Book of Common Prayer
(ถึงหัวหน้านักร้อง ทำนอง “ลิลลี่” บทประพันธ์ของดาวิด)
69 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ด้วยเถิด
เพราะน้ำท่วมถึงคอข้าพระองค์แล้ว
2 ข้าพระองค์จมดิ่งลงในตมลึก
ซึ่งไม่มีที่ให้หยั่งเท้า
ข้าพระองค์จมอยู่ในห้วงน้ำลึก
กระแสน้ำท่วมมิดข้าพระองค์
3 ข้าพระองค์วิงวอนร่ำร้องขอความช่วยเหลือจนอ่อนล้า
คอของข้าพระองค์แห้งผาก
ตาของข้าพระองค์หม่นหมอง
เฝ้าแต่มองหาพระเจ้าของข้าพระองค์
4 คนที่เกลียดชังข้าพระองค์โดยไม่มีสาเหตุ
มีมากกว่าผมบนศีรษะของข้าพระองค์เสียอีก
ศัตรูผู้มุ่งทำลายล้างข้าพระองค์โดยไม่มีสาเหตุมีมากมายยิ่งนัก
ข้าพระองค์ถูกบีบบังคับให้คืนสิ่งที่ข้าพระองค์ไม่ได้ขโมยมา
5 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงทราบดีว่าข้าพระองค์โง่เขลา
ความผิดของข้าพระองค์ไม่อาจซ่อนไว้จากพระองค์
6 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
ขออย่าให้ผู้ที่หวังในพระองค์ต้องอับอายเพราะข้าพระองค์
ข้าแต่พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ขออย่าให้บรรดาผู้แสวงหาพระองค์
ต้องอดสูเพราะข้าพระองค์
7 เพราะข้าพระองค์ต้องทนต่อคำเยาะเย้ยถากถางเพราะเห็นแก่พระองค์
และต้องอับอายขายหน้า
8 ข้าพระองค์กลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพี่น้องของข้าพระองค์
กลายเป็นคนต่างด้าวสำหรับพี่น้องท้องเดียวกัน
9 เพราะความร้อนใจเพื่อพระนิเวศของพระองค์ท่วมท้นข้าพระองค์
การหมิ่นประมาทของผู้ที่สบประมาทพระองค์ตกอยู่บนข้าพระองค์
10 เมื่อร่ำไห้และถืออดอาหาร
ข้าพระองค์ต้องทนการเย้ยหยัน
11 เมื่อข้าพระองค์สวมเสื้อผ้ากระสอบ
ผู้คนพูดกระทบกระเทียบข้าพระองค์
12 บรรดาผู้นั่งอยู่ที่ประตูเมืองเยาะเย้ยข้าพระองค์
และข้าพระองค์ตกเป็นเพลงเปรียบเปรยของคนขี้เมา
13 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ข้าพระองค์อธิษฐานทูลต่อพระองค์
ในยามที่พระองค์ทรงโปรด
ข้าแต่พระเจ้า โดยความรักยิ่งใหญ่ของพระองค์
ขอทรงตอบข้าพระองค์ด้วยความรอดอันแน่นอนซึ่งมาจากพระองค์
14 ขอทรงดึงข้าพระองค์พ้นจากตมลึกนี้
อย่าให้ข้าพระองค์จมลงไป
ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากบรรดาผู้ที่เกลียดชังข้าพระองค์
ขอทรงช่วยให้พ้นจากห้วงน้ำลึก
15 ขออย่าทรงให้น้ำหลากท่วมมิดข้าพระองค์
หรือให้เหวลึกกลืนข้าพระองค์
หรือให้แดนคนตายงับข้าพระองค์ไว้
16 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตอบข้าพระองค์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ล้ำเลิศ
ขอทรงหันมาหาข้าพระองค์ด้วยพระเมตตาคุณอันล้นเหลือ
17 ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์จากผู้รับใช้ของพระองค์
ขอทรงตอบข้าพระองค์โดยเร็วเพราะข้าพระองค์กำลังเดือดร้อน
18 ขอทรงเสด็จมาใกล้ และช่วยกู้ข้าพระองค์ด้วยเถิด
ขอทรงปลดปล่อยข้าพระองค์จากเหล่าศัตรู
19 พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์ถูกดูหมิ่น เย้ยหยัน และอับอายเพียงใด
ศัตรูทั้งปวงของข้าพระองค์ก็อยู่ต่อหน้าพระองค์
20 การเย้ยหยันทำให้ดวงใจของข้าพระองค์ชอกช้ำร้าวราน
กลายเป็นคนสิ้นท่าอนาถา
ข้าพระองค์เหลียวหาความเห็นอกเห็นใจแต่ไม่พบเลย
มองหาคนปลอบใจ แต่ไม่มีแม้สักคน
21 พวกเขาเอาน้ำดีรสขมใส่ในอาหารของ ข้าพระองค์
และให้น้ำส้มสายชูเมื่อข้าพระองค์กระหาย
22 ขอให้สำรับที่ตั้งไว้ตรงหน้าพวกเขากลายเป็นบ่วงแร้ว
ขอให้กลายเป็นสิ่งคืนสนองและเป็น[a]กับดัก
23 ขอให้ดวงตาของพวกเขามืดมัวไป พวกเขาจะได้มองไม่เห็น
และขอให้หลังของพวกเขาค้อมลงตลอดไป
24 ขอทรงระบายพระพิโรธใส่พวกเขา
ให้พระพิโรธอันเกรี้ยวกราดตะครุบพวกเขา
25 ขอให้ที่อยู่ของพวกเขาเริศร้าง
อย่าให้มีผู้ใดอาศัยอยู่ในที่พำนักของพวกเขา
26 เพราะพวกเขาข่มเหงผู้ที่พระองค์ทรงโบยตี
และพูดถึงความเจ็บปวดของผู้ที่พระองค์ทรงทำให้บาดเจ็บ
27 ขอทรงกล่าวโทษพวกเขา คดีแล้วคดีเล่า
อย่าให้พวกเขามีส่วนในความรอดของพระองค์
28 ขอให้คนเหล่านี้ถูกลบชื่อออกจากหนังสือแห่งชีวิต
และอย่าให้มีรายชื่อร่วมกับผู้ชอบธรรม
29 ข้าพระองค์เจ็บปวดและทนทุกข์
ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ความรอดซึ่งมาจากพระองค์ปกป้องข้าพระองค์ไว้
30 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระนามของพระเจ้าด้วยบทเพลง
และถวายเกียรติแด่พระองค์ ด้วยการขอบพระคุณ
31 สิ่งนี้จะเป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้ายิ่งกว่าการถวายวัว
ยิ่งกว่าการถวายวัวผู้ทั้งเขาและกีบ
32 ผู้ตกทุกข์ได้ยากจะเห็นแล้วยินดี
บรรดาท่านผู้แสวงหาพระเจ้าจงเบิกบานใจ
33 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสดับฟังผู้ยากไร้
และไม่ทรงดูหมิ่นคนของพระองค์ที่ตกเป็นเชลย
34 ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
ทั้งทะเลและสรรพสิ่งในทะเล จงสรรเสริญพระองค์
35 เพราะพระเจ้าจะทรงช่วยกู้ศิโยน
และจะทรงสร้างเมืองต่างๆ ของยูดาห์ขึ้นใหม่
แล้วเหล่าประชากรจะตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่นและครอบครองเป็นกรรมสิทธิ์
36 ลูกหลานของผู้รับใช้ของพระองค์จะได้รับดินแดนเป็นมรดก
บรรดาผู้ที่รักพระนามของพระองค์จะอาศัยอยู่ที่นั่น
บรรพ 3(A)
(บทสดุดีของอาสาฟ)
73 แน่ทีเดียว พระเจ้าทรงดีต่ออิสราเอล
ต่อบรรดาผู้มีใจบริสุทธิ์
2 แต่สำหรับข้าพเจ้า เท้าของข้าพเจ้าเกือบจะลื่นพลาด
ข้าพเจ้าจวนเจียนจะเสียหลัก
3 เพราะข้าพเจ้าอิจฉาคนหยิ่งผยอง
เมื่อข้าพเจ้าเห็นความเจริญรุ่งเรืองของคนชั่ว
4 พวกเขาไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้
ร่างกายของเขาแข็งแรงและสุขภาพดี[a]
5 เขาไม่ต้องแบกรับภาระเหมือนคนอื่นๆ
เขาไม่ต้องเป็นทุกข์ด้วยโรคภัยไข้เจ็บ
6 ฉะนั้นเขาจึงคล้องความเย่อหยิ่งเป็นสร้อยคอ
เขาสวมความรุนแรงเป็นอาภรณ์คลุมกาย
7 ความชั่วช้าออกมาจากใจที่ตายด้านของเขา[b]
ความคิดชั่วในจิตใจของเขาไร้ขีดจำกัด
8 เขาเย้ยหยัน พูดอย่างมุ่งร้าย
และข่มขู่คุกคามอย่างโอหัง
9 ริมฝีปากของเขาอ้างสิทธิ์เหนือฟ้าสวรรค์
ลิ้นของเขาอวดอ้างกรรมสิทธิ์เหนือแผ่นดินโลก
10 ฉะนั้นคนของเขาจึงหันไปหาพวกเขา
และดื่มห้วงน้ำหมดไปอย่างมากมาย[c]
11 พวกเขาพูดว่า “พระเจ้าจะรู้ได้อย่างไร?
องค์ผู้สูงสุดจะรู้หรือ?”
12 คนชั่วเป็นเช่นนี้แหละ สุขสบายอยู่ร่ำไป
พวกเขาร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ
13 แน่ทีเดียว ข้าพเจ้ารักษาใจให้บริสุทธิ์
และชำระมือให้ปราศจากมลทินโดยเปล่าประโยชน์
14 ข้าพเจ้าถูกรุมเล่นงานวันยังค่ำ
และถูกลงโทษอยู่ทุกเช้า
15 หากข้าพเจ้าได้กล่าวว่า “เราจะพูดเช่นนั้น”
ข้าพเจ้าก็คงจะได้ทรยศต่อลูกๆ ของพระองค์
16 เมื่อข้าพเจ้าพยายามที่จะเข้าใจทั้งหมดนี้
ก็ทำให้ลำบากใจยิ่งนัก
17 จนกระทั่งข้าพเจ้าเข้าไปยังสถานนมัสการของพระเจ้า
ข้าพเจ้าจึงเข้าใจถึงจุดหมายปลายทางสุดท้ายของพวกเขา
18 แน่ทีเดียว พระองค์ทรงให้เขายืนอยู่บนที่ลื่น
พระองค์ทรงเหวี่ยงเขาลงสู่หายนะ
19 เขาถูกทำลายไปทันที
ถูกกวาดล้างหมดสิ้นไปด้วยความสยดสยอง!
20 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้นก็เหมือนคนที่ตื่นจากฝัน
พระองค์จะทรงเหยียดหยามเขาว่าเป็นเพียงภาพเพ้อฝัน
21 เมื่อจิตใจของข้าพระองค์ทุกข์โศก
เมื่อดวงวิญญาณของข้าพระองค์ขมขื่น
22 ข้าพระองค์ก็ไม่รู้จักคิดและโง่เขลา
ข้าพระองค์เป็นเหมือนสัตว์เดียรัจฉานต่อพระองค์
23 แต่ถึงกระนั้น ข้าพระองค์ยังอยู่กับพระองค์เสมอ
พระองค์ทรงยึดมือขวาของข้าพระองค์ไว้
24 พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ด้วยคำปรึกษาของพระองค์
และภายหลังพระองค์จะทรงรับข้าพระองค์เข้าสู่เกียรติสิริ
25 นอกจากพระองค์แล้วข้าพระองค์มีผู้ใดอื่นในฟ้าสวรรค์หรือ?
และในโลกนี้ข้าพระองค์ไม่ปรารถนาสิ่งใดนอกจากพระองค์
26 กายใจของข้าพระองค์อาจจะเสื่อมถอย
แต่พระเจ้าทรงเป็นพลังใจและเป็นส่วนมรดกของข้าพระองค์ตลอดไป
27 บรรดาผู้ที่ห่างไกลพระองค์จะพินาศ
พระองค์ทรงทำลายล้างคนทั้งปวงที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์
28 แต่ส่วนข้าพระองค์ ดีเหลือเกินที่ได้เข้ามาใกล้พระเจ้า
ข้าพระองค์ได้ให้พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์
ข้าพระองค์จะเล่าถึงพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์
อิสอัคกับเรเบคาห์
24 อับราฮัมชรามากแล้ว และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรเขาทุกด้าน 2 วันหนึ่งอับราฮัมพูดกับหัวหน้าคนรับใช้[a]ซึ่งเป็นผู้ดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขาว่า “จงเอามือของเจ้าไว้ที่หว่างขาของเรา 3 ขอให้เจ้าสาบานต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้สร้างสวรรค์และโลก ว่าเจ้าจะไม่หาลูกสาวของชาวคานาอันซึ่งเป็นหมู่ชนที่เราอาศัยอยู่นี้มาเป็นภรรยาลูกชายของเรา 4 แต่จะไปยังบ้านเกิดและญาติพี่น้องของเรา เพื่อหาภรรยาให้อิสอัคลูกชายของเรา”
5 คนรับใช้นั้นจึงถามเขาว่า “หากหญิงสาวนั้นไม่ยอมจากบ้านตามข้าพเจ้ามายังดินแดนนี้เล่า? ข้าพเจ้าควรจะพาลูกชายของท่านกลับไปยังบ้านเมืองที่ท่านจากมาหรือ?”
6 อับราฮัมกล่าวว่า “อย่าพาลูกชายของเรากลับไปที่นั่นเด็ดขาด 7 พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้สร้างสวรรค์ ผู้ทรงนำเราออกมาจากครัวเรือนของบิดาและจากบ้านเกิดเมืองนอนของเรา ผู้ซึ่งได้ตรัสและสัญญากับเราโดยคำปฏิญาณได้ตรัสว่า ‘เราจะมอบดินแดนนี้แก่เชื้อสาย[b]ของเจ้า’ พระองค์จะทรงให้ทูตของพระองค์นำเจ้าไป เพื่อเจ้าจะหาภรรยาให้ลูกชายของเราจากที่นั่น 8 ถ้าหญิงนั้นไม่เต็มใจจะกลับมากับเจ้า เจ้าก็พ้นจากคำสาบานนี้ แต่อย่าพาลูกชายของเรากลับไปที่นั่นเด็ดขาด” 9 ดังนั้นคนรับใช้จึงเอามือไว้ที่หว่างขาของอับราฮัมผู้เป็นนายและให้คำสาบานต่อเขาในเรื่องนี้
10 แล้วคนรับใช้นั้นจึงนำอูฐของนายสิบตัวบรรทุกของมีค่าทุกประเภทจากนายของเขาออกเดินทางไปอารัมนาหะราอิม และมุ่งหน้าไปยังเมืองของนาโฮร์ 11 เขาให้อูฐหมอบลงพักใกล้บ่อน้ำนอกเมือง ขณะนั้นใกล้เวลาเย็นแล้ว ซึ่งเป็นเวลาที่พวกผู้หญิงพากันออกมาตักน้ำ
12 แล้วเขาอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัมนายของข้าพระองค์ ขอประทานความสำเร็จแก่ข้าพระองค์ในวันนี้ และขอทรงเมตตาอับราฮัมนายของข้าพระองค์ตามที่ทรงสัญญาไว้ 13 ดูเถิด ข้าพระองค์ยืนอยู่ที่ข้างบ่อน้ำนี้ และสาวๆ ในเมืองกำลังออกมาตักน้ำ 14 ถ้าหากข้าพระองค์พูดกับหญิงสาวคนใดว่า ‘ขอน้ำในถังของเธอให้ฉันดื่มหน่อย’ แล้วนางตอบว่า ‘เชิญดื่มเถิด และฉันจะตักน้ำให้อูฐของท่านด้วย’ ก็ถือว่านางเป็นผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้ให้อิสอัคผู้รับใช้ของพระองค์ หากเป็นไปตามนี้ ข้าพระองค์ก็จะรู้ว่าพระองค์ได้ทรงเมตตานายของข้าพระองค์แล้ว”
15 ขณะที่เขาอธิษฐานยังไม่ทันจบ เรเบคาห์ก็แบกถังน้ำใส่บ่าออกมา นางเป็นบุตรสาวของเบธูเอล ผู้เป็นบุตรชายของมิลคาห์ มิลคาห์เป็นภรรยาของนาโฮร์น้องชายของอับราฮัม 16 เรเบคาห์เป็นหญิงงามมาก เป็นสาวพรหมจารี ไม่เคยหลับนอนกับผู้ชาย เธอลงไปที่บ่อน้ำ เติมน้ำเต็มถังแล้วก็ขึ้นมา
17 คนรับใช้นั้นรีบวิ่งไปหานางและกล่าวว่า “ขอน้ำในถังของเธอให้ฉันหน่อยเถิด”
18 นางตอบว่า “นายเจ้าข้า เชิญดื่มเถิด” แล้วนางก็รีบยกถังลงให้เขาดื่มทันที
19 หลังจากให้เขาดื่มน้ำแล้ว นางก็พูดว่า “ฉันจะตักน้ำให้อูฐของท่านกินจนอิ่มด้วย” 20 เธอจึงรีบเทน้ำทั้งหมดจากถังลงในราง แล้ววิ่งไปที่บ่อ ตักน้ำให้อูฐจนทุกตัวกินอิ่ม 21 ชายนั้นเฝ้าสังเกตดูนางอยู่เงียบๆ เพื่อดูว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงให้การเดินทางของเขาประสบความสำเร็จแล้วหรือไม่
22 เมื่ออูฐทุกตัวกินน้ำอิ่มแล้ว เขาก็หยิบห่วงจมูกทองคำหนักราวสองสลึง[c] และกำไลทองคู่หนึ่งหนักราว 7 บาท[d]ออกมา 23 และเขาถามว่า “เธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร กรุณาบอกฉันเถิดว่าที่บ้านบิดาของเธอมีที่ว่างให้พวกเราพักค้างคืนได้ไหม?”
24 นางตอบเขาว่า “ฉันเป็นลูกสาวของเบธูเอล บุตรชายของมิลคาห์กับนาโฮร์” 25 และนางกล่าวต่อไปว่า “เรามีฟางกับอาหารสัตว์มากมาย พร้อมทั้งที่ว่างให้ท่านพักค้างคืนด้วย”
26 แล้วเขาจึงก้มลงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า 27 และกล่าวว่า “สรรเสริญพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอับราฮัมนายของข้าพระองค์ ผู้ไม่ได้ทรงละทิ้งความเมตตาและความซื่อสัตย์ของพระองค์ต่อนายของข้าพระองค์ ส่วนข้าพระองค์นั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงนำข้าพระองค์ให้เดินทางมาถึงบ้านพี่น้องนายของข้าพระองค์”
3 ท่านทั้งหลายจงใคร่ครวญถึงพระองค์ผู้ทรงทนการต่อต้านเช่นนั้นจากคนบาป เพื่อว่าท่านจะได้ไม่อ่อนล้าและท้อแท้ใจ
พระเจ้าทรงตีสอนบุตรของพระองค์
4 ในการขับเคี่ยวกับบาป ท่านยังไม่ได้ต่อสู้จนถึงกับหลั่งเลือด 5 และท่านได้ลืมถ้อยคำให้กำลังใจซึ่งมีมาถึงท่านในฐานะบุตรว่า
“ลูกเอ๋ย อย่าละเลยการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า
อย่าท้อใจเมื่อพระองค์ทรงตำหนิท่าน
6 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก
และทรงลงโทษทุกคนที่ทรงรับเป็นบุตร”[a]
7 จงทนความทุกข์ยากโดยถือเสมือนว่าเป็นการตีสอน พระเจ้าทรงปฏิบัติต่อท่านในฐานะบุตร เพราะบุตรคนไหนบ้างที่บิดาไม่เคยตีสอน? 8 หากท่านไม่ถูกตีสอน (และทุกคนได้รับการตีสอน) ท่านก็เป็นบุตรนอกกฎหมายและไม่ใช่บุตรแท้ 9 ยิ่งไปกว่านั้นเราทั้งปวงล้วนมีบิดาซึ่งเป็นมนุษย์ผู้ตีสอนเราและเราเคารพนับถือท่านที่ทำเช่นนั้น ยิ่งกว่านั้นสักเพียงใดที่เราควรอยู่ในโอวาทของพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของเราและมีชีวิตอยู่! 10 บิดาของเราตีสอนเราชั่วระยะหนึ่งตามที่คิดเห็นว่าดีที่สุด แต่พระเจ้าทรงตีสอนเราเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อเราจะได้มีส่วนในความบริสุทธิ์ของพระองค์ 11 ไม่มีการตีสอนใดดูน่าชื่นใจในเวลานั้น มีแต่จะเจ็บปวด แต่ภายหลังจะเกิดผลเป็นความชอบธรรมและสันติสุขแก่บรรดาผู้รับการฝึกฝนโดยการตีสอนนั้น
พระเยซูในเทศกาลอยู่เพิง
7 หลังจากนั้นพระเยซูเสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี แต่พระองค์ทรงเจตนาเลี่ยงให้ห่างจากแคว้นยูเดียเพราะพวกยิวที่นั่นคอยที่จะฆ่าพระองค์ 2 แต่เมื่อใกล้ถึงเทศกาลอยู่เพิงของชาวยิว 3 บรรดาน้องชายของพระเยซูทูลพระองค์ว่า “ท่านควรจะออกจากที่นี่ไปยังแคว้นยูเดียเพื่อสาวกของท่านจะได้เห็นการอัศจรรย์ต่างๆ ที่ท่านทำ 4 ไม่มีใครอยากเป็นที่รู้จักของสาธารณชนแล้วยังทำอะไรเงียบๆ ในเมื่อท่านกำลังทำสิ่งเหล่านี้ก็จงแสดงตัวต่อโลก” 5 เพราะแม้แต่บรรดาน้องชายของพระองค์เองก็ไม่เชื่อพระองค์
6 เหตุฉะนั้นพระเยซูจึงตรัสบอกพวกเขาว่า “เวลาที่เหมาะสมสำหรับเรายังมาไม่ถึง สำหรับพวกท่านเวลาใดก็เหมาะสม 7 โลกไม่อาจเกลียดชังพวกท่านแต่โลกเกลียดชังเรา เพราะเราเป็นพยานว่าสิ่งที่โลกทำนั้นชั่ว 8 พวกท่านไปร่วมเทศกาลเถิดแต่เรายัง[a] ไม่ไป เพราะเวลาที่เหมาะสมสำหรับเรายังมาไม่ถึง” 9 เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ก็ยังคงประทับที่แคว้นกาลิลี
10 แต่หลังจากที่พวกน้องชายของพระองค์ไปงานเทศกาลแล้ว พระองค์ก็เสด็จไปด้วยอย่างเงียบๆ โดยไม่เปิดเผย 11 ที่งานเทศกาล พวกยิวมองหาพระองค์และถามว่า “คนนั้นอยู่ที่ไหน?”
12 ประชาชนพากันซุบซิบถึงพระองค์กันใหญ่ บางคนก็ว่า “เขาเป็นคนดี”
บางคนแย้งว่า “ไม่ใช่ เขาล่อลวงประชาชนต่างหาก” 13 แต่ไม่มีใครกล้าพูดถึงพระองค์อย่างเปิดเผยเพราะกลัวพวกยิว
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.