Previous Prev Day Next DayNext

Book of Common Prayer

Daily Old and New Testament readings based on the Book of Common Prayer.
Duration: 861 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
สดุดี 1-4

บรรพ 1(A)

ความสุขมีแก่คนเหล่านั้นที่ไม่เดินตามรอยเท้าของคนชั่ว
หรือยืนอยู่ในทางของคนบาป
หรือนั่งอยู่ในที่นั่งของคนชอบเยาะเย้ย
แต่พวกเขาปีติยินดีในบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และใคร่ครวญบทบัญญัตินั้นทั้งกลางวันและกลางคืน
พวกเขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ
ซึ่งออกผลตามฤดูกาล
และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง
ทุกสิ่งที่พวกเขาทำก็เจริญรุ่งเรือง

ส่วนคนชั่วไม่เป็นเช่นนั้น!
เขาเป็นเหมือนแกลบ
ซึ่งลมพัดปลิวฟุ้งไป
ดังนั้นคนชั่วจะถูกตัดสินโทษเมื่อถึงวันพิพากษา
และคนบาปจะไม่อยู่ในที่ชุมนุมของผู้ชอบธรรม

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดูแลทางของคนชอบธรรม
แต่ทางของคนชั่วจะพินาศ

เหตุใดประชาชาติทั้งหลายจึงคบคิด[a]กัน?
ชนชาติต่างๆ จะวางแผนให้ป่วยการไปทำไม?
เหล่ากษัตริย์ของโลกตั้งตนขัดขืน
บรรดาผู้ปกครองรวมตัวกัน
เพื่อวางแผนต่อต้านองค์พระผู้เป็นเจ้า
และต่อต้านผู้หนึ่งซึ่งพระองค์ทรงเจิมตั้งไว้
แล้วกล่าวว่า “ให้พวกเราหักโซ่ตรวน
และปลดเครื่องพันธนาการของพวกเขาทิ้งไป”

องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ประทับในฟ้าสวรรค์ทรงหัวเราะ
พระองค์ทรงเย้ยหยันพวกเขา
แล้วพระองค์ทรงกำราบพวกเขาด้วยพระพิโรธ
และทรงทำให้พวกเขาหวาดกลัวด้วยพระพิโรธ โดยตรัสว่า
“เราได้ตั้งกษัตริย์ผู้หนึ่งของเราไว้แล้ว
บนศิโยนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา”

กษัตริย์ผู้นั้นจะประกาศพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า

พระองค์ได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า “เจ้าเป็นบุตรของเรา
วันนี้เราได้เป็นบิดาของเจ้า[b]
จงขอจากเรา
แล้วเราจะมอบประชาชาติทั้งหลายให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้า
และให้เจ้าครอบครองไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก
เจ้าจะตีพวกเขาให้แตกด้วยกระบองเหล็ก[c]
เจ้าจะฟาดพวกเขาให้แหลกเป็นชิ้นๆ เหมือนหม้อดิน”

10 เหตุฉะนั้น กษัตริย์ทั้งหลายเอ๋ย จงมีปัญญา
บรรดาผู้นำของโลกเอ๋ย จงฟังคำตักเตือน
11 จงปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยำเกรง
และจงชื่นชมยินดีจนเนื้อเต้น
12 จงก้มกราบพระบุตรนั้น[d] มิฉะนั้นพระองค์จะทรงพระพิโรธ
และท่านกับหนทางต่างๆ ของท่านจะถูกทำลาย
เพราะว่าพระพิโรธของพระองค์จะพลุ่งขึ้นในพริบตา
ความสุขมีแก่ทุกคนที่เข้ามาลี้ภัยในพระองค์

(บทสดุดีของดาวิด เมื่อหนีจากอับซาโลมราชโอรส)

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ศัตรูของข้าพระองค์มีมากเหลือเกิน!
ผู้ที่ลุกขึ้นต่อต้านข้าพระองค์ก็มีมากมายนัก!
หลายคนกล่าวถึงข้าพระองค์ว่า
“พระเจ้าจะไม่ทรงช่วยกู้เขา”
เสลาห์[e]

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ทรงเป็นโล่ล้อมข้าพระองค์ไว้
องค์ผู้ทรงเกียรติสิริของข้าพระองค์ ผู้ทรงเชิดชูข้าพระองค์ไว้ ข้าพเจ้าร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
และพระองค์ทรงตอบข้าพเจ้าจากภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
เสลาห์

ข้าพเจ้าเอนกายลงและหลับไป
ข้าพเจ้าตื่นขึ้นอีกเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงค้ำจุนข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะไม่กลัวศัตรูนับหมื่น
ที่รุมล้อมข้าพเจ้าอยู่รอบด้าน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงลุกขึ้น!
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์! โปรดทรงช่วยกู้ข้าพระองค์
ขอทรงตบหน้าศัตรูทุกคนของข้าพระองค์
ขอทรงเลาะฟันของเหล่าคนชั่ว

การช่วยกู้มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
ขอพระพรของพระองค์มีแก่เหล่าประชากรของพระองค์เถิด
เสลาห์

(ถึงหัวหน้านักร้อง บรรเลงเครื่องสาย บทสดุดีของดาวิด)

ข้าแต่พระเจ้าผู้ชอบธรรมของข้าพระองค์
ขอทรงตอบเมื่อข้าพระองค์ร้องทูล
ขอทรงบรรเทาความทุกข์โศกของข้าพระองค์
ขอทรงเมตตาและสดับฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์

มนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย เจ้าจะทำให้เกียรติสิริของเรากลายเป็นความอัปยศไปอีกนานเพียงใด?
เจ้าจะรักการหลอกลวงและแสวงหาพระจอมปลอม[f]ไปอีกนานเท่าใด?
เสลาห์
จงรู้เถิดว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแยกผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ไว้สำหรับพระองค์เอง
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงฟังเมื่อข้าพเจ้าร้องทูลพระองค์

จงยำเกรงและ[g]อย่าทำบาป
ขณะอยู่บนที่นอน
จงพิเคราะห์จิตใจของตนและสงบนิ่ง
เสลาห์
จงถวายเครื่องบูชาที่ถูกต้องเหมาะสม
และวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า

หลายคนถามว่า “ใครจะให้เราเห็นสิ่งดีๆ ได้บ้าง?”
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้แสงสว่างแห่งพระพักตร์ของพระองค์ส่องเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย
พระองค์ทรงให้จิตใจของข้าพระองค์เปี่ยมล้นด้วยความชื่นชมยินดี
ยิ่งกว่าคนเหล่านั้นที่มีธัญญาหารและเหล้าองุ่นใหม่บริบูรณ์

ข้าพระองค์จะเอนกายลงและนอนหลับด้วยความสงบสุข
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ผู้เดียว
ทรงทำให้ข้าพระองค์อาศัยอยู่อย่างปลอดภัย

สดุดี 7

(ชิกกาโยน[a]ของดาวิด ซึ่งขับร้องถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เกี่ยวกับคูชคนเบนยามิน)

ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์
ขอทรงช่วยกู้และปลดปล่อยข้าพระองค์จากทุกคนที่ไล่ล่าข้าพระองค์
มิฉะนั้นเขาจะฉีกข้าพระองค์ดุจสิงโต
และชำแหละข้าพระองค์เป็นชิ้นๆ โดยไม่มีใครช่วย

ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ หากข้าพระองค์ได้ทำผิด
หรือมีบาปติดมือของข้าพระองค์
หากข้าพระองค์ได้ทำชั่วต่อคนที่อยู่อย่างสงบกับข้าพระองค์
หรือได้ปล้นคู่อริโดยไม่มีเหตุ
ก็ขอให้ศัตรูรุกไล่ข้าพระองค์จนหมดทางสู้
ให้เขาเหยียบย่ำชีวิตของข้าพระองค์จนจมดิน
และฝังข้าพระองค์ในธุลีดิน
เสลาห์

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงลุกขึ้นด้วยพระพิโรธของพระองค์
ขอทรงลุกขึ้นต่อสู้กับความเกรี้ยวกราดของศัตรูของข้าพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงตื่นขึ้น ขอทรงบัญชาความยุติธรรม
ขอให้ชนชาติทั้งหลายมาชุมนุมล้อมรอบพระองค์
ในขณะที่พระองค์ทรงประทับบนบัลลังก์เหนือพวกเขา
ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพิพากษาชนชาติทั้งหลาย
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงตัดสินข้าพระองค์ตามความชอบธรรมของข้าพระองค์
ตามความซื่อสัตย์สุจริตของข้าพระองค์เถิด องค์ผู้สูงสุด
ขอทรงยุติความโหดร้ายของคนชั่ว
และกระทำให้ผู้ชอบธรรมมั่นคงปลอดภัย
ข้าแต่พระเจ้าผู้ชอบธรรม
ผู้ทรงพิเคราะห์ความคิดและจิตใจ

10 พระเจ้าสูงสุดทรงเป็นโล่[b]ของข้าพเจ้า
ผู้ทรงช่วยคนที่มีจิตใจเที่ยงตรงให้รอด
11 พระเจ้าทรงเป็นตุลาการที่ชอบธรรม
เป็นพระเจ้าผู้ทรงสำแดงพระพิโรธทุกวัน
12 หากเขาไม่หันกลับจากบาป
พระองค์[c]จะทรงลับดาบของพระองค์ไว้
พระองค์จะทรงโก่งธนูเตรียมยิง
13 พระองค์ทรงเตรียมอาวุธพิฆาตของพระองค์ไว้
พระองค์ทรงเตรียมลูกศรเพลิงของพระองค์ไว้พร้อมแล้ว

14 คนเหล่านั้นที่ตั้งครรภ์ความชั่ว
และให้กำเนิดความเดือดร้อน คลอดความโป้ปดมดเท็จออกมา
15 คนเหล่านั้นที่ขุดหลุมพรางไว้
ตกลงไปในหลุมที่เขาขุดนั้น
16 ความเดือดร้อนที่พวกเขาก่อขึ้น ย้อนกลับมาหาพวกเขาเอง
ความทารุณของพวกเขาตกใส่หัวพวกเขาเอง

17 ข้าพเจ้าจะขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าเนื่องด้วยความชอบธรรมของพระองค์
ข้าพเจ้าจะร้องสรรเสริญพระนามของพระยาห์เวห์ผู้สูงสุด

1 พงศ์กษัตริย์ 1:5-31

ฝ่ายอาโดนียาห์ราชโอรสของพระนางฮักกีท กำเริบเสิบสานและกล่าวว่า “เราจะเป็นกษัตริย์” ดังนั้นจึงจัดรถม้าศึก พลขับ[a]และเกณฑ์คนห้าสิบคนให้วิ่งนำขบวน (ราชบิดาของเขาไม่เคยห้ามปรามหรือถามว่า “เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนั้น?” เขายังเป็นคนหล่อเหลา เกิดถัดจากอับซาโลม)

อาโดนียาห์คบคิดกับโยอาบบุตรนางเศรุยาห์และปุโรหิตอาบียาธาร์ซึ่งสนับสนุนตน แต่ปุโรหิตศาโดก เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา ผู้เผยพระวจนะนาธัน ชิเมอี เรอี[b] และราชองครักษ์ของดาวิดไม่ได้ร่วมอยู่ฝ่ายอาโดนียาห์

อาโดนียาห์ถวายแกะ วัว กับลูกวัวขุนที่ศิลาแห่งโศเฮเลทใกล้เอนโรเกล เขาได้เชิญโอรสทั้งปวงของดาวิดและบรรดาข้าราชบริพารของยูดาห์มาร่วมพิธี 10 แต่ไม่เชิญผู้เผยพระวจนะนาธัน เบไนยาห์ราชองครักษ์ และโซโลมอนพระอนุชา

11 ผู้เผยพระวจนะนาธันจึงไปทูลถามพระนางบัทเชบาพระมารดาของโซโลมอนว่า “พระนางทรงทราบหรือไม่ว่าอาโดนียาห์โอรสของพระนางฮักกีทตั้งตนเป็นกษัตริย์แล้ว โดยที่กษัตริย์ดาวิดไม่ทรงทราบเรื่องเลย? 12 ข้าพระบาทขอถวายคำปรึกษาเพื่อพระนางจะทรงสงวนชีวิตของพระนางกับโอรสโซโลมอนไว้ได้ 13 คือโปรดเสด็จไปเข้าเฝ้ากษัตริย์และทูลถามว่า ‘ฝ่าพระบาททรงปฏิญาณกับหม่อมฉันแล้วไม่ใช่หรือว่า “โซโลมอนลูกของเจ้า จะได้เป็นกษัตริย์ครองราชบัลลังก์สืบต่อจากเรา” แล้วทำไมอาโดนียาห์จึงขึ้นเป็นกษัตริย์?’ 14 แล้วขณะที่พระนางกำลังทูลกษัตริย์อยู่ ข้าพระบาทจะเข้าไปกราบทูลยืนยัน”

15 พระนางบัทเชบาจึงเสด็จเข้าไปในห้องประทับของกษัตริย์ซึ่งทรงชรามากแล้ว อาบีชากชาวชูเนมกำลังอยู่งานถวายการปรนนิบัติ 16 บัทเชบาคุกเข่าแล้วกราบลงต่อหน้ากษัตริย์

กษัตริย์ตรัสถามว่า “เจ้าประสงค์สิ่งใด?”

17 พระนางทูลว่า “ฝ่าพระบาททรงปฏิญาณไว้กับหม่อมฉันผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทในพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาทว่า ‘โซโลมอนลูกของเจ้าจะได้เป็นกษัตริย์ครองราชบัลลังก์สืบต่อจากเรา’ 18 แต่บัดนี้กลับกลายเป็นว่าอาโดนียาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่โดยที่ฝ่าพระบาทผู้ทรงเป็นกษัตริย์ไม่ได้ทรงทราบเรื่องเลย 19 อาโดนียาห์ได้ถวายวัว ลูกวัวขุน กับแกะมากมาย ทั้งได้เชิญโอรสทั้งปวงของฝ่าพระบาท ปุโรหิตอาบียาธาร์ แม่ทัพโยอาบ แต่ไม่เชิญโซโลมอนผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท 20 ข้าแต่กษัตริย์ อิสราเอลทั้งปวงกำลังจับตาดูว่าจะทรงเลือกใครขึ้นครองราชย์สืบต่อจากฝ่าพระบาท 21 มิฉะนั้นแล้วทันทีที่ฝ่าพระบาททรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ พวกเขาจะปฏิบัติต่อหม่อมฉันกับลูกโซโลมอนเหมือนเป็นอาชญากร”

22 ขณะที่พระนางกำลังทูลกษัตริย์ ผู้เผยพระวจนะนาธันก็มาถึง 23 พวกเขาจึงทูลกษัตริย์ว่า “ผู้เผยพระวจนะนาธันมารอเข้าเฝ้า” นาธันจึงเข้ามาหมอบกราบลงต่อหน้ากษัตริย์

24 และกราบทูลว่า “ฝ่าพระบาททรงแต่งตั้งอาโดนียาห์เป็นกษัตริย์ครองราชบัลลังก์สืบต่อจากฝ่าพระบาทแล้วหรือ? 25 วันนี้เขาได้ถวายวัว ลูกวัวขุน กับแกะมากมาย และเชิญโอรสทุกพระองค์ของฝ่าพระบาท แม่ทัพนายกอง และปุโรหิตอาบียาธาร์ ขณะนี้พวกเขากำลังเลี้ยงฉลองและโห่ร้องว่า ‘กษัตริย์อาโดนียาห์ จงทรงพระเจริญ!’ 26 แต่ข้าพระองค์ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท ปุโรหิตศาโดก เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา และโซโลมอนผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทไม่ได้รับเชิญ 27 ฝ่าพระบาททรงกระทำการครั้งนี้ไปโดยไม่ทรงอนุญาตให้เหล่าข้าพระบาททราบหรือว่าใครคือผู้ที่จะครองราชย์สืบต่อจากฝ่าพระบาท?”

ดาวิดตั้งโซโลมอนเป็นกษัตริย์(A)

28 กษัตริย์ดาวิดตรัสว่า “เรียกบัทเชบามานี่สิ” พระนางจึงเข้ามายืนอยู่ต่อหน้า

29 แล้วกษัตริย์ตรัสปฏิญาณว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงช่วยเหลือเราให้พ้นจากความยากลำบากทั้งปวงนั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด 30 วันนี้เราจะทำตามที่ได้ปฏิญาณไว้กับเจ้าในพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลฉันนั้น คือโซโลมอนลูกของเจ้าจะได้เป็นกษัตริย์สืบต่อจากเรา และจะครองบัลลังก์แทนเรา”

31 บัทเชบาจึงหมอบซบลงกับพื้น และคุกเข่าทูลว่า “ขอให้กษัตริย์ดาวิดเจ้านายของหม่อมฉันทรงพระเจริญเป็นนิตย์!”

กิจการของอัครทูต 26:1-23

26 แล้วกษัตริย์อากริปปาจึงตรัสกับเปาโลว่า “เจ้าได้รับอนุญาตให้พูดแก้คดีเองได้”

ดังนั้นเปาโลจึงโบกมือของตนและเริ่มแก้คดีว่า “ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา ข้าพระบาทถือเป็นโอกาสดีที่ได้ยืนแก้ข้อกล่าวหาทั้งปวงของพวกยิวอยู่เฉพาะพระพักตร์ฝ่าพระบาทในวันนี้ ที่ข้าพระบาทรู้สึกเช่นนี้ก็เพราะฝ่าพระบาททรงคุ้นเคยกับขนบธรรมเนียมและข้อขัดแย้งต่างๆ ทั้งมวลของชาวยิวเป็นอย่างดี ฉะนั้นขอทรงอดทนฟังข้าพระบาทเถิด

“ชาวยิวล้วนทราบแนวทางการดำเนินชีวิตของข้าพระบาทมาตั้งแต่เด็ก นับแต่ถือกำเนิดในบ้านเมืองของข้าพระบาทเองและทั้งในกรุงเยรูซาเล็มด้วย พวกเขาได้รู้จักข้าพระบาทมาเนิ่นนาน และหากพวกเขายินยอมพวกเขาก็สามารถเป็นพยานได้ว่าข้าพระบาทใช้ชีวิตตามนิกายที่เคร่งครัดที่สุดในศาสนาของพวกข้าพระบาทคือเป็นฟาริสี และบัดนี้ที่ข้าพระบาทถูกไต่สวนในวันนี้ก็เพราะข้าพระบาทมีความหวังในสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับเหล่าบรรพบุรุษ เป็นพระสัญญาที่พวกข้าพระบาทสิบสองตระกูลคาดหวังว่าจะเป็นจริง ขณะพากเพียรปรนนิบัติพระเจ้าทั้งกลางวันกลางคืน ข้าแต่กษัตริย์ เพราะความหวังนี้เองพวกยิวจึงกล่าวหาข้าพระบาท เหตุใดพวกท่านจึงเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะทรงให้คนตายเป็นขึ้นมา?

“ข้าพระบาทเองก็เคยเชื่อว่าควรทำทุกวิถีทางเท่าที่เป็นไปได้เพื่อต่อต้านพระนามของพระเยซูแห่งนาซาเร็ธ 10 และนั่นแหละคือสิ่งที่ข้าพระบาทได้ทำในกรุงเยรูซาเล็ม ข้าพระบาทได้จับประชากรของพระเจ้าหลายคนเข้าคุกโดยอาศัยสิทธิอำนาจของพวกหัวหน้าปุโรหิต และเมื่อพวกนั้นถูกฆ่าข้าพระบาทก็เห็นดีด้วย 11 หลายครั้งข้าพระบาทไปตามธรรมศาลาต่างๆ เพื่อลงโทษคนพวกนั้นและพยายามบีบบังคับให้เขากล่าวคำหมิ่นประมาทพระเยซู ข้าพระบาทโกรธเกลียดเขายิ่งนักถึงกับตามไปข่มเหงพวกเขาที่เมืองต่างๆ ในดินแดนอื่นๆ

12 “ในการเดินทางคราวหนึ่ง ข้าพระบาทกำลังจะไปยังเมืองดามัสกัสโดยได้รับสิทธิอำนาจและการมอบหมายจากพวกหัวหน้าปุโรหิต 13 ข้าแต่กษัตริย์ ประมาณเที่ยงวันขณะอยู่ระหว่างทางข้าพระบาทเห็นแสงสว่างจากฟ้าสวรรค์ แสงนั้นเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงอาทิตย์ส่องรอบข้าพระบาทกับเพื่อนร่วมทาง 14 พวกข้าพระบาททั้งหมดล้มลงกับพื้น และข้าพระบาทได้ยินเสียงหนึ่งพูดกับข้าพระบาทเป็นภาษาอารเมค[a]ว่า ‘เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม? เป็นการยากที่เจ้าจะขัดขืนความประสงค์ของเรา[b]

15 “แล้วข้าพระบาทถามว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นผู้ใด?’

“องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า ‘เราคือเยซูผู้ที่เจ้ากำลังข่มเหง 16 บัดนี้จงลุกขึ้นยืนเถิด เราได้ปรากฏแก่เจ้าก็เพื่อแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้รับใช้และเป็นพยานถึงสิ่งที่เจ้าได้เห็นเกี่ยวกับเราและสิ่งที่เราจะสำแดงแก่เจ้า 17 เราจะช่วยเจ้าให้รอดพ้นจากพี่น้องร่วมชาติของเจ้าเองและจากชาวต่างชาติ เราจะส่งเจ้าไปหาพวกเขา 18 เพื่อเปิดตาของพวกเขาและหันพวกเขาจากความมืดมาสู่ความสว่างและจากอำนาจของซาตานมาหาพระเจ้า เพื่อพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษบาปและได้อยู่ในหมู่ผู้ที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยความเชื่อในเรา’

19 “นับแต่นั้น ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา ข้าพระบาทจึงไม่ขัดขืนต่อนิมิตจากสวรรค์นั้น 20 เริ่มแรก ข้าพระบาทประกาศแก่คนทั้งหลายในเมืองดามัสกัส จากนั้นแก่คนทั้งหลายในกรุงเยรูซาเล็มและทั่วแคว้นยูเดียและแก่ชาวต่างชาติด้วย ข้าพระบาทประกาศว่าพวกเขาควรกลับใจใหม่ หันมาหาพระเจ้า และพิสูจน์การกลับใจใหม่ด้วยการกระทำของตน 21 ด้วยเหตุนี้เองพวกยิวจึงจับกุมข้าพระบาทที่ลานพระวิหารและพยายามจะฆ่าข้าพระบาท 22 แต่เพราะพระเจ้าทรงช่วยข้าพระบาทมาจนถึงทุกวันนี้ข้าพระบาทจึงได้มายืนอยู่ที่นี่และเป็นพยานต่อทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย ข้าพระบาทไม่ได้พูดเรื่องอื่นใดนอกเหนือจากสิ่งที่บรรดาผู้เผยพระวจนะและโมเสสกล่าวไว้ว่าจะเกิดขึ้น 23 คือที่พระคริสต์[c]จะต้องทนทุกข์ทรมานและจะทรงสำแดงความสว่างแก่ประชากรของพระองค์เองและแก่คนต่างชาติในฐานะที่ทรงเป็นผู้แรกซึ่งเป็นขึ้นจากตาย”

มาระโก 13:14-27

14 “เมื่อใดที่ท่านเห็น ‘สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนอันเป็นต้นเหตุของวิบัติ’[a] ตั้งอยู่ในที่ซึ่งไม่ใช่ที่ของมัน[b] (ให้ผู้อ่านทำความเข้าใจเอาเถิด) เมื่อนั้นให้ผู้ที่อยู่ในยูเดียหนีไปที่ภูเขา 15 ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าหลังคาบ้านอย่าลงมาหรือเข้าบ้านมาหยิบสิ่งใดออกไป 16 ผู้ที่อยู่ตามทุ่งนาก็อย่ากลับไปเอาเสื้อคลุมของท่าน 17 วันเหล่านั้นน่าหวาดกลัวยิ่งนักสำหรับหญิงมีครรภ์หรือแม่ลูกอ่อน 18 จงอธิษฐานให้เหตุการณ์นี้ไม่เกิดในฤดูหนาว 19 เพราะเวลานั้นจะเป็นวาระแห่งความทุกข์ลำเค็ญอย่างที่ไม่มีครั้งใดเทียบเท่าตั้งแต่เริ่มแรกเมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลกจนถึงบัดนี้ และจะไม่มีครั้งใดเทียบเท่าอีก 20 หากองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงร่นวันเหล่านั้นให้สั้นเข้าก็จะไม่มีใครเหลือรอดเลย แต่เพราะเห็นแก่ผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้พระองค์จึงทรงทำให้วันเหล่านั้นสั้นลง 21 เมื่อเวลานั้นมาถึงหากมีใครมาบอกท่านว่า ‘ดูเถิด พระคริสต์[c]อยู่ที่นี่!’ หรือ ‘ดูเถิด พระองค์อยู่ที่นั่น!’ อย่าไปเชื่อเลย 22 เพราะจะมีพระคริสต์ปลอมและผู้เผยพระวจนะเท็จปรากฏขึ้น พวกเขาจะแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ เพื่อลวงผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้หากเป็นไปได้ 23 ฉะนั้นจงระวัง เราบอกทุกอย่างแก่ท่านไว้ล่วงหน้าแล้ว

24 “แต่ในวาระนั้นหลังจากความทุกข์เข็ญ

“ ‘ดวงอาทิตย์จะถูกดับ
ดวงจันทร์จะไม่ทอแสง
25 ดวงดาวทั้งหลายจะร่วงจากท้องฟ้า
และฟ้าสวรรค์จะถูกเขย่า’[d]

26 “เมื่อนั้นคนทั้งหลายจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในหมู่เมฆด้วยเดชานุภาพและพระเกียรติสิริอันยิ่งใหญ่ 27 พระองค์จะทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มารวบรวมผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้จากทั้งสี่ทิศ จากปลายแผ่นดินโลกถึงสุดขอบฟ้าสวรรค์

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.