Book of Common Prayer
เครื่องบูชาที่พระเจ้ายอมรับ
บทเพลงสดุดีของอาสาฟ[a]
50 พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
กำลังเรียกทุกคนบนโลกนี้จากทิศตะวันออกไปจนถึงทิศตะวันตก
2 พระองค์เปล่งแสงสว่างออกมาจากศิโยน
เมืองที่สวยงามเลิศ
3 พระเจ้าของพวกเรากำลังมา แต่ไม่ได้มาอย่างเงียบๆ
มีเพลิงเผาผลาญนำอยู่หน้าพระองค์
และมีพายุมหึมาพัดอยู่รอบๆพระองค์
4 พระองค์เรียกฟ้าสวรรค์เบื้องบนและแผ่นดินโลกเบื้องล่าง
ให้มาเป็นพยานในการตัดสินคนของพระองค์
5 พระเจ้าพูดว่า “ให้รวบรวมคนพวกนั้นที่ผูกมัดตัวเองกับเรา
คนพวกนั้นที่ทำข้อตกลงกับเราผ่านทางสัตวบูชา”
6 แล้วฟ้าสวรรค์ก็ได้ประกาศถึงความยุติธรรมของพระองค์
เพราะพระเจ้ากำลังจะตัดสิน เซลาห์
7 “ประชาชนของเรา ฟังให้ดี แล้วเราจะพูด
อิสราเอล ฟังให้ดี เพราะเราจะเป็นพยานต่อต้านเจ้า
เราคือพระเจ้า พระเจ้าของเจ้า
8 เราจะไม่ติเตียนเจ้าเกี่ยวกับเครื่องบูชาและเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆของเจ้า
เพราะเจ้าได้ถวายสิ่งเหล่านี้ให้กับเราเป็นประจำ
9 แต่เราจะไม่รับวัวผู้จากบ้านของเจ้า
และไม่รับแพะจากคอกของเจ้า
10 เพราะสัตว์ป่าทุกตัวเป็นของเรา
รวมทั้งวัวทุกตัวตามเทือกเขานับพันๆลูก
11 เรารู้จักนกทุกตัวบนภูเขาทั้งหลาย
รวมทั้งแมลงทุกตัวที่เคลื่อนไหวอยู่ตามท้องทุ่ง
12 ถ้าเราหิว เราจะไม่บอกเจ้า
เพราะเราเป็นเจ้าของโลกนี้ และทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนมัน
13 เราไม่กินเนื้อวัว
และไม่ดื่มเลือดแพะ
14 แต่ให้การขอบพระคุณเป็นเครื่องบูชาที่พวกเจ้าเอามาถวายเรา[b]
และให้แก้บนของเจ้าต่อพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดด้วย
15 เมื่อเจ้าพบกับความทุกข์ยาก ก็ให้เรียกหาเรา
แล้วเราจะช่วยกู้เจ้า แล้วเจ้าจะได้สรรเสริญเรา”
16 แต่กับคนชั่ว พระเจ้าพูดว่า
“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาท่องกฎต่างๆของเรา
เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดถึงบัญญัติต่างๆของเรา
17 ในเมื่อเจ้าเกลียดชังการถูกอบรมสั่งสอน
และโยนคำสั่งสอนของเราทิ้งไปข้างหลังเจ้า
18 เจ้าคบกับโจรทุกคนที่เจ้าพบ
และยังมีส่วนร่วมกับคนที่เล่นชู้
19 เจ้าปล่อยให้ปากของเจ้าพูดเรื่องชั่วช้า
และปล่อยให้ลิ้นของเจ้าหลอกลวง
20 เจ้ากล่าวโทษน้องชายของเจ้า
และเจ้าพูดใส่ร้ายพี่น้องท้องเดียวกัน
21 เจ้าทำสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด และเราก็ไม่ได้ว่าอะไร
ดังนั้น เจ้าจึงพลอยคิดว่าเราเป็นเหมือนกับเจ้า
แต่ตอนนี้ เรากำลังวางข้อกล่าวหาเหล่านี้ไว้ต่อหน้าต่อตาเจ้า
และเราจะประณามเจ้าในสิ่งที่เจ้าได้ทำ
22 พวกเจ้าทั้งหลายที่หลงลืมพระเจ้า ให้เข้าใจในสิ่งที่เราพูดไป
ไม่อย่างนั้น เราจะฉีกเนื้อของเจ้าออกเป็นชิ้นๆแล้วจะไม่มีใครสักคนมาช่วยพวกเจ้า
23 คนที่นำการขอบคุณมาถวายเป็นเครื่องบูชา[c] คนๆนั้นก็ให้เกียรติกับเรา
คนที่ใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง
เราจะให้เขาเห็นพลังของเราในการช่วยกู้”
ขอปกป้องข้าพเจ้าจาก “ไอ้พวกหมา”
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงมิคทาม[a]ของดาวิด ที่เขียนตอนที่ซาอูลส่งคนไปเฝ้าบ้านของดาวิดเพื่อฆ่าเขา[b]
59 พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากศัตรูของข้าพเจ้าด้วยเถิด
โปรดช่วยปกป้องข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากผู้คนที่ลุกขึ้นต่อต้านข้าพเจ้าด้วยเถิด
2 โปรดช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนชั่วร้าย
โปรดช่วยกู้ข้าพเจ้าจากคนกระหายเลือดเหล่านั้นด้วยเถิด
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พวกเขาดักซุ่มคอยฆ่าข้าพเจ้า
คนโหดร้ายพวกนั้นด้อมตามคอยตะครุบข้าพเจ้า
ทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำผิดหรือทำบาปอะไรเลย
4 ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด แต่พวกเขาก็รีบเร่งมาที่นี่และเตรียมโจมตีข้าพเจ้า
โปรดลุกขึ้นมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด ช่วยมาดูว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของชนชาติอิสราเอล
โปรดลุกขึ้นมาลงโทษชนชาติเหล่านั้น โปรดอย่าได้มีเมตตาต่อคนทรยศที่ชั่วร้ายพวกนั้น เซลาห์
6 พวกเขากลับมาในตอนเย็น ขู่คำรามเหมือนฝูงหมา
และเดินด้อมๆมองๆ หาเหยื่อไปทั่วเมือง
7 ฟังเสียงของพวกเขาดูสิ เห่าออกมาเป็นคำเย้ยหยัน
ริมฝีปากเชือดเฉือนอย่างดาบ
และพวกเขาก็พูดว่า “ไม่มีคนอื่นได้ยินหรอก”
8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอพระองค์หัวเราะเยาะพวกเขา
และทำให้พวกเขาทุกคนอับอายด้วยเถิด
9 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์เป็นพละกำลังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะคอยให้พระองค์มาช่วย[c]
เพราะพระองค์เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
10 พระเจ้าของข้าพเจ้ารักข้าพเจ้าและจะมาช่วยข้าพเจ้า
พระองค์จะให้ข้าพเจ้าเห็นพวกศัตรูของข้าพเจ้าพ่ายแพ้
11 โปรดอย่าฆ่าพวกศัตรูของข้าพเจ้าให้หมดในทีเดียว ไม่อย่างนั้น คนของข้าพเจ้าอาจจะลืมว่าพระองค์เป็นผู้ที่ทำให้พวกเขาชนะ
ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ผู้เป็นโล่ของพวกเรา
โปรดใช้พลังอำนาจของพระองค์ทำให้ศัตรูแตกกระเจิงและล้มลง
12 สิ่งที่เขาพูดทำให้ริมฝีปากเขาเป็นบาป
ขอให้เขาตกลงไปในกับดักแห่งความเย่อหยิ่งจองหอง
คำสาปแช่งและคำโกหกของเขาเอง
13 ทำลายพวกเขาด้วยความโกรธของพระองค์
ทำลายพวกเขาให้หมดเกลี้ยงตลอดไป
แล้วคนทั่วโลกจะได้รู้ว่า
พระเจ้าครอบครองอยู่เหนือชนชาติของยาโคบ เซลาห์
14 พวกเขากลับมาในตอนเย็นขู่คำรามเหมือนฝูงหมา
และเดินด้อมๆมองๆหาเหยื่อไปทั่วเมือง
15 พวกเขาจะเร่ร่อนหาอาหารไปมา
และถ้าพวกเขากินไม่อิ่ม พวกเขาคงจะอยู่ทั้งคืน[d]
16 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถึงพลังของพระองค์
ในตอนเช้าข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีในความรักมั่นคงของพระองค์
เพราะพระองค์เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
พระองค์เป็นที่กำบังในยามทุกข์ยาก
17 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์เป็นพละกำลังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
เพราะพระองค์เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
และเป็นพระเจ้าที่มีความรักมั่นคงต่อข้าพเจ้า
อธิษฐานขอชัยชนะหลังจากสู้รบแพ้
(สดด. 108:6-13)
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องเพลงโดยใช้ทำนอง “ดอกลิลลี่แห่งสัญญา” เพลงมิคทามของดาวิด สำหรับการสั่งสอน เขียนในช่วงที่ดาวิดต่อสู้กับชาวอารัมนาหะราอิมและชาวอารัมโซบาห์ ตอนขากลับโยอาบได้ฆ่าทหารชาวเอโดมไปหนึ่งหมื่นสองพันคนที่หุบเขาเกลือ[e]
60 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทอดทิ้งพวกเรา
และทลายกำแพงของพวกเรา
พระองค์โกรธพวกเรา
โปรดนำพวกเรากลับไปสู่สภาพเดิมด้วยเถิด
2 พระองค์ทำให้แผ่นดินไหวและแยกแผ่นดินออก
โปรดซ่อมรอยร้าวด้วยเถิดเพราะมันกำลังจะพังทลาย
3 พระองค์ทำให้คนของพระองค์เดือดร้อนจนล้มโซเซไป
เหมือนกับพระองค์มอมเหล้าองุ่นเราจนโซซัดโซเซไป
4 พระองค์ยกธงให้กับคนที่เกรงกลัวพระองค์เห็น
เพื่อพวกเขาจะได้หนีคมธนูที่วิ่งเข้าไปหา เซลาห์
5 ช่วยตอบข้าพเจ้าด้วยและใช้มือขวาอันทรงพลังของพระองค์
ช่วยพวกเราให้รอดด้วยเถิดเพื่อคนที่พระองค์รักจะหนีไปได้
6 ในวิหารของพระองค์ พระเจ้าพูดว่า
“เราจะชนะและเราจะวัดและจัดสรรปันส่วนเมืองเชเคม
และหุบเขาสุคคทให้กับคนของเรา
7 ดินแดนกิเลอาดเป็นของเรา ดินแดนมนัสเสห์เป็นของเรา
เผ่าเอฟราอิมเป็นหมวกเหล็กของเรา
ส่วนเผ่ายูดาห์ เป็นคทา[f] ของเรา
8 ชนชาติโมอับเป็นอ่างล้างของเรา
เราโยนรองเท้าของเราให้ชนชาติเอโดมที่เป็นทาสของเรา
เราโห่ร้องอย่างผู้มีชัยเหนือดินแดนฟิลิสเตีย”
9 ใครเล่าจะนำข้าพเจ้าไปยึดเมืองที่มีกำแพงแน่นหนานั้น
ใครเล่าจะนำข้าพเจ้าไปไกลถึงดินแดนเอโดม
10 เพราะพระองค์ทอดทิ้งพวกเราแล้ว ไม่ใช่หรือ
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ไม่ไปร่วมทัพกับพวกเราแล้ว
11 ข้าแต่พระเจ้า ช่วยเหลือพวกเราต่อสู้กับศัตรูด้วยเถิด
เพราะความช่วยเหลือจากมนุษย์ ไม่มีประโยชน์
12 ต้องเป็นความช่วยเหลือจากพระเจ้าเท่านั้นพวกเราถึงจะชนะ
พระองค์จะเหยียบย่ำศัตรูของพวกเรา
เพลงสรรเสริญพระยาห์เวห์ผู้สร้างและผู้ครอบครองโลกนี้
33 พวกเจ้าที่ทำตามใจพระเจ้า ให้ชื่นชมยินดีในพระยาห์เวห์เถิด
สมควรแล้วที่คนซื่อตรงจะสรรเสริญพระองค์
2 สรรเสริญพระยาห์เวห์ ด้วยการเล่นพิณสี่สายเถิด
ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ด้วยการเล่นพิณสิบสายเถิด
3 ร้องเพลงบทใหม่ให้กับพระยาห์เวห์
ให้เล่นพิณอย่างชำนิชำนาญ และโห่ร้องด้วยความยินดี
4 พระคำของพระยาห์เวห์นั้นซื่อตรง
และพระองค์สัตย์ซื่อต่อคนของพระองค์ในทุกสิ่งที่พระองค์ทำ
5 พระยาห์เวห์รักความดีและความยุติธรรม
โลกนี้เต็มไปด้วยความรักมั่นคงของพระองค์
6 โดยคำสั่งของพระยาห์เวห์ สวรรค์ก็ถูกสร้างขึ้น
โดยคำพูดจากปากของพระองค์ ดวงดาวทั้งหมดก็เกิดขึ้น
7 พระองค์ได้รวบรวมน้ำทะเลมาอยู่ด้วยกัน
และเคลื่อนน้ำในมหาสมุทรไปไว้ในคลังเก็บน้ำ
8 พลเมืองทุกคนของโลกเอ๋ย ให้ยำเกรงพระยาห์เวห์เถิด
พวกเจ้าทุกคนที่อยู่บนโลกนี้ ให้เกรงกลัวพระองค์เถิด
9 เพราะว่า เมื่อพระองค์พูด มันก็เกิดขึ้น
เมื่อพระองค์ออกคำสั่ง โลกก็ตั้งขึ้น
10 พระองค์สามารถทำให้แผนการต่างๆที่ชนชาติทั้งหลายวางไว้นั้นไม่สำเร็จ
และพระองค์สามารถทำให้โครงการต่างๆของชาติต่างๆล้มเหลวได้
11 แต่แผนการต่างๆของพระยาห์เวห์นั้นยั่งยืนตลอดไป
โครงการต่างๆในใจของพระองค์นั้นจะอยู่ไปตลอดชั่วลูกชั่วหลาน
12 ชนชาติที่มีพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าของพวกเขานั้น ถือว่ามีเกียรติจริงๆ
ชนชาติที่พระองค์ได้เลือกมาเป็นคนของพระองค์เองนั้น ถือว่ามีเกียรติจริงๆ
13 พระยาห์เวห์มองลงมาจากสวรรค์
มองเห็นมนุษย์ทุกคน
14 พระองค์มองลงมาจากบัลลังก์ของพระองค์
เห็นมนุษย์ทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลก
15 พระองค์คือผู้ที่สร้างจิตใจของพวกเขาขึ้นมาทุกคน
และพระองค์เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขากำลังทำอยู่
16 ชัยชนะของกษัตริย์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับทหารมากมาย
ชัยชนะของนักรบก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของเขา
17 ความแข็งแกร่งของม้าศึกไม่ได้นำชัยชนะมาให้หรอก
พลังอันแข็งแกร่งของมันไม่ช่วยให้ใครรอดได้หรอก
18 ดูเถิด พระยาห์เวห์เฝ้าดูคนที่ยำเกรงพระองค์
พระองค์ดูแลคนที่ฝากความหวังไว้กับความรักมั่นคงของพระองค์
19 พระองค์ช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากความตาย
และช่วยให้เขามีชีวิตอยู่ได้ในยามที่ขาดแคลนอาหาร
20 พวกเราเฝ้ารอพระยาห์เวห์มาช่วย
เพราะพระองค์คือผู้ช่วยให้รอดและโล่กำบังของพวกเรา
21 เพราะจิตใจของเราชื่นชมยินดีในพระองค์
เพราะพวกเราไว้วางใจในชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
22 ข้าแต่พระยาห์เวห์ขอให้ความรักอันมั่นคงของพระองค์อยู่กับพวกเรา
เพราะพวกเราฝากความหวังไว้กับพระองค์
คำอธิษฐานของเนหะมียาห์
1 นี่คือคำพูดของเนหะมียาห์ ลูกชายของฮาคาลิยาห์
ในเดือนคิสเลฟ ปีที่ยี่สิบ[a] แห่งรัชกาลของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส[b] ขณะที่ผมอยู่ในเขตวังเมืองสุสา[c] 2 ฮานานีพี่น้องของผมคนหนึ่ง กับชายบางคนจากยูดาห์ได้เข้ามาพบผม ผมได้ถามพวกเขาถึงพวกยิวที่เหลืออยู่ที่หนีรอดมา ไม่ตกเป็นเชลย และได้ถามเกี่ยวกับเมืองเยรูซาเล็ม
3 พวกเขาบอกผมว่า “คนเหล่านั้นที่อยู่ในยูดาห์ ที่หนีรอดมา ไม่ตกเป็นเชลยนั้นกำลังลำบากและอับอายมาก เพราะกำแพงเมืองเยรูซาเล็มได้พังลง และประตูเมืองต่างๆก็ถูกเผา”
4 เมื่อผมได้ฟังอย่างนั้น ก็ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ และไว้ทุกข์อยู่หลายวัน ผมได้อดอาหารพร้อมกับอธิษฐานต่อหน้าพระเจ้าแห่งสวรรค์ 5 ผมพูดว่า
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งสวรรค์ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม พระองค์ผู้รักษาคำมั่นสัญญาอย่างสัตย์ซื่อกับคนเหล่านั้นที่รักพระองค์ และเชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระองค์
6 ขอให้หูของพระองค์รับฟังและตาเปิดออก เพื่อฟังคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ ตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังอธิษฐานต่อหน้าพระองค์ทั้งวันทั้งคืน สำหรับคนอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ และข้าพเจ้ากำลังสารภาพความบาปทั้งหลายของคนอิสราเอล ที่พวกเราได้ทำต่อพระองค์ แม้แต่ข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้าก็บาปด้วย 7 พวกเราชาวอิสราเอลได้ทำตัวชั่วช้ามากต่อพระองค์ และพวกเราก็ไม่เชื่อฟังพวกคำสั่ง บัญญัติ และกฎทั้งหลายที่พระองค์ให้ไว้กับโมเสส ผู้รับใช้ของพระองค์
8 ขอพระองค์ระลึกถึงคำพูดที่พระองค์ให้ไว้กับโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ คือตอนที่พระองค์พูดว่า ‘ถ้าพวกเจ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา เราจะทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไปอยู่ตามชนชาติต่างๆ 9 แต่ถ้าพวกเจ้าหันกลับมาหาเรา และทำตามคำสั่งต่างๆของเราอย่างเคร่งครัด เมื่อนั้นถึงแม้พวกเจ้าที่ถูกจับไปเป็นเชลยจะกระจัดกระจายไปอยู่ถึงสุดขอบฟ้า เราก็จะรวบรวมพวกเจ้ากลับมาจากที่นั่น เราจะนำพวกเจ้ามาอยู่ในสถานที่ที่เราได้เลือกไว้ให้เป็นที่สถิตชื่อของเรา’
10 คนอิสราเอลเหล่านี้เป็นผู้รับใช้และเป็นคนของพระองค์ ที่พระองค์ได้ช่วยให้พ้นจากการเป็นทาสด้วยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ และมืออันแข็งแกร่งของพระองค์ 11 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า ขอให้หูของพระองค์รับฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ และรับฟังคำอธิษฐานของผู้รับใช้ทั้งหมดของพระองค์ ผู้ที่มีความสุขในการให้เกียรติกับพระองค์ ขอพระองค์มอบความสำเร็จให้กับข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์ในวันนี้ด้วยเถิด และทำให้กษัตริย์องค์นี้ชอบข้าพเจ้าด้วยเถิด”
ในตอนนั้น ผมมีตำแหน่งเป็นคนชิมเหล้าองุ่น[d] ของกษัตริย์
11 แล้วผมก็มองเห็นและได้ยินเสียงของทูตสวรรค์จำนวนเป็นล้านๆที่อยู่ล้อมรอบบัลลังก์ สิ่งมีชีวิตทั้งสี่และผู้อาวุโสทั้งหลาย 12 พูดด้วยเสียงอันดังว่า
“ลูกแกะที่ถูกฆ่า คือผู้ที่เหมาะสมจะได้รับฤทธิ์อำนาจ
ความมั่งคั่ง สติปัญญา พละกำลัง เกียรติยศ ความรุ่งโรจน์ และคำสรรเสริญ”
13 จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงพวกสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในสวรรค์ บนโลก ใต้แผ่นดินโลก และในทะเล ใช่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในจักรวาลนี้ พูดว่า
“ขอคำสรรเสริญ เกียรติยศ ความรุ่งโรจน์ และฤทธิ์อำนาจ
จงมีแด่พระองค์ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ และแด่ลูกแกะตลอดกาล”
14 จากนั้นสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ ก็พูดว่า “อาเมน” แล้วผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่องค์ก็ก้มลงกราบนมัสการ
ผนึกหกอันแรก
6 ผมเห็นลูกแกะเปิดผนึกอันแรกออกมาจากทั้งหมดเจ็ดอัน ผมได้ยินเสียงของสิ่งมีชีวิตตัวแรกพูดเสียงดังอย่างกับฟ้าร้องว่า “ออกมาเถิด” 2 ผมเห็นม้าขาวตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้า ผู้ที่ขี่ม้าตัวนั้นถือคันธนู และได้รับมงกุฎแห่งชัยชนะจากพระเจ้า แล้วเขาก็ขี่ม้าออกไปอย่างผู้มีชัยเพื่อจะไปรับชัยชนะ
3 เมื่อลูกแกะเปิดผนึกที่สองออก ผมได้ยินเสียงของสิ่งมีชีวิตตัวที่สองพูดว่า “ออกมาเถิด” 4 จากนั้นม้าอีกตัวหนึ่งสีแดงเพลิงก็ออกมา ผู้ที่ขี่อยู่บนหลังม้าได้รับอำนาจที่จะเอาสันติภาพไปจากโลก และทำให้คนฆ่ากันเอง ผู้ขี่ม้าได้รับดาบใหญ่เล่มหนึ่ง
5 เมื่อลูกแกะเปิดผนึกที่สามออก ผมได้ยินเสียงของสิ่งมีชีวิตตัวที่สามพูดว่า “ออกมาเถิด” ผมเห็นม้าสีดำ และผู้ที่ขี่ม้านั้นถือตราชั่งไว้ในมือ 6 ผมได้ยินเสียงซึ่งฟังดูคล้ายกับว่ามาจากท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ว่า “ข้าวสาลีหนึ่งลิตรมีค่าเท่ากับค่าแรงหนึ่งวัน[a] ข้าวบาร์เลย์สามลิตรมีค่าเท่ากับค่าแรงหนึ่งวัน แต่อย่าทำให้น้ำมันและเหล้าองุ่นเสียหาย”
7 เมื่อลูกแกะเปิดผนึกที่สี่ออก ผมได้ยินเสียงของสิ่งมีชีวิตตัวที่สี่พูดว่า “ออกมาเถิด” 8 แล้วผมก็เห็นม้าสีซีดตัวหนึ่งอยู่ต่อหน้าผม ผู้ที่ขี่ม้ามีชื่อว่า “ความตาย” และแดนคนตายก็ตามหลังความตายมาติดๆ ทั้งสองได้รับอำนาจที่จะฆ่าหนึ่งในสี่ของมนุษย์ในโลกนี้ ด้วยคมดาบ ความอดอยาก โรคระบาด และพวกสัตว์ร้ายต่างๆที่อยู่บนโลก
9 เมื่อลูกแกะเปิดผนึกที่ห้าออก ผมเห็นวิญญาณหลายดวงใต้แท่นบูชา เป็นวิญญาณของผู้ที่ถูกฆ่า เพราะพวกเขาประกาศพระคำของพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์ 10 วิญญาณพวกนั้นตะโกนเสียงดังว่า “พระผู้เป็นเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์และเที่ยงแท้ อีกนานไหมกว่าพระองค์จะตัดสินและลงโทษคนชั่วบนโลกนี้ที่ได้ฆ่าพวกเรา” 11 แล้วพระองค์ก็มอบเสื้อคลุมสีขาวให้แก่เขาเหล่านั้น และบอกพวกเขาให้พักผ่อนและคอยต่อไปอีกประเดี๋ยวหนึ่ง จนกว่าพวกพี่น้องที่รับใช้พระคริสต์ด้วยกันกับเขา จะถูกฆ่าแบบเดียวกับพวกเขาจนครบจำนวน
พระเยซูอธิบายเรื่องเมล็ดพืช
(มก. 4:13-20; ลก. 8:11-15)
18 ฟังให้ดี นี่คือความหมายของเรื่องชาวนาที่หว่านเมล็ดพืช 19 เมล็ดพืชที่ตกตามถนนหนทาง คือคนที่ฟังเรื่องอาณาจักรของพระเจ้าแต่ไม่เข้าใจ มารร้ายก็มาฉกฉวยเอาพืชที่หว่านอยู่ในใจของเขาไป 20 เมล็ดพืชที่ตกบนดินตื้นๆที่มีหินอยู่ข้างล่าง คือคนที่เมื่อได้ยินถ้อยคำแล้ว ก็รีบรับไว้ทันทีและมีความสุขทีเดียว 21 แต่ถ้อยคำไม่ได้ฝังลึกเข้าไปในจิตใจ จึงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเกิดเรื่องทุกข์ร้อนหรือถูกข่มเหงรังแกเพราะถ้อยคำนั้น ก็รีบทิ้งถ้อยคำนั้นทันที 22 เมล็ดพืชที่ตกลงในพงหนามนั้น คือคนที่ฟังถ้อยคำ แต่ยังเป็นห่วงกังวลเกี่ยวกับชีวิตในโลกนี้ และหลงไหลในทรัพย์สมบัติ สิ่งเหล่านี้มาคลุมถ้อยคำไว้ เลยไม่เกิดผล 23 ส่วนเมล็ดพืชที่ตกลงในดินดีนั้น คือคนที่ได้ฟังถ้อยคำแล้วเข้าใจ จึงเกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International