Book of Common Prayer
ศิโยนบ้านสำหรับชนชาติทั้งหลาย
บทเพลงสรรเสริญ แห่งตระกูลโคราห์
87 พระยาห์เวห์ตั้งเมืองของพระองค์บนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์นั้น
2 พระยาห์เวห์รักประตูเมืองศิโยน
มากกว่าที่อื่นใดในอิสราเอล
3 เมืองของพระเจ้าเอ๋ย
ทุกคนต่างก็พูดถึงสิ่งยอดเยี่ยมเกี่ยวกับเจ้า เซลาห์
4 พระเจ้าพูดว่า “เราจะบันทึกอียิปต์ และบาบิโลน ในรายชื่อของคนเหล่านั้นที่ยอมรับเรา
รวมทั้งฟีลิสเตีย ไทระ และเอธิโอเปียด้วย
เราจะพูดว่า คนเหล่านี้เป็นพลเมืองของเมืองศิโยน”[a]
5 ใช่แล้ว พระเจ้าจะพูดถึงเมืองศิโยนว่า
“ประชาชนของชนชาติเหล่านั้น จะกลายเป็นพลเมืองของเมืองนี้
และพระเจ้าสูงสุด จะทำให้เมืองนี้มั่นคง”
6 เมื่อพระยาห์เวห์ลงทะเบียนชนชาติต่างๆ
พระองค์จะบันทึกไว้ว่า อันนี้กลายเป็นพลเมืองของศิโยนแล้ว เซลาห์
7 ในงานเทศกาลต่างๆพวกนักร้องและนักเต้น จะพูดว่า
“ศิโยน แหล่งพระพรทั้งหมดของข้าอยู่ในเจ้า”
หนังสือเล่มที่สี่
(สดุดี 90-106)
พระเจ้าคงอยู่ตลอดไปมนุษย์นั้นชั่วคราว
คำอธิษฐานของโมเสสคนของพระเจ้า
90 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต
พระองค์ได้เป็นที่ลี้ภัยของพวกเราตลอดมาทุกรุ่น
2 ก่อนที่ภูเขาทั้งหลายจะเกิดมา
ก่อนที่พระองค์จะทำให้โลกนี้เกิดขึ้น
ตั้งแต่อดีตกาล ตราบจนชั่วนิรันดร์กาล พระองค์คือพระเจ้า
3 พระองค์ทำให้มนุษย์กลับไปเป็นผงคลีดิน
พระองค์พูดว่า “มนุษย์กลับไปเป็นดินซะ”
4 ข้าแต่พระเจ้า สำหรับพระองค์แล้วพันปีก็เหมือนกับแค่วันวานที่ผ่านไป
เหมือนกับแค่เสี้ยวหนึ่งของค่ำคืน[a]
5 และอีกพันปี ก็จะเป็นเหมือนหญ้าที่เปลี่ยนสีเท่านั้น
พวกมนุษย์นั้นเป็นเหมือนหญ้าที่งอกขึ้นในตอนเช้า
6 หญ้างอกขึ้นในตอนเช้า และเขียวไปทั่วในตอนเช้า
แล้วในตอนค่ำก็เหี่ยวแห้งไป
7 พวกเราตัวสั่นเทิ้มเพราะกลัวความเกรี้ยวโกรธของพระองค์
พวกเราถูกทำลายเพราะความโกรธของพระองค์
8 พระองค์วางความผิดทั้งหมดของเราไว้ต่อหน้าพระองค์
บาปทั้งหลายที่เราซ่อนเร้นไว้ก็ถูกตีแผ่อยู่ในความสว่างต่อหน้าพระองค์
9 วันทั้งหลายของพวกเราจบสิ้นลงเพราะความโกรธของพระองค์
เดือนปีของพวกเราจบสิ้นลงอย่างรวดเร็วเหมือนถอนหายใจ
10 ชีวิตเราก็แค่เจ็ดสิบปี
ถ้าเราแข็งแรง อาจจะอยู่ถึงแปดสิบปี
แม้แต่วันปีที่ดีที่สุดก็เต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำบาก
ชีวิตก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเราก็หายวับไป
11 ใครเล่าได้สัมผัสความเกรี้ยวโกรธอย่างเต็มที่ของพระองค์
ใครเล่าได้สัมผัสความโกรธของพระองค์และความกลัวที่เกิดจากมัน
12 โปรดช่วยเราให้รู้จักนับวันเวลาอันแสนสั้นของพวกเรา
เพื่อเราจะได้ใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดกลับมาหาพวกเรา พระองค์จะถ่วงเวลาไปอีกนานแค่ไหน
โปรดสงสารพวกผู้รับใช้ของพระองค์
14 โปรดให้เราอิ่มไปด้วยความรักมั่นคงของพระองค์ทุกๆเช้า
แล้วพวกเราจะได้โห่ร้องด้วยความยินดีและมีความสุขไปชั่วชีวิต
15 โปรดให้พวกเรามีความสุขนานเท่ากับวันเวลาแห่งความทุกข์ทรมานที่พระองค์เคยหยิบยื่นให้กับเรานั้น
นานเท่ากับปีแห่งความทุกข์ระทมที่เราเจอมา
16 โปรดให้พวกเราผู้รับใช้ของพระองค์ได้เห็นการกระทำต่างๆของพระองค์
ให้ลูกหลานของพวกเราได้เห็นถึงฤทธิ์อำนาจอันอัศจรรย์ของพระองค์
17 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของพวกเรา
โปรดอวยพรพวกเราด้วยเถิด
โปรดให้ทุกสิ่งที่เราทำนั้นประสบผลสำเร็จ
ใช่แล้ว โปรดให้ทุกสิ่งที่เราทำนั้นประสบผลสำเร็จ
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
136 ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์นั้นดี
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
2 ให้ขอบคุณพระเจ้าผู้อยู่เหนือพระเจ้าทั้งปวง
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
3 ให้ขอบคุณองค์เจ้าชีวิตผู้อยู่เหนือเจ้าทั้งปวง
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
4 ให้ขอบคุณพระองค์ผู้ที่ทำสิ่งมหัศจรรย์อันยิ่งใหญ่แต่เพียงผู้เดียว
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
5 ให้ขอบคุณพระองค์ผู้สร้างฟ้าสวรรค์อย่างชาญฉลาด
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
6 ให้ขอบคุณพระองค์ผู้แผ่ขยายแผ่นดินออกไปเหนือผืนน้ำ
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
7 ให้ขอบคุณพระองค์ผู้สร้างดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
8 พระองค์สร้างดวงอาทิตย์เพื่อให้ปกครองกลางวัน
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
9 พระองค์สร้างดวงจันทร์และดวงดาวทั้งหลายเพื่อให้ปกครองกลางคืน
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
10 ให้ขอบคุณพระองค์ผู้ฆ่าพวกลูกชายหัวปีของอียิปต์
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
11 พระองค์ได้นำคนอิสราเอลออกจากอียิปต์นั้น
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
12 พระองค์ทำเรื่องนี้ด้วยมืออันทรงพลังและแขนที่เหยียดออกมา
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
13 ให้ขอบคุณพระองค์ผู้ที่แยกทะเลแดงออกเป็นสองส่วน
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
14 พระองค์นำอิสราเอลเดินผ่าไปกลางทะเลแดง
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
15 พระองค์เหวี่ยงฟาโรห์และกองทัพของเขาทิ้งไปในทะเลแดง
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
16 ให้ขอบคุณพระองค์ผู้นำคนของพระองค์ตอนอยู่ในทะเลทราย
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
17 ให้ขอบคุณพระองค์ผู้ปราบกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
18 พระองค์ฆ่าพวกกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
19 พระองค์ฆ่า สิโหน กษัตริย์ของคนอาโมไรต์
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
20 และได้ฆ่าโอก กษัตริย์ของบาชาน
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
21 จากนั้น พระองค์ได้ยกแผ่นดินของกษัตริย์เหล่านั้นให้เป็นกรรมสิทธิ์ของอิสราเอล
เพราะความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
22 พระองค์ยกแผ่นดินของพวกเขาให้กับอิสราเอล ผู้รับใช้ของพระองค์
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
23 ให้ขอบคุณพระองค์ที่ระลึกถึงเราตอนที่เราตกอยู่ในความเดือดร้อน
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
24 พระองค์ช่วยเหลือพวกเราให้รอดพ้นจากเหล่าศัตรูของเรา
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
25 พระองค์ให้อาหารกับสิ่งที่มีชีวิตทั้งปวง
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
26 ให้ขอบคุณพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
4 แล้วข่าวคราวเกี่ยวกับซามูเอลก็ได้แผ่กระจายไปทั่วอิสราเอล เอลีแก่มากแล้ว ลูกทั้งสองของเขาก็ยังคงทำสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งหลายต่อหน้าพระยาห์เวห์[a]
ชาวฟีลิสเตียรบชนะชาวอิสราเอล
เมื่อคนอิสราเอลยกทัพไปต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย คนอิสราเอลตั้งค่ายที่เอเบนเอเซอร์ ส่วนคนฟีลิสเตียตั้งค่ายที่อาเฟก 2 ชาวฟีลิสเตียได้จัดทหารเพื่อออกไปสู้รบกับอิสราเอล และเมื่อการรบเริ่มขึ้น คนอิสราเอลก็พ่ายแพ้คนฟีลิสเตีย และถูกฆ่าตายไปประมาณสี่พันคนในสนามรบนั้น 3 เมื่อทหารที่เหลือกลับมาที่ค่าย ผู้นำอาวุโสของอิสราเอลทั้งหลายก็พูดกันว่า “ทำไมพระยาห์เวห์ปล่อยให้พวกเราพ่ายแพ้ชาวฟีลิสเตียในวันนี้ ให้พวกเราไปเอาหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์มาจากชิโลห์กันเถิด เพื่อว่าหีบนั้นจะได้ไปกับพวกเรา และจะได้ช่วยพวกเราให้พ้นจากมือของศัตรู”
4 พวกเขาจึงส่งคนไปชิโลห์ เพื่อนำหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นผู้ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ระหว่างทูตสวรรค์เครูบ ลูกชายทั้งสองของเอลี คือโฮฟนี และฟีเนหัสก็อยู่ที่นั่นกับหีบข้อตกลงของพระเจ้า
5 เมื่อหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์มาถึงค่าย คนอิสราเอลทั้งหมดก็ได้โห่ร้องเสียงดังจนแผ่นดินสะเทือน 6 เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ยินก็ถามกันว่า “ค่ายคนฮีบรู[b] โห่ร้องตะโกนเรื่องอะไรกัน”
เมื่อพวกเขารู้ว่าหีบของพระยาห์เวห์ได้มาอยู่ที่ค่ายแล้ว 7 คนฟีลิสเตียก็รู้สึกกลัว พวกเขาพูดว่า “มีพวกเทพเจ้ามาอยู่ในค่ายนั้นแล้ว พวกเราแย่แล้ว ไม่เคยมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นมาก่อน 8 ภัยพิบัติกำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเรา ใครจะช่วยกู้พวกเราให้พ้นจากมือของพวกเทพเจ้าที่มีฤทธิ์เหล่านี้ได้ เทพเจ้าพวกนี้เคยโจมตีชาวอียิปต์ด้วยพวกภัยพิบัติและโรคระบาดหลายอย่าง 9 กล้าหาญไว้คนฟีลิสเตีย ทำตัวให้สมกับลูกผู้ชาย ไม่อย่างนั้นเจ้าก็จะตกอยู่ภายใต้คนฮีบรูเหมือนที่พวกเขาเคยตกอยู่ภายใต้เจ้ามาก่อน ออกรบให้สมกับลูกผู้ชายเถิด”
10 ดังนั้นคนฟีลิสเตียจึงออกไปสู้รบ และคนอิสราเอลก็พ่ายแพ้ แต่ละคนต่างวิ่งหนีกลับมาที่เต็นท์ของตน มีการฆ่าฟันยิ่งใหญ่เกิดขึ้น ทหารเดินเท้าของอิสราเอลได้ล้มตายไปสามหมื่นคน 11 หีบของพระเจ้าถูกยึดไป และลูกชายทั้งสองของเอลี คือโฮฟนี และฟีเนหัสก็ถูกฆ่าตาย
ผู้เชื่อแบ่งปันสิ่งที่เขามีกัน
32 กลุ่มของผู้เชื่อทั้งหมดต่างก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และสิ่งของที่เขามีอยู่นั้น ไม่มีใครอ้างว่าเป็นของตัวเองเลย แต่พวกเขาเอาทุกอย่างที่มีมาแบ่งปันกัน 33 พวกศิษย์เอกเป็นพยานให้กับผู้คนด้วยฤทธิ์อำนาจที่ยิ่งใหญ่ ถึงการฟื้นขึ้นจากความตายของพระเยซูเจ้า และพระเจ้าก็ได้อวยพรคนที่เชื่อทุกคนอย่างมากมาย 34 ในกลุ่มคนที่เชื่อ ไม่มีใครขาดแคลนเลย คนที่มีที่ดินหรือบ้าน ก็เอาของเหล่านั้นไปขาย และนำเอาเงินนั้น 35 มาให้กับพวกศิษย์เอก เพื่อเอาไปแจกจ่ายให้แต่ละคนตามความจำเป็น
36 โยเซฟ คนที่พวกศิษย์เอกเรียกว่า บารนาบัส (หมายถึง “คนที่ให้กำลังใจ”) เป็นชาวเลวีเกิดที่เกาะไซปรัส 37 โยเซฟได้ขายที่นาของเขา และนำเงินที่ได้นั้นมาให้กับพวกศิษย์เอก
อานาเนียกับสัปฟีรา
5 มีชายคนหนึ่งชื่ออานาเนียกับภรรยาชื่อสัปฟีรา ได้ขายที่ดินของตนผืนหนึ่ง 2 แต่เขาแอบเก็บเงินเอาไว้บางส่วน และภรรยาของเขาก็เห็นด้วย จากนั้นเขาจึงนำเงินส่วนที่เหลือมาให้กับพวกศิษย์เอก 3 เปโตรต่อว่าอานาเนียว่า “ทำไมคุณถึงยอมให้ซาตานครอบงำจิตใจคุณจนโกหกต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเก็บเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการขายที่ดินเอาไว้เอง 4 ที่ดินผืนนั้นก็เป็นของคุณอยู่แล้วก่อนที่คุณจะขายไม่ใช่หรือ และหลังจากที่ขายแล้ว เงินนั้นก็ยังอยู่ในอำนาจของคุณไม่ใช่หรือ แล้วทำไมคุณถึงคิดทำอย่างนี้ คุณกำลังโกหกพระเจ้า ไม่ได้โกหกพวกเราหรอก” 5 เมื่ออานาเนียได้ยินอย่างนี้ก็ล้มลงขาดใจตาย คนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็ตกใจกลัวยิ่งนัก 6 ชายหนุ่มหลายคนมาห่อศพของอานาเนียแล้วหามออกไปฝัง 7 หลังจากนั้นอีกประมาณสามชั่วโมง ภรรยาของอานาเนียซึ่งยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็เดินเข้ามา 8 เปโตรถามเธอว่า “บอกหน่อยว่า คุณขายที่ดินได้เงินเท่านี้หรือ” สัปฟีราตอบว่า “ใช่แล้วค่ะ”
9 แล้วเปโตรก็ต่อว่าเธอว่า “ทำไมคุณสองคนถึงได้สมคบกันลองดีกับพระวิญญาณขององค์เจ้าชีวิต ดูนั่นสิ คนพวกนั้นที่ไปฝังศพสามีคุณ ได้มาอยู่ที่หน้าประตูแล้ว และพวกเขาจะหามศพของคุณออกไปด้วยเหมือนกัน” 10 สัปฟีราก็ล้มลงตรงเท้าของเปโตร แล้วขาดใจตายทันที เมื่อชายหนุ่มพวกนั้นเดินเข้ามา ก็เห็นว่าเธอตายแล้ว พวกเขาจึงหามศพของเธอออกไปฝังไว้ข้างๆสามีของเธอ 11 ทั้งหมู่ประชุมของพระเจ้า และทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ ต่างก็เกิดความเกรงกลัวยิ่งนัก
เมืองเยรูซาเล็มจะพินาศ
(มธ. 24:15-21; มก. 13:14-19)
20 “เมื่อพวกคุณเห็นกองทัพมาล้อมเมืองเยรูซาเล็ม ก็ให้รู้ว่าเมืองนี้ใกล้จะถูกทำลายแล้ว 21 ถ้าตอนนั้นคุณอยู่ในแคว้นยูเดีย ก็ให้รีบหนีขึ้นไปบนภูเขา ถ้าคุณอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม ก็ให้รีบหนีออกไปนอกเมือง คนที่อยู่นอกเมือง ก็อย่าได้เข้ามาในเมือง 22 เพราะวันนั้นจะเป็นวันของการลงโทษเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อทุกอย่างจะได้เป็นจริงตามที่ได้เขียนไว้แล้ว 23 ในวันนั้นจะน่ากลัวมากสำหรับคนท้องและแม่ลูกอ่อนที่ให้นมลูก เพราะจะเกิดภัยพิบัติในแผ่นดินยูเดีย และพระเจ้าจะลงโทษชนชาติอิสราเอลเหล่านี้ 24 พวกเขาจะถูกฆ่าฟัน และจะถูกจับไปเป็นเชลยของชนชาติอื่นๆ คนต่างชาติจะบุกรุกย่ำยีเมืองเยรูซาเล็ม ไปจนกว่าจะถึงเวลาที่พระเจ้ากำหนดไว้”
อย่ากลัวเลย
(มธ. 24:29-31; มก. 13:24-27)
25 “จะมีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวต่างๆ ส่วนในโลกนี้ ชนชาติต่างๆก็จะหวาดกลัว และสับสนวุ่นวายกับเสียงร้องกึกก้องของคลื่นในทะเล 26 คนจะเป็นลมล้มพับไปเพราะกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับโลกนี้ พวกผู้มีอำนาจในฟ้าสวรรค์ก็จะถูกสั่นคลอน 27 แล้วพวกเขาจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในหมู่เมฆ เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจและสง่าราศีอันยิ่งใหญ่ 28 เมื่อสิ่งเหล่านี้เริ่มเกิดขึ้น ขอให้ลุกขึ้นด้วยความมั่นใจ เพราะใกล้ถึงเวลาที่พระเจ้าจะทำให้พวกคุณเป็นอิสระแล้ว”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International