Book of Common Prayer
(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด)
41 ความสุขมีแก่ผู้ที่ใส่ใจคนอ่อนแอ
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยกู้เขาในยามเดือดร้อน
2 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปกปักรักษาและสงวนชีวิตของเขา
พระองค์จะทรงอวยพรเขาในแผ่นดิน
และจะไม่ทรงปล่อยให้ศัตรูทำกับเขาตามใจชอบ
3 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประคับประคองเขาในยามเจ็บป่วย
และจะทรงช่วยให้เขาหายเป็นปกติ
4 ข้าพระองค์ทูลว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงเมตตาข้าพระองค์
โปรดรักษาข้าพระองค์ให้หาย เพราะข้าพระองค์ได้ทำบาปต่อพระองค์”
5 ศัตรูของข้าพระองค์พูดด้วยความมุ่งร้ายว่า
“เมื่อไหร่เขาจะตายและสิ้นชื่อไป?”
6 เมื่อใดก็ตามที่มีคนมาดูข้าพระองค์
เขาก็ทำเป็นพูดดีทั้งๆ ที่ใจคิดร้าย
แล้วก็ออกไปเที่ยวกระพือข่าว
7 ศัตรูทั้งหมดของข้าพระองค์รวมหัวกันนินทาว่าร้ายข้าพระองค์
และแช่งชักข้าพระองค์ว่า
8 “โรคร้ายกัดกินเขา
เขาไม่มีวันลุกจากเตียงนั่นได้หรอก”
9 แม้แต่เพื่อนสนิทที่ข้าพระองค์ไว้วางใจ
ผู้ที่รับประทานอาหารร่วมกับข้าพระองค์
ยังได้ทรยศหักหลังข้าพระองค์[a]
10 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ขอพระองค์โปรดเมตตาข้าพระองค์ด้วย
ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้ลุกขึ้นมาได้อีกเพื่อจะได้แก้แค้นพวกเขา
11 ข้าพระองค์ทราบว่าพระองค์ทรงพอพระทัยข้าพระองค์
เพราะศัตรูเอาชนะข้าพระองค์ไม่ได้
12 พระองค์ทรงเชิดชูข้าพระองค์ไว้เพราะข้าพระองค์ซื่อสัตย์สุจริต
ทรงตั้งข้าพระองค์ไว้ต่อหน้าพระองค์เป็นนิตย์
13 ขอถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ตั้งแต่นิรันดรจวบจนนิรันดร
อาเมนและอาเมน
(ถึงหัวหน้านักร้อง มัสคิล[a]ของดาวิด เมื่อโดเอกชาวเอโดมมาทูลซาอูลว่า “ดาวิดมาที่บ้านของอาหิเมเลค”)
52 เจ้าคนเก่งกล้าเอ๋ย ทำไมจึงโอ้อวดในการชั่ว?
ทำไมยังคงยโสโอหังอยู่ทุกวี่วัน?
เจ้าผู้เป็นตัวอัปยศในสายพระเนตรของพระเจ้า
2 ลิ้นของเจ้าวางแผนทำลายล้าง
ดั่งมีดโกนคมกริบ
เจ้าตวัดลิ้นตลบตะแลง
3 เจ้ารักความชั่วมากกว่าความดี
และรักความเท็จยิ่งกว่าการพูดความจริง
เสลาห์
4 เจ้ารักคำพูดให้ร้ายทุกคำ
เจ้าคนร้อยลิ้นกะลาวน!
5 แน่ทีเดียว พระเจ้าจะนำเจ้าสู่ความพินาศนิรันดร์
พระองค์จะทรงกระชากเจ้าออกจากเต็นท์ของเจ้า
พระองค์จะทรงถอนรากถอนโคนเจ้าจากแดนผู้มีชีวิต
เสลาห์
6 คนชอบธรรมจะเห็นและเกรงกลัว
จะหัวเราะเยาะเขาและพูดว่า
7 “นี่แหละนะ คนที่ไม่ได้ยึดพระเจ้าเป็นที่มั่น
แต่พึ่งพาทรัพย์สมบัติมากมายของตน
และเรืองอำนาจขึ้นมาโดยการทำลายล้างผู้อื่น!”
8 แต่ส่วนข้าพเจ้าเป็นเหมือนต้นมะกอก
งอกงามในพระนิเวศของพระเจ้า
ข้าพเจ้าพึ่งในความรักมั่นคงของพระเจ้า
ตลอดนิรันดร์
9 ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์เป็นนิตย์ สำหรับสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำ
ข้าพระองค์จะฝากความหวังไว้กับพระนามของพระองค์เพราะพระนามนั้นประเสริฐ
ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าบรรดาประชากรของพระองค์
(ถึงหัวหน้านักร้อง มัสคิล[a]ของบุตรโคราห์)
44 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ยินมากับหู
บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายได้เล่าให้ฟัง
ถึงสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำในสมัยของพวกเขา
เมื่อนานมาแล้ว
2 ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ทรงขับไล่ชนชาติต่างๆ ออกไป
และทรงฝังรากบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย
พระองค์ทรงบดขยี้ชนเผ่าต่างๆ
และทรงทำให้เหล่าบรรพบุรุษของข้าพระองค์เจริญรุ่งเรือง
3 ไม่ใช่ด้วยดาบที่ทำให้พวกเขาพิชิตดินแดนได้
ไม่ใช่ด้วยแขนของพวกเขาที่นำชัยชนะมา
แต่ด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์ ด้วยพระกรของพระองค์
และด้วยความสว่างแห่งพระพักตร์ของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงรักพวกเขา
4 พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของข้าพระองค์และเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์
ผู้ทรงกำหนด[b]ชัยชนะแก่ยาโคบ
5 โดยพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายจึงขับไล่เหล่าศัตรูให้ล่าถอย
โดยพระนามของพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายจึงบดขยี้ข้าศึก
6 ข้าพระองค์ไม่ได้วางใจในคันธนูของตน
ดาบไม่ได้นำชัยชนะมาให้ข้าพระองค์
7 แต่พระองค์ต่างหากทรงให้เราชนะศัตรู
พระองค์ทรงทำให้ปฏิปักษ์อับอายขายหน้า
8 ข้าพระองค์ทั้งหลายจะอวดพระเจ้าเรื่อยไป
จะสรรเสริญพระนามของพระองค์เป็นนิตย์
เสลาห์
9 แต่บัดนี้พระองค์ทรงทอดทิ้งและปล่อยให้ข้าพระองค์ทั้งหลายตกต่ำ
พระองค์ไม่ได้ร่วมทัพไปกับข้าพระองค์ทั้งหลายอีกแล้ว
10 พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายล่าถอยต่อหน้าศัตรู
เหล่าปฏิปักษ์ได้ปล้นข้าพระองค์ทั้งหลาย
11 พระองค์ทรงปล่อยให้ข้าพระองค์ทั้งหลายถูกขย้ำกินเหมือนแกะ
และทรงทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกระจัดกระจายไปในหมู่ชนชาติต่างๆ
12 พระองค์ทรงขายประชากรของพระองค์ไปในราคาน้อยนิด
ไม่ได้อะไรจากการขายนั้นเลย
13 พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายตกเป็นขี้ปากของเพื่อนบ้าน
ผู้คนรอบข้างเหยียดหยามและเยาะเย้ย
14 พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกลายเป็นคำเปรียบเปรยในหมู่ประชาชาติ
ชนชาติต่างๆ ส่ายหน้าใส่ข้าพระองค์ทั้งหลาย
15 ข้าพระองค์อยู่อย่างอัปยศอดสูวันยังค่ำ
และหน้าของข้าพระองค์ปกคลุมด้วยความอับอาย
16 จากคำสบประมาทของคนที่ประณามและแช่งด่าข้าพระองค์
เพราะศัตรูที่ต้องการแก้แค้น
17 ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับข้าพระองค์ทั้งหลาย
ทั้งที่ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้ลืมพระองค์
หรือผิดต่อพันธสัญญาของพระองค์
18 หัวใจของข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้ออกห่างจากพระองค์
เท้าของข้าพระองค์ทั้งหลายก็ไม่ได้คลาดจากทางของพระองค์
19 แต่พระองค์ทรงบดขยี้ข้าพระองค์ทั้งหลาย และทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกลายเป็นที่อาศัยของหมาป่า
พระองค์ทรงคลุมข้าพระองค์ทั้งหลายด้วยความมืดทึบ
20 หากเราได้ลืมพระนามพระเจ้าของเรา
หรือยกมือกราบไหว้พระต่างด้าว
21 พระเจ้าจะไม่ทรงทราบหรือ?
ในเมื่อพระองค์ทรงทราบความลี้ลับในใจ
22 แต่เพราะเห็นแก่พระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายก็เผชิญความตายวันยังค่ำ
ข้าพระองค์ทั้งหลายถูกนับว่าเป็นแกะที่จะเอาไปฆ่า
23 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตื่นเถิด เหตุใดยังทรงหลับอยู่? ขอทรงลุกขึ้น!
ขออย่าทรงทอดทิ้งข้าพระองค์ทั้งหลายตลอดไป
24 เหตุใดพระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์?
และทรงลืมที่ข้าพระองค์ทั้งหลายทุกข์ยากและถูกกดขี่ข่มเหง
25 ข้าพระองค์ทั้งหลายถูกเหยียบจมดิน
ร่างกายต้องนอนคลุกฝุ่น
26 ขอทรงลุกขึ้นและทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายด้วยเถิด
ขอทรงไถ่ข้าพระองค์ทั้งหลายเพราะเห็นแก่ความรักมั่นคงของพระองค์
ลูกวัวทองคำ
32 เมื่อเหล่าประชากรเห็นว่าโมเสสล่าช้าไม่กลับลงมาจากภูเขา จึงพากันไปหาอาโรนและกล่าวว่า “มาเถิด ช่วยสร้างเทพเจ้าขึ้นมานำพวกเราไป เพราะเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโมเสสผู้ที่นำพวกเราออกมาจากอียิปต์”
2 อาโรนตอบพวกเขาว่า “ถอดตุ้มหูทองคำซึ่งภรรยา ลูกชาย และลูกสาวของพวกท่านสวมอยู่มาให้ข้าพเจ้าสิ” 3 ดังนั้นประชาชนทั้งปวงจึงนำตุ้มหูมามอบให้อาโรน 4 เขาใช้ทองนั้นหล่อลูกวัวขึ้นมาตัวหนึ่ง คนทั้งหลายต่างพูดกันว่า “อิสราเอลเอ๋ย นี่คือเทพเจ้าของท่านผู้นำท่านออกมาจากอียิปต์”
5 เมื่ออาโรนเห็นเช่นนั้น จึงก่อแท่นบูชาขึ้นต่อหน้ารูปลูกวัวและประกาศว่า “วันพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า” 6 ดังนั้นวันรุ่งขึ้นเหล่าประชาชนจึงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่มาถวายเครื่องเผาบูชา เครื่องสันติบูชา แล้วนั่งล้อมวงกินดื่มและลุกขึ้นรื่นเริงในงานเลี้ยง
7 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงลงไปเถิด เพราะประชากรที่เจ้าพาออกมาจากอียิปต์เสื่อมทรามไปแล้ว 8 พวกเขาละทิ้งคำบัญชาของเราอย่างรวดเร็วและหล่อรูปเคารพเป็นลูกวัวขึ้นมากราบไหว้และถวายเครื่องบูชา แล้วพูดกันว่า ‘อิสราเอลเอ๋ย นี่คือเทพเจ้าของท่านผู้นำท่านออกมาจากอียิปต์’”
9 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เราเห็นแล้วว่าคนเหล่านี้ดื้อด้านจริงๆ 10 ด้วยเหตุนี้จงปล่อยไว้ให้เป็นธุระของเราเอง เราจะระบายความโกรธทำลายล้างพวกเขาให้หมด แล้วเราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่”
11 แต่โมเสสทูลวิงวอนขอพระเมตตาจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเหตุใดจึงทรงพระพิโรธต่อประชากรของพระองค์เอง ผู้ซึ่งพระองค์ทรงพาออกมาจากอียิปต์ด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่และด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์? 12 เหตุใดจะให้ชาวอียิปต์พูดได้ว่า ‘พระเจ้าทรงล่อพวกเขาออกมาเพื่อฆ่าทิ้งที่ภูเขา และทำลายล้างให้สิ้นจากแผ่นดินโลก’? ขอทรงระงับพระพิโรธและอดกลั้นพระทัยไว้ ไม่ปล่อยให้ภัยพิบัติเกิดแก่ประชากรของพระองค์เอง 13 ขอทรงระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับเขาเหล่านั้นโดยอ้างพระองค์เองว่า ‘เราจะทวีวงศ์วานของเจ้าให้มากมายดั่งดวงดาวบนท้องฟ้า และเราจะยกดินแดนทั้งหมดนี้ที่เราสัญญาไว้ให้วงศ์วานของเจ้าครอบครองตลอดไป’ ” 14 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงเปลี่ยนพระทัยและไม่นำภัยพิบัติมาเหนือประชากรของพระองค์ตามที่ทรงดำริไว้
15 โมเสสก็ลงมาจากภูเขา นำศิลาสองแผ่นซึ่งจารึกพระบัญญัติสิบประการไว้ทั้งสองด้านลงมาด้วย 16 บทบัญญัติที่จารึกบนศิลาทั้งสองแผ่นนั้นเป็นลายพระหัตถ์ของพระเจ้าเอง
17 เมื่อโยชูวาได้ยินเสียงคนข้างล่างโห่ร้องอึกทึกก็เอ่ยกับโมเสสว่า “ฟังดูเหมือนกำลังรบกันอยู่ในค่ายพัก”
18 แต่โมเสสตอบว่า
“นั่นไม่ใช่เสียงของคนชนะ
ไม่ใช่เสียงของคนแพ้
แต่ที่เราได้ยินนั้นเป็นเสียงร้องรำทำเพลง”
19 เมื่อลงมาใกล้ค่ายพัก โมเสสมองเห็นรูปลูกวัวและคนร่ายรำ โทสะของเขาก็พลุ่งขึ้นจึงทุ่มศิลาจารึกลงกับพื้นจนแตกกระจายอยู่ที่เชิงเขานั้นเอง 20 และเขาเอารูปลูกวัวนั้นมาเผาไฟ แล้วบดเป็นผงโรยลงน้ำและบังคับให้ชนอิสราเอลดื่ม
กฎเกณฑ์สำหรับครอบครัวคริสเตียน(A)
18 ภรรยาทั้งหลายจงยอมเชื่อฟังสามีของท่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมาะสมในองค์พระผู้เป็นเจ้า
19 สามีทั้งหลายจงรักภรรยาของท่านและอย่ารุนแรงต่อนาง
20 บุตรทั้งหลายจงเชื่อฟังบิดามารดาของท่านทุกอย่าง เพราะสิ่งนี้ทำให้องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย
21 บิดาทั้งหลายอย่าทำให้บุตรของท่านขมขื่นใจ มิฉะนั้นพวกเขาจะท้อใจ
22 ทาสทั้งหลายจงเชื่อฟังเจ้านายฝ่ายโลกของท่านทุกอย่าง และจงทำอย่างนี้ไม่ใช่เพียงต่อหน้า หรือเพื่อประจบเอาใจ แต่ด้วยใจจริงและด้วยความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า 23 ไม่ว่าท่านทั้งหลายจะทำสิ่งใดจงทุ่มเททำอย่างสุดใจเหมือนทำเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เพื่อมนุษย์ 24 เพราะท่านรู้ว่าท่านจะได้รับมรดกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นรางวัล องค์พระคริสต์เจ้านี่แหละคือผู้ที่ท่านกำลังรับใช้อยู่ 25 ผู้ใดทำผิดก็จะได้รับผลตอบสนองตามความผิดและไม่มีการลำเอียงเข้าข้างใครเลย
4 เจ้านายทั้งหลายจงปฏิบัติต่อทาสของท่านอย่างถูกต้องและยุติธรรม เพราะท่านรู้อยู่ว่าท่านก็มีเจ้านายองค์หนึ่งในสวรรค์เช่นกัน
คำสอนเพิ่มเติม
2 จงอุทิศตนในการอธิษฐาน จงเฝ้าระวังและมีใจขอบพระคุณ 3 และอธิษฐานเผื่อเราด้วย ขอให้พระเจ้าทรงเปิดประตูให้เรื่องราวที่เราเผยแพร่ เพื่อเราจะได้ประกาศข้อล้ำลึกแห่งพระคริสต์ ที่ข้าพเจ้าถูกจองจำอยู่ก็เนื่องด้วยข้อล้ำลึกนี้ 4 โปรดอธิษฐานเพื่อข้าพเจ้าจะได้ประกาศเรื่องราวอย่างแจ่มชัดตามที่ควร 5 จงปฏิบัติต่อคนภายนอกอย่างเฉลียวฉลาด จงใช้ทุกโอกาสให้เป็นประโยชน์ที่สุด 6 จงให้คำสนทนาของท่านเปี่ยมด้วยพระคุณเสมอ ปรุงด้วยเกลือให้มีรส เพื่อท่านจะรู้ว่าควรตอบทุกคนอย่างไร
คำลงท้าย
7 ทีคิกัสจะแจ้งข่าวทุกอย่างเกี่ยวกับข้าพเจ้าแก่ท่าน เขาเป็นน้องที่รัก เป็นผู้ปรนนิบัติที่สัตย์ซื่อและเป็นเพื่อนร่วมรับใช้ในองค์พระผู้เป็นเจ้า 8 ข้าพเจ้ากำลังจะส่งเขามาหาท่าน เพื่อท่านจะได้ทราบถึงสถานการณ์ของเรา[a] และเพื่อเขาจะให้กำลังใจท่านทั้งหลาย 9 เขาจะมาพร้อมกับโอเนสิมัสน้องที่รักและสัตย์ซื่อของเราซึ่งเป็นคนหนึ่งในพวกท่าน คนทั้งสองจะเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ให้ท่านฟัง
10 อาริสทารคัสเพื่อนนักโทษของข้าพเจ้าและมาระโกลูกพี่ลูกน้องของบารนาบัส ขอฝากความคิดถึงมายังท่าน (ข้าพเจ้าเคยกำชับท่านไว้ว่าให้ต้อนรับมาระโกถ้าเขามาหาท่าน) 11 เยซูซึ่งมีอีกชื่อว่ายุสทัสฝากความคิดถึงมายังท่านด้วย มีเพียงสามคนนี้ที่เป็นยิวในหมู่เพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าเพื่ออาณาจักรของพระเจ้า และพวกเขาได้ปลอบใจข้าพเจ้ามาก 12 เอปาฟรัสผู้เป็นคนหนึ่งในพวกท่านและเป็นผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์ฝากความคิดถึงมายังท่าน เขาได้ปล้ำสู้อธิษฐานเพื่อท่านเสมอ เพื่อท่านจะยืนหยัดมั่นคงในพระประสงค์ทั้งสิ้นของพระเจ้า เป็นผู้ใหญ่และมั่นใจเต็มที่ 13 ข้าพเจ้ารับรองได้ว่าเขาตรากตรำทำงานหนักเพื่อพวกท่าน และเพื่อคนทั้งหลายที่เมืองเลาดีเซียและเมืองฮีเอราโปลิส 14 นายแพทย์ลูกาเพื่อนที่รักของเรากับเดมาสฝากความคิดถึงมายังท่าน
15 ข้าพเจ้าขอฝากความคิดถึงไปยังพี่น้องทั้งหลายที่เมืองเลาดีเซีย รวมถึงนางนุมฟากับคริสตจักรในบ้านของนาง
16 หลังจากอ่านจดหมายนี้แล้วช่วยดูแลให้เขาอ่านจดหมายนี้ในคริสตจักรที่เมืองเลาดีเซียด้วย และขณะเดียวกันให้ท่านรับจดหมายจากเมืองเลาดีเซียมาอ่านเช่นกัน
17 ฝากบอกอารคิปปัสว่า “ท่านจงทำงานที่ได้รับมอบหมายในองค์พระผู้เป็นเจ้าให้สำเร็จ”
18 ข้าพเจ้าเปาโลเขียนคำแสดงความคิดถึงนี้ด้วยมือของข้าพเจ้าเอง โปรดระลึกถึงโซ่ตรวนของข้าพเจ้า ขอพระคุณดำรงอยู่กับท่านทั้งหลาย
คำเทศนาบนภูเขา(A)
5 เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นฝูงชนมากมายก็เสด็จขึ้นเนินเขาและประทับนั่ง เหล่าสาวกของพระองค์พากันมาหาพระองค์ 2 และพระองค์ทรงเริ่มต้นสั่งสอนพวกเขาว่า
3 “ความสุขมีแก่ผู้ที่สำนึกว่าตนขัดสนฝ่ายจิตวิญญาณ
เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขาแล้ว
4 ความสุขมีแก่ผู้ที่โศกเศร้า
เพราะเขาจะได้รับการปลอบประโลม
5 ความสุขมีแก่ผู้ที่ถ่อมสุภาพ
เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก
6 ความสุขมีแก่ผู้ที่หิวกระหายความชอบธรรม
เพราะเขาจะได้อิ่มบริบูรณ์
7 ความสุขมีแก่ผู้ที่เมตตากรุณา
เพราะเขาจะได้รับความเมตตากรุณาตอบแทน
8 ความสุขมีแก่ผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์
เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า
9 ความสุขมีแก่ผู้ที่สร้างสันติ
เพราะเขาจะได้ชื่อว่าบุตรของพระเจ้า
10 ความสุขมีแก่ผู้ที่ถูกข่มเหงเพราะความชอบธรรม
เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขาแล้ว
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.