Previous Prev Day Next DayNext

Book of Common Prayer

Daily Old and New Testament readings based on the Book of Common Prayer.
Duration: 861 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
สดุดี 97

97 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครอง แผ่นดินโลกจงเปรมปรีดิ์
ชายทะเลไกลโพ้นจงชื่นชมยินดี
เมฆและความมืดรายล้อมพระองค์
ความชอบธรรมและความยุติธรรมเป็นรากฐานบัลลังก์ของพระองค์
ไฟโชติช่วงนำเสด็จ
และเผาผลาญศัตรูของพระองค์รอบด้าน
สายฟ้าของพระองค์แวบวาบเหนือโลก
แผ่นดินโลกเห็นแล้วสั่นสะท้าน
ภูเขาหลอมเหลวดั่งขี้ผึ้งต่อหน้า
องค์พระผู้เป็นเจ้า
ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าจอมโลกา
ฟ้าสวรรค์ประกาศความชอบธรรมของพระองค์
ชนชาติทั้งปวงเห็นพระเกียรติสิริของพระองค์

บรรดาผู้ที่นมัสการรูปเคารพจะได้รับความอับอาย
คือผู้ที่โอ้อวดในรูปเคารพ
เทพเจ้าทั้งปวงเอ๋ย จงมานมัสการพระเจ้า!

ศิโยนได้ยินและชื่นชมยินดี
และหมู่บ้านต่างๆ ของยูดาห์เปรมปรีดิ์
เนื่องด้วยคำพิพากษาของพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ทรงเป็นองค์ผู้สูงสุดเหนือทั้งโลก
พระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องเทิดทูนเหนือพระทั้งปวง
10 บรรดาผู้ที่รักองค์พระผู้เป็นเจ้า จงเกลียดชังความชั่ว
เพราะพระองค์ทรงปกป้องชีวิตของบรรดาผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์
และทรงช่วยเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของคนชั่ว
11 แสงสว่างสาดส่องคนชอบธรรม
และความสุขโสมนัสมีแก่ผู้ที่มีจิตใจเที่ยงธรรม
12 ท่านผู้ชอบธรรมเอ๋ย จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า
และสรรเสริญพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์

สดุดี 99-100

99 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครอง ประชาชาติทั้งหลายจงครั่นคร้าม
พระองค์ประทับบนบัลลังก์ระหว่างเครูบ แผ่นดินโลกจงสั่นสะท้าน
องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ประทับในศิโยนทรงยิ่งใหญ่
พระองค์ทรงเป็นที่เทิดทูนเหนือมวลประชาชาติ
ให้พวกเขาสรรเสริญพระนามอันยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามของพระองค์
พระองค์ทรงบริสุทธิ์

จอมกษัตริย์องค์นี้ทรงฤทธิ์ พระองค์ทรงรักความยุติธรรม
พระองค์ได้ทรงสถาปนาความเสมอภาคไว้
พระองค์ทรงกระทำ
สิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้องในอิสราเอล[a]
จงยกย่องเทิดทูนพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
จงกราบนมัสการที่แท่นรองพระบาทของพระองค์
พระองค์ทรงบริสุทธิ์

โมเสสและอาโรนอยู่ในกลุ่มปุโรหิตของพระองค์
ซามูเอลเป็นคนหนึ่งในกลุ่มผู้ร้องทูลออกพระนามของพระองค์
พวกเขาร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
และพระองค์ทรงตอบพวกเขา
พระองค์ตรัสกับพวกเขาจากเสาเมฆ
เขาเหล่านั้นเชื่อฟังกฎเกณฑ์และกฎหมายที่พระองค์ประทานแก่พวกเขา

ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย
พระองค์ทรงตอบเขาเหล่านั้น
ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงให้อภัยสำหรับอิสราเอล[b]
แม้ทรงลงโทษเมื่อพวกเขาทำผิด[c]
จงเทิดทูนพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
และนมัสการที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทรงบริสุทธิ์

(บทสดุดี เพื่อขอบพระคุณ)

100 ชาวโลกทั้งสิ้นเอ๋ย จงโห่ร้องยินดีถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความเปรมปรีดิ์
จงมาเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยบทเพลงชื่นบาน
จงรู้เถิดว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า
พระองค์นี่แหละที่ทรงสร้างเรา และเราเป็นของพระองค์[d]
เราเป็นประชากรของพระองค์ เป็นแกะในทุ่งหญ้าของพระองค์

จงเข้าประตูของพระองค์ด้วยการขอบพระคุณ
เข้ามาในพระนิเวศของพระองค์ด้วยการสรรเสริญ
จงขอบพระคุณพระองค์และสรรเสริญพระนามของพระองค์
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสนดี และความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
ความซื่อสัตย์ของพระองค์คงอยู่ตลอดทุกชั่วอายุ

สดุดี 94-95

94 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้ทรงแก้แค้น
ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงแก้แค้น ขอทรงสำแดงพระเกียรติสิริของพระองค์
ข้าแต่องค์ตุลาการของโลก ขอทรงลุกขึ้นเถิด
ขอทรงตอบสนองคนหยิ่งผยองให้สาสม
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
นานเท่าใดที่คนชั่วจะลิงโลดในชัยชนะ?

พวกเขาพล่ามวาจาโอหัง
คนทำชั่วทั้งปวงพร่ำคุยโม้โอ้อวด
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาบดขยี้ประชากรของพระองค์
พวกเขาข่มเหงรังแกผู้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์
พวกเขาสังหารหญิงม่ายและคนต่างด้าว
พวกเขาเข่นฆ่าลูกกำพร้าพ่อ
พวกเขากล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงรู้เห็น
พระเจ้าของยาโคบไม่ทรงใส่ใจ”

เจ้าผู้ไม่รู้จักคิดในหมู่ประชากร จงใส่ใจ
คนโง่เอ๋ย เมื่อใดเจ้าจึงจะฉลาดขึ้น?
พระองค์ผู้ทรงสร้างหูจะไม่ทรงได้ยินหรือ?
พระองค์ผู้ทรงสร้างตาจะไม่ทรงเห็นหรือ?
10 พระองค์ผู้ทรงตีสั่งสอนประชาชาติจะไม่ทรงลงโทษหรือ?
พระองค์ผู้ทรงสอนมนุษย์จะขาดความรู้หรือ?
11 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทราบความคิดของมนุษย์
ทรงรู้ว่าล้วนแต่เปล่าประโยชน์

12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ความสุขมีแก่ผู้ที่พระองค์ทรงตีสั่งสอน
แก่ผู้ที่พระองค์ทรงสอนจากบทบัญญัติของพระองค์
13 พระองค์ทรงให้พวกเขาได้รับความบรรเทาในยามเดือดร้อน
ตราบจนหลุมได้ขุดไว้สำหรับคนชั่ว
14 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงปฏิเสธประชากรของพระองค์
พระองค์จะไม่ทรงละทิ้งผู้ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์
15 การพิพากษาจะตั้งมั่นบนความชอบธรรมอีกครั้งหนึ่ง
และบรรดาผู้มีจิตใจเที่ยงธรรมจะดำเนินตามนั้น

16 ใครจะลุกขึ้นต่อสู้กับคนชั่วเพื่อข้าพเจ้า?
ใครจะยืนหยัดต่อต้านคนทำชั่วเพื่อข้าพเจ้า?
17 หากองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงช่วยข้าพเจ้าไว้
ในไม่ช้าข้าพเจ้าคงจะอยู่ในความเงียบแห่งความตาย
18 เมื่อข้าพเจ้ากล่าวว่า “เท้าของข้าพระองค์กำลังลื่นไถล”
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าความรักมั่นคงของพระองค์ก็ค้ำชูข้าพระองค์ไว้
19 เมื่อความวิตกกังวลสุมใจของข้าพระองค์
การปลอบประโลมของพระองค์ก็นำความชื่นชมยินดีมาสู่จิตวิญญาณของข้าพระองค์

20 ผู้ครอบครองที่เสื่อมทรามจะอยู่ฝ่ายเดียวกับพระองค์ได้หรือ?
คือผู้เปล่งประกาศิตสร้างความทุกข์ยากแสนสาหัส
21 พวกเขารวมตัวกันต่อสู้ผู้ชอบธรรม
และตัดสินประหารชีวิตผู้ที่ไม่มีความผิด
22 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
พระเจ้าองค์พระศิลาที่ข้าพเจ้าเข้าลี้ภัย
23 พระองค์จะทรงให้พวกเขารับโทษสาสมกับบาปของพวกเขา
และทรงทำลายพวกเขาเพราะความชั่วร้ายของพวกเขาเอง
พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราจะทรงทำลายล้างพวกเขา

95 มาเถิด ให้เราร้องเพลงรื่นเริงถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ให้เราโห่ร้องแด่พระศิลาแห่งความรอดของเรา
ให้เรามาเข้าเฝ้าต่อหน้าพระองค์ด้วยการขอบพระคุณ
ให้เราโห่ร้องสดุดีพระองค์ด้วยดนตรีและบทเพลง

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้ายิ่งใหญ่
เป็นกษัตริย์ยิ่งใหญ่เหนือทวยเทพทั้งมวล
ห้วงลึกแห่งแผ่นดินโลกอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
ยอดเขาทั้งหลายเป็นของพระองค์
ท้องทะเลเป็นของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสร้างขึ้น
และพระหัตถ์ของพระองค์ทรงปั้นแผ่นดิน

มาเถิด ให้เรากราบนมัสการและหมอบคำนับ
ให้เราคุกเข่าต่อหน้าพระยาห์เวห์พระผู้สร้างของเรา
เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเรา
เราเป็นประชากรที่พระองค์ทรงเลี้ยงดูในทุ่งหญ้าของพระองค์
เป็นฝูงแกะที่พระองค์ทรงอุ้มชูด้วยพระหัตถ์ของพระองค์

วันนี้หากท่านได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์
อย่าทำใจแข็งกระด้างเหมือนที่เมรีบาห์[a]
เหมือนที่มัสสา[b]ในถิ่นกันดาร
ที่ซึ่งบรรพบุรุษของพวกเจ้าได้ทดลองเรา
พวกเขาลองดีกับเราทั้งๆ ที่พวกเขาได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่เราทำ
10 ตลอดสี่สิบปีเราโกรธคนในชั่วอายุนั้น
และเรากล่าวว่า “พวกเขาเป็นชนชาติที่ใจหลงเตลิด
และพวกเขาไม่รู้จักวิถีทางของเรา”
11 ดังนั้นเราจึงสาบานด้วยความโกรธของเราว่า
“พวกเขาจะไม่มีวันได้เข้าสู่การพักสงบของเรา”

ผู้วินิจฉัย 13:1-15

กำเนิดแซมสัน

13 อิสราเอลหวนกลับไปทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าอีก องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงมอบเขาไว้ในมือของชาวฟีลิสเตียเป็นเวลาสี่สิบปี

ชายคนหนึ่งในโศราห์ชื่อมาโนอาห์จากเผ่าดาน ภรรยาของเขาเป็นหมันและจึงไม่สามารถมีลูก ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏและกล่าวกับนางว่า “เจ้าเป็นหมันแต่เจ้ากำลังจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงอย่าดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมา และอย่ากินสิ่งใดที่เป็นมลทิน เพราะเจ้าจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย อย่าให้บุตรชายของเจ้าตัดผมเลย เพราะเขาจะเป็นนาศีร์แยกไว้เพื่อพระเจ้าตั้งแต่แรกเกิด เขาจะเป็นผู้ริเริ่มกอบกู้อิสราเอลจากเงื้อมมือชาวฟีลิสเตีย”

หญิงนั้นวิ่งไปบอกสามีว่า “คนของพระเจ้ามาปรากฏแก่ข้าพเจ้า ดูเหมือนเขาจะเป็นทูตของพระเจ้า น่าเกรงขามมาก ข้าพเจ้าไม่ได้ถามว่าเขามาจากไหน และเขาก็ไม่ได้บอกชื่อของเขา แต่เขาบอกข้าพเจ้าว่า ‘เจ้าจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย ตั้งแต่นี้ไปเจ้าต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมาและไม่กินสิ่งใดที่เป็นมลทิน เพราะว่าเด็กนั้นจะเป็นนาศีร์ของพระเจ้าตั้งแต่เกิดจวบจนวันตาย’ ”

มาโนอาห์จึงอธิษฐานทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงโปรดอนุญาตให้คนของพระเจ้าที่ทรงส่งมานั้นกลับมาอีกครั้ง เพื่อสอนข้าพระองค์ทั้งสองในการเลี้ยงดูลูกที่จะเกิดมานั้น”

พระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานของมาโนอาห์ ทูตของพระเจ้ามาปรากฏแก่ภรรยาของเขาอีกครั้งขณะที่นางอยู่กลางทุ่ง แต่มาโนอาห์ไม่ได้อยู่กับนาง 10 นางจึงรีบไปบอกสามีว่า “ชายคนเดิมที่ปรากฏแก่ฉันเมื่อวันก่อนมาที่นี่อีกแล้ว!”

11 มาโนอาห์จึงลุกตามภรรยาไป เมื่อเขาพบชายคนนั้นแล้วก็ถามว่า “ท่านเป็นคนเดียวกับที่พูดกับภรรยาของข้าพเจ้าเมื่อวันก่อนหรือ?”

ผู้นั้นตอบว่า “ใช่”

12 ดังนั้นมาโนอาห์จึงถามว่า “เมื่อคำพูดของท่านเป็นจริงแล้ว มีกฎเกณฑ์อะไรบ้างในชีวิตและในการงานของเด็กนั้น?”

13 ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าตอบว่า “ภรรยาของเจ้าต้องปฏิบัติตามที่เราสั่งไว้ทุกอย่าง 14 นางต้องไม่กินสิ่งที่ทำจากองุ่น ต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมา หรือกินสิ่งใดที่เป็นมลทิน นางต้องทำตามที่เราสั่งไว้ทุกประการ”

15 มาโนอาห์จึงกล่าวกับทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “โปรดพักอยู่ที่นี่ก่อน เราจะไปปรุงลูกแพะมาให้ท่าน”

กิจการของอัครทูต 5:27-42

27 พวกเขาคุมตัวเหล่าอัครทูตมายืนอยู่ต่อหน้าสภาแซนเฮดรินเพื่อให้มหาปุโรหิตไต่สวน พวกเขาซักว่า 28 “เราสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้พวกเจ้าสอนในนามนี้ แต่เจ้าก็แพร่คำสอนของเจ้าไปทั่วทั้งกรุงเยรูซาเล็มตั้งใจทำให้เรามีความผิดเนื่องด้วยความตายของชายผู้นี้”

29 เปโตรกับอัครทูตอื่นๆ ตอบว่า “พวกข้าพเจ้าต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์! 30 พระเยซูซึ่งพวกท่านประหารโดยแขวนไว้ที่ต้นไม้นั้นพระเจ้าของบรรพบุรุษของเราได้ทรงให้เป็นขึ้นจากตาย 31 พระเจ้าทรงเชิดชูพระเยซูให้อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ในฐานะองค์เจ้านายและพระผู้ช่วยให้รอด เพื่อพระองค์จะให้อิสราเอลกลับใจใหม่และได้รับการอภัยโทษบาป 32 ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นพยานในเรื่องเหล่านี้ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระเจ้าประทานแก่บรรดาผู้ที่เชื่อฟังพระองค์นั้นก็ทรงเป็นพยานด้วย”

33 เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนี้ก็โกรธจัดและต้องการจะฆ่าพวกอัครทูต 34 แต่ฟาริสีคนหนึ่งชื่อกามาลิเอล เป็นธรรมาจารย์ที่คนทั้งปวงนับถือ ได้ยืนขึ้นในสภาแซนเฮดริน แล้วสั่งให้นำตัวพวกอัครทูตออกไปข้างนอกชั่วครู่ 35 จากนั้นเขาจึงกล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “ชนอิสราเอลเอ๋ย จงพิจารณาสิ่งที่ท่านตั้งใจจะทำกับคนเหล่านี้ให้ดี 36 เมื่อไม่นานมานี้ธุดาสปรากฏตัวขึ้นแอบอ้างเป็นคนสำคัญและมีราวสี่ร้อยคนเข้าพวกด้วย พอเขาถูกฆ่าพรรคพวกของเขาก็กระจัดกระจายสลายตัวไปหมด 37 หลังจากนั้นยูดาสชาวกาลิลีปรากฏขึ้นมาในช่วงจดทะเบียนสำมะโนประชากรและนำกลุ่มประชาชนก่อการจลาจล เขาเองถูกฆ่าตายเช่นกัน พรรคพวกของเขาก็แตกฉานซ่านเซ็นไป 38 ฉะนั้นในกรณีนี้ข้าพเจ้าขอแนะนำท่านทั้งหลายว่าอย่าไปทำอะไรคนพวกนี้เลย! ปล่อยเขาไปเถิด! เพราะถ้าเป้าหมายหรือกิจการของพวกเขาเกิดจากมนุษย์ก็จะเลิกล้มไปเอง 39 แต่ถ้ามาจากพระเจ้า พวกท่านก็ไม่อาจหยุดยั้งคนเหล่านี้ได้ จะกลายเป็นว่าท่านเองนั่นแหละที่ต่อสู้กับพระเจ้า”

40 เขาทั้งหลายฟังแล้วก็คล้อยตามจึงเรียกตัวเหล่าอัครทูตเข้ามา ให้โบยตีพวกเขา และสั่งไม่ให้กล่าวในพระนามของพระเยซู จากนั้นก็ปล่อยตัวพวกเขาไป

41 พวกอัครทูตออกจากสภาแซนเฮดรินด้วยความชื่นชมยินดีเพราะเห็นว่าพวกเขาได้รับเกียรติให้ทนรับความอับอายเพื่อพระนามนั้น 42 ทุกๆ วันในลานพระวิหารและตามบ้านต่างๆ เขาทั้งหลายไม่เคยหยุดสั่งสอนและประกาศข่าวประเสริฐว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์[a]

ยอห์น 3:22-36

ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเป็นพยานเรื่องพระเยซู

22 หลังจากนั้นพระเยซูเสด็จไปยังแถบชนบทของแคว้นยูเดียพร้อมกับเหล่าสาวกของพระองค์ ที่นั่นพระองค์ทรงใช้เวลาอยู่กับพวกเขาและให้บัพติศมา 23 ยอห์นก็กำลังให้บัพติศมาอยู่เช่นกันที่อายโนนใกล้หมู่บ้านสาลิมเพราะที่นั่นมีน้ำมาก และประชาชนมารับบัพติศมาไม่ขาดสาย 24 (นี่เป็นช่วงก่อนที่ยอห์นจะถูกขังคุก) 25 เกิดการโต้เถียงขึ้นระหว่างสาวกบางคนของยอห์นกับชาวยิวคนหนึ่ง[a] เรื่องการชำระตามระเบียบพิธี 26 พวกเขามาหายอห์นและกล่าวแก่เขาว่า “รับบี ชายผู้ซึ่งเคยอยู่กับท่านที่อีกฟากแม่น้ำจอร์แดน ชายคนที่ท่านเป็นพยานถึงนั้นกำลังให้บัพติศมาอยู่ และทุกคนกำลังไปหาเขา”

27 ยอห์นตอบคำกล่าวนี้ว่า “มนุษย์ได้รับก็แต่เพียงสิ่งที่ประทานให้เขาจากสวรรค์ 28 พวกท่านเองก็เป็นพยานได้ถึงคำพูดของเราที่ว่า ‘เราไม่ใช่พระคริสต์[b] แต่เราถูกส่งมานำเสด็จพระองค์’ 29 เจ้าสาวย่อมเป็นของเจ้าบ่าว เพื่อนผู้ดูแลเจ้าบ่าวก็คอยฟังเขาอยู่ และเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีเมื่อได้ยินเสียงของเจ้าบ่าว เราก็มีความชื่นชมยินดีเช่นนั้น และบัดนี้ความชื่นชมยินดีนั้นก็เต็มบริบูรณ์แล้ว 30 พระองค์จะต้องยิ่งใหญ่ขึ้น ส่วนเราต้องด้อยลง

31 “ผู้มาจากเบื้องบนนั้นย่อมอยู่เหนือสิ่งทั้งปวง ผู้ที่มาจากโลกย่อมเป็นของโลกและพูดอย่างคนที่มาจากโลก พระองค์ผู้เสด็จมาจากสวรรค์ทรงอยู่เหนือสิ่งทั้งปวง 32 พระองค์ทรงเป็นพยานถึงสิ่งที่พระองค์ทรงเห็นและทรงสดับ แต่ไม่มีใครรับคำพยานของพระองค์ 33 ผู้ที่รับคำพยานนั้นก็ให้การรับรองว่าพระเจ้าทรงสัตย์จริง 34 เพราะผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมาย่อมกล่าวพระวจนะของพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้า[c]ประทานพระวิญญาณโดยไม่จำกัด 35 พระบิดาทรงรักพระบุตรและทรงมอบทุกสิ่งไว้ในพระหัตถ์ของพระบุตร 36 ผู้ใดที่เชื่อในพระบุตรก็มีชีวิตนิรันดร์ แต่ผู้ใดที่ไม่ยอมรับพระบุตรก็จะไม่ได้เห็นชีวิต เพราะพระพิโรธของพระเจ้ายังอยู่กับเขา”[d]

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.