Previous Prev Day Next DayNext

Book of Common Prayer

Daily Old and New Testament readings based on the Book of Common Prayer.
Duration: 861 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
สดุดี 31

(สดด.71:1-3)

(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด)

31 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์
ขออย่าให้ข้าพระองค์อับอายเลย
ขอทรงกอบกู้ข้าพระองค์ในความชอบธรรมของพระองค์
ขอทรงเอียงพระกรรณสดับฟัง
และเสด็จมาช่วยข้าพระองค์โดยเร็ว
ขอทรงเป็นศิลาให้ข้าพระองค์เข้าลี้ภัย
และเป็นป้อมปราการมั่นคงเพื่อช่วยข้าพระองค์ให้ปลอดภัย
เพราะพระองค์ทรงเป็นศิลาและเป็นป้อมปราการของข้าพระองค์
ฉะนั้นขอทรงนำและชี้ทางแก่ข้าพระองค์ โดยเห็นแก่พระนามของพระองค์
ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากกับดักที่ดักข้าพระองค์ไว้
เพราะพระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์
ข้าพระองค์มอบจิตวิญญาณของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงซื่อสัตย์ ขอทรงไถ่ข้าพระองค์เถิด

ข้าพระองค์เกลียดชังผู้ที่ยึดมั่นในรูปเคารพอันไร้ค่า
ข้าพระองค์วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพระองค์จะเปรมปรีดิ์และชื่นชมยินดีในความรักมั่นคงของพระองค์
เพราะพระองค์ทรงเห็นความทุกข์ลำเค็ญของข้าพระองค์
และทรงทราบความเจ็บปวดรวดร้าวในจิตใจของข้าพระองค์แล้ว
พระองค์ไม่ได้ทรงมอบข้าพระองค์ไว้ในมือศัตรู
แต่ทรงวางย่างเท้าของข้าพระองค์ไว้ในที่กว้างขวาง

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงเมตตาข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์กำลังทุกข์ใจ
ดวงตาของข้าพระองค์หม่นหมองเพราะความทุกข์โศก
ทั้งกายและวิญญาณบอบช้ำเพราะความทุกข์ระทม
10 ชีวิตของข้าพระองค์สูญไปกับความปวดร้าว
และปีเดือนของข้าพระองค์สูญไปกับการคร่ำครวญ
กำลังวังชาของข้าพระองค์อ่อนลงเพราะความทุกข์ลำเค็ญ[a]ของข้าพระองค์
กระดูกของข้าพระองค์ก็เสื่อมไป
11 เนื่องจากศัตรูทั้งปวงของข้าพระองค์
ข้าพระองค์ตกเป็นขี้ปากให้เพื่อนบ้านเย้ยหยัน
ข้าพระองค์เป็นที่น่าขยาดสำหรับเพื่อนฝูง
คนที่พบเห็นข้าพระองค์บนถนนก็รีบหนีไป
12 ข้าพระองค์ถูกลืมประหนึ่งคนที่ตายแล้ว
ข้าพระองค์กลายเป็นเหมือนภาชนะที่แตก
13 ข้าพระองค์ได้ยินคำนินทาว่าร้ายจากหลายฝ่าย
มีความหวาดผวาอยู่รอบด้าน
พวกเขาคบคิดกันเล่นงานข้าพระองค์
หมายเอาชีวิตของข้าพระองค์

14 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ข้าพระองค์วางใจในพระองค์
ข้าพระองค์กล่าวว่า “พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์”
15 วันเวลาของข้าพระองค์อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
ขอทรงปลดปล่อยข้าพระองค์จากมือของเหล่าศัตรู
จากบรรดาผู้ที่ตามล่าเอาชีวิตของข้าพระองค์
16 ขอพระพักตร์ของพระองค์ทอแสงเหนือ ผู้รับใช้ของพระองค์
โปรดช่วยข้าพระองค์ให้รอดโดยความรักมั่นคงของพระองค์
17 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขออย่าให้ข้าพระองค์ได้อาย
เพราะข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์
แต่ขอให้คนชั่วได้รับความอดสู
ขอให้เขานอนนิ่งเงียบในหลุมฝังศพ
18 ขอให้ริมฝีปากโป้ปดของเขาต้องนิ่งเงียบ
เพราะด้วยความเย่อหยิ่งและการดูหมิ่นดูแคลน
เขาพูดว่าร้ายคนชอบธรรมอย่างยโสโอหัง

19 ความประเสริฐของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่สักเท่าใด
ที่พระองค์ทรงสะสมไว้เพื่อเหล่าผู้ยำเกรงพระองค์
ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ต่อหน้าคนทั้งหลาย
เพื่อผู้ที่ลี้ภัยในพระองค์
20 ในร่มเงาที่พระองค์ทรงสถิตอยู่ พระองค์ทรงซ่อนเขาไว้
ให้พ้นจากการปองร้ายของมนุษย์
ในที่ประทับของพระองค์ พระองค์ทรงรักษาเขาไว้
ให้พ้นจากคำกล่าวหาทั้งปวง

21 ขอถวายสรรเสริญแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์ทรงแสดงความรักอันอัศจรรย์ต่อข้าพระองค์
เมื่อข้าพระองค์อยู่ในเมืองที่ถูกล้อมไว้
22 ในยามตกใจ ข้าพระองค์กล่าวว่า
“ข้าพระองค์ถูกตัดออกจากสายพระเนตรของพระองค์!”
แต่พระองค์ทรงสดับฟังคำทูลขอพระเมตตาของข้าพระองค์
เมื่อข้าพระองค์ร้องทูลให้ทรงช่วย

23 ประชากรทั้งสิ้นของพระเจ้าเอ๋ย จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปกป้องรักษาผู้ที่ซื่อสัตย์
แต่ผู้ที่เย่อหยิ่งอวดดี พระองค์ทรงลงโทษอย่างเต็มที่
24 จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด
ท่านทั้งหลายที่ฝากความหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้า

สดุดี 35

(บทประพันธ์ของดาวิด)

35 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงต่อสู้กับบรรดาผู้ที่ต่อสู้กับข้าพระองค์
ขอทรงสู้รบกับบรรดาผู้ที่สู้รบกับข้าพระองค์
ขอทรงถือโล่และเขน
ขอทรงลุกขึ้นและมาช่วยข้าพระองค์
ขอทรงชูหอกและขวานศึก[a]
ต่อสู้ผู้รุกไล่ข้าพระองค์
โปรดตรัสกับจิตใจของข้าพระองค์ว่า
“เราคือความรอดของเจ้า”

ขอให้ผู้ที่มุ่งเอาชีวิตของข้าพระองค์นั้น
อัปยศอดสู
ขอให้ผู้ที่วางแผนทำลายข้าพระองค์
ล่าถอยไปด้วยความตกใจกลัว
ให้เขาเป็นเหมือนแกลบที่ถูกลมพัด
มีทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าขับไล่เขา
ขอให้ทางของเขาลื่นและมืดมน
มีทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าไล่ล่าเขาไป

เพราะเขาวางข่ายดักข้าพระองค์โดยไม่มีสาเหตุ
และขุดหลุมพรางดักข้าพระองค์โดยไม่มีสาเหตุ
ขอให้ความพินาศจู่โจมเขาโดยไม่คาดคิด
ขอให้เขาติดข่ายที่เขาวางไว้เอง
ขอให้เขาตกหลุมพรางของตัวเองพินาศไป
แล้วจิตวิญญาณของข้าพระองค์จะปีติยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า
และชื่นชมในการกอบกู้ของพระองค์
10 ทั้งชีวิตจิตใจของข้าพระองค์จะประกาศว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าเจ้าข้า ใครเล่าเสมอเหมือนพระองค์?
พระองค์ทรงช่วยผู้ยากไร้จากผู้ที่แข็งแกร่งเกินกำลังของเขา
ทรงช่วยผู้ยากไร้และแร้นแค้นจากผู้ที่ปล้นเขา”

11 พยานผู้มุ่งร้ายขึ้นมาปรักปรำข้าพระองค์
เขาสอบสวนข้าพระองค์ในข้อหาที่ข้าพระองค์ไม่รู้เรื่อง
12 เขาตอบแทนการดีของข้าพระองค์ด้วยการชั่ว
และละทิ้งจิตวิญญาณของข้าพระองค์ให้เปล่าเปลี่ยว
13 แต่เมื่อพวกเขาป่วย ข้าพระองค์สวมชุดผ้ากระสอบ
และถ่อมใจลงด้วยการอดอาหาร
เมื่อคำอธิษฐานของข้าพระองค์ไม่ได้รับคำตอบ
14 ข้าพระองค์ทุกข์โศก
ราวกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนหรือพี่น้องของข้าพระองค์
ข้าพระองค์ก้มศีรษะลงด้วยความโศกเศร้า
ราวกับว่าร้องไห้ให้กับมารดาของข้าพระองค์
15 แต่เมื่อข้าพระองค์สะดุด พวกเขากลับพากันดีใจ
รวมหัวกันเล่นงานโดยที่ข้าพระองค์ไม่รู้ตัว
รุมนินทาว่าร้ายข้าพระองค์ไม่หยุดหย่อน
16 พวกเขาเยาะเย้ยถากถางอย่างคนอธรรม[b]
พวกเขากัดฟันใส่ข้าพระองค์

17 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงนิ่งดูอยู่นานเท่าใดหนอ?
ขอทรงช่วยกู้ชีวิตของข้าพระองค์ให้พ้นจากความร้ายกาจของเขา
ช่วยกู้ชีวิตอันมีค่าของข้าพระองค์จากสิงโตเหล่านี้
18 ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ในที่ชุมนุมใหญ่
ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางมหาชน
19 ขออย่าให้คนเหล่านั้นที่มาเป็นศัตรูโดยไม่มีสาเหตุ
ยิ้มเยาะข้าพระองค์ได้
ขออย่าให้คนที่เกลียดชังข้าพระองค์โดยไม่มีสาเหตุ
ขยิบตาให้กัน
20 คนเหล่านี้ไม่พูดกันอย่างสงบ
มีแต่คบคิดกันใส่ร้าย
คนที่อยู่อย่างสงบในแผ่นดิน
21 พวกเขาโพนทะนากล่าวหาข้าพระองค์
เขาว่า “นั่นไง! นั่นไง! เราเห็นกับตาเลย”

22 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเห็นโดยตลอด ขออย่าทรงนิ่งเฉย
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขออย่าทรงอยู่ห่างไกลจากข้าพระองค์
23 ขอทรงตื่นและลุกขึ้นปกป้องข้าพระองค์!
พระเจ้าและองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงต่อสู้เพื่อข้าพระองค์ด้วยเถิด
24 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงพิสูจน์ว่าข้าพระองค์ไร้ความผิดตามความชอบธรรมของพระองค์
ขออย่าให้พวกเขายิ้มเยาะข้าพระองค์
25 อย่าให้พวกเขาคิดว่า “นั่นไง ในที่สุดก็สมใจเรา!”
หรือพูดว่า “เราได้กลืนกินเขาแล้ว”

26 ขอให้ผู้ที่ยิ้มเยาะความทุกข์ของข้าพระองค์
อับอายและสับสนวุ่นวาย
ขอให้ผู้ที่ยกตัวข่มข้าพระองค์อัปยศอดสู
27 ขอให้ผู้ที่ชื่นชมเมื่อข้าพระองค์พ้นข้อหา
โห่ร้องอย่างยินดีปรีดา
ขอให้เขากล่าวเสมอๆ ว่า “ขอเทิดทูนสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้พอพระทัยในความผาสุกร่มเย็นของผู้รับใช้ของพระองค์”

28 ลิ้นของข้าพระองค์จะกล่าวถึงความชอบธรรมของพระองค์
และสรรเสริญพระองค์วันยังค่ำ

ฮักกัย 1

การทรงเรียกให้สร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ในวันที่หนึ่งเดือนที่หกปีที่สองแห่งรัชกาลกษัตริย์ดาริอัส พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเศรุบบาเบลผู้ว่าการของยูดาห์บุตรเชอัลทิเอล และมหาปุโรหิตโยชูวา[a]บุตรเยโฮซาดักโดยตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะฮักกัยความว่า

พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “ประชากรเหล่านี้พูดว่า ‘ยังไม่ถึงเวลาที่จะสร้างพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ ”

แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะฮักกัยว่า “ถึงเวลาแล้วหรือที่พวกเจ้าเองอาศัยในบ้านซึ่งกรุไม้อย่างดี ในขณะที่พระนิเวศนี้ยังเป็นซากปรักหักพัง?”

พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “จงใคร่ครวญวิถีทางของเจ้าให้ดี เจ้าปลูกมากแต่เก็บเกี่ยวน้อยนิด เจ้ากินแต่ไม่เคยอิ่ม เจ้าดื่มแต่ก็ไม่เคยสิ้นความกระหาย เจ้านุ่งห่มแต่ไม่อบอุ่น เจ้าได้ค่าแรงแต่ก็เอามาใส่ในกระเป๋าเงินที่รั่ว”

พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “จงใคร่ครวญวิถีทางของเจ้าให้ดี จงขึ้นไปบนภูเขาและตัดไม้ลงมาสร้างพระนิเวศ เพื่อเราจะได้พึงพอใจและได้รับเกียรติ” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศว่า “เจ้าหวังมาก แต่ดูสิ ได้มาเพียงนิดเดียว สิ่งที่เจ้านำกลับมาบ้าน เราก็เป่ามันทิ้งไปเสีย ทำไมน่ะหรือ? ก็เพราะพระนิเวศของเรายังคงเป็นซากปรักหักพัง ในขณะที่เจ้าแต่ละคนสาละวนอยู่กับบ้านเรือนของตัวเอง 10 ฉะนั้นเป็นเพราะพวกเจ้า ฟ้าสวรรค์จึงยั้งหยาดน้ำค้างไว้ และโลกก็ไม่ยอมผลิพืชผล 11 เราสั่งให้เกิดความแห้งแล้งขาดแคลนทั่วท้องนาป่าเขาแก่เมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ น้ำมัน และพืชพันธุ์ธัญญาหารทั้งหลาย ทั้งแก่ผู้คนและฝูงสัตว์ และแก่สิ่งที่เจ้าหยาดเหงื่อลงแรงไป”

12 แล้วเศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอล มหาปุโรหิตโยชูวาบุตรเยโฮซาดัก และประชาชนทั้งหมดซึ่งยังเหลืออยู่ที่นั่น ก็เชื่อฟังพระดำรัสของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาและถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะฮักกัย เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาได้ส่งเขามา และประชาชนก็ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า

13 แล้วฮักกัยทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็แจ้งพระดำรัสนี้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าแก่ประชาชนว่า “เราอยู่กับเจ้า” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 14 ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดลใจเศรุบบาเบลผู้ว่าการของยูดาห์บุตรเชอัลทิเอล และดลใจมหาปุโรหิตโยชูวาบุตรเยโฮซาดัก ตลอดจนดลใจประชาชนที่เหลืออยู่ทั้งหมด ให้พากันเริ่มสร้างพระนิเวศของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าของพวกเขา 15 ในวันที่ยี่สิบสี่เดือนที่หก

สง่าราศีของพระนิเวศใหม่ที่ทรงสัญญาไว้

ปีที่สองแห่งรัชกาลกษัตริย์ดาริอัส

วิวรณ์ 2:18-29

ถึงคริสตจักรที่เมืองธิยาทิรา

18 “จงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองธิยาทิราว่า

พระบุตรของพระเจ้าผู้ซึ่งมีพระเนตรดั่งเปลวไฟโชติช่วงและพระบาทดั่งทองสัมฤทธิ์สุกปลั่งตรัสว่า 19 เรารู้ถึงการกระทำของเจ้า ความรักและความเชื่อของเจ้า การรับใช้และความอดทนบากบั่นของเจ้า และเรารู้ว่าปัจจุบันเจ้ากำลังทำสิ่งเหล่านี้มากยิ่งกว่าตอนแรก

20 กระนั้นเรามีข้อที่จะติติงเจ้าคือ เจ้าทนฟังเยเซเบลผู้หญิงที่เรียกตนเองว่าผู้เผยพระวจนะ คำสอนของนางทำให้ผู้รับใช้ของเราหลงไปประพฤติผิดทางเพศและกินของที่เซ่นไหว้แก่รูปเคารพ 21 เราให้โอกาสหญิงนั้นกลับใจจากความสำส่อนของนาง แต่นางก็ไม่ยอม 22 ดังนั้นเราจะโยนนางลงบนเตียงแห่งความทุกข์ทรมาน และให้บรรดาผู้ล่วงประเวณีกับหญิงนั้นทนทุกข์แสนสาหัส เว้นแต่พวกเขาจะกลับใจจากวิถีของนาง 23 เราจะประหารลูกๆ ของหญิงนั้น แล้วคริสตจักรทั้งปวงจะได้รู้ว่าเราคือผู้พิเคราะห์ความคิดจิตใจ และเราจะตอบแทนเจ้าแต่ละคนตามการกระทำของเจ้า 24 บัดนี้เรากล่าวกับพวกเจ้าที่เหลืออยู่ในธิยาทิรากับพวกเจ้าที่ไม่ยึดถือคำสอนของนาง และไม่ได้เรียนรู้สิ่งที่เรียกกันว่าความลี้ลับของซาตานนั้น (เราจะไม่มอบภาระอื่นแก่เจ้า) 25 เพียงแต่จงยึดมั่นในสิ่งที่เจ้ามีอยู่จนกว่าเราจะมา

26 ผู้ใดมีชัยชนะและทำสิ่งที่เราประสงค์จนถึงที่สุด เราจะให้ผู้นั้นมีสิทธิอำนาจเหนือประชาชาติต่างๆ

27 ‘เขาจะปกครองคนเหล่านั้นด้วยคทาเหล็ก

จะฟาดพวกเขาให้แหลกเป็นชิ้นๆ เหมือนหม้อดิน’[a]

เช่นเดียวกับที่เราได้รับสิทธิอำนาจจากพระบิดาของเรา 28 เราจะมอบดาวแห่งรุ่งอรุณให้แก่เขาด้วย 29 ใครมีหูก็จงฟังสิ่งที่พระวิญญาณตรัสแก่คริสตจักรทั้งหลาย

มัทธิว 23:27-39

27 “วิบัติแก่เจ้า เหล่าธรรมาจารย์และพวกฟาริสี เจ้าคนหน้าซื่อใจคด! เจ้าเป็นเหมือนอุโมงค์ฝังศพฉาบปูนขาว ภายนอกแลดูสวยงามแต่ภายในเต็มไปด้วยซากกระดูกและสิ่งโสโครกทั้งปวง 28 ในทำนองเดียวกันเปลือกนอกผู้คนมองว่าเจ้าชอบธรรม แต่ภายในเต็มไปด้วยความหน้าซื่อใจคดและความชั่วร้าย

29 “วิบัติแก่เจ้า เหล่าธรรมาจารย์และพวกฟาริสี เจ้าคนหน้าซื่อใจคด! เจ้าสร้างอุโมงค์ฝังศพให้เหล่าผู้เผยพระวจนะและตกแต่งหลุมศพของผู้ชอบธรรม 30 และเจ้าพูดว่า ‘ถ้าเราอยู่ในสมัยเดียวกับบรรพบุรุษ เราจะไม่ร่วมในการเข่นฆ่าผู้เผยพระวจนะเลย’ 31 นั่นคือเจ้ายืนยันตัวเองว่าเจ้าเป็นลูกหลานของคนที่สังหารผู้เผยพระวจนะ 32 เช่นนั้นแล้วจงสานต่อบาปของบรรพบุรุษของเจ้าให้ถึงที่สุดเถิด!

33 “เจ้างูร้าย! เจ้าฝูงงูพิษ! เจ้าจะรอดพ้นจากการพิพากษาให้ลงนรกได้อย่างไร? 34 เราส่งผู้เผยพระวจนะ นักปราชญ์ และครูอาจารย์มา บางคนเจ้าก็ฆ่าและจับตรึงไม้กางเขน บางคนเจ้าก็เฆี่ยนตีในธรรมศาลา และไล่ล่าจากเมืองนั้นไปเมืองนี้ 35 ฉะนั้นโลหิตของผู้ชอบธรรมทั้งปวงที่หลั่งชโลมดินจะตกอยู่แก่เจ้าทั้งหลาย ตั้งแต่โลหิตของอาแบลผู้ชอบธรรมไปจนถึงโลหิตของเศคาริยาห์บุตรเบเรคิยาห์ซึ่งเจ้าฆ่าตายระหว่างพระวิหารกับแท่นบูชา 36 เราบอกความจริงแก่เจ้าว่าทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นแก่คนในชั่วอายุนี้

37 “โอ เยรูซาเล็ม เยรูซาเล็มเอ๋ย เจ้าผู้เข่นฆ่าเหล่าผู้เผยพระวจนะและเอาหินขว้างบรรดาผู้ที่ทรงส่งมาหาเจ้า เราปรารถนาอยู่เนืองๆ ที่จะรวบรวมลูกๆ ของเจ้ามาเหมือนแม่ไก่ที่กกลูกๆ ไว้ใต้ปีก แต่เจ้าไม่ยอมเลย 38 ดูเถิด นิเวศของเจ้าถูกทิ้งร้าง 39 เพราะเราบอกเจ้าว่าเจ้าจะไม่ได้เห็นเราอีกจนกว่าเจ้าจะพูดว่า ‘สรรเสริญพระองค์ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า’[a]

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.