Book of Common Prayer
(บทเพลง บทสดุดีของอาสาฟ)
83 ข้าแต่พระเจ้า ขออย่าทรงเมินเฉย
ขออย่าทรงเงียบ ข้าแต่พระเจ้า ขออย่าทรงนิ่งอยู่
2 ขอทรงดูว่าศัตรูของพระองค์โกลาหลวุ่นวายเพียงใด
บรรดาปฏิปักษ์ของพระองค์เชิดหน้าชูคอแค่ไหน
3 ด้วยเล่ห์เพทุบาย พวกเขาคบคิดกันเล่นงานคนของพระองค์
พวกเขาวางแผนจัดการกับผู้ที่พระองค์ทรงทะนุถนอม
4 เขาพูดกันว่า “มาเถอะ ให้เรากวาดล้างอิสราเอลให้สิ้นชาติ
จะได้สิ้นชื่อไม่มีใครนึกถึงอีกเลย”
5 พวกเขาพร้อมใจกันวางแผน
พวกเขารวมตัวเป็นพันธมิตรต่อต้านพระองค์
6 ได้แก่ชาวเอโดม อิชมาเอล
โมอับ และฮาการ์
7 ชาวเกบาล[a] อัมโมน อามาเลข
ฟีลิสเตีย และไทระ
8 แม้แต่อัสซีเรียก็ยังเข้ามาสมทบด้วย
เพื่อเสริมกำลังลูกหลานของโลท
เสลาห์
9 ขอทรงกระทำต่อพวกเขาเหมือนที่ทรงกระทำต่อชาวมีเดียน
เหมือนอย่างที่ทรงกระทำต่อสิเสราและยาบินที่แม่น้ำคีโชน
10 ผู้ซึ่งพินาศย่อยยับที่เอนโดร์
และกลายเป็นเหมือนขยะบนพื้น
11 ขอทรงทำให้ขุนนางทั้งหลายของพวกเขาเป็นเหมือนโอเรบและเศเอบ
ให้เหล่าเจ้านายของเขาเป็นเหมือนเศบาห์ และศัลมุนนา
12 ผู้ซึ่งกล่าวว่า “ให้เรายึดทุ่งหญ้าของพระเจ้า
เป็นกรรมสิทธิ์”
13 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงกระทำให้พวกเขาเป็นเหมือนวัชพืช
เป็นเหมือนแกลบที่ปลิวไปตามลม
14 เหมือนไฟเผาผลาญป่าไม้
หรือเปลวไฟที่ทำให้ภูเขาลุกโชน
15 ดังนั้นขอทรงไล่ต้อนพวกเขาด้วยพายุ
ทำให้พวกเขาครั่นคร้ามด้วยมรสุมของพระองค์
16 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้ความอัปยศอดสูกลบหน้าพวกเขา
เพื่อพวกเขาจะได้แสวงหาพระนามของพระองค์
17 ขอให้พวกเขาท้อแท้และอับอายอยู่ร่ำไป
ขอให้พวกเขาย่อยยับในความอดสู
18 ให้พวกเขารู้ว่า พระองค์ผู้ทรงพระนามว่าพระยาห์เวห์
พระองค์แต่ผู้เดียวที่ทรงเป็นองค์ผู้สูงสุดเหนือมวลพิภพ
(บทประพันธ์ของดาวิด เมื่อพระองค์แสร้งทำเป็นบ้าต่อหน้าอาบีเมเลคซึ่งขับไล่ดาวิดไป)
34 ข้าพเจ้าจะยกย่องเทิดทูนองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดเวลา
ริมฝีปากของข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์เสมอ
2 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าจะอวดอ้างองค์พระผู้เป็นเจ้า
ให้ผู้ทุกข์ลำเค็ญได้ยินแล้วยินดี
3 เชิญมาถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าร่วมกับข้าพเจ้า
ให้เราเทิดทูนพระนามของพระองค์กันเถิด
4 ข้าพเจ้าได้แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์ทรงตอบ
พระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความหวาดกลัวทั้งปวง
5 บรรดาผู้ที่หวังพึ่งพระองค์ก็ผ่องใส
ใบหน้าของพวกเขาไม่เคยมีความอดสู
6 คนทุกข์ยากคนนี้ได้ร้องทูล และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฟังเขา
พระองค์ทรงช่วยเขาให้พ้นจากความทุกข์ร้อนทั้งปวง
7 ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งค่ายรายล้อมบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์
และพระองค์ช่วยพวกเขาให้รอด
8 เชิญชิมดูแล้วจะรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสนดี
ความสุขมีแก่ผู้ที่ลี้ภัยในพระองค์
9 ท่านวิสุทธิชนขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงยำเกรงพระองค์
เพราะผู้ที่ยำเกรงพระองค์ไม่ขาดสิ่งใด
10 ราชสีห์อาจจะอ่อนแรงและหิวโหย
แต่บรรดาผู้ที่แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่เคยขาดสิ่งที่ดีเลย
11 บุตรทั้งหลายเอ๋ย มาฟังเถิด
เราจะสอนเจ้าให้รู้ถึงความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า
12 ใครก็ตามในพวกเจ้าที่รักชีวิต
และปรารถนาวันคืนอันผาสุกยืนยาว
13 ก็จงรักษาลิ้นให้พ้นจากความชั่ว
รักษาริมฝีปากให้พ้นจากการพูดโกหก
14 จงหันจากความชั่วร้ายและทำความดี
จงใฝ่หาสันติภาพและมุ่งมั่นเพื่อให้ได้มา
15 พระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเฝ้าดูคนชอบธรรม
และพระกรรณของพระองค์ฟังคำร้องทูลของพวกเขา
16 พระพักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าหันเข้าต่อต้านคนทำชั่ว
เพื่อทำลายอนุสรณ์ของพวกเขาจากแผ่นดินโลก
17 คนชอบธรรมร้องทูล และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฟังพวกเขา
พระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากความทุกข์ร้อนทั้งปวง
18 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้ผู้ที่หัวใจแตกสลาย
และทรงช่วยผู้ที่ท้อแท้สิ้นหวัง
19 คนชอบธรรมอาจเจอความทุกข์ร้อนหลายอย่าง
แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยให้เขาผ่านพ้นทุกอย่างไปได้
20 พระองค์ทรงปกป้องกระดูกของเขาทุกชิ้น
ไม่ให้ถูกหักสักชิ้นเดียว
21 ความชั่วจะประหัตประหารคนอธรรม
ศัตรูของคนชอบธรรมจะถูกลงโทษ
22 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่ผู้รับใช้ของพระองค์
ไม่มีสักคนที่ลี้ภัยในพระองค์จะถูกปรับโทษ
(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของบุตรโคราห์)
85 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงสำแดงความโปรดปรานแก่ดินแดนของพระองค์
และทรงให้ยาโคบคืนสู่สภาพดี
2 พระองค์ทรงอภัยความชั่วช้าของเหล่าประชากรของพระองค์
ทรงลบมลทินบาปทั้งสิ้นของเขา
เสลาห์
3 พระองค์ทรงระงับพระพิโรธ
และหันเหจากความกริ้วโกรธของพระองค์
4 ข้าแต่พระเจ้าองค์พระผู้ช่วยให้รอด ขอทรงนำข้าพระองค์ทั้งหลายกลับสู่สภาพดีอีกครั้ง
ขอทรงระงับความขุ่นพระทัยต่อข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด
5 พระองค์จะกริ้วอยู่เป็นนิตย์หรือ?
พระองค์จะทรงพระพิโรธสืบไปทุกชั่วอายุอย่างนั้นหรือ?
6 พระองค์จะไม่ทรงฟื้นฟูข้าพระองค์ทั้งหลายอีกครั้งหรือ?
เพื่อประชากรของพระองค์จะชื่นชมยินดีในพระองค์
7 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงสำแดงความรักมั่นคงของพระองค์
และโปรดประทานความรอดแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย
8 ข้าพเจ้าจะฟังสิ่งที่พระเจ้าพระยาห์เวห์จะตรัส
พระองค์ทรงสัญญาว่าจะประทานสันติสุขแก่ประชากรผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์
แต่อย่าให้พวกเขาหวนกลับไปหาความโง่เขลาอีก
9 แน่ทีเดียว ความรอดของพระองค์อยู่ใกล้บรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์
เพื่อพระเกียรติสิริของพระองค์จะดำรงอยู่ในแผ่นดินของเรา
10 ความรักและความซื่อสัตย์มาพบกัน
ความชอบธรรมและสันติสุขมาจุมพิตกัน
11 ความซื่อสัตย์พุ่งขึ้นจากแผ่นดินโลก
และความชอบธรรมมองลงมาจากฟ้าสวรรค์
12 แท้จริงแล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานสิ่งที่ดี
แผ่นดินของเราจะให้พืชผลอุดม
13 ความชอบธรรมนำหน้าพระองค์
เพื่อเตรียมทางสำหรับย่างพระบาทของพระองค์
(คำอธิษฐานของดาวิด)
86 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงสดับฟังและตอบข้าพระองค์ด้วยเถิด
เพราะข้าพระองค์ยากจนและขัดสน
2 ขอทรงปกป้องชีวิตของข้าพระองค์เพราะข้าพระองค์อุทิศตนเพื่อพระองค์
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์
โปรดช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ซึ่งวางใจในพระองค์
3 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงเมตตาข้าพระองค์
เพราะข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์วันยังค่ำ
4 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานความชื่นชมยินดีแก่ผู้รับใช้ของพระองค์
เพราะข้าพระองค์ชูจิตวิญญาณของข้าพระองค์ขึ้นต่อพระองค์
5 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงแสนดีและพร้อมที่จะอภัยโทษ
ทรงเปี่ยมด้วยความรักมั่นคงต่อทุกคนที่ร้องทูลพระองค์
6 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์เถิด
ขอทรงสดับคำทูลวิงวอนขอความเมตตาของข้าพระองค์
7 ในยามเดือดร้อน ข้าพระองค์จะร้องทูลพระองค์
เพราะพระองค์จะทรงตอบข้าพระองค์
8 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ท่ามกลางพระทั้งหลาย ไม่มีพระองค์ใดเสมอเหมือนพระองค์
และไม่มีกิจใดๆ เทียบเท่าพระราชกิจของพระองค์
9 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า มวลประชาชาติซึ่งพระองค์ทรงสร้าง
จะมากราบนมัสการต่อหน้าพระองค์
พวกเขาจะถวายพระเกียรติสิริแด่พระนามของพระองค์
10 เพราะพระองค์ทรงยิ่งใหญ่และกระทำการอัศจรรย์
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
11 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงสอนวิถีทางของพระองค์แก่ข้าพระองค์
เพื่อข้าพระองค์จะดำเนินในความจริงของพระองค์
ขอทรงประทานจิตใจแน่วแน่
เพื่อข้าพระองค์จะยำเกรงพระนามของพระองค์
12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์หมดหัวใจ
ข้าพระองค์จะเทิดทูนพระนามของพระองค์เป็นนิตย์
13 เพราะความรักที่ทรงมีต่อข้าพระองค์นั้นใหญ่หลวงนัก
พระองค์ทรงกอบกู้ข้าพระองค์จากห้วงลึกของหลุมฝังศพ
14 ข้าแต่พระเจ้า คนยโสโอหังโจมตีข้าพระองค์
กลุ่มคนโหดร้ายหมายเอาชีวิตข้าพระองค์
พวกเขาไม่ยำเกรงพระองค์
15 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเมตตากรุณาและทรงพระคุณ
ทรงพระพิโรธช้า เปี่ยมด้วยความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์
16 ขอทรงหันมาและเมตตาข้าพระองค์
ประทานกำลังของพระองค์แก่ผู้รับใช้ของพระองค์
และช่วยบุตรของหญิงรับใช้[a]ของพระองค์ด้วยเถิด
17 ขอประทานเครื่องหมายแห่งความโปรดปรานของพระองค์
เพื่อศัตรูของข้าพระองค์จะได้อับอาย
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ทรงช่วยและทรงปลอบโยนข้าพระองค์
คำตัดสินพงศ์พันธุ์ของเอลี
27 ครั้งนั้นคนของพระเจ้ามาพบเอลีและกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราไม่ได้เปิดเผยตัวเองอย่างชัดเจนแก่วงศ์วานของบิดาของเจ้า เมื่อครั้งพวกเขาเป็นทาสของฟาโรห์อยู่ในอียิปต์หรอกหรือ? 28 เราแยกบรรพบุรุษของเจ้าออกจากเผ่าอื่นๆ ของอิสราเอลมาเป็นปุโรหิตของเรา ให้มาที่แท่นบูชาของเรา เผาเครื่องหอมและสวมเอโฟดอยู่ต่อหน้าเรา และเราก็ได้ยกเครื่องบูชาด้วยไฟซึ่งอิสราเอลนำมาเผาถวายนั้นให้แก่วงศ์วานของบิดาของเจ้า 29 เหตุใดพวกเจ้าจึงดูหมิ่นเครื่องบูชาและเครื่องถวายซึ่งเรากำหนดไว้เพื่อเราจะสถิตอยู่ด้วย? เหตุใดเจ้าจึงให้เกียรติลูกชายของเจ้ายิ่งกว่าเรา โดยขุนตัวเองจนอ้วนพีด้วยส่วนดีๆ ของเครื่องถวายบูชาทั้งปวงจากอิสราเอลประชากรของเรา?’
30 “ฉะนั้นเรา พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลประกาศว่า ‘เราสัญญาไว้ว่าพงศ์พันธุ์ของเจ้าและของบิดาของเจ้าจะรับใช้อยู่ต่อหน้าเราตลอดไป’ แต่บัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ‘ให้การนั้นห่างไกลจากเรา! เราจะให้เกียรติคนที่ให้เกียรติเรา และเราจะเหยียดหยามคนที่ดูหมิ่นเรา 31 ใกล้จะถึงเวลาที่เราจะตัดเจ้าและวงศ์วานของบิดาของเจ้าออก จะไม่มีใครในครอบครัวของเจ้าที่แก่ตาย 32 เจ้าจะริษยาความเจริญรุ่งเรืองซึ่งเราจะให้แก่อิสราเอล แต่เจ้ากับครอบครัวจะทุกข์ยากและขัดสน ไม่มีสักคนเดียวได้อยู่จนแก่เฒ่า 33 ทุกคนในพวกเจ้าที่เราไม่ได้ตัดออกจากแท่นบูชาของเรา เราจะไว้ชีวิตเพียงเพื่อให้น้ำตานองหน้าและจิตใจทุกข์ระทม วงศ์วานทั้งปวงของเจ้าจะตายตั้งแต่วัยฉกรรจ์
34 “ ‘และเพื่อเป็นหมายสำคัญแก่เจ้า โฮฟนีกับฟีเนหัสบุตรชายทั้งสองของเจ้าจะสิ้นชีวิตในวันเดียวกัน 35 เราจะแต่งตั้งปุโรหิตที่ซื่อสัตย์ขึ้นเพื่อเราเอง ผู้ซึ่งจะทำตามความคิดและจิตใจของเรา เราจะสถาปนาวงศ์วานของเขาไว้ให้มั่นคง และเขาจะปรนนิบัติรับใช้อยู่ต่อหน้าผู้ที่เราเจิมตั้งไว้นั้นตลอดไป 36 วงศ์วานทุกคนของเจ้าที่รอดชีวิตอยู่จะมาค้อมคำนับผู้นั้น แล้วร้องขอเศษเงินและอาหารว่า “โปรดมอบหมายงานปุโรหิตให้ข้าพเจ้าทำสักอย่างเถิด เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีอาหารรับประทาน” ’ ”
22 “ชนอิสราเอลเอ๋ย ขอจงฟังสิ่งนี้ พระเยซูแห่งนาซาเร็ธคือผู้ที่พระเจ้าทรงรับรองโดยปาฏิหาริย์ การอัศจรรย์ และหมายสำคัญต่างๆ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงกระทำผ่านพระองค์ท่ามกลางพวกท่านตามที่ท่านเองทราบอยู่แล้ว 23 พระเยซูผู้นี้ทรงถูกมอบให้พวกท่าน ตามที่พระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้และทรงทราบล่วงหน้า และโดยความช่วยเหลือของเหล่าคนอธรรม[a] ท่านได้จับพระองค์ไปประหารด้วยการตอกตรึงที่ไม้กางเขน 24 แต่พระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตาย พ้นจากความทุกข์ทรมานแห่งความตาย เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ความตายจะยึดครองพระองค์ไว้ 25 ดาวิดได้กล่าวถึงพระองค์ว่า
“ ‘ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ
เพราะพระองค์ประทับอยู่ที่ด้านขวามือของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว
26 ฉะนั้น จิตใจของข้าพเจ้าจึงยินดีและลิ้นของข้าพเจ้าก็ปรีดา
กายของข้าพเจ้าก็จะอยู่ด้วยความหวังเช่นกัน
27 เพราะพระองค์จะไม่ทรงทิ้งข้าพระองค์ไว้กับหลุมฝังศพ
ทั้งจะไม่ทรงปล่อยให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์เน่าเปื่อย
28 พระองค์ได้ทรงสำแดงหนทางแห่งชีวิตแก่ข้าพระองค์
พระองค์จะทรงให้ข้าพระองค์เปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดีต่อหน้าพระองค์’[b]
29 “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าบอกท่านได้อย่างมั่นใจว่าดาวิดบรรพบุรุษของเราสิ้นชีพและถูกฝังไปแล้ว สุสานของเขาก็อยู่ที่นี่ตราบจนทุกวันนี้ 30 แต่เขาเป็นผู้เผยพระวจนะและรู้ว่าพระเจ้าทรงสัญญากับเขาด้วยคำปฏิญาณว่าพระองค์จะทรงตั้งผู้หนึ่งในวงศ์วานของเขาให้ขึ้นครองบัลลังก์ของเขา 31 เขาทราบล่วงหน้าจึงได้กล่าวถึงการคืนพระชนม์ของพระคริสต์[c]ว่า พระเจ้าจะไม่ทรงทิ้งพระองค์ไว้ในหลุมฝังศพ ทั้งไม่ให้กายของพระองค์ต้องเน่าเปื่อย 32 พระเจ้าทรงให้พระเยซูผู้นี้คืนพระชนม์และพวกเราทั้งหมดเป็นพยานในความจริงข้อนี้ 33 เมื่อทรงรับการเชิดชูสู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าแล้ว พระองค์ทรงได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์จากพระบิดาตามพระสัญญาและได้ทรงเทลงมาตามที่ท่านเห็นและได้ยินอยู่นี้ 34 เพราะดาวิดไม่ได้ขึ้นสู่สวรรค์แต่ยังกล่าวว่า
“ ‘พระเจ้าตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า
“จงนั่งที่ขวามือของเรา
35 จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของเจ้า
เป็นแท่นวางเท้าของเจ้า” ’[d]
36 “ฉะนั้นให้ชนอิสราเอลทั้งปวงแน่ใจในข้อนี้ คือพระเจ้าทรงตั้งพระเยซูผู้นี้ซึ่งพวกท่านได้ตรึงที่ไม้กางเขนให้เป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์”
พระคริสต์เป็นบุตรของใคร(A)
41 จากนั้นพระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาบอกว่าพระคริสต์[a]เป็นบุตรของดาวิด? 42 ดาวิดเองได้ประกาศไว้ในพระธรรมสดุดีว่า
“ ‘พระเจ้าตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้า
ของข้าพเจ้าว่า
“จงนั่งที่ขวามือของเรา
43 จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของเจ้า
เป็นแท่นวางเท้าของเจ้า” ’[b]
44 ในเมื่อดาวิดเรียกพระองค์ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ แล้วพระองค์จะเป็นบุตรของดาวิดได้อย่างไร?”
45 ขณะประชาชนทั้งปวงกำลังฟังอยู่ พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า 46 “จงระวังพวกธรรมาจารย์ พวกเขาชอบใส่เสื้อชุดยาวเดินไปมา ชอบให้ผู้คนมาคำนับทักทายในย่านตลาด ชอบนั่งในที่ที่สำคัญที่สุดในธรรมศาลาและที่อันทรงเกียรติในงานเลี้ยง 47 เขาริบบ้านของหญิงม่าย และแสร้งอธิษฐานยืดยาวให้คนเห็น คนเช่นนี้จะถูกลงโทษอย่างหนักที่สุด”
เงินถวายของหญิงม่าย(B)
21 เมื่อพระเยซูทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมอง ทรงเห็นพวกคนรวยเอาเงินใส่ที่รับเงินถวายของพระวิหาร 2 และพระองค์ยังทรงเห็นหญิง
ม่ายยากจนคนหนึ่งหย่อนเหรียญทองแดงเล็กๆ สองเหรียญ[c]ถวายด้วย 3 พระองค์ตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าหญิงม่ายยากจนคนนี้ถวายมากกว่าคนอื่นๆ ทั้งหมด 4 เพราะคนเหล่านั้นล้วนเอาส่วนเล็กน้อยจากความมั่งคั่งของเขามาถวาย แต่หญิงม่ายนี้ทั้งที่ยากจนยังเอาทั้งหมดที่นางมีไว้เลี้ยงชีพมาถวาย”
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.