Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Book of Common Prayer

Daily Old and New Testament readings based on the Book of Common Prayer.
Duration: 861 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 101

กษัตริย์สัญญาที่จะรักษาความยุติธรรม

บทเพลงสดุดีของดาวิด

101 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องเพลงสรรเสริญนี้ให้กับพระองค์
    และสรรเสริญพระองค์สำหรับความรักมั่นคง และความยุติธรรมของพระองค์
ข้าพเจ้าตั้งใจใช้ชีวิตอย่างบริสุทธิ์
    เมื่อไหร่หนอพระองค์จะมาหาข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะทำหน้าที่ต่างๆของข้าพเจ้า
    ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ในวังของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะไม่ยอมวางสิ่งชั่วร้ายใดๆไว้ต่อหน้าต่อตาข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าเกลียดการกระทำที่คดโกงทั้งหลายและข้าพเจ้าจะไม่ยอมให้สิ่งเหล่านั้นติดตัวข้าพเจ้าเลย
ขอให้ใจที่คดโกง ไปให้พ้นๆจากข้าพเจ้า
    เพราะข้าพเจ้าจะไม่ยอมมีส่วนร่วมกับสิ่งชั่วร้าย

ข้าพเจ้าจะปิดปากคนที่ชอบแอบใส่ร้ายเพื่อนบ้านของเขา
    ข้าพเจ้าจะไม่ยอมอดกลั้นกับคนที่หยิ่งยโสและหลงตัวเอง

ข้าพเจ้ามองหาคนที่ไว้วางใจได้ในแผ่นดินที่จะมาทำงานให้กับข้าพเจ้า
    เฉพาะคนที่มีชีวิตที่บริสุทธิ์เท่านั้นถึงจะให้มารับใช้ข้าพเจ้า

คนที่ชอบหลอกลวงและชอบหักหลังจะไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านของข้าพเจ้า
    และคนขี้โกหกก็จะไม่มีทางได้รับใช้ข้าพเจ้า

ทุกๆเช้า ข้าพเจ้าจะกำจัดคนชั่วทั้งหมดไปจากแผ่นดิน
    ข้าพเจ้าจะขับไล่คนชั่วพวกนั้นออกไปจากเมืองของพระยาห์เวห์

สดุดี 109:1-30

อธิษฐานขอให้พระเจ้าลงโทษพวกศัตรู

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด

109 ข้าแต่พระเจ้า ผู้ที่ข้าพเจ้าสรรเสริญ
    โปรดอย่าทำเป็นหูหนวก
เพราะปากของคนชั่วร้ายและคนหลอกลวงพูดใส่ร้ายข้าพเจ้า
    และลิ้นของพวกเขาโกหกเกี่ยวกับข้าพเจ้า
พวกเขาพากันรุมล้อมข้าพเจ้าและพูดถึงข้าพเจ้าอย่างเกลียดชัง
    และโจมตีข้าพเจ้าทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกเขา
พวกเขาตอบแทนความรักของข้าพเจ้าด้วยคำกล่าวหา
    ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าอธิษฐานเผื่อพวกเขา
พวกเขาตอบแทนความดีของข้าพเจ้าด้วยความชั่ว
    เขาตอบแทนความรักของข้าพเจ้าด้วยความเกลียดชัง

[a] ขอแต่งตั้งผู้พิพากษาที่ชั่วร้ายเหนือเขา
    ขอให้ผู้กล่าวหายืนอยู่ทางขวามือของเขา
เมื่อเขาถูกพิพากษา ขอให้ผลออกมาว่าเขาผิด
    และแม้แต่คำอธิษฐานของเขาก็ขอให้ถือว่าบาปด้วย
ขอให้เขามีชีวิตสั้น
    และให้คนอื่นมารับตำแหน่งของเขาแทน
ขอให้ลูกๆของเขากำพร้า
    และภรรยาของเขาเป็นม่าย
10 ขอให้ลูกๆของเขาเดินเร่ร่อนขอทาน
    และถูกไล่ออกไปจากบ้านปรักหักพังของเขา
11 ขอให้เจ้าหนี้ยึดทุกสิ่งทุกอย่างของเขาไป
    และขอให้พวกคนแปลกหน้ามาปล้นทุกสิ่งที่เขาทำงานหามาได้
12 ขออย่าให้มีใครมีน้ำใจต่อเขาเลย
    และขออย่าให้มีใครสงสารลูกๆที่กำพร้าของเขา
13 ขอให้ลูกหลานของเขาถูกตัดขาดไปจากโลกนี้
    ขอให้ชื่อของเขาถูกลบเลือนไปจากคนรุ่นต่อไป
14 ขอให้พระยาห์เวห์จดจำความบาปของบรรพบุรุษของเขาอยู่เสมอ
    ขอให้บาปของแม่เขาไม่มีวันถูกลบเลือนไป
15 ขอให้ความบาปเหล่านั้นของพวกเขาอยู่ต่อหน้าต่อตาพระยาห์เวห์ตลอดเวลา
    และขอให้พระองค์ทำให้โลกนี้ลืมเลือนครอบครัวของเขาไปจนหมดสิ้น
16 เพราะเขาไม่เคยมีน้ำใจต่อใครเลย
    เขาข่มเหงรังแกคนยากจนและคนขัดสนและตามเข่นฆ่าคนที่สิ้นหวัง
17 เขาชอบสาปแช่งคนอื่น ก็ขอให้คำสาปแช่งตกกับตัวเขาเอง
    เขาไม่ชอบอวยพรคนอื่น ก็ขอให้พระพรห่างไกลจากตัวเขา
18 เขาสาปแช่งคนอื่นบ่อยเท่ากับสวมเสื้อผ้า
    ดังนั้นขอให้คำสาปแช่งเหล่านั้นเข้าไปในตัวเขาเหมือนน้ำที่เขาดื่ม
    และซึมเข้าไปในกระดูกของเขาเหมือนน้ำมันมะกอก
19 ขอให้คำสาปแช่งเหล่านั้นติดตัวเขาเหมือนเสื้อผ้าที่เขาใส่
    และเป็นเข็มขัดที่รัดเอวเขาอยู่เสมอ

20 ขอให้พระยาห์เวห์ลงโทษผู้กล่าวหาของข้าพเจ้า
    ด้วยสิ่งเหล่านี้ คือลงโทษคนเหล่านั้นที่พูดชั่วร้ายเกี่ยวกับข้าพเจ้า
21 ข้าแต่พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าเพื่อรักษาชื่อเสียงอันดีของพระองค์
    โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดตามความรักมั่นคงที่มีอย่างล้นเหลือของพระองค์
22 เพราะข้าพเจ้ายากจนและขัดสน
    ใจของข้าพเจ้าสั่นระรัวอยู่ภายใน
23 ข้าพเจ้ากำลังเลือนรางไปเหมือนเงาในตอนค่ำคืน
    ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนตั๊กแตนที่โดนปัดทิ้งไป
24 เข่าของข้าพเจ้าสั่นเทิ้มเพราะถือศีลอด
    และร่างกายของข้าพเจ้าก็ซูบผอมไป
25 พวกเขาเหยียดหยามข้าพเจ้า
    พวกเขามองข้าพเจ้าแล้วก็ส่ายหัว

26 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า
    โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเถิด
27 แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่า นี่แหละเป็นฝีมือของพระองค์
    พวกเขาจะได้รู้ว่า เป็นพระองค์เองพระยาห์เวห์ ที่ทำสิ่งนี้
28 พวกเขาอาจจะสาปแช่ง แต่พระองค์จะอวยพร
    พวกเขาอาจจะรุกขึ้นมาต่อต้านข้าพเจ้า แต่พวกเขาจะได้รับความอับอายขายหน้า
    และข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์จะได้เฉลิมฉลอง
29 ขอให้พวกผู้กล่าวหาข้าพเจ้า สวมใส่ความอับอายเหมือนเสื้อผ้า
    ขอให้ความอัปยศห่อหุ้มพวกเขาเหมือนเสื้อคลุม
30 ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระยาห์เวห์เป็นอย่างสูง
    ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าคนเป็นจำนวนมาก

สดุดี 119:121-144

ไอเยน

121 ข้าพเจ้าทำในสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้อง
    อย่าปล่อยข้าพเจ้าไว้กับคนพวกนั้นที่กดขี่ข่มเหงข้าพเจ้า
122 โปรดรับประกันว่าพระองค์จะดูแลข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์
    อย่าปล่อยให้คนหยิ่งยโสพวกนั้นกดขี่ข่มเหงข้าพเจ้าเลย
123 ดวงตาของข้าพเจ้าเหนื่อยล้าเพราะเฝ้ามองว่าเมื่อไหร่พระองค์จะมาช่วยเสียที
    และเฝ้าคอยความยุติธรรมที่พระองค์สัญญาว่าจะให้
124 ได้โปรดแสดงความรักมั่นคงของพระองค์กับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด
    และสั่งสอนกฎระเบียบต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
125 ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์โปรดให้ความเฉลียวฉลาดกับข้าพเจ้า
    เพื่อข้าพเจ้าจะได้เข้าใจกฎต่างๆของพระองค์
126 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ถึงเวลาที่พระองค์จะทำอะไรสักอย่างแล้ว
    เพราะผู้คนกำลังฝ่าฝืนคำสั่งสอนของพระองค์
127 แน่นอนข้าพเจ้ารักบัญญัติต่างๆของพระองค์
    มากกว่าทองคำและรักยิ่งกว่าทองคำบริสุทธิ์เสียอีก
128 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงทำตามคำสั่งต่างๆของพระองค์
    และเกลียดชังการกระทำที่หลอกลวงทั้งปวง

เพ

129 กฎต่างๆของพระองค์นั้นน่าทึ่ง
    ดังนั้นข้าพเจ้าทำตามกฎเหล่านั้น
130 คำอธิบายในเรื่องที่เกี่ยวกับคำบัญชาทั้งหลายของพระองค์
    ให้ความกระจ่างแจ้งกับผู้คนและให้ความเข้าใจกับคนที่อ่อนต่อโลก
131 ข้าพเจ้าอ้าปากหอบ
    เพราะข้าพเจ้ากระหายที่จะเรียนรู้บัญญัติต่างๆของพระองค์
132 โปรดหันมาเมตตาต่อข้าพเจ้า
    เหมือนกับที่พระองค์ทำเป็นประจำกับคนเหล่านั้นที่รักพระองค์ด้วยเถิด
133 โปรดนำทางข้าพเจ้าตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้
    โปรดอย่าให้ความชั่วใดๆมีอำนาจเหนือข้าพเจ้า
134 โปรดช่วยไถ่ข้าพเจ้าจากคนทั้งหลายที่กดขี่ข่มเหงข้าพเจ้า
    เพื่อข้าพเจ้าจะได้เชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระองค์
135 โปรดให้ใบหน้าของพระองค์ส่องลงมายังข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์
    และสอนกฎระเบียบต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
136 น้ำตาไหลนองเป็นสายธารบนใบหน้าของข้าพเจ้า
    เพราะไม่มีใครเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระองค์

ซาเด

137 ข้าแต่พระยาห์เวห์
    พระองค์นั้นยุติธรรมและกฎเกณฑ์ต่างๆของพระองค์นั้นเที่ยงตรง
138 พระองค์ให้กฎต่างๆที่ยุติธรรม
    พวกเราสามารถไว้วางใจมันได้อย่างเต็มที่
139 ความร้อนรนเผาผลาญข้าพเจ้าอยู่
    เพราะพวกศัตรูของข้าพเจ้าลืมคำบัญชาทั้งหลายของพระองค์เสียแล้ว
140 คำสัญญาทั้งหลายของพระองค์ได้รับการพิสูจน์อย่างถี่ถ้วนแล้ว
    ข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์จึงรักคำพูดพวกนั้นของพระองค์
141 ข้าพเจ้าอาจจะยังหนุ่มและไม่มีใครนับถือ
    แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ลืมคำสั่งต่างๆของพระองค์
142 ความยุติธรรมของพระองค์นั้นจะคงอยู่ตลอดไป
    และคำสั่งสอนของพระองค์นั้นก็เป็นความจริงและเชื่อถือได้
143 ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าเจอกับความหายนะและความทุกข์ยาก
    แต่บัญญัติต่างๆของพระองค์ก็ยังเป็นความสุขของข้าพเจ้า
144 กฎต่างๆของพระองค์นั้นยุติธรรมเสมอ
    โปรดช่วยให้ข้าพเจ้าเข้าใจพวกมันด้วยเพื่อว่าข้าพเจ้าจะได้มีชีวิตต่อไป

2 พงศ์กษัตริย์ 18:9-25

ชาวอัสซีเรียยึดเมืองสะมาเรีย

ในปีที่สี่ที่เฮเซคียาห์เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ตรงกับปีที่เจ็ด ที่โฮเชยาลูกชายของเอลาห์ เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล กษัตริย์แชลมาเนเสอร์[a]ของอัสซีเรียได้ยกทัพมาสู้รบกับเมืองสะมาเรียและได้ปิดล้อมเมืองนี้เอาไว้ 10 เมื่อล้อมเมืองอยู่สามปี ชาวอัสซีเรียก็ยึดเมืองนี้ได้ เมืองสะมาเรียจึงถูกยึดไปในช่วงปีที่หกที่เฮเซคียาห์ เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ตรงกับปีที่เก้าที่โฮเชยาเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล 11 กษัตริย์ของอัสซีเรียได้กวาดต้อนเอาคนอิสราเอลไปไว้ที่อัสซีเรียและได้ให้พวกเขาตั้งรกรากอยู่ในเมืองฮาลาห์ ในเมืองโกซานที่ติดกับแม่น้ำฮาโบร์และในเมืองต่างๆของชาวเมดัย 12 เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะพวกอิสราเอลไม่ยอมเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา พวกเขาฝ่าฝืนข้อตกลงของพระองค์ทุกข้อที่โมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้ พวกเขาไม่ยอมฟังคำสั่งเหล่านั้นและไม่ยอมทำตามด้วย

อัสซีเรียบุกยูดาห์

(2 พศด. 32:1-19; อสย. 36:1-22)

13 ในปีที่สิบสี่ ที่เฮเซคียาห์เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ กษัตริย์เซนนาเคอริบ[b] ของอัสซีเรียได้เข้าโจมตีเมืองทั้งหมดที่มีป้อมปราการของยูดาห์และสามารถยึดเมืองเหล่านั้นไว้ได้ 14 กษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์จึงได้ส่งข้อความมาถึงกษัตริย์อัสซีเรียที่ลาคีชว่า “เราผิดไปแล้ว ช่วยถอยทัพออกไป และเราจะชดใช้ทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ”

กษัตริย์อัสซีเรียได้เรียกร้องเอาเงินประมาณสิบตัน[c] และทองคำประมาณหนึ่งตัน[d] จากกษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ 15 เฮเซคียาห์จึงเอาเงินที่มีอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์และในคลังสมบัติของวังกษัตริย์ไปมอบให้เขา 16 ในครั้งนี้ กษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ต้องลอกเอาแถบทองคำที่เขาเคยให้ติดไว้ตามประตูและเสาประตูในวิหารของพระยาห์เวห์ออกมามอบให้กับกษัตริย์อัสซีเรียไปด้วย

17 กษัตริย์อัสซีเรียส่งแม่ทัพสูงสุดของเขา เจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าและแม่ทัพพร้อมกับกองทัพขนาดใหญ่หนึ่งกองเดินทางจากลาคีชไปหากษัตริย์เฮเซคียาห์ที่เยรูซาเล็ม พวกเขามาถึงเยรูซาเล็มและได้มาหยุดอยู่ที่รางส่งน้ำของสระด้านบน ตรงถนนที่มุ่งไปยังทุ่งของคนซักผ้า 18 พวกเขาได้เรียกหากษัตริย์ แต่เอลียาคิมผู้ดูแลวัง ที่เป็นลูกชายของฮิลคียาห์ เชบนาที่เป็นเลขาและโยอาห์ผู้จดบันทึกที่เป็นลูกชายของอาสาฟ ได้ออกมาพบพวกเขา

19 แม่ทัพพูดกับพวกเขาว่า “ไปบอกเฮเซคียาห์ว่า พระมหากษัตริย์ คือกษัตริย์อัสซีเรีย พูดอย่างนี้ว่า

‘ทำไมท่านถึงได้มีความเชื่อมั่นขนาดนี้ 20 ข้อตกลงกับพันธมิตรที่ท่านหวังพึ่งนั้นมันก็แค่เพียงคำพูด ท่านคิดว่ามันจะใช้แทนกลยุทธ์และกำลังทหารในสงครามได้หรือ เดี๋ยวนี้ท่านไปพึ่งใครหรือ ท่านถึงกล้ามากบฏกับเรา 21 ดูดีๆนะว่าตอนนี้ท่านกำลังพึ่งอียิปต์ ซึ่งเป็นเหมือนไม้เท้าอ้อที่เดาะแล้ว ถ้าใครไปค้ำยันมัน มันก็จะแตกและเสียบมือของคนนั้น ฟาโรห์กษัตริย์ของอียิปต์ ก็จะเป็นอย่างนั้นกับคนที่มาพึ่งพิงเขา 22 แต่ถ้าท่านจะบอกเราว่า “เราเชื่อพึ่งในพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา” อ้าว เฮเซคียาห์ได้รื้อพวกสถานที่นมัสการและแท่นบูชาของพระนั้นทิ้งไปแล้วไม่ใช่หรือ และสั่งคนยูดาห์และคนในเยรูซาเล็มว่า “พวกเจ้าต้องนมัสการที่แท่นบูชานี้ที่อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเท่านั้น”

23 ตอนนี้ มาทำข้อตกลงกับกษัตริย์ของอัสซีเรีย เจ้านายของข้าดีกว่า ข้าจะให้ม้ากับเจ้าสองพันตัว ถ้าเจ้ามีปัญญาหาคนมาขี่พวกมันได้ 24 ในเมื่อเจ้าและอียิปต์อ่อนแอซะขนาดนี้ ท่านยังจะปฏิเสธอำนาจของข้าราชการตัวเล็กๆของเจ้านายข้า แล้วไปหวังพึ่งรถรบและทหารม้าของอียิปต์อีกหรือ

25 และตอนนี้ เจ้าคิดว่าที่ข้าขึ้นมาโจมตีสถานที่นี้เพื่อทำลายมัน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพระยาห์เวห์อย่างนั้นหรือ เป็นพระยาห์เวห์เองที่พูดกับข้าว่า “ขึ้นไปโจมตีแผ่นดินนี้และทำลายมันซะ”’”

1 โครินธ์ 8

อาหารบูชารูปเคารพ

ตอนนี้ ผมขอพูดถึงเรื่องที่พี่น้องเขียนมา เรื่องเนื้อสัตว์ที่เอามาบูชารูปเคารพ เรารู้ว่า “เราต่างก็มีความรู้” ความรู้นั้นทำให้คนลำพอง แต่ความรักนั้นเสริมสร้างขึ้นมา ถ้าใครคิดว่าตัวเองเป็นผู้รู้ เขาก็ยังไม่รู้ตามที่เขาควรจะรู้หรอก แต่ถ้าใครรักพระเจ้า พระเจ้าก็จะรู้จักคนนั้น

ดังนั้น พูดถึงเนื้อสัตว์ที่เอามาบูชารูปเคารพนั้น เรารู้อยู่แล้วว่า “พวกรูปเคารพในโลกนี้ไร้สาระ” แล้วก็ “มีพระเจ้าเที่ยงแท้เพียงองค์เดียวเท่านั้น” ถึงแม้จะมีสิ่งต่างๆที่คนเรียกกันว่าพระเจ้า ไม่ว่าจะในสวรรค์หรือบนโลกนี้ก็ตาม (จริงๆแล้วมีสิ่งต่างๆที่คนเรียกว่า “พระ” ว่า “เจ้า” เต็มไปหมด) แต่สำหรับเราแล้วมีพระเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้น นั่นคือพระบิดาผู้ที่สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง และเราก็มีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์ และมีองค์เจ้าชีวิตเพียงองค์เดียวเท่านั้นคือพระเยซูคริสต์ พระเจ้าสร้างทุกอย่างผ่านทางพระองค์ และพระเจ้าให้ชีวิตกับเราผ่านทางพระองค์ด้วย

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รู้อย่างนี้ จนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังมีบางคนที่เคยกราบไหว้รูปเคารพมาก่อน เมื่อเขากินเนื้อสัตว์ที่ไปบูชารูปเคารพมา เขาก็ยังคิดว่าเป็นเนื้อที่บูชารูปเคารพที่มีชีวิตจริงๆ ใจที่ขาดความรู้ของเขานั้นก็ฟ้องว่าเขาทำผิด แต่อาหารไม่ทำให้เราใกล้ชิดพระเจ้าหรอก การกินก็ไม่ทำให้เราดีขึ้นและการไม่กินก็ไม่ทำให้เราเลวลง

แต่ระวังให้ดี อย่าใช้สิทธิ์ของคุณไปทำให้คนที่ขาดความรู้สะดุดหลงไปทำบาป 10 เพราะถ้าเผอิญคนที่ขาดความรู้เกิดไปเห็นคุณผู้ที่มีความรู้ในเรื่องนี้ กำลังกินอยู่ในวัดที่มีรูปเคารพ[a] แล้วไปทำให้เขาเกิดความกล้าที่จะกินเนื้อสัตว์ที่ใช้บูชารูปเคารพมาบ้าง ทั้งๆที่ใจของเขาฟ้องว่าผิด 11 ก็จะกลายเป็นว่าความรู้ของคุณนั้นได้ไปทำลายพี่น้องคนนั้นของคุณที่พระเยซูได้ตายแทน[b] 12 ถ้าทำอย่างนี้ คุณก็ได้ทำบาปต่อพี่น้องของคุณ และทำร้ายใจที่ขาดความรู้ของเขา พวกคุณก็ได้ทำบาปต่อพระคริสต์ด้วย 13 ดังนั้น ถ้าอาหารทำให้พี่น้องของผมทำบาป ผมก็จะไม่มีวันกินเนื้ออีก เพื่อผมจะได้ไม่เป็นเหตุทำให้พี่น้องของผมทำบาป

มัทธิว 7:13-21

ประตูแคบและประตูกว้าง

(ลก. 13:24)

13 เข้าไปทางประตูที่แคบ เพราะประตูกว้างและถนนหนทางที่เดินสบายจะนำไปถึงความพินาศ และมีคนมากมายที่ผ่านเข้าไปทางประตูนั้น 14 ส่วนประตูที่แคบ และถนนที่เดินลำบากจะนำไปถึงชีวิตที่แท้จริง และมีคนน้อยมากที่หาทางนี้เจอ

คนรู้จักคุณได้จากการกระทำ

(ลก. 6:43-44; 13:25-27)

15 ให้ระวังผู้พูดแทนพระเจ้าตัวปลอม[a] ที่มาหาคุณในคราบลูกแกะเชื่องๆแต่ใจนั้นร้ายเหมือนหมาป่า 16 ผลของการกระทำของเขาจะบอกให้รู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร ไม่มีใครเก็บองุ่นจากต้นหนาม หรือเก็บลูกมะเดื่อจากพืชที่มีหนามหรอก 17 เหมือนกับที่ต้นไม้ดีย่อมออกผลดี และต้นไม้เลวก็ย่อมออกผลเลว 18 ต้นไม้ดีจะออกผลเลวไม่ได้ และต้นไม้เลวจะออกผลดีไม่ได้ 19 ต้นไม้ทุกต้นที่ไม่ออกผลดี จะถูกตัดทิ้งและโยนเผาไฟ 20 ดังนั้นจะรู้ว่าผู้พูดแทนพระเจ้านั้นเป็นตัวปลอมหรือเปล่า ก็ดูจากผลของการกระทำของเขา

21 ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘องค์เจ้าชีวิต องค์เจ้าชีวิต’ แล้วจะได้เข้าในอาณาจักรแห่งสวรรค์ แต่คนที่ทำตามความต้องการของพระบิดาที่อยู่บนสวรรค์เท่านั้น ถึงจะเข้าไปได้

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International