที่ยากเกินตัว
ใช่แล้ว ข้าพเจ้าทำให้จิตใจตัวเองสงบนิ่ง
    เหมือนเด็กที่หย่านมอยู่ในอ้อมแขนของแม่
    จิตใจของข้าพเจ้าสงบนิ่งเหมือนเด็กคนนั้น

อิสราเอลเอ๋ย ฝากความหวังของเจ้าไว้กับพระยาห์เวห์ทั้งเดี๋ยวนี้และตลอดไป

คำสัญญาที่พระยาห์เวห์ให้กับกษัตริย์ดาวิดและศิโยน

เพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร

132 ข้าแต่พระยาห์เวห์โปรดระลึกถึงดาวิด
    และความทุกข์ยากลำบากทั้งหมดของเขา
เขาได้สาบานต่อพระยาห์เวห์
    และบนบานต่อผู้ทรงฤทธิ์แห่งยาโคบ
ดาวิดพูดว่า “ข้าพเจ้าจะไม่เข้าไปในบ้านของตัวเอง
    และจะไม่นอนลงบนเตียงของตัวเอง
ข้าพเจ้าจะไม่ยอมหลับตาลง
    จะไม่ยอมให้หนังตาปิดลง
จนกว่าจะพบสถานที่สำหรับก่อตั้งเต็นท์อันศักดิ์สิทธิ์ให้กับพระยาห์เวห์
    เพื่อพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์แห่งยาโคบจะได้พักอาศัยอยู่ที่นั่น”

ดูเถิด ตอนที่เราอยู่ที่เอฟราธาห์ พวกเราได้ยินเรื่องหีบศักดิ์สิทธิ์
    และเราได้พบหีบศักดิ์สิทธิ์นั้นในท้องทุ่งแห่งคีเรียธ ยาอาร์
พวกเราพูดกันว่า “ไปเต็นท์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์กัน
    ไปกราบลงตรงที่วางเท้าของพระองค์กันเถิด”

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ลุกขึ้นและไปยังที่พักผ่อนแห่งใหม่ของพระองค์เถิด
    ทั้งพระองค์และหีบที่แสดงถึงฤทธิ์อำนาจของพระองค์
ขอให้พวกนักบวชของพระองค์สวมใส่ชัยชนะ
    ขอให้พวกที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์โห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดี
10 แล้วเพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์
    ขออย่าปฏิเสธกษัตริย์ที่พระองค์ได้เลือกไว้แล้ว[a]

11 พระยาห์เวห์ได้สาบานต่อดาวิด
    และพระองค์จะไม่คืนคำ ที่ว่า “เราจะให้ลูกหลานของเจ้าสืบต่อบัลลังก์จากเจ้า
12 ถ้าหากลูกหลานของเจ้าจะยังคงรักษาข้อตกลงและคำสั่งต่างๆที่เราสอนพวกเขาไว้
    ลูกหลานของพวกเขาก็จะได้นั่งอยู่บนบัลลังก์ของเจ้าตลอดไป”

13 พระยาห์เวห์ได้เลือกศิโยน
    พระองค์ตัดสินใจที่จะอาศัยอยู่ที่นั่น
14 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะอาศัยอยู่ในสถานที่นี้ตลอดไป
    เราจะอยู่ที่นี่เพราะเราได้เลือกสถานที่นี้มา
15 เราจะอวยพรให้ศิโยน
    อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารและเราจะทำให้คนยากจนอิ่มหนำ
16 เราจะสวมใส่ความรอดให้กับพวกนักบวชของศิโยน
    และผู้ที่สัตย์ซื่อของศิโยนจะโห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดี
17 และที่นั่นเราจะทำให้ราชวงศ์ของดาวิดแข็งแกร่ง
    ราชวงศ์ของกษัตริย์ที่เราได้เลือกไว้นั้นจะคงอยู่ตลอดไปเหมือนตะเกียงที่ไม่มีวันดับ
18 เราจะสวมใส่ความอับอายให้กับพวกศัตรูของเขา
    แต่เราจะทำให้มงกุฎของเขาส่องประกายเจิดจ้า”

พี่น้องอยู่ด้วยกันอย่างกลมเกลียว

เพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร เพลงของดาวิด

133 มันช่างวิเศษและน่ายินดีจริงๆ
    เมื่อพี่น้องอยู่ด้วยกันอย่างกลมเกลียว
มันเป็นเหมือนน้ำมันหอมชั้นดีที่เทลงมาเจิมหัวของอาโรน
    แล้วไหลลงมาอาบเคราของเขา
    แล้วไหลเรื่อยลงมาบนเสื้อคลุมของเขา
มันเป็นเหมือนน้ำค้างมากมายบนภูเขาเฮอร์โมน
    ที่ตกลงมาบนเทือกเขาศิโยนด้วย
    ที่ศิโยนนั้น พระยาห์เวห์ได้สัญญาที่จะให้พระพรแม้แต่ชีวิตที่แสนจะยืนยาว

ผู้รับใช้ในวิหารสรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด

เพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร

134 สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด พวกผู้รับใช้ทุกคนของพระองค์
    ผู้ที่ยืนทำหน้าที่อยู่ในวิหารในตอนกลางคืน
ยกมือของท่านขึ้นต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
    และสรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด

ขอให้พระยาห์เวห์ ผู้สร้างสวรรค์และแผ่นดินโลก
    อวยพรท่านจากศิโยน

พระยาห์เวห์ยิ่งใหญ่กว่าพระทั้งปวง

135 สรรเสริญพระยาห์เวห์
    สรรเสริญพระนามของพระยาห์เวห์เถิด
    สรรเสริญพระองค์ พวกผู้รับใช้ของพระองค์
ผู้ที่ยืนทำหน้าที่อยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์
    และยืนอยู่ในบริเวณลานวิหารของพระเจ้าของเรา
สรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์นั้นดี
    ร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์เพราะเป็นเรื่องที่น่ายินดี
เพราะพระยาห์เวห์เลือกยาโคบมาเป็นของพระองค์โดยเฉพาะ
    เลือกอิสราเอลมาเป็นของรักของหวงของพระองค์

ข้าพเจ้ารู้ว่าพระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่
    องค์เจ้าชีวิตของพวกเรานั้นยิ่งใหญ่กว่าพระทั้งปวง
พระยาห์เวห์อยากจะทำอะไรพระองค์ก็ทำอย่างนั้น
    ไม่ว่าจะในสวรรค์หรือโลก
    ไม่ว่าจะในทะเลหรือที่ลึกของมหาสมุทร
พระองค์ทำให้เมฆลอยขึ้นมาจากสุดปลายโลก
    พระองค์ทำให้เกิดฟ้าแลบมาพร้อมกับฝน
    และพระองค์นำลมออกมาจากคลังของพระองค์

พระองค์ฆ่าลูกหัวปีของอียิปต์
    ทั้งของคนและของสัตว์
พระองค์ทำสิ่งน่าทึ่งต่างๆและการอัศจรรย์ทั้งหลายไปทั่วอียิปต์
    เพื่อต่อต้านฟาโรห์และข้าราชการทั้งหมดของเขา
10 พระองค์ยังปราบปรามชนชาติต่างๆ
    และฆ่าพวกกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร
11 เช่น สิโหน กษัตริย์ของคนอาโมไรต์
    โอก กษัตริย์ของบาชาน
    และอาณาจักรทั้งหลายในแผ่นดินคานาอัน
12 แล้วพระองค์มอบแผ่นดินของกษัตริย์เหล่านั้น
    ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของอิสราเอลคนของพระองค์

13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ชื่อเสียงของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป
    ผู้คนจะจดจำชื่อของพระองค์ไปทุกยุคทุกสมัย
14 พระยาห์เวห์จะให้ความเป็นธรรมกับคนของพระองค์
    และมีความเมตตาต่อพวกผู้รับใช้ของพระองค์

15 รูปเคารพของชนชาติต่างๆ
    เป็นแค่เงินและทองที่มือมนุษย์สร้างขึ้น
16 มีปากแต่พูดไม่ได้
    มีตาแต่มองไม่เห็น
17 มีหูแต่ไม่ได้ยิน
    และไม่มีลมหายใจในปากของพวกมัน
18 คนที่สร้างรูปเคารพเหล่านั้นและทุกคนที่ไว้วางใจในรูปเคารพเหล่านั้น
    ก็จะเป็นเหมือนกับพวกมัน

19 ชาวอิสราเอลทั้งหลาย สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
    ครอบครัวของอาโรน สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
20 ครอบครัวของเลวี
    สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
    ผู้ที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ทั้งหลาย สรรเสริญพระองค์เถิด
21 ให้พระยาห์เวห์ผู้ที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม
    ได้รับคำสรรเสริญจากศิโยน

สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด

2 พงศ์กษัตริย์ 23:4-25

กษัตริย์โยสิยาห์กำจัดรูปเคารพ

(2 พศด. 34:3-7)

กษัตริย์สั่งฮิลคียาห์ซึ่งเป็นนักบวชสูงสุด เหล่านักบวชคนอื่นๆที่มีตำแหน่งรองๆลงมาและพวกคนเฝ้าประตู ให้ย้ายเครื่องใช้ทุกอย่างที่สร้างขึ้นให้แก่พระบาอัล ให้แก่เจ้าแม่อาเชราห์และให้แก่พวกดวงดาวทั้งหลาย ออกจากวิหารของพระยาห์เวห์ โยสิยาห์ได้เผาสิ่งเหล่านั้นนอกเมืองเยรูซาเล็ม ในทุ่งของหุบเขาขิดโรน แล้วขนเอาขี้เถ้าของมันไปที่เมืองเบธเอล

โยสิยาห์ได้กำจัดพวกนักบวชที่รับใช้พวกรูปเคารพที่กษัตริย์ทั้งหลายของยูดาห์ได้แต่งตั้งให้มาทำหน้าที่เผาเครื่องหอม อยู่บนสถานนมัสการต่างๆในเมืองทั้งหลายของยูดาห์ และเมืองที่อยู่รอบๆเมืองเยรูซาเล็ม รวมถึงพวกนักบวชที่เป็นคนเผาเครื่องหอมให้กับพระบาอัล ให้กับพระอาทิตย์และพระจันทร์ ให้กับพวกหมู่ดาวและดวงดาวทั้งหมดบนท้องฟ้า

โยสิยาห์เอาเสาเจ้าแม่อาเชราห์ ออกจากวิหารของพระยาห์เวห์ และเอาไปไว้ที่หุบเขาขิดโรนที่อยู่นอกเมืองเยรูซาเล็มและเผามันทิ้งที่นั่น เขาทุบมันจนแตกละเอียดเป็นผุยผงและเอาขี้เถ้าของมันโปรยลงบนหลุมฝังศพของคน[a]

โยสิยาห์ยังทำลายที่พักทั้งหลายของพวกโสเภณีผู้ชายซึ่งอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่พวกผู้หญิงใช้ทอผ้าให้กับพระแม่อาเชราห์

โยสิยาห์นำตัวพวกนักบวชทั้งหมดมาจากเมืองต่างๆของยูดาห์ แล้วมาไว้ที่เยรูซาเล็ม และทำให้สถานนมัสการทั้งหลายเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ลง ตั้งแต่ในเกบาไปจนถึงเบเออร์เชบา ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกนักบวชนั้นใช้เผาเครื่องหอม โยสิยาห์ทำลายพวกสถานที่ที่นมัสการรูปปั้นแพะ ที่ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของประตูเมือง ที่อยู่ตรงทางเข้าของประตูโยชูวาเจ้าเมือง ถึงแม้ว่าเหล่านักบวชของสถานนมัสการเหล่านั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะรับใช้อยู่ที่แท่นบูชาของพระยาห์เวห์ในเมืองเยรูซาเล็ม แต่พวกเขาก็ได้กินขนมปังไม่ใส่เชื้อฟูกับเหล่านักบวชญาติๆของเขา

10 โทเฟทเป็นสถานที่หนึ่งที่ตั้งอยู่ในหุบเขาของเบนฮินโนม โยสิยาห์ทำให้สถานที่นี้เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ลง จึงไม่มีใครสามารถกลับมาใช้สถานที่นี้ เพื่อเอาลูกชายหรือลูกสาวของตัวเองมาเผาไฟเป็นเครื่องบูชาให้กับพระโมเลค[b] ได้อีกต่อไป 11 ในอดีต กษัตริย์ของยูดาห์ชอบเอาพวกรูปปั้นม้าและรถรบมาตั้งอยู่ที่ทางเข้าวิหารของพระยาห์เวห์ ที่อยู่ใกล้กับห้องของเจ้าหน้าที่ที่สำคัญคนหนึ่งชื่อ นาธันเมเลค ทั้งรูปปั้นม้าและรถรบนี้มีไว้อุทิศให้กับดวงอาทิตย์[c] โยสิยาห์ย้ายพวกรูปปั้นม้าออกไป และเผารถรบพวกนี้จนหมด

12 ในอดีต กษัตริย์ของยูดาห์ได้สร้างพวกแท่นบูชาไว้บนดาดฟ้าของตึกอาหัส กษัตริย์มนัสเสห์ก็ได้สร้างแท่นบูชาไว้ที่ลานทั้งสองข้างของวิหารของพระยาห์เวห์ โยสิยาห์รื้อแท่นบูชาเหล่านั้น และทุบพวกมันทิ้งจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและก็โยนเศษหินลงในหุบเขาขิดโรน

13 ในอดีตกษัตริย์ซาโลมอนได้สร้างพวกสถานนมัสการไว้ทางใต้เนินเขาแห่งการทำลาย ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเมืองเยรูซาเล็ม ที่อยู่ใกล้กับเมืองเยรูซาเล็ม กษัตริย์ซาโลมอนของอิสราเอลได้สร้างสถานนมัสการพวกนี้ให้กับพระอัชโทเรทอันน่าสะอิดสะเอียน ที่ชาวไซดอนนับถือกัน และสร้างให้กับพระเคโมช อันน่าสะอิดสะเอียน ที่พวกโมอับนับถือกัน และสร้างให้กับพระโมเลค อันน่าสะอิดสะเอียน ที่ชาวอัมโมนนับถือกัน 14 โยสิยาห์ทุบพวกหินศักดิ์สิทธิ์เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและโค่นพวกเสาเจ้าแม่อาเชราห์ลงและเอากระดูกคนมาทิ้งให้กระจัดกระจายในที่นั้น

15 โยสิยาห์ได้รื้อทิ้งแม้แต่แท่นบูชาที่เมืองเบธเอล สถานนมัสการที่เยโรโบอัมลูกชายของเนบัทได้สร้างขึ้น ซึ่งทำให้อิสราเอลพลอยทำบาปไปด้วย[d] เขาเผาสถานนมัสการ และทุบมันจนแตกละเอียดเป็นผุยผง และเผาเสาเจ้าแม่อาเชราห์ทิ้งด้วย 16 แล้วโยสิยาห์ก็มองไปรอบๆและเมื่อเขาเห็นหลุมฝังศพมากมายที่อยู่ด้านข้างเนินเขา เขาก็ให้ย้ายเอากระดูกออกจากที่นั่น และเผามันบนแท่นบูชาเพื่อทำให้แท่นบูชาเสื่อมไป ซึ่งเป็นไปตามคำพูดของพระยาห์เวห์ที่เคยทำนายไว้ผ่านทางคนของพระเจ้า[e] ตอนที่กษัตริย์เยโรโบอัมยืนอยู่ข้างๆแท่นบูชาในช่วงเทศกาล แล้วโยสิยาห์ก็หันไปดูอุโมงค์ของคนของพระเจ้าคนนั้นที่ได้ทำนายถึงสิ่งเหล่านี้

17 กษัตริย์โยสิยาห์ถามว่า “หินที่ระลึกที่เราเห็นนั้นคืออะไรหรือ”

พวกคนในเมืองบอกไปว่า “มันเป็นอุโมงค์ฝังศพของคนของพระเจ้าที่มาจากยูดาห์ และได้ทำนายถึงสิ่งต่างๆที่ท่านได้ทำไปแล้วกับแท่นบูชาของเมืองเบธเอล”

18 กษัตริย์จึงพูดว่า “ปล่อยให้เขาพักอยู่ตรงนั้นแหละ อย่าให้ใครไปรบกวนกระดูกของเขาเลย” พวกเขาก็เลยไม่รบกวนกระดูกของคนของพระเจ้าคนนั้น และกระดูกของผู้พูดแทนพระเจ้าที่ออกมาจากเมืองสะมาเรีย

19 โยสิยาห์ก็ทำลายพวกศาลเจ้าตามสถานที่สูงในเมืองต่างๆของสะมาเรีย ซึ่งพวกกษัตริย์ของอิสราเอลเคยสร้างขึ้น แล้วยั่วยุให้พระยาห์เวห์โกรธ เขาจัดการกับที่เหล่านั้นอย่างกับที่เขาทำกับสถานที่นมัสการของเบธเอล

20 โยสิยาห์ฆ่านักบวชทุกคนของสถานนมัสการเหล่านั้นบนแท่นบูชา และเผากระดูกคนบนแท่นบูชาเหล่านั้น แล้วเขาก็กลับเมืองเยรูซาเล็ม

ชาวยูดาห์ฉลองเทศกาลปลดปล่อย

(2 พศด. 35:1-19)

21 กษัตริย์โยสิยาห์มีคำสั่งถึงประชาชนทั้งหมดว่า “ให้เฉลิมฉลองเทศกาลปลดปล่อยเพื่อเป็นเกียรติให้กับพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเจ้า ตามที่ได้กำหนดไว้ในหนังสือข้อตกลงนี้”

22 นับตั้งแต่สมัยพวกผู้นำวินิจฉัยนำอิสราเอล ตลอดจนสมัยของพวกกษัตริย์แห่งอิสราเอลและของพวกกษัตริย์แห่งยูดาห์ ยังไม่เคยมีการเฉลิมฉลองเทศกาลวันปลดปล่อยเลย 23 แต่ในปีที่สิบแปดที่โยสิยาห์เป็นกษัตริย์ ก็ได้มีการเฉลิมฉลองเทศกาลวันปลดปล่อยเพื่อเป็นเกียรติให้กับพระยาห์เวห์ในเมืองเยรูซาเล็ม

24 นอกจากนี้ โยสิยาห์ยังกำจัดพวกคนทรงเจ้าและหมอผี บรรดาพระในบ้านและพวกรูปเคารพทั้งหลายรวมทั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนทั้งสิ้นที่เห็นในยูดาห์และในเยรูซาเล็มออกไปจนหมด เขาได้ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ เพื่อให้เป็นไปตามกฎที่ได้เขียนไว้ในหนังสือที่นักบวชฮิลคียาห์ได้ค้นพบในวิหารของพระยาห์เวห์

25 ไม่เคยมีกษัตริย์องค์ไหนหันเข้ามาหาพระยาห์เวห์ด้วยสุดจิตสุดใจและสุดกำลัง อย่างที่กฏของโมเสสสั่งไว้ มากเท่ากับที่โยสิยาห์ได้ทำ ไม่ว่าจะก่อนหน้าเขาหรือหลังจากเขาก็ตาม

1 โครินธ์ 12:1-11

พรสวรรค์จากพระวิญญาณบริสุทธิ์

12 ตอนนี้ พี่น้องครับ ผมอยากให้พวกคุณรู้เกี่ยวกับพรสวรรค์ที่มาจากพระวิญญาณ คุณก็รู้แล้วว่าตอนที่คุณยังไม่ไว้วางใจพระเจ้าเพราะสาเหตุอะไรก็ตาม คุณถูกชักจูงให้หลงผิด และไปกราบไหว้รูปเคารพที่พูดไม่ได้ ดังนั้นผมขอบอกให้รู้ว่า คนที่พูดผ่านทางพระวิญญาณของพระเจ้าจะไม่มีวันที่จะพูดว่า “ขอให้พระเยซูถูกสาปแช่ง” และคนที่พูดว่า “พระเยซูคือองค์เจ้าชีวิต” นั้น จะต้องเป็นคนที่พูดผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น

พรสวรรค์มีหลายอย่าง แต่มาจากพระวิญญาณองค์เดียวกัน งานรับใช้ก็มีหลายแบบ แต่ก็รับใช้องค์เจ้าชีวิตองค์เดียวกัน การงานมีหลายอย่าง แต่เป็นพระเจ้าองค์เดียวกันที่ได้ทำงานทั้งหมดนี้ผ่านทางทุกคน พระเจ้าให้พระวิญญาณทำงานในแต่ละคนเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม พระวิญญาณให้คนหนึ่งสามารถพูดอย่างชาญฉลาด และพระวิญญาณองค์เดียวกันนี้ทำให้อีกคนหนึ่งพูดด้วยความรอบรู้ พระวิญญาณนี้ก็ให้อีกคนหนึ่งมีความเชื่ออันยิ่งใหญ่ และให้อีกคนหนึ่งรักษาโรคได้ ซึ่งก็มาจากพระวิญญาณองค์เดียวกัน 10 แล้วพระองค์ก็ให้อีกคนหนึ่งทำการอัศจรรย์ได้ และให้อีกคนหนึ่งพูดแทนพระเจ้าได้ และให้อีกคนหนึ่งแยกแยะออกว่า สิ่งที่คนนั้นพูดมาจากพระเจ้าหรือเปล่า และให้อีกคนหนึ่งพูดภาษาแปลกๆได้ และให้อีกคนหนึ่งแปลภาษาเหล่านั้นได้ 11 แต่ทั้งหมดนี้ก็สำเร็จได้ด้วยพระวิญญาณองค์เดียวกัน และพระองค์ก็ให้พรสวรรค์กับแต่ละคนตามที่พระองค์เห็นสมควร

มัทธิว 9:18-26

พระเยซูชุบชีวิตเด็กหญิงและรักษาหญิงตกเลือด

(มก. 5:21-43; ลก. 8:40-56)

18 เมื่อพระเยซูกำลังพูดเรื่องนี้อยู่ ก็มีหัวหน้าที่ประชุมชาวยิวคนหนึ่งเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าพระองค์และพูดว่า “ลูกสาวของผมเพิ่งตาย แต่ถ้าอาจารย์ช่วยไปวางมือบนตัวเธอ เธอก็จะฟื้นขึ้นมา”

19 พระเยซูลุกขึ้นตามเขาไป ศิษย์ของพระองค์ก็ตามไปด้วย

20 ขณะนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ทนทุกข์ทรมานมากเพราะตกเลือดมาสิบสองปีแล้ว เธอเบียดคนเข้ามาอยู่ข้างหลังพระองค์และแตะพู่ที่ชายเสื้อคลุมพระองค์ 21 เธอคิดในใจว่า “ขอแค่ได้แตะเสื้อคลุมของเขา ฉันก็จะหาย”

22 พระเยซูหันมาเห็นเธอ แล้วพูดว่า “ลูกเอ๋ย สบายใจได้แล้ว ความเชื่อของเจ้าทำให้เจ้าหายแล้ว” แล้วเธอก็หายทันที

23 เมื่อพระเยซูมาถึงบ้านของหัวหน้าที่ประชุมชาวยิว ก็เห็นคนเป่าปี่และคนมากมายกำลังร้องไห้กันอยู่ 24 พระองค์บอกว่า “ออกไปให้หมด เด็กคนนี้ยังไม่ตายแต่กำลังหลับอยู่” พวกนั้นต่างพากันหัวเราะเยาะพระองค์ 25 เมื่อคนพวกนั้นถูกไล่ออกไปหมดแล้ว พระเยซูเข้าไปในห้องของเด็ก จับมือเธอ แล้วเธอก็ลุกขึ้นมา 26 เรื่องนี้ได้เลื่องลือกันไปทั่วแคว้นนั้น

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International