Book of Common Prayer
คนบริสุทธิ์อธิษฐานขอความยุติธรรม
เพลงสดุดีของดาวิด
26 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดตัดสินคดีข้าพเจ้า
พิสูจน์ว่า ข้าพเจ้าเดินในทางที่บริสุทธิ์
ข้าพเจ้าไว้วางใจในพระยาห์เวห์ อย่างไม่รวนเร
2 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทดสอบ และลองใจข้าพเจ้าดู
ตรวจสอบดูอารมณ์และความคิดที่อยู่ภายในใจของข้าพเจ้า
3 ข้าพเจ้าไม่เคยลืมความรักมั่นคงของพระองค์ที่มีต่อข้าพเจ้า
ความสัตย์ซื่อที่พระองค์มีต่อข้าพเจ้านำทางข้าพเจ้า
4 ข้าพเจ้าไม่คบหากับคนขี้โกง
ข้าพเจ้าไม่มีส่วนร่วมกับคนหน้าไหว้หลังหลอก
5 ข้าพเจ้าเกลียดที่มั่วสุมของคนชั่ว
ข้าพเจ้าไม่คบหาคนเลว
6 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าล้างมือเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของข้าพเจ้า
และเพื่อข้าพเจ้าจะได้เดินรอบแท่นบูชาของพระองค์
7 แล้วข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
และป่าวประกาศถึงสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายที่พระองค์ทำ
8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ารักที่จะอยู่ในวิหารที่พระองค์สถิตอยู่
คือ เต็นท์ที่รัศมีของพระองค์[a] ปรากฏอยู่
9 โปรดอย่าทำลายข้าพเจ้าไปพร้อมกับพวกคนบาป
โปรดอย่าเอาชีวิตของข้าพเจ้าไปพร้อมกับพวกกระหายเลือด
10 คือ คนพวกนั้นที่มีมือเต็มไปด้วยแผนการร้าย
และคนพวกนั้นที่มือขวาเต็มไปด้วยสินบน
11 ส่วนข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าเดินในทางที่บริสุทธิ์
โปรดเมตตากรุณาข้าพเจ้าและช่วยชีวิตข้าพเจ้าด้วยเถิด
12 เท้าของข้าพเจ้ายืนหยัดมั่นคงอยู่บนพื้นราบ
ข้าพเจ้าสรรเสริญพระยาห์เวห์อยู่กับฝูงชนในวิหาร
อธิษฐานให้รอดจากศัตรู
เพลงสดุดีของดาวิด
28 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
พระองค์ผู้เป็นหินกำบังของข้าพเจ้า ขออย่าทำเป็นหูหนวกต่อข้าพเจ้า
ถ้าพระองค์ไม่ตอบข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะต้องไปอยู่กับคนเหล่านั้นที่ลงไปในหลุมศพแน่ๆ
2 โปรดฟังเสียงของข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
เมื่อข้าพเจ้ายกชูมือของข้าพเจ้าขึ้นและหันหน้าไปทางห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในวิหารของพระองค์
3 โปรดอย่าลากข้าพเจ้าออกไปลงโทษร่วมกับคนที่ทำชั่ว
ปากของพวกเขาพูดอย่างเป็นมิตรกับเพื่อนบ้านแต่ใจคิดร้ายกับเขา
4 ลงโทษพวกเขาให้สาสมกับสิ่งที่พวกเขาทำ
และ สิ่งชั่วร้ายที่พวกเขาทำ
ลงโทษพวกเขาให้สาสมกับสิ่งที่มือเขาทำ
ตอบแทนเขาตามที่เขาสมควรจะได้รับ
5 พวกเขาไม่ไยดีในสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้ทำหรือสร้างขึ้น
พระองค์ก็เลยจะรื้อพวกเขาลงและจะไม่สร้างพวกเขาขึ้นมาใหม่
6 สรรเสริญพระยาห์เวห์
เพราะพระองค์ได้ยินคำร้องขอความช่วยเหลือของข้าพเจ้า
7 พระยาห์เวห์เป็นพละกำลังและโล่ของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจึงวางใจในพระองค์
พระองค์ได้ช่วยเหลือข้าพเจ้า หัวใจของข้าพเจ้าจึงชื่นชมยินดี
และข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
8 พระยาห์เวห์เป็นพละกำลังของคนทั้งหลายของพระองค์
พระองค์เป็นป้อมปราการแห่งความรอดของกษัตริย์ที่พระองค์ได้เลือกไว้[a]
9 โปรดช่วยคนทั้งหลายของพระองค์ให้รอด โปรดอวยพรพวกเขาที่เป็นสมบัติของพระองค์
โปรดเลี้ยงดูพวกเขาเหมือนผู้เลี้ยงแกะ และโปรดโอบอุ้มพวกเขาไว้ตลอดไป
คนชั่วกับพระเจ้าที่แสนดี
ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงของดาวิดผู้รับใช้พระยาห์เวห์
36 การกบฏพูดกับคนชั่วลึกเข้าไปในจิตใจของเขา
เขาไม่เห็นจะต้องกลัวพระเจ้า
2 เขาหลอกลวงตัวเอง
เขาจึงมองไม่เห็นความผิดบาปของเขาและไม่เกลียดบาปนั้นด้วย[a]
3 คำพูดในปากเขานั้นเป็นความชั่วและการหลอกลวง
เขาไม่ได้ทำตัวเฉลียวฉลาดหรือทำดีอะไรเลย
4 เขานอนคิดแผนชั่วอยู่บนเตียง
เขายืนกรานที่จะเดินในทางที่ชั่ว
เขาไม่ปฏิเสธความชั่วใดๆเลย
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความรักมั่นคงของพระองค์สูงเท่าฟ้าสวรรค์
ความสัตย์ซื่อที่พระองค์มีต่อคนของพระองค์สูงเสียดฟ้า
6 คุณความดีของพระองค์เหมือนยอดเขาที่สูงลิบ
ความยุติธรรมของพระองค์เหมือนก้นสมุทรที่ลึกล้ำ
พระยาห์เวห์ปกป้องดูแลทั้งคนและสัตว์
7 ข้าแต่พระเจ้า ไม่มีสิ่งใดมีค่าเทียบได้กับความรักมั่นคงของพระองค์
มนุษย์ต่างลี้ภัยภายใต้ร่มเงาปีกของพระองค์
8 พระองค์เลี้ยงดูพวกเราอย่างอิ่มหนำสำราญ ด้วยอาหารที่ดีเลิศจากบ้านของพระองค์ อาหารที่พระองค์ให้อย่างเหลือเฟือ
พระองค์ให้พวกเราดื่มน้ำจากแม่น้ำแห่งความสุขของพระองค์
9 เพราะตาน้ำแห่งชีวิตก็ไหลออกมาจากพระองค์นั้น
และแสงสว่างของพระองค์ให้แสงสว่างกับพวกเรา
10 ดังนั้น โปรดแสดงความรักมั่นคงให้กับคนเหล่านั้นที่รู้จักพระองค์
และโปรดแสดงคุณความดีของพระองค์ให้กับคนเหล่านั้นที่มีจิตใจซื่อตรง
11 อย่าให้เท้าของคนหยิ่งยโสเหยียบย่ำข้าพเจ้า
อย่าให้มือของคนชั่วขับไล่ข้าพเจ้าไป
12 ดูนั่นสิ พวกคนชั่วล้มลงแล้ว
พวกเขาถูกเหวี่ยงลงไปแล้วและลุกขึ้นมาไม่ได้อีก
ชีวิตที่แสนสั้น
ถึงหัวหน้านักร้อง ถึงเยดูธูน[a] เพลงของดาวิด
39 ข้าพเจ้าพูดว่า “ข้าพเจ้าจะระวังในสิ่งที่ข้าพเจ้าทำ
และข้าพเจ้าจะไม่ยอมให้ลิ้นของข้าพเจ้าทำให้ข้าพเจ้าบาป”
เมื่ออยู่ในกลุ่มคนชั่ว ข้าพเจ้าจะเอาตะกร้อสวมปากข้าพเจ้าเอง
2 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่เรื่องที่ดีๆ
แต่ก็ทำให้ข้าพเจ้ายิ่งหงุดหงิดใจ
3 ข้าพเจ้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ภายใน
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ก็ยิ่งโกรธ
ข้าพเจ้าจึงต้องพูดออกมาว่า
4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยบอกข้าพเจ้าหน่อยว่าตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะมีชีวิตไปอีกนานแค่ไหน
ช่วยบอกข้าพเจ้าด้วยว่าชีวิตของข้าพเจ้านั้นจะสั้นแค่ไหน
5 ดูเถิด พระองค์ให้ชีวิตกับข้าพเจ้ายาวไม่เกินฝ่ามือเดียว
ชีวิตอันแสนสั้นของข้าพเจ้านี้แค่พริบตาเดียวในสายตาพระองค์
ชีวิตของคนเปรียบเหมือนไอน้ำที่จางหายไปอย่างรวดเร็ว เซลาห์
6 ชีวิตของคนเป็นเหมือนเงาที่ผ่านไป
ชีวิตผู้คนก็ยุ่งกับเรื่องโน้นเรื่องนี้ แต่เกิดผลที่ไม่ยั่งยืน
ผู้คนต่างก็พากันสะสมทรัพย์สมบัติมากมาย ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าใครจะได้ไป เมื่อเขาตายไป
7 องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีความหวังอะไรหรือ
ความหวังทั้งหมดของข้าพเจ้าอยู่ที่พระองค์
8 ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากความผิดทั้งสิ้นของข้าพเจ้าด้วย
อย่าให้ข้าพเจ้าต้องอดทนต่อคำเย้ยหยันของคนโง่เขลา
9 ข้าพเจ้าเป็นเหมือนคนใบ้
ข้าพเจ้าไม่ปริปากพูด เพราะพระองค์คือผู้ที่ลงโทษข้าพเจ้าอย่างนี้
10 โปรดหยุดลงโทษข้าพเจ้าเถิด
เพราะมืออันทรงพลังของพระองค์กำลังจะฆ่าข้าพเจ้าอยู่แล้ว
11 พระองค์ว่ากล่าวและลงโทษมนุษย์สำหรับความผิดที่เขาทำ
พระองค์ทำลายสิ่งที่พวกเขารักหวงแหน เหมือนกับมอดกัดกินเสื้อผ้า
ชีวิตของคนเปรียบเหมือนไอน้ำที่จางหายไปอย่างรวดเร็ว เซลาห์
12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
โปรดฟังเสียงร้องให้ช่วยของข้าพเจ้า
อย่าทำเป็นหูหนวกต่อน้ำตาของข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้าเป็นคนเดินทาง[b] ที่มาพักอยู่กับพระองค์
ข้าพเจ้าเป็นเหมือนบรรพบุรุษของข้าพเจ้าคือเป็นคนต่างด้าวที่ต้องพึ่งพระองค์
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์หันสายตาที่โกรธเคืองไปจากข้าพเจ้าได้แล้ว
ข้าพเจ้าจะได้มีความสุขสักหน่อย
ก่อนที่ข้าพเจ้าจะจากไป และไม่มีข้าพเจ้าอีกแล้ว
ซาอูลพยายามฆ่าดาวิด
19 ซาอูลบอกโยนาธานลูกชายของเขาและคนรับใช้ของเขาทุกคนให้ฆ่าดาวิด แต่โยนาธานชอบดาวิดมาก 2 ก็เลยเตือนดาวิดว่า “ซาอูลพ่อของเรากำลังหาโอกาสที่จะฆ่าเจ้า พรุ่งนี้เช้า ให้ระวังตัวให้ดี ให้ไปหาที่หลบซ่อนและให้อยู่ที่นั่น 3 เราจะออกไปยืนอยู่ข้างๆพ่อเราในทุ่งนาที่ท่านซ่อนตัวอยู่ เราจะพูดกับพ่อเรื่องของเจ้า แล้วพอเรารู้อะไรก็จะมาเล่าให้เจ้าฟัง”
4 โยนาธานพูดถึงความดีของดาวิดให้กับซาอูลพ่อของเขาว่า “ขออย่าให้พ่อทำผิดต่อดาวิดคนรับใช้ของพ่อเลย เขาไม่ได้ทำอะไรผิดต่อพ่อ และสิ่งที่เขาทำก็เป็นประโยชน์มากกับพ่อทั้งนั้น 5 เขาได้เสี่ยงชีวิตตอนที่ฆ่าชาวฟีลิสเตียคนนั้น และพระยาห์เวห์ให้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กับชาวอิสราเอลทั้งหมด พ่อก็เห็นและชื่นชมไปด้วย แล้วทำไมพ่อถึงจะทำผิดต่อคนบริสุทธิ์อย่างดาวิด และจะไปฆ่าเขาอย่างไร้เหตุผล”
6 เมื่อซาอูลได้ฟังสิ่งที่โยนาธานพูด เขาก็สาบานว่า “พระยาห์เวห์ มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่าดาวิดจะไม่ถูกประหารชีวิต”
7 แล้วโยนาธานได้เรียกดาวิดมา และเล่าเรื่องที่เขากับพ่อได้พูดกัน แล้วโยนาธานได้นำดาวิดมาพบซาอูล และดาวิดก็ได้เฝ้าซาอูลอย่างแต่ก่อน
8 แล้วสงครามก็เกิดขึ้นอีก ดาวิดจึงออกไปสู้รบกับคนฟีลิสเตีย ดาวิดได้ฆ่าฟันพวกนั้นตายเกลื่อนกลาด พวกนั้นได้หนีไปต่อหน้าต่อตา 9 แต่วิญญาณชั่วจากพระยาห์เวห์ได้มาเข้าสิงซาอูล ขณะที่เขากำลังนั่งอยู่ในวังของเขาและถือหอกอยู่ในมือ ดาวิดกำลังเล่นพิณอยู่ 10 ซาอูลพยายามพุ่งหอกหมายปักดาวิดให้ติดผนัง แต่ดาวิดหลบได้ หอกของซาอูลเลยพุ่งเข้าใส่ฝาผนัง แล้วคืนนั้นดาวิดก็หนีรอดออกมาได้
11 ซาอูลส่งคนไปเฝ้าดูที่บ้านของดาวิดตลอดคืน เพื่อฆ่าเขาในตอนเช้า แต่มีคาลเมียของดาวิดได้เตือนเขาว่า “ถ้าพี่ไม่หนีไปในคืนนี้ พรุ่งนี้พี่จะต้องถูกฆ่าตาย”
12 ดังนั้นมีคาลจึงได้หย่อนดาวิดลงทางหน้าต่าง และเขาก็หนีรอดไป 13 จากนั้นมีคาลก็เอารูปปั้นพระประจำบ้านมาวางไว้บนเตียง แล้วเอาผ้าคลุมไว้และเอาขนแพะมาวางไว้ที่หัวรูปปั้นนั้น
14 เมื่อซาอูลส่งคนมาจับดาวิด มีคาลก็บอกว่า “เขาไม่สบาย”
15 ซาอูลส่งคนกลับไปดูดาวิด และสั่งพวกเขาว่า “นำเขามาทั้งที่อยู่บนเตียง เพื่อที่เราจะได้ฆ่าเขาเสีย”
16 แต่เมื่อพวกเขาเข้าไปก็พบรูปปั้นอยู่บนเตียง และมีขนแพะอยู่ที่หัวมัน
17 ซาอูลพูดกับมีคาลว่า “ทำไมลูกถึงหลอกลวงพ่ออย่างนี้ และปล่อยศัตรูของพ่อให้รอดพ้นไปได้”
มีคาลตอบว่า “ดาวิดพูดกับลูกว่า ‘ปล่อยพี่ไปเถอะ จะให้พี่ต้องฆ่าน้องทำไม’”
18 เมื่อดาวิดหลบหนีไปได้ เขาได้ไปหาซามูเอลที่เมืองรามาห์ และเล่าเรื่องทั้งหมดที่ซาอูลทำกับเขา จากนั้นเขาและซามูเอลก็ไปอยู่ที่นาโยท
กษัตริย์เฮโรดข่มเหงศิษย์พระคริสต์
12 ในช่วงเวลานั้นกษัตริย์เฮโรด[a]ได้ข่มเหงทำร้ายหมู่ประชุมของพระเจ้า 2 พระองค์สั่งให้ตัดหัวยากอบพี่ชายของยอห์น 3 เมื่อเฮโรดเห็นว่าชาวยิวชอบใจการกระทำครั้งนี้ พระองค์จึงให้จับเปโตรไปด้วย (ซึ่งตรงกับช่วงเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ) 4 หลังจากเฮโรดจับเปโตรแล้ว ก็เอาไปขังไว้ในคุก เฮโรดให้ทหารสี่หมู่ หมู่ละสี่คนเฝ้าเปโตรไว้ เฮโรดตั้งใจว่าจะนำตัวเปโตรออกไปตัดสินต่อหน้าประชาชนหลังจากพิธีฉลองเทศกาลวันปลดปล่อยเสร็จสิ้นลง 5 เปโตรจึงถูกขังไว้ในคุก และหมู่ประชุมของพระเจ้าต่างพากันอธิษฐานต่อพระเจ้าอย่างจริงจังเพื่อเปโตร
เปโตรออกจากคุก
6 คืนก่อนที่เฮโรดจะนำเปโตรออกมาจากคุกเพื่อตัดสินลงโทษ เปโตรกำลังนอนหลับอยู่โดยมีทหารสองคนขนาบข้าง มีโซ่สองเส้นล่ามเขาไว้ และมีทหารยามเฝ้าอยู่หน้าประตูคุก 7 ทันใดนั้นทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์เจ้าชีวิตก็มายืนอยู่ตรงนั้น และมีแสงสว่างส่องเข้ามาในห้องขัง ทูตสวรรค์กระทุ้งสีข้างของเปโตรให้ตื่นและพูดว่า “ลุกขึ้นเร็ว” ทันใดนั้นโซ่ก็หลุดออกจากมือของเปโตร 8 ทูตสวรรค์พูดกับเขาว่า “แต่งตัวและสวมรองเท้าสิ” เปโตรทำตาม จากนั้นทูตสวรรค์พูดอีกว่า “สวมเสื้อคลุม แล้วตามเรามา” 9 เปโตรจึงตามทูตสวรรค์ออกไป โดยไม่รู้ว่า ที่ทูตสวรรค์กำลังทำนั้นเป็นความจริง เพราะเขาคิดว่าเห็นนิมิตอยู่ 10 ทั้งสองเดินผ่านยามชั้นที่หนึ่งและยามชั้นที่สอง จนมาถึงประตูเหล็กที่นำเข้าไปในเมือง ประตูนั้นก็เปิดออกเองให้ทั้งสองออกไป ทั้งสองเดินไปตามถนนสายหนึ่ง แล้วทูตสวรรค์ก็หายไปทันที
11 เปโตรรู้สึกตัวและพูดว่า “ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันเป็นความจริง องค์เจ้าชีวิตได้ส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มาช่วยชีวิตผมให้รอดพ้นจากอำนาจของเฮโรด และจากทุกสิ่งทุกอย่างที่ชาวยิวกำลังคาดหวังจะให้เกิดขึ้นกับผม”
12 เมื่อเปโตรคิดได้แล้ว เขาก็ไปที่บ้านของมารีย์แม่ของยอห์น หรือที่คนเรียกว่า มาระโก ที่นั่นมีคนจำนวนมากชุมนุมและอธิษฐานกันอยู่ 13 เปโตรมาเคาะประตู มีหญิงคนใช้ชื่อว่า โรดา เดินมาถามว่าใครมา 14 เมื่อเธอจำได้ว่าเป็นเสียงของเปโตร ก็วิ่งเข้าไปในบ้านด้วยความดีใจโดยไม่ได้เปิดประตูให้เขาก่อน เธอไปบอกกับทุกๆคนว่าเปโตรกำลังยืนอยู่ที่ประตู 15 คนเหล่านั้นย้อนเธอว่า “จะบ้าหรือ” แต่เธอยืนยันว่าเป็นความจริง พวกเขาจึงว่า “น่าจะเป็นทูตสวรรค์ของเปโตร”
16 ส่วนเปโตรยังคงเคาะประตูอยู่ เมื่อพวกเขาเปิดประตูและเห็นเปโตรก็พากันประหลาดใจมาก 17 เปโตรโบกมือให้เงียบ แล้วก็เล่าให้พวกเขาฟังว่า องค์เจ้าชีวิตช่วยเขาออกมาจากคุกได้อย่างไร แล้วเปโตรพูดอีกว่า “ไปเล่าเรื่องนี้ให้ยากอบกับพวกพี่น้องรู้ด้วย” จากนั้นเปโตรก็จากไปที่อื่น
พระเยซูรักษาคนอัมพาต
(มธ. 9:1-8; ลก. 5:17-26)
2 ไม่กี่วันต่อมา พระเยซูก็เข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุมอีก พอชาวบ้านรู้ข่าวว่าพระองค์กลับมาอยู่บ้านแล้ว 2 ก็พากันมาเต็มบ้านจนล้นออกมาแออัดยัดเยียดกันอยู่หน้าประตู และพระเยซูก็สั่งสอนพระคำของพระเจ้าให้กับพวกเขา 3 มีชายสี่คนหามคนเป็นอัมพาตมาบนเปล 4 แต่เข้าไปไม่ถึงพระเยซูเพราะคนแน่นมาก พวกเขาจึงรื้อหลังคาตรงกับที่พระองค์นั่งอยู่ออก แล้วหย่อนเปลที่คนเป็นอัมพาตนั้นนอนอยู่ลงไป 5 เมื่อพระองค์เห็นความเชื่อของพวกเขา ก็พูดกับคนเป็นอัมพาตว่า “ลูกรัก บาปของลูกได้รับการอภัยแล้ว”
6 มีครูสอนกฎปฏิบัตินั่งอยู่ที่นั่นหลายคน พวกเขาคิดในใจว่า 7 “เอ๊ะ มันพูดอย่างนี้ได้ไง แบบนี้ดูหมิ่นพระเจ้าชัดๆเพราะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ให้อภัยบาปได้” 8 พระเยซูรู้ทันทีว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่จึงพูดว่า “ทำไมพวกคุณถึงคิดอย่างนี้ 9 จะให้เราพูดกับคนเป็นอัมพาตคนนี้ว่า ‘บาปของคุณได้รับการอภัยแล้ว’ หรือพูดว่า ‘ลุกขึ้นพับเปลแล้วเดินเถิด’ อันไหนจะง่ายกว่ากัน 10 แต่เพื่อให้พวกคุณรู้ว่าบุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะให้อภัยบาปได้” พระองค์จึงพูดกับคนเป็นอัมพาตว่า 11 “เราสั่งให้คุณลุกขึ้น เก็บเปลแล้วกลับบ้านได้แล้ว” 12 เขาก็ลุกขึ้นทันที เก็บเปล แล้วเดินออกไปต่อหน้าต่อตาทุกคนที่มองอยู่ด้วยความงุนงง พวกเขาจึงร้องสรรเสริญพระเจ้าและพูดกันว่า “พวกเราไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International