Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Book of Common Prayer

Daily Old and New Testament readings based on the Book of Common Prayer.
Duration: 861 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 16-17

ความเชื่อมั่นในพระยาห์เวห์

มิคทาม[a] บทหนึ่งของดาวิด

16 ข้าแต่พระเจ้า ได้โปรดคุ้มครองข้าพเจ้า
    เพราะข้าพเจ้าลี้ภัยในพระองค์
เจ้าพูด[b] กับพระยาห์เวห์ว่า “พระองค์คือองค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า
    สิ่งดีๆทั้งหลายที่ข้าพเจ้ามีล้วนมาจากพระองค์ทั้งสิ้น”

แล้วเจ้าก็พูดด้วยว่า “ข้าพเจ้าก็รักพระเจ้าทั้งหลาย[c] ของแผ่นดินนี้
    พวกเขาช่างเลอเลิศเสียเหลือเกิน”

แต่คนที่แสวงหาพระเจ้าอื่นนั้น จะพบแต่ความทุกข์ยาก
    ข้าพเจ้าจะไม่เข้าร่วมพิธีถวายเลือดเป็นเครื่องบูชากับพวกเขา
    และข้าพเจ้าจะไม่เอ่ยชื่อของพระเจ้าอื่นเลย

พระยาห์เวห์คือมรดกของข้าพเจ้า พระองค์คือถ้วยแห่งพระพรของข้าพเจ้า
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ ชะตาชีวิตของข้าพเจ้าอยู่ในกำมือของพระองค์
ข้าพเจ้าได้รับที่ดินผืนงามจากพระองค์
    ข้าพเจ้าได้ส่วนแบ่งที่สวยเหลือเกิน

ข้าพเจ้าสรรเสริญพระยาห์เวห์ พระองค์ให้คำปรึกษากับข้าพเจ้า
    แม้ในยามค่ำคืน จิตใจข้าพเจ้าก็ยังสอนเตือนข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าตั้งพระยาห์เวห์อยู่ตรงหน้าเสมอ ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว
    เพราะพระองค์อยู่ข้างขวาของข้าพเจ้า
เพราะอย่างนี้นี่เอง หัวใจของข้าพเจ้าถึงเบิกบาน จิตวิญญาณของข้าพเจ้าก็เป็นสุขยิ่งนัก
    ร่างกายของข้าพเจ้าก็อยู่อย่างปลอดภัยด้วย
10 เพราะพระยาห์เวห์จะไม่ทอดทิ้งข้าพเจ้าให้อยู่ในแดนคนตาย
    พระองค์จะไม่ยอมปล่อยให้ผู้ติดตามที่จงรักภักดีของพระองค์ต้องลงไปในหลุมศพ

11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์สอนให้ข้าพเจ้ารู้จักทางที่นำไปสู่ชีวิต
    เมื่อข้าพเจ้าอยู่ต่อหน้าพระองค์ ข้าพเจ้ามีความสุขอย่างเต็มที่
    เมื่อข้าพเจ้าอยู่เคียงข้างพระองค์ ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีเสมอ

ผู้บริสุทธิ์อธิษฐานขอความเป็นธรรม

คำอธิษฐานของดาวิด

17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดฟังคำร้องขอของข้าพเจ้าสำหรับความยุติธรรม
    โปรดฟังเสียงเรียกให้ช่วยของข้าพเจ้า
    โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าที่ออกมาจากริมฝีปากที่ไม่หลอกลวง
ขอให้ประกาศว่าข้าพเจ้าเป็นฝ่ายถูก
    ขอให้ดวงตาของพระองค์มองเห็นว่าอะไรถูกต้องในเรื่องนี้

พระองค์เป็นผู้ตรวจสอบจิตใจของข้าพเจ้า พระองค์ตรวจดูข้าพเจ้าในตอนกลางคืน
    พระองค์ได้ทดสอบข้าพเจ้าแต่ไม่พบความผิดใดๆ
    ข้าพเจ้าตั้งใจที่จะไม่ทำบาปด้วยปาก
ไม่ว่าคนอื่นจะทำอะไรก็ช่าง
    ข้าพเจ้าเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์และหลีกเลี่ยงทางของคนโหดเหี้ยม
เท้าของข้าพเจ้ายึดติดอยู่บนทางของพระองค์
    ย่างเท้าของข้าพเจ้าไม่ได้หลุดไปจากทางของพระองค์

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เพราะพระองค์จะตอบข้าพเจ้า
    โปรดเอียงหูของพระองค์มาหาข้าพเจ้าเพื่อฟังเสียงอธิษฐานของข้าพเจ้า
โปรดแสดงความรักมั่นคงอันอัศจรรย์ของพระองค์ให้ข้าพเจ้าเห็นด้วยเถิด
    เพราะพระองค์เป็นผู้ใช้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์ช่วยคนเหล่านั้นที่มาลี้ภัยในพระองค์จากคนที่โจมตีพวกเขา

โปรดคุ้มครองข้าพเจ้าเหมือนกับข้าพเจ้าเป็นดังแก้วตาของพระองค์
    โปรดซ่อนตัวข้าพเจ้าไว้ เหมือนแม่นกที่ซ่อนลูกน้อยไว้ใต้ร่มเงาปีกของมัน ด้วยเถิด
โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนชั่วที่พยายามทำลายข้าพเจ้า
    จากศัตรูที่รายล้อมคอยเข่นฆ่าข้าพเจ้าอยู่
10 คนพวกนี้ไม่มีความสงสาร
    ปากของพวกเขาพูดโอ้อวดในสิ่งที่เขาทำ
11 คนชั่วพวกนั้นไล่ล่าข้าพเจ้า ตอนนี้เขาได้รายล้อมข้าพเจ้าอยู่
    และพร้อมที่จะเหวี่ยงข้าพเจ้าลงกับพื้น
12 ศัตรูของข้าพเจ้าเป็นเหมือนสิงโตที่พร้อมจะฉีกเนื้อเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ
    เป็นเหมือนสิงห์หนุ่มที่หมอบซุ่มโจมตีอยู่

13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ลุกขึ้นเถิด ปะทะกับเขา โค่นพวกเขาลง
    ใช้ดาบของพระองค์ช่วยเหลือข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนชั่วเหล่านั้นด้วยเถิด
14 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ใช้มือของพระองค์ฆ่าพวกเขา ฆ่าพวกเขาไปเสียจากโลกนี้
    ขจัดพวกเขาออกไปจากท่ามกลางคนที่มีชีวิตอยู่
แต่ส่วนคนเหล่านั้นที่มีค่าสำหรับพระองค์ โปรดให้อาหารกับพวกเขากินอย่างเหลือเฟือ
    เพื่อว่าแม้แต่ลูกๆของพวกเขาก็จะมีอาหารกินอย่างอิ่มหนำ
    และจะมีเหลือเพียงพอไว้เลี้ยงหลานเหลนของเขา

15 ข้าพเจ้าเป็นฝ่ายถูก และข้าพเจ้าจะเห็นใบหน้าของพระองค์
    เมื่อข้าพเจ้าตื่นขึ้น ข้าพเจ้าจะเห็นพระองค์ และอิ่มเอมใจยิ่งนัก

สดุดี 22

คำอธิษฐานของคนที่ทนทุกข์ทรมาน

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องตามทำนองกวางในยามรุ่งเช้า[a] เพลงสดุดีของดาวิด

22 พระเจ้าของข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ทำไมพระองค์ถึงได้ละทิ้งข้าพเจ้าเสีย
    ทำไมพระองค์ถึงได้อยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้าเสียเหลือเกิน
    ทำไมไม่ช่วยข้าพเจ้าให้รอด ทำไมไม่ได้ยินเสียงร้องขอให้ช่วยของข้าพเจ้า
พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าร้องเรียกพระองค์ตลอดทั้งวัน แต่พระองค์ก็ไม่ตอบข้าพเจ้า
    และข้าพเจ้าก็ยังร้องเรียกต่อไปตลอดทั้งคืน ข้าพเจ้าก็ไม่ได้รับการบรรเทาทุกข์

แต่อย่างไรก็ตาม พระองค์ก็ยังเป็นองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์
    พระองค์นั่งอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์ และชาวอิสราเอลสรรเสริญพระองค์
บรรพบุรุษของเราไว้วางใจในพระองค์
    และพระองค์ช่วยกู้พวกเขา
พวกเขาตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ และได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์
    พวกเขาวางใจในพระองค์ พวกเขาจึงไม่ผิดหวัง

ข้าพเจ้ามันก็แค่ตัวหนอน ไม่ใช่คน
    ข้าพเจ้ามันก็แค่ตัวอะไร ที่ผู้คนพูดดูถูก มันก็แค่ตัวอะไร ที่ผู้คนพูดดูหมิ่น
ทุกคนที่เห็นข้าพเจ้า ต่างก็เย้ยหยันข้าพเจ้า
    พวกเขาพากันทำหน้าและส่ายหัวใส่ข้าพเจ้า
แล้วพูดว่า
“เขาวางใจในพระยาห์เวห์ไม่ใช่หรือ ให้พระยาห์เวห์ช่วยให้เขารอดสิ
    ถ้าพระยาห์เวห์ชื่นชอบเขา ก็ให้พระยาห์เวห์ปลดปล่อยเขาสิ”

พระเจ้าของข้าพเจ้า ความจริงแล้ว พระองค์คือผู้ที่ดึงข้าพเจ้าออกมาจากครรภ์
    พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกปลอดภัยในอ้อมอกของแม่
10 ตอนที่ข้าพเจ้าเกิดมา ข้าพเจ้าก็ถูกวางไว้ในอ้อมแขนของพระองค์แล้ว
    พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้าตั้งแต่ข้าพเจ้าคลอดออกมาจากท้องแม่แล้ว
11 ดังนั้น โปรดอย่าได้อยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า
    เพราะความทุกข์ยากอยู่ใกล้ตัวข้าพเจ้า และก็ไม่มีใครช่วยด้วย

12 มีวัวตัวผู้จำนวนมากที่ล้อมรอบข้าพเจ้าอยู่
    วัวตัวผู้ที่ดุร้ายของบาชานกำลังรายล้อมข้าพเจ้าอยู่
13 พวกมันอ้าปากกว้างใส่ข้าพเจ้า
    เหมือนกับสิงโตที่กำลังร้องคำรามฉีกกินเหยื่อของมัน

14 กำลังของข้าพเจ้าถูกเทออกเหมือนน้ำ
    กระดูกของข้าพเจ้าหลุดออกจากข้อ
จิตใจของข้าพเจ้าได้หลอมละลาย
    เหมือนขี้ผึ้งภายในตัวข้าพเจ้า
15 พละกำลังของข้าพเจ้าเหือดแห้งไปเหมือนหม้อดินแตก
    ลิ้นของข้าพเจ้าจุกอยู่ที่เพดานปาก
    ข้าแต่พระเจ้า พระองค์วางข้าพเจ้าไว้ในฝุ่นของหลุมศพ

16 พวกหมาได้รายล้อมข้าพเจ้าไว้
    กลุ่มคนชั่วร้ายได้รุมล้อมข้าพเจ้าไว้
พวกมันได้แทงมือแทงเท้าของข้าพเจ้า[b]
17 ข้าพเจ้าผ่ายผอมจนนับกระดูกของข้าพเจ้าได้หมด
    พวกเขาจ้องมองข้าพเจ้าตาเขม็ง
18 พวกเขาก็เอาพวกเสื้อผ้าของข้าพเจ้ามาแบ่งปันกัน
    พวกเขาเอาชุดของข้าพเจ้ามาจับสลากว่าใครจะได้

19 ข้าแต่พระยาห์เวห์ อย่าได้อยู่ห่างไกลข้าพเจ้า
    พระองค์ผู้เป็นพละกำลังของข้าพเจ้า รีบมาช่วยเหลือข้าพเจ้าด้วยเถิด
20 ช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคมดาบ
    ช่วยชีวิตเดียวที่ข้าพเจ้ามีอยู่จากฝูงหมาพวกนั้นด้วยเถิด
21 ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากปากสิงโต
    พ้นจากคมเขาของฝูงวัวกระทิงเปลี่ยวด้วยเถิด พระองค์ได้ตอบข้าพเจ้าแล้ว

22 ดังนั้นข้าพเจ้าจะบอกพี่น้องของข้าพเจ้าถึงสิ่งต่างๆที่พระองค์ทำ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับพระองค์
    ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ในที่ประชุม
23 พวกเจ้าที่เกรงกลัวพระยาห์เวห์ สรรเสริญพระองค์เถิด
    พวกเจ้าที่เป็นลูกหลานของยาโคบ ถวายเกียรติให้กับพระองค์เถิด
    พวกเจ้าที่เป็นลูกหลานของอิสราเอล ยำเกรงพระองค์เถิด
24 เพราะพระยาห์เวห์ไม่ได้ดูถูกหรือรังเกียจความทุกข์ของคนที่เดือดร้อนคนนี้
    พระองค์ไม่ได้ซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
    แต่เมื่อข้าพเจ้าร้องให้พระองค์ช่วย พระองค์ฟังข้าพเจ้า

25 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ในที่ประชุมใหญ่สำหรับสิ่งที่พระองค์ได้ทำ
    ข้าพเจ้าจะถวายพวกเครื่องบูชาแก้บนต่อหน้าคนทั้งหลายที่ยำเกรงพระองค์
26 คนยากจนทั้งหลาย มาเถิด มากินเครื่องบูชาแก้บนเหล่านั้นให้อิ่มหนำสำราญ
    พวกเจ้าที่แสวงหาพระยาห์เวห์ สรรเสริญพระองค์เถิด
    และขอให้จิตใจของพวกเจ้ามีความสุขตลอดไป
27 ขอให้คนทั่วทุกมุมโลก ระลึกถึงพระยาห์เวห์และหันมาหาพระองค์
    ขอให้คนทุกชาติ ก้มกราบนมัสการต่อหน้าพระองค์
28 เพราะพระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์
    และครอบครองอยู่เหนือชนชาติทั้งหลาย

29 คนเหล่านั้นที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง จะกินเลี้ยงกันและก้มกราบลงต่อหน้าพระองค์
    ส่วนคนที่กำลังจะตายกลับไปสู่ผงธุลีดิน และแม้แต่คนเหล่านั้นที่ตายไปแล้วก็จะก้มกราบลงต่อหน้าพระเจ้าเหมือนกัน
30 เหล่าลูกหลานของพวกเขาจะรับใช้พระองค์
    คนจะพากันพูดถึงชื่อเสียงขององค์เจ้าชีวิตให้กับคนรุ่นหลังฟัง
31 พวกเขาจะเล่าให้กับคนรุ่นหลังที่ยังไม่ได้เกิดมา
    ฟังเกี่ยวกับการช่วยกู้ที่พระองค์ได้ทำไป

เฉลยธรรมบัญญัติ 31:7-13

แล้วโมเสสก็เรียกโยชูวามาต่อหน้าประชาชนชาวอิสราเอล โมเสสพูดกับโยชูวาว่า “ให้เข้มแข็งและกล้าหาญ เพราะเจ้าจะต้องนำประชาชนเหล่านี้เข้าสู่แผ่นดินที่พระยาห์เวห์สัญญาว่าจะยกให้กับบรรพบุรุษของพวกเขา และเจ้าจะต้องจัดสรรปันส่วนที่ดินนั้นให้กับพวกเขา พระยาห์เวห์จะเป็นผู้ที่นำเจ้า พระองค์จะอยู่กับเจ้า พระองค์จะไม่ละเจ้าไปหรือทอดทิ้งเจ้า ไม่ต้องกลัวหรือตื่นตกใจ”

โมเสสเขียนคำสอน

แล้วโมเสสได้เขียนคำสอนนี้ และให้ไว้กับพวกนักบวช ที่เป็นลูกหลานของเลวี และให้กับพวกผู้นำอาวุโสของอิสราเอล พวกลูกหลานเลวีมีหน้าที่แบกหีบที่ใส่ข้อตกลงของพระยาห์เวห์ 10 โมเสสสั่งพวกเขาว่า “ทุกๆเจ็ดปี ซึ่งเป็นปีแห่งการยกหนี้ ในช่วงเทศกาลอยู่เพิง 11 เมื่อประชาชนชาวอิสราเอลมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านในสถานที่นั้นที่พระองค์จะเลือกไว้ ท่านต้องอ่านคำสอนนี้ต่อหน้าประชาชนชาวอิสราเอลทั้งหมด เพื่อมันจะได้เข้าหูพวกเขา 12 ให้รวบรวมประชาชนมาให้หมด ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง เด็กเล็กๆและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองของท่าน เพื่อพวกเขาจะได้ฟัง และจะได้เรียนรู้ เพื่อเขาจะได้เกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน และจะได้เชื่อฟังคำสอนทั้งหมดนี้อย่างระมัดระวัง 13 เพื่อลูกหลานของพวกเขาที่ไม่เคยรู้จักคำสอนนี้จะได้ฟังและเรียนรู้ที่จะเกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน นานตราบเท่าที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ในแผ่นดินที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดเป็นเจ้าของนั้น”

เฉลยธรรมบัญญัติ 31:24-32:4

โมเสสเตือนประชาชนชาวอิสราเอล

24 หลังจากโมเสสได้เขียนคำสอนนี้ลงในแผ่นหนังเสร็จแล้ว 25 เขาได้สั่งให้ชาวเลวีที่ทำหน้าที่แบกหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์ว่า 26 “เอาแผ่นหนังคำสอนนี้ไปวางไว้ข้างหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน มันจะอยู่ที่นั่นเพื่อเป็นพยานว่าท่านยอมรับข้อตกลงนี้แล้ว 27 เพราะเรารู้ดีว่า พวกท่านชอบแข็งข้อและหัวแข็ง นี่ขนาดเรายังมีชีวิตอยู่กับพวกท่าน พวกท่านยังแข็งข้อพระยาห์เวห์เลย แล้วถ้าเราตายไป พวกท่านจะยิ่งกว่านี้อีกขนาดไหน 28 พาพวกผู้นำอาวุโสของเผ่าต่างๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของพวกท่านมาหาเราหน่อย เพราะเราอยากจะให้แน่ใจว่าพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ เราจะเรียกฟ้าและดินมาเป็นพยานต่อว่าพวกเขา 29 เพราะเรารู้ว่าหลังจากที่เราตายไปแล้ว พวกท่านจะทำชั่วอย่างเต็มที่ และจะหันไปจากทางที่เราได้สั่งไว้ ความหายนะล่มจมจะเกิดขึ้นกับพวกท่านในอนาคต เพราะพวกท่านจะทำในสิ่งที่พระยาห์เวห์เห็นว่าชั่วช้า และทำให้พระองค์โกรธเพราะสิ่งที่พวกท่านสร้างขึ้นมากับมือ”

เพลงของโมเสส

30 แล้วโมเสสก็ร้องบทเพลงให้ชาวอิสราเอลทั้งหมดฟัง

32 “ฟ้าเอ๋ย ช่วยฟังสิ่งที่ข้าพเจ้าจะพูด
    แผ่นดินเอ๋ย ช่วยฟังคำพูดจากปากข้าพเจ้า
คำสอนข้าพเจ้า จะตกลงมาเหมือนฝน
    คำพูดข้าพเจ้า จะลงมาเหมือนหมอก
เหมือนสายฝนพรำๆบนหญ้าอ่อน
    เหมือนหยาดฝนบนพืชเกิดใหม่
เพราะข้าพเจ้าจะประกาศชื่อของพระยาห์เวห์
    สรรเสริญความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของเรา

พระศิลา[a] งานของพระองค์สมบูรณ์แบบยิ่งนัก
    ทางทุกทางของพระองค์ถูกต้อง
พระเจ้าซื่อสัตย์ พระองค์ไม่เคยทำผิด
    พระเจ้าเที่ยงตรง พระองค์ไว้วางใจได้

โรม 10:1-13

10 พี่น้องครับ สิ่งที่ผมต้องการมาก และสิ่งที่ผมอธิษฐานต่อพระเจ้าสำหรับคนยิวก็คือ ขอให้พวกเขาได้รับความรอด ผมเป็นพยานว่าพวกเขามีใจให้พระเจ้าแต่เขาขาดความรู้ พวกเขาไม่รู้จักความซื่อสัตย์สุจริตของพระเจ้า เขาพยายามที่จะยึดฐานะที่เป็นคนของพระเจ้าไว้ เขาจึงไม่ยอมรับแผนงานอันซื่อสัตย์สุจริตของพระองค์ พระคริสต์เป็นเป้าหมายของกฎ เพื่อที่พระเจ้าจะได้ยอมรับทุกคนที่ไว้วางใจพระคริสต์

โมเสสได้เขียนถึงคนที่คิดว่าพระเจ้าจะยอมรับเขาเพราะเขาทำตามกฎที่จะทำให้คนสะดุดว่า “คนที่ทำอย่างนี้ จะต้องใช้ชีวิตตามกฎนั้นทุกอย่าง”(A) ส่วนคนที่พระเจ้ายอมรับเพราะเขาไว้วางใจพระเจ้า โมเสสพูดว่า “ไม่ต้องคิดในใจว่า แล้วใครจะเป็นคนขึ้นไปบนสวรรค์” (หมายถึงขึ้นไปเชิญพระคริสต์ลงมาบนโลกเพื่อช่วยเรา) “หรือใครจะเป็นคนลงไปในหลุมที่ลึกมาก” (หมายถึงลงไปเชิญพระคริสต์ขึ้นมาจากความตาย) เพราะพระคัมภีร์พูดไว้ว่า “ถ้อยคำนั้นอยู่ใกล้กับคุณแล้ว มันอยู่ในปากและอยู่ในใจของคุณ”(B) นี่แหละคือเรื่องที่เราประกาศ ถ้าคุณยอมรับด้วยปากว่า “พระเยซูเป็นองค์เจ้าชีวิต” และเชื่อในใจว่าพระเจ้าทำให้พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย คุณก็จะรอด 10 เพราะพระเจ้ายอมรับคนที่ไว้วางใจ และคนที่ยอมรับด้วยปากว่าเชื่อก็จะรอด 11 เพราะพระคัมภีร์บอกว่า “ทุกคนที่ไว้วางใจพระองค์จะไม่มีวันอับอาย”(C) 12 ที่พระคัมภีร์บอกว่าทุกคน แสดงว่าคนยิวกับคนที่ไม่ใช่ยิวไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย เพราะองค์เจ้าชีวิตองค์เดียวกันนี้เป็นองค์เจ้าชีวิตของทุกคน และพระองค์ก็เต็มไปด้วยความเมตตากับทุกคนที่ร้องเรียกให้พระองค์ช่วย 13 เพราะ “ทุกคนที่ร้องเรียกให้องค์เจ้าชีวิตช่วย ก็จะรอด”(D)

มัทธิว 24:15-31

15 ‘สิ่งที่น่าขยะแขยง’[a] ที่ทำลายวิหารจนราบเรียบเป็นหน้ากลอง ตามที่ดาเนียลผู้พูดแทนพระเจ้าได้บอกไว้นั้น คุณจะได้เห็นตั้งอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์” (คนอ่านต้องทำความเข้าใจกับสิ่งนี้ให้ดี) 16 “เมื่อถึงเวลานั้น ให้คนที่อยู่ในแคว้นยูเดียวิ่งหนีไปที่ภูเขา 17 อย่าให้คนที่อยู่บนดาดฟ้ากลับเข้าไปเก็บของในบ้าน 18 อย่าให้คนที่อยู่ในไร่นา กลับไปเอาเสื้อคลุม 19 ในวันนั้นจะน่ากลัวมากสำหรับผู้หญิงท้องและแม่ลูกอ่อนที่ให้นมลูก 20 อธิษฐานขอให้เวลาที่จะต้องหนีนั้นไม่ใช่หน้าหนาวหรือวันหยุดทางศาสนา[b] 21 เพราะในเวลานั้นจะเกิดความทุกข์ยากอย่างใหญ่หลวงชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่โลกได้เกิดขึ้นจนถึงเดี๋ยวนี้ และจะไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้อีกแล้วในอนาคต 22 ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าพระเจ้าไม่ทำให้วันเวลาเหล่านั้นสั้นลง ก็จะไม่มีใครรอดชีวิตเลย แต่เพราะพระองค์เห็นแก่คนที่พระองค์ได้เลือกไว้ พระองค์จึงทำให้วันเวลาเหล่านั้นสั้นลง 23 ในเวลานั้นถ้ามีใครมาบอกว่า ‘ดูสิ นี่ไงพระคริสต์’ หรือ ‘โน่นไงพระองค์’ ก็อย่าไปหลงเชื่อ 24 เพราะจะมีพวกพระคริสต์จอมปลอมและพวกผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอมเกิดขึ้น และพวกเขาก็จะทำอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์กัน ถ้าเป็นไปได้พวกเขาก็จะหลอกแม้กระทั่งคนที่พระเจ้าได้เลือกไว้แล้ว 25 จำไว้นะ เราได้เตือนพวกคุณไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว

26 ดังนั้น ถ้ามีใครมาบอกว่า ‘นั่นไงพระคริสต์ อยู่ในที่เปล่าเปลี่ยว’ ก็อย่าออกไป หรือถ้าคนบอกว่า ‘พระคริสต์อยู่นี่ไง ในห้องข้างในนั้น’ ก็อย่าไปหลงเชื่อ 27 เพราะเมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาปรากฏตัว จะเหมือนกับฟ้าแลบทางทิศตะวันออก ที่สามารถมองเห็นได้ในทางทิศตะวันตก 28 และก็เหมือนกับที่ซากศพอยู่ที่ไหน ก็จะเห็นฝูงแร้งอยู่ที่นั่น

29 ‘ทันทีที่วันแห่งความทุกข์ยากนั้นสิ้นสุดลง
    ดวงอาทิตย์จะมืดมิด ดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง
ดวงดาวจะร่วงหล่นจากท้องฟ้า
    พวกผู้มีอำนาจในฟ้าสวรรค์จะถูกสั่นคลอน’[c]

30 ในเวลานั้นจะมีสัญญาณบนท้องฟ้าบอกให้รู้ว่าบุตรมนุษย์กำลังจะเสด็จมา ประชาชนทั้งหมดบนโลกจะร้องไห้คร่ำครวญ และจะมองเห็นบุตรมนุษย์มาบนเมฆในท้องฟ้า มีฤทธิ์อำนาจที่ยิ่งใหญ่และบารมีอันเจิดจ้า 31 แล้วพระองค์จะส่งทูตสวรรค์ของพระองค์ออกไปด้วยเสียงแตรอันดัง พวกทูตสวรรค์จะรวบรวมคนที่พระองค์เลือกไว้แล้ว จากทั่วทุกทิศ จากขอบฟ้าด้านหนึ่งไปสุดขอบฟ้าอีกด้านหนึ่ง

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International