Previous Prev Day Next DayNext

Book of Common Prayer

Daily Old and New Testament readings based on the Book of Common Prayer.
Duration: 861 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
สดุดี 95

95 มาเถิด ให้เราร้องเพลงรื่นเริงถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ให้เราโห่ร้องแด่พระศิลาแห่งความรอดของเรา
ให้เรามาเข้าเฝ้าต่อหน้าพระองค์ด้วยการขอบพระคุณ
ให้เราโห่ร้องสดุดีพระองค์ด้วยดนตรีและบทเพลง

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้ายิ่งใหญ่
เป็นกษัตริย์ยิ่งใหญ่เหนือทวยเทพทั้งมวล
ห้วงลึกแห่งแผ่นดินโลกอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
ยอดเขาทั้งหลายเป็นของพระองค์
ท้องทะเลเป็นของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสร้างขึ้น
และพระหัตถ์ของพระองค์ทรงปั้นแผ่นดิน

มาเถิด ให้เรากราบนมัสการและหมอบคำนับ
ให้เราคุกเข่าต่อหน้าพระยาห์เวห์พระผู้สร้างของเรา
เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเรา
เราเป็นประชากรที่พระองค์ทรงเลี้ยงดูในทุ่งหญ้าของพระองค์
เป็นฝูงแกะที่พระองค์ทรงอุ้มชูด้วยพระหัตถ์ของพระองค์

วันนี้หากท่านได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์
อย่าทำใจแข็งกระด้างเหมือนที่เมรีบาห์[a]
เหมือนที่มัสสา[b]ในถิ่นกันดาร
ที่ซึ่งบรรพบุรุษของพวกเจ้าได้ทดลองเรา
พวกเขาลองดีกับเราทั้งๆ ที่พวกเขาได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่เราทำ
10 ตลอดสี่สิบปีเราโกรธคนในชั่วอายุนั้น
และเรากล่าวว่า “พวกเขาเป็นชนชาติที่ใจหลงเตลิด
และพวกเขาไม่รู้จักวิถีทางของเรา”
11 ดังนั้นเราจึงสาบานด้วยความโกรธของเราว่า
“พวกเขาจะไม่มีวันได้เข้าสู่การพักสงบของเรา”

สดุดี 88

(บทเพลง บทสดุดีของบุตรโคราห์ ถึงหัวหน้านักร้อง ตามทำนองมาหะลัทเลอันโนท[a]มัสคิล[b]ของเฮมานวงศ์เอสราห์)

88 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้ทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอด
ข้าพระองค์เฝ้าร้องทูลต่อหน้าพระองค์ทั้งวันทั้งคืน
ขอให้คำอธิษฐานของข้าพระองค์ขึ้นมาถึงต่อหน้าพระองค์
โปรดเอียงพระกรรณสดับคำร้องทูลของข้าพระองค์

เพราะจิตวิญญาณของข้าพระองค์ทุกข์ร้อนยิ่งนัก
และชีวิตของข้าพระองค์เฉียดใกล้หลุมฝังศพ
ข้าพระองค์ถูกนับรวมอยู่ในกลุ่มคนที่ลงสู่หลุม
ข้าพระองค์เหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรง
ข้าพระองค์ถูกแยกไว้ในหมู่คนตาย
เหมือนผู้ที่ถูกฆ่าซึ่งนอนอยู่ในหลุมฝังศพ
ผู้ที่พระองค์จะไม่ทรงนึกถึงอีกต่อไป
ผู้ที่พระองค์จะไม่ทรงเหลียวแลอีกต่อไป

พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์จมลงในหลุมที่ลึกที่สุด
ในห้วงลึกที่มืดมิดที่สุด
พระพิโรธของพระองค์ตกหนักอยู่เหนือข้าพระองค์
พระองค์ทรงให้กระแสคลื่นของพระองค์ซัดท่วมข้าพระองค์
เสลาห์
พระองค์ทรงทำให้เพื่อนสนิทตีตัวออกห่างจากข้าพระองค์
ทรงทำให้ข้าพระองค์น่ารังเกียจชิงชัง
ข้าพระองค์ถูกกักกันและหมดทางหนี
ดวงตาของข้าพระองค์หม่นหมองเพราะความทุกข์โศก

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ทูลวิงวอนต่อพระองค์ทุกวัน
ข้าพระองค์ยกมือต่อพระองค์
10 พระองค์ทรงสำแดงการอัศจรรย์แก่คนตายหรือ?
ผู้ที่ตายแล้วลุกขึ้นสรรเสริญพระองค์หรือ?
เสลาห์
11 ความรักมั่นคงของพระองค์ถูกประกาศในหลุมฝังศพหรือ?
ความซื่อสัตย์ของพระองค์ถูกประกาศในแดนพินาศหรือ?
12 การอัศจรรย์ของพระองค์เป็นที่รู้จักในแดนแห่งความมืดมิดหรือ?
พระราชกิจอันชอบธรรมของพระองค์เป็นที่รู้จักในแดนที่ถูกลืมหรือ?

13 แต่ข้าพระองค์ร้องทูลให้ทรงช่วย ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ยามเช้าคำอธิษฐานของข้าพระองค์ขึ้นถึงพระองค์
14 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เหตุใดทรงทอดทิ้งข้าพระองค์?
เหตุใดทรงซ่อนพระพักตร์หนีจากข้าพระองค์?

15 ตั้งแต่เยาว์วัย ข้าพระองค์ทุกข์ทรมานและเฉียดใกล้ความตาย
ข้าพระองค์เผชิญความน่าสะพรึงกลัวของพระองค์และหมดหวัง
16 พระพิโรธของพระองค์ท่วมท้นข้าพระองค์
ความน่าสะพรึงกลัวของพระองค์ทำลายข้าพระองค์
17 สิ่งเหล่านั้นโหมกระหน่ำข้าพระองค์ตลอดทั้งวันเหมือนน้ำหลาก
ท่วมข้าพระองค์จนมิด
18 พระองค์ทรงพรากคนรัก และญาติมิตรไปหมด
เหลือแต่ความมืดที่เป็นเพื่อนสนิทของข้าพระองค์

สดุดี 91-92

91 ผู้ที่พำนักในที่กำบังขององค์ผู้สูงสุด
จะได้พักพิงในร่มเงาขององค์ทรงฤทธิ์
ข้าพเจ้าจะทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า[a] “พระองค์ทรงเป็นป้อมปราการและเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์
ทรงเป็นพระเจ้า ผู้ที่ข้าพระองค์ไว้วางใจ”

แน่ทีเดียว พระองค์จะทรงช่วยท่านจากกับดักทั้งปวง
และจากโรคติดต่อร้ายแรง
พระองค์จะทรงปกป้องท่านด้วยปีกของพระองค์
ท่านจะลี้ภัยใต้ร่มปีกนั้น
ความซื่อสัตย์ของพระองค์เป็นโล่และเป็นปราการของท่าน
ท่านจะไม่ต้องกลัวความสยดสยองในยามค่ำคืน
หรือลูกศรที่ยิงเข้าใส่ในยามกลางวัน
ไม่ต้องหวาดหวั่นโรคภัยที่คุกคามในความมืด
หรือภัยพิบัติที่ทำลายยามเที่ยงวัน
คนนับพันอาจจะล้มตายที่ข้างตัวท่าน
คนนับหมื่นที่ขวามือของท่าน
แต่ภัยพิบัตินั้นจะไม่เฉียดใกล้ท่าน
ท่านจะมองดูด้วยตาของตนเอง
และเห็นคนชั่วถูกลงโทษ

หากท่านกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า”
และท่านให้องค์ผู้สูงสุดเป็นที่พักพิงของท่าน
10 แล้วจะไม่มีภยันตรายใดๆ เกิดขึ้นกับท่าน
ไม่มีภัยพิบัติใดเฉียดใกล้ที่พำนักของท่าน
11 เพราะพระองค์จะทรงบัญชาทูตสวรรค์ของพระองค์เรื่องท่าน
ให้ดูแลท่านในทุกๆ ทาง
12 ทูตเหล่านั้นจะยื่นมือประคองท่าน
เพื่อไม่ให้เท้าของท่านกระทบหิน
13 ท่านจะเหยียบย่ำสิงโตและงูเห่า
ท่านจะย่ำขยี้ราชสีห์และอสรพิษ

14 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เพราะเขารักเรา เราจะช่วยเขา
เราจะปกป้องเขาเพราะเขายอมรับนามของเรา
15 เขาจะร้องเรียกเรา และเราจะตอบเขา
เราจะอยู่กับเขาในยามเดือดร้อน
เราจะปลดปล่อยเขาและให้เขาได้รับเกียรติ
16 เราจะให้เขาอิ่มเอมด้วยชีวิตยืนยาว
และสำแดงความรอดของเราแก่เขา”

(บทสดุดี บทเพลง สำหรับวันสะบาโต)

92 เป็นการดีที่จะสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าแต่องค์ผู้สูงสุด
ที่จะบรรเลงเพลงแด่พระนามของพระองค์
ที่จะประกาศความรักของพระองค์ในยามเช้า
และประกาศความซื่อสัตย์ของพระองค์ในยามกลางคืน
บรรเลงด้วยพิณสิบสายและพิณใหญ่
บรรเลงด้วยพิณเขาคู่

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์เปรมปรีดิ์กับพระราชกิจต่างๆ ของพระองค์
ข้าพระองค์ร้องเพลงชื่นบานในสิ่งที่พระหัตถ์ของพระองค์ได้ทรงกระทำ
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระราชกิจของพระองค์ยิ่งใหญ่นัก
พระดำริของพระองค์สุดลึกล้ำ!
คนไม่รู้จักคิดไม่สามารถรู้ได้
คนโง่ไม่อาจเข้าใจได้
คือถึงแม้คนเลวจะงอกงามดั่งหญ้า
และคนชั่วทั้งปวงจะรุ่งเรือง
พวกเขาก็จะถูกทำลายพินาศไปตลอดกาล

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ทรงเป็นที่เทิดทูนตลอดนิรันดร์

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
แน่ทีเดียว เพราะศัตรูของพระองค์จะพินาศไป
บรรดาผู้ทำชั่วจะแตกฉานซ่านเซ็นไป
10 แต่พระองค์ทรงเชิดชูพลังอำนาจ[b]ของข้าพระองค์ให้แข็งแกร่งดั่งเขากระทิง
น้ำมันบริสุทธิ์ถูกเทลงบนข้าพระองค์
11 ตาของข้าพระองค์ได้เห็นความพ่ายแพ้ของเหล่าศัตรู
หูของข้าพระองค์ได้ยินเสียงข้าศึกผู้ชั่วร้ายแตกพ่าย

12 คนชอบธรรมจะงอกงามดั่งต้นอินทผลัม
พวกเขาจะเจริญขึ้นดั่งสนซีดาร์แห่งเลบานอน
13 ซึ่งปลูกไว้ในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เขาจะเจริญงอกงามในอุทยานของพระเจ้าของเราทั้งหลาย
14 แม้ชราแล้วก็ยังให้ผล
และจะยังสดชื่นเขียวชอุ่ม
15 ประกาศว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเที่ยงธรรม
พระองค์ทรงเป็นพระศิลาของข้าพระองค์ ในพระองค์ไม่มีความชั่วร้ายใดๆ”

ปฐมกาล 47:1-26

47 โยเซฟจึงเข้าไปทูลฟาโรห์ว่า “บิดาและพี่น้องของข้าพระบาทจากคานาอัน พร้อมด้วยฝูงสัตว์และทรัพย์สมบัติได้มาถึงโกเชนแล้ว” โยเซฟได้คัดเลือกพี่น้องของเขามาห้าคน แล้วเบิกตัวเข้าเฝ้าฟาโรห์

ฟาโรห์ตรัสถามว่า “พวกเจ้ามีอาชีพอะไร?”

พวกเขาทูลว่า “ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเป็นคนเลี้ยงแกะตามอย่างบรรพบุรุษของข้าพระบาททั้งหลาย” พวกเขายังทูลฟาโรห์อีกว่า “พวกข้าพระบาทต้องมาอาศัยอยู่ที่นี่อย่างคนต่างด้าวสักระยะหนึ่ง เนื่องจากเกิดการกันดารอาหารอย่างรุนแรงในคานาอัน ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทไม่มีทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ ดังนั้นขอโปรดอนุญาตให้ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทได้อาศัยในโกเชนเถิด”

ฟาโรห์ตรัสกับโยเซฟว่า “บิดากับพี่น้องของเจ้ามาหาเจ้าแล้ว และเจ้าก็มีอำนาจเหนือแผ่นดินอียิปต์ จงให้บิดาและพี่น้องของเจ้าตั้งถิ่นฐานในส่วนที่ดีที่สุดของดินแดนนี้ จงให้พวกเขาอาศัยอยู่ในโกเชน และหากเจ้ารู้ว่าพี่น้องของเจ้าคนใดมีความสามารถพิเศษก็แต่งตั้งเขาให้ดูแลฝูงสัตว์ของเราด้วย”

จากนั้นโยเซฟก็นำตัวยาโคบผู้เป็นบิดามาเข้าเฝ้าฟาโรห์ หลังจากยาโคบถวายพระพร[a]แด่ฟาโรห์แล้ว ฟาโรห์ตรัสถามว่า “ท่านอายุเท่าไรแล้ว?”

ยาโคบทูลว่า “ข้าพเจ้าร่อนเร่มา 130 ปีแล้ว ปีเดือนของข้าพระบาทก็สั้นและลำเค็ญ ไม่ยืนยาวเหมือนบรรพบุรุษผู้มีชีวิตเร่ร่อนเช่นกัน” 10 แล้วยาโคบก็ถวายพระพร[b]แด่ฟาโรห์และออกไป

11 โยเซฟจึงให้บิดาและพี่น้องของเขาอาศัยอยู่ในอียิปต์ และมอบที่ดินที่ดีที่สุดคือเมืองราเมเสสให้แก่พวกเขาตามรับสั่งของฟาโรห์ 12 โยเซฟยังได้จัดหาอาหารให้บิดา พี่น้อง และทุกคนในครัวเรือนของบิดาของเขา รวมทั้งลูกหลานของพวกเขาทุกคนด้วย

โยเซฟและการกันดารอาหาร

13 ครั้งนั้นทั่วแผ่นดินไม่มีอาหาร เพราะการกันดารอาหารรุนแรงจนผู้คนทั่วอียิปต์และคานาอันต่างพากันอดอยากหิวโหย 14 ชาวอียิปต์และชาวคานาอันเอาเงินออกมาซื้อข้าวจนหมด โยเซฟรวบรวมเงินเข้าวังของฟาโรห์ 15 เมื่อราษฎรชาวอียิปต์และคานาอันหมดเงินแล้ว ชาวอียิปต์ทั้งสิ้นต่างพากันมาหาโยเซฟ พวกเขาพูดว่า “โปรดให้อาหารแก่พวกเราเถิด เหตุใดเราจึงต้องตายไปต่อหน้าต่อตาท่าน? เงินของเราหมดแล้ว”

16 โยเซฟตอบว่า “ถ้าเช่นนั้นจงนำฝูงสัตว์มาให้เรา เราจะขายอาหารให้เจ้าโดยการแลกเปลี่ยนกับฝูงสัตว์ของเจ้า เพราะเจ้าไม่มีเงินแล้ว” 17 พวกเขาจึงนำฝูงสัตว์ของตนได้แก่ ม้า แกะและแพะ วัวและลา มาให้โยเซฟเพื่อแลกกับอาหาร ตลอดทั้งปีนั้นโยเซฟได้แลกอาหารกับฝูงสัตว์ทั้งหมดของประชาชน

18 เมื่อปีนั้นผ่านไป ราษฎรต่างพากันมาหาโยเซฟในปีต่อมา และพูดว่า “พวกเราไม่สามารถปิดบังความจริงกับเจ้านายของเราได้ พวกเราไม่มีเงินแล้ว และฝูงสัตว์ก็ตกเป็นของท่าน บัดนี้เราเหลือแต่ตัวกับที่ดินของเรา 19 เหตุใดตัวเราและดินแดนของเราจะต้องพินาศไปต่อหน้าต่อตาท่านด้วย? โปรดซื้อตัวเรากับที่ดินของพวกเราไว้เป็นค่าอาหารเถิด แล้วพวกเรากับดินแดนของเราจะเป็นทาสของฟาโรห์ โปรดให้เมล็ดพันธุ์ข้าวแก่พวกเราเถิด เพื่อพวกเราจะไม่อดตาย แต่มีชีวิตอยู่ได้ และแผ่นดินจะไม่ถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า”

20 ดังนั้นโยเซฟจึงซื้อที่ดินทั่วอียิปต์ให้ฟาโรห์ ชาวอียิปต์ทุกคนขายที่ดินของตนแก่เขา เพราะการกันดารอาหารนั้นรุนแรงยิ่งนัก ที่ดินทั่วประเทศก็ตกเป็นของฟาโรห์ 21 และโยเซฟก็ลดฐานะของชาวอียิปต์ทั้งปวงให้อยู่ในฐานะทาส[c] 22 อย่างไรก็ตาม โยเซฟก็ไม่ได้ซื้อที่ดินของปุโรหิตเพราะพวกเขาได้รับปันส่วนจากฟาโรห์ พวกเขามีอาหารเพียงพอเนื่องจากได้รับปันส่วนอาหารจากฟาโรห์เช่นกัน จึงไม่มีความจำเป็นต้องขายที่ดิน

23 โยเซฟกล่าวกับบรรดาราษฎรว่า “บัดนี้เราได้ซื้อตัวท่านกับที่ดินของท่านไว้เป็นกรรมสิทธิ์ของฟาโรห์แล้ว นี่เป็นเมล็ดพันธุ์ข้าว ท่านจงเอาไปเพาะปลูก 24 เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วจงถวายหนึ่งในห้าแก่ฟาโรห์ อีกสี่ส่วนให้เจ้าเก็บไว้เป็นของตนเอง เพื่อใช้เป็นพันธุ์สำหรับเพาะปลูกและเป็นอาหารของตัวเจ้า ของครัวเรือนและลูกๆ ของเจ้า”

25 พวกเขากล่าวว่า “ท่านได้ช่วยชีวิตของพวกเราไว้ ขอให้นายท่านเมตตาเราเถิด พวกเราจะเป็นทาสของฟาโรห์”

26 โยเซฟจึงตราเป็นกฎหมายเกี่ยวกับที่ดินขึ้นในประเทศอียิปต์ซึ่งยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ คือหนึ่งในห้าของผลผลิตทั้งหมดต้องตกเป็นของฟาโรห์ มีเฉพาะที่ดินของปุโรหิตเท่านั้นที่ไม่ได้กลายเป็นของฟาโรห์

1 โครินธ์ 9:16-27

16 กระนั้นเมื่อข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐ ข้าพเจ้าก็ไม่มีเหตุที่จะอวดได้ เพราะข้าพเจ้าจำต้องประกาศ วิบัติแก่ข้าพเจ้าหากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวประเสริฐ! 17 หากข้าพเจ้าประกาศด้วยความสมัครใจ ข้าพเจ้าย่อมได้รับรางวัลตอบแทน หากข้าพเจ้าประกาศโดยไม่สมัครใจ ข้าพเจ้าก็เพียงแต่ทำหน้าที่ไปตามที่ได้รับมอบหมาย 18 แล้วข้าพเจ้าได้อะไรเป็นรางวัล? รางวัลก็คือในการประกาศข่าวประเสริฐ ข้าพเจ้าจะได้ประกาศโดยไม่คิดค่าตอบแทน และด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงไม่ใช้สิทธิ์ของตนเมื่อประกาศข่าวประเสริฐ

19 แม้ข้าพเจ้าเป็นอิสระและไม่ขึ้นกับใคร ข้าพเจ้าก็ยอมตัวเป็นทาสรับใช้คนทั้งปวงเพื่อชนะใจผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ 20 ต่อพวกยิวข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนคนยิวเพื่อชนะใจคนยิว ต่อบรรดาผู้อยู่ใต้บทบัญญัติข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนผู้อยู่ใต้บทบัญญัติ (แม้ตัวข้าพเจ้าเองไม่ได้อยู่ใต้บทบัญญัติ) เพื่อจะได้ชนะใจผู้อยู่ใต้บทบัญญัติ 21 ต่อบรรดาผู้ที่ไม่มีบทบัญญัติข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนผู้ที่ไม่มีบทบัญญัติ (ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นอิสระจากบทบัญญัติของพระเจ้า แต่อยู่ใต้บทบัญญัติของพระคริสต์) เพื่อจะได้ชนะใจผู้ที่ไม่มีบทบัญญัติ 22 ต่อผู้อ่อนแอข้าพเจ้าก็เป็นผู้อ่อนแอ เพื่อจะได้ชนะใจผู้อ่อนแอ ข้าพเจ้าได้เป็นคนทุกแบบต่อคนทั้งปวง เพื่อว่าข้าพเจ้าจะช่วยบางคนให้รอดโดยทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ 23 ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งนี้เพราะเห็นแก่ข่าวประเสริฐ เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนร่วมในพระพรแห่งข่าวประเสริฐ

24 ท่านไม่รู้หรือว่าในการแข่งขัน นักวิ่งทุกคนออกวิ่ง แต่มีเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัล? จงวิ่งอย่างนั้นเพื่อให้ได้รางวัลมา 25 ผู้เข้าแข่งขันทุกคนผ่านการฝึกซ้อมอย่างเข้มงวด เขาทำอย่างนั้นเพื่อมงกุฎอันไม่ยืนยง ส่วนเราทำเพื่อมงกุฎอันยืนยงเป็นนิตย์ 26 เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงไม่ได้วิ่งอย่างไม่มีจุดหมาย ข้าพเจ้าไม่ได้ต่อสู้เหมือนคนชกลม 27 เปล่าเลย ข้าพเจ้าฝึกฝนตนเองให้อยู่ในการควบคุม เพื่อว่าหลังจากที่ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่คนอื่นแล้ว ข้าพเจ้าเองจะไม่ขาดคุณสมบัติที่จะรับรางวัล

มาระโก 6:47-56

47 เมื่อค่ำลง เรือของเหล่าสาวกอยู่กลางทะเลสาบและพระองค์ประทับอยู่ที่ริมฝั่งแต่ผู้เดียว 48 ทรงเห็นเหล่าสาวกตีกรรเชียงทวนลมที่ปะทะอยู่ ในช่วงใกล้รุ่ง[a]พระเยซูก็ทรงดำเนินบนน้ำไปหาพวกเขา พระองค์กำลังจะเสด็จเลยพวกเขาไป 49 แต่เมื่อเหล่าสาวกเห็นพระองค์ดำเนินมาบนทะเลสาบก็คิดว่าเป็นผีจึงร้องลั่น 50 เพราะทุกคนเห็นพระองค์และตกใจกลัว

ทันใดนั้นพระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เข้มแข็งไว้! นี่เราเอง อย่ากลัวเลย” 51 แล้วเสด็จขึ้นเรือของพวกเขา ลมก็สงบ พวกเขาประหลาดใจยิ่งนัก 52 เพราะพวกเขายังไม่เข้าใจเรื่องขนมปัง จิตใจของพวกเขาแข็งกระด้าง

53 เมื่อข้ามฟากมาแล้วพวกเขาก็จอดเรือขึ้นฝั่งที่เมืองเยนเนซาเรท 54 ทันทีที่พวกเขาขึ้นจากเรือประชาชนก็จำพระเยซูได้ 55 คนเหล่านั้นจึงวิ่งไปทั่วแคว้นนำบรรดาคนเจ็บป่วยวางบนที่นอนและหามไปยังทุกที่ที่ได้ยินว่าพระองค์เสด็จไป 56 ไม่ว่าพระองค์เสด็จไปที่ไหน ทั้งในหมู่บ้าน ในเมือง หรือในชนบท พวกเขาจะหามคนป่วยมาที่ย่านชุมชน แล้วทูลขอให้คนป่วยนั้นได้แตะต้องแม้แต่เพียงชายฉลองพระองค์ก็พอและทุกคนที่ได้แตะต้องพระองค์ก็หายป่วย

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.