15 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“ได้ยินเสียงหนึ่งในรามาห์
เป็นเสียงคร่ำครวญสะอึกสะอื้น
ราเชลร่ำไห้ถึงลูกๆ ของนาง
และไม่ยอมรับคำปลอบโยนใดๆ
เพราะลูกๆ ของนางจากไปเสียแล้ว”

16 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“หยุดร้องไห้
หยุดหลั่งน้ำตาเสียเถิด
เพราะผลงานของเจ้าจะได้รับรางวัล”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
“พวกเขาจะกลับมาจากแดนศัตรู
17 ดังนั้นอนาคตของเจ้ายังมีความหวัง”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
“ลูกๆ ของเจ้าจะกลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนของตนอีก

18 “แน่ทีเดียว เราได้ยินเสียงเอฟราอิมโอดครวญว่า
‘พระองค์ทรงฝึกข้าพระองค์เหมือนฝึกลูกวัวที่ยังไม่เชื่อง
และข้าพระองค์ก็ถูกฝึกฝน
โปรดทรงช่วยให้ข้าพระองค์คืนสู่ปกติสุข แล้วข้าพระองค์จะหวนกลับมา
เพราะพระองค์ทรงเป็นพระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์
19 เมื่อข้าพระองค์หลงทางไปแล้ว
ข้าพระองค์ก็สำนึกผิด
เมื่อข้าพระองค์เข้าใจแล้ว
ข้าพระองค์ก็ตีอกชกตัว
ข้าพระองค์อับอายและตกต่ำ
เพราะทนรับความอัปยศอดสูจากบาปที่ทำในวัยหนุ่ม’
20 เอฟราอิมเป็นลูกชายที่รัก
เป็นลูกคนโปรดของเราไม่ใช่หรือ?
แม้เราจะพูดตำหนิเขาเนืองๆ
แต่เราก็ยังคงคิดถึงเขา
ฉะนั้นจิตใจของเราอาลัยหาเขา
เราเอ็นดูสงสารเขายิ่งนัก”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

21 “จงตั้งป้ายริมทางขึ้น
ตั้งป้ายชี้ทางไว้
สังเกตทางหลวง
เส้นทางที่เจ้าดำเนินไป
อิสราเอลพรหมจารีเอ๋ย กลับมาเถิด
จงกลับมายังหัวเมืองต่างๆ ของเจ้า
22 ลูกสาวไม่ซื่อเอ๋ย
เจ้าจะเตร็ดเตร่ไปนานสักเท่าใด?
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสร้างสิ่งใหม่ในโลกคือ
ผู้หญิงคนหนึ่งจะโอบล้อม[a]ผู้ชายไว้”

23 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า “เมื่อเรานำพวกเขากลับมาจากการเป็นเชลย[b] ประชาชนในยูดาห์และหัวเมืองต่างๆ จะกลับมาพูดอย่างแต่ก่อนว่า ‘ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าอวยพรเจ้าเถิด ที่พำนักอันชอบธรรมเอ๋ย ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เอ๋ย’ 24 ผู้คนทั้งชาวนาและผู้ที่โยกย้ายไปกับฝูงสัตว์ของตนจะอาศัยอยู่ร่วมกันในยูดาห์และหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ 25 เราจะให้คนอ่อนระโหยชุ่มชื่นขึ้นใหม่ และให้คนหมดแรงได้อิ่มเอม”

26 ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าก็ตื่นขึ้นมองไปรอบๆ การนอนหลับครั้งนี้ทำให้ข้าพเจ้าชื่นใจ

27 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เวลานั้นจะมาถึง เมื่อเราจะสร้างพงศ์พันธุ์อิสราเอลและยูดาห์ โดยให้ทั้งมนุษย์และสัตว์มีลูกหลานมากมาย 28 เช่นเดียวกับที่เราจับตาดูพวกเขาเพื่อถอนรากถอนโคนและรื้อโค่น คว่ำทลาย ล้างผลาญและนำภัยพิบัติมา เราก็จะจับตาดูเขาเพื่อปลูกและสร้างขึ้น” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 29 “เมื่อถึงเวลานั้นผู้คนจะเลิกพูดว่า

“ ‘พ่อกินองุ่นเปรี้ยว
ลูกๆ ก็เข็ดฟัน’

30 เพราะแต่ละคนจะตายเพราะบาปของตนเอง ใครกินองุ่นเปรี้ยว คนนั้นก็เข็ดฟัน”

31 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เวลานั้นจะมาถึง
เมื่อเราจะทำพันธสัญญาใหม่
กับพงศ์พันธุ์อิสราเอล
และกับพงศ์พันธุ์ยูดาห์
32 เป็นพันธสัญญาซึ่งไม่เหมือนพันธสัญญา
ที่เราได้ทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา
เมื่อเราจูงมือพวกเขา
นำออกมาจากดินแดนอียิปต์
เพราะพวกเขาละเมิดพันธสัญญาที่ทำไว้กับเรา
ทั้งๆ ที่เราเป็นเจ้านายของ[c]พวกเขา[d]
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
33 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “นี่คือพันธสัญญาที่เราจะทำกับพงศ์พันธุ์อิสราเอล
หลังจากสมัยนั้น
คือเราจะใส่บทบัญญัติของเราในจิตใจของพวกเขา
จารึกบนหัวใจของพวกเขา
เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา
และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา
34 ผู้คนจะไม่สอนเพื่อนบ้าน
หรือสอนพี่น้องของตนอีกต่อไปว่า ‘จงรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า’
เพราะพวกเขาทุกคนจะรู้จักเรา
ตั้งแต่ผู้น้อยที่สุดไปจนถึงผู้ใหญ่ที่สุด”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
“เพราะเราจะอภัยความชั่วร้ายของเขา
และจะไม่จดจำบาปทั้งหลายของเขาอีกต่อไป”

35 องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงตั้งดวงอาทิตย์

ให้ส่องแสงยามกลางวัน
ผู้ทรงบัญชาดวงจันทร์และดวงดาว
ให้ส่องแสงยามกลางคืน
ผู้ทรงกวนทะเล
จนคลื่นคำรามกึกก้อง
ทรงพระนามว่า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
36 องค์พระผู้เป็นเจ้า ประกาศว่า
“ตราบใดที่กฎเกณฑ์ธรรมชาติเหล่านี้ยังไม่ลับหายไปต่อหน้าเรา
ตราบนั้นวงศ์วานอิสราเอล
จะยังคงเป็นประชาชาติหนึ่งต่อหน้าเราเสมอ”

37 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“ต่อเมื่อฟ้าสวรรค์เบื้องบนหยั่งถึงได้
และฐานรากของโลกเบื้องล่างถูกค้นพบ
เราจึงจะละทิ้งวงศ์วานอิสราเอล
เพราะทุกสิ่งที่พวกเขาได้ทำ”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

38 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “วันเวลาจะมาถึง เมื่อกรุงนี้จะได้รับการสร้างขึ้นใหม่เพื่อเรา ตั้งแต่หอคอยฮานันเอลถึงประตูมุม 39 สายวัดจะขึงตรงจากที่นั่นจดเนินเขากาเรบ แล้วเลี้ยวไปยังโกอาห์ 40 ทั่วทั้งหุบเขาซึ่งเป็นที่ทิ้งซากศพและเถ้าถ่าน ตลอดจนลาดเขาต่างๆ สู่หุบเขาขิดโรนทางฟากตะวันออก ไปจนถึงมุมประตูม้าจะบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า กรุงนี้จะไม่ถูกถอนรากถอนโคนหรือล้มล้างอีกต่อไป”

Read full chapter

Footnotes

  1. 31:22 หรือจะเที่ยวเสาะหาหรือจะปกป้อง
  2. 31:23 หรือเมื่อเราให้เขากลับสู่สภาพดีดังเดิม
  3. 31:32 ฉบับ LXX. และ Syr. ว่าและเราได้หันไปจาก
  4. 31:32 ภาษาฮีบรูว่าสามีของพวกเขา

พระดำรัสเกี่ยวกับเอลาม

34 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวกับเอลามซึ่งมีมาถึงผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ในต้นรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ความว่า

35 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า

“ดูเถิด เราจะหักธนูของเอลาม
ขุมกำลังของเขา
36 เราจะนำลมทั้งสี่จากย่านทั้งสี่ของฟ้าสวรรค์
มาเล่นงานคนเอลาม
เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามลมทั้งสี่
ไม่มีชาติไหนที่เอลาม
ไม่ได้ตกเป็นเชลย
37 เราจะทำให้เอลามแหลกป่นปี้ต่อหน้าศัตรู
ต่อหน้าคนที่หมายเอาชีวิตของเขา
เราจะนำภัยพิบัติ
และโทสะเกรี้ยวกราดลงมาเหนือเขา”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
“เราจะใช้ดาบตามล่าพวกเขา
จนกว่าพวกเขาจะถึงจุดจบ
38 เราจะตั้งบัลลังก์ของเราไว้ในเอลาม
และทำลายกษัตริย์กับเหล่าขุนนาง”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

39 “แต่ในภายภาคหน้า
เราจะให้เอลามกลับสู่สภาพดี”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

พระดำรัสเกี่ยวกับบาบิโลน(A)

50 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์เกี่ยวกับบาบิโลนและดินแดนของชาวบาบิโลน[a]ความว่า

“จงป่าวร้องและประกาศในหมู่ประชาชาติ
จงชูธงขึ้นประกาศออกไป
อย่าปิดบังเลย แต่จงกล่าวว่า
‘บาบิโลนจะถูกยึด
เบลจะอับอายขายหน้า
มาร์ดุคจะหวาดหวั่นขวัญผวา
เทวรูปของบาบิโลนจะอัปยศอดสู
และอกสั่นขวัญแขวน’
ชนชาติหนึ่งจากทางเหนือจะมาโจมตีบาบิโลน
ทำให้ดินแดนนั้นถูกทิ้งร้าง
ไม่มีใครอาศัยอยู่
ทั้งคนและสัตว์จะหนีเตลิดไปหมด”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
“ในเวลานั้น ชนอิสราเอลและยูดาห์
จะร่วมกันแสวงหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเขาด้วยน้ำตานองหน้า
พวกเขาจะถามทาง
และมุ่งหน้ามายังศิโยน
พวกเขาจะเข้ามาผูกพันกับองค์พระผู้เป็นเจ้า
โดยพันธสัญญานิรันดร์
ซึ่งจะไม่ถูกลืมเลือน

“ประชากรของเราเป็นแกะหลงทาง
คนเลี้ยงของพวกเขาได้พาพวกเขาให้หลงเตลิดไป
และเป็นเหตุให้พวกเขาร่อนเร่อยู่บนภูเขา
พวกเขาซัดเซพเนจรไปเหนือภูเขาและเนินเขา
และลืมถิ่นที่พำนักของตน
ผู้ใดพบพวกเขาก็ขย้ำกิน
ศัตรูของพวกเขากล่าวว่า ‘เราไม่ผิด
เพราะพวกเขาทำบาปต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นทุ่งหญ้าที่แท้จริงของพวกเขา
องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นความหวังของบรรพบุรุษของพวกเขา’

“จงหนีจากบาบิโลน
จงออกจากดินแดนของชาวบาบิโลนเถิด
และจงเป็นเหมือนแพะนำฝูง
เพราะเราจะเร่งเร้ากองทัพพันธมิตรของชนชาติใหญ่ๆ จากทางเหนือ
มาสู้รบกับบาบิโลน
พวกเขาจะเข้าประจำที่ต่อสู้กับมัน
บาบิโลนจะถูกยึดโดยคนจากทางเหนือ
ลูกศรของพวกเขาเหมือนนักรบชำนาญศึก
ออกรบคราใดไม่เคยกลับไปมือเปล่า
10 ดังนั้นบาบิโลนจะถูกปล้น
และโจรทุกคนได้ของมากมาย”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

11 “เพราะเจ้าผู้ปล้นกรรมสิทธิ์ของเรา
กระหยิ่มลิงโลด
เพราะเจ้าร่าเริงอย่างวัวสาวย่ำนวดเมล็ดข้าว
และส่งเสียงร้องอย่างม้าตัวผู้
12 มารดาของเจ้าจะอับอายขายหน้ายิ่งนัก
ผู้ให้กำเนิดเจ้าจะอัปยศอดสู
กลายเป็นผู้ต่ำต้อยที่สุดในหมู่ประชาชาติ
เป็นถิ่นกันดาร เป็นทะเลทรายอันแห้งผาก
13 เนื่องด้วยพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า
บาบิโลนจะกลายเป็นถิ่นร้างไม่มีคนอยู่อาศัย
ทุกคนที่ผ่านไปมาจะตะลึงและเย้ยหยัน
เนื่องจากบาดแผลทั้งหมดของมัน

14 “พวกเจ้าผู้โก่งธนู
จงเข้าประจำที่ล้อมรอบบาบิโลน
ระดมยิงมัน! ไม่ต้องออมลูกศร
เพราะมันได้ทำบาปต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
15 จงโห่ร้องเข้าใส่บาบิโลนทุกด้าน!
มันยอมแพ้ หอคอยต่างๆ พังทลาย
กำแพงพังลง
เพราะนี่เป็นการแก้แค้นขององค์พระผู้เป็นเจ้า
จงแก้แค้นบาบิโลน
จงทำกับบาบิโลนเหมือนที่มันเคยทำแก่ชาติอื่นๆ
16 จงตัดผู้หว่าน
และผู้เก็บเกี่ยวซึ่งถือเคียวออกจากบาบิโลน
ให้ทุกคนกลับไปหาพี่น้องร่วมชาติของตน
ให้ทุกคนหนีไปยังบ้านเกิดเมืองนอน
เพราะดาบของผู้กดขี่ข่มเหง

17 “อิสราเอลเป็นฝูงแกะที่กระจัดกระจาย
ซึ่งสิงโตได้ไล่หนีกระเจิง
รายแรกที่ขย้ำเขา
คือกษัตริย์อัสซีเรีย
ล่าสุดผู้ที่บดขยี้กระดูกของเขา
คือกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน”

18 ฉะนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า

“เราจะลงโทษกษัตริย์บาบิโลนและดินแดนของเขา
เหมือนที่เราได้ลงโทษกษัตริย์อัสซีเรีย
19 ส่วนอิสราเอล เราจะนำพวกเขากลับคืนสู่ทุ่งหญ้าของเขาเอง
พวกเขาจะกินหญ้าบนภูเขาคารเมลและบาชาน
พวกเขาจะอิ่มเอม
บนภูเขาเอฟราอิมและในกิเลอาด”
20 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
“ในครั้งนั้น
จะมีการเสาะหาความผิดของอิสราเอล
แต่ไม่พบเลย
และจะมีการเสาะหาบาปทั้งหลายของยูดาห์
แต่ไม่พบเลย
เพราะเราจะอภัยโทษชนหยิบมือที่เหลือซึ่งเราไว้ชีวิต

21 “จงโจมตีดินแดนเมราธาอิม
และผู้คนในเปโขด
ตามล่า ฆ่าทิ้ง และทำลายล้าง[b]ให้หมด”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
“จงทำทุกสิ่งตามที่เราสั่งไว้
22 มีเสียงโห่ร้องออกศึกในดินแดน
เสียงหายนะใหญ่หลวง!
23 ค้อนซึ่งทุบโลกทั้งโลก
ก็แหลกลาญป่นปี้
บาบิโลนถูกทิ้งร้างอย่างสิ้นเชิง
ในหมู่ประชาชาติ!
24 บาบิโลนเอ๋ย เราวางกับดักเจ้าไว้
และเจ้าก็ติดกับก่อนจะรู้ตัว
เจ้าถูกจับได้
เพราะเจ้าต่อสู้ขัดขืนองค์พระผู้เป็นเจ้า
25 องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเปิดคลังสรรพาวุธของพระองค์
และนำอาวุธแห่งพระพิโรธออกมา
เพราะพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดทรงมีพระราชกิจที่จะกระทำ
ในดินแดนของชาวบาบิโลน
26 จงยกกำลังต่อสู้บาบิโลนจากแดนไกล
จงทำลายยุ้งฉางของมันเสีย
จงกองมันไว้เหมือนกองเมล็ดข้าว
จงทำลายล้างมันอย่างสิ้นเชิง
และอย่าให้มีใครหลงเหลืออยู่
27 จงฆ่าวัวหนุ่มของมันให้หมด
ต้อนพวกมันไปโรงเชือด!
วิบัติแก่พวกเขา! เพราะถึงเวลาของพวกเขาแล้ว
เวลาที่พวกเขาจะถูกลงโทษ
28 จงฟังเสียงผู้ลี้ภัยและผู้อพยพจากบาบิโลน
ที่ป่าวร้องในศิโยน
ว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้ทรงแก้แค้นอย่างไร
ทรงแก้แค้นให้พระวิหารของพระองค์อย่างไร

29 “จงเรียกพลธนูมาต่อสู้กับบาบิโลน
บรรดาผู้โก่งคันศร
จงมาตั้งค่ายล้อมบาบิโลนไว้
อย่าให้มีใครหนีรอดไปได้
จงตอบแทนมันให้สาสม
จงทำกับมันเหมือนที่มันเคยทำไว้
เพราะบาบิโลนได้ลบหลู่พระยาห์เวห์
องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
30 ฉะนั้นชายหนุ่มของบาบิโลนจะล้มลงกลางถนน
และทหารทุกคนจะถูกทำให้เงียบเสียงในวันนั้น”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
31 “ดูเถิด เราสู้กับเจ้า คนหยิ่งจองหองเอ๋ย”
องค์พระผู้เป็นเจ้าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น
“เพราะวันเวลาของเจ้านั้นได้มาถึงแล้ว
เวลาที่เจ้าจะถูกลงโทษ
32 คนหยิ่งจองหองจะสะดุดล้มลง
และจะไม่มีใครช่วยพยุงเขาขึ้นมา
เราจะจุดไฟในเมืองต่างๆ ของบาบิโลน
ไฟนี้จะเผาผลาญทุกคนที่อยู่รอบเมือง”

33 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า

“ชาวอิสราเอลถูกกดขี่ข่มเหง
และชาวยูดาห์ก็เช่นกัน
บรรดาคนที่จับเขาไปเป็นเชลยก็กุมตัวเขาไว้แน่น
ไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาไป
34 แต่พระผู้ไถ่ของพวกเขานั้นเข้มแข็ง
พระนามของพระองค์คือ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
พระองค์จะทรงแก้คดีของเขาอย่างแข็งขัน
เพื่อจะทรงนำการพักสงบมาสู่ดินแดนของพวกเขา
และนำความวุ่นวายมายังชาวบาบิโลน”

35 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
“ให้ดาบฟาดฟันชาวบาบิโลน
ฟาดฟันผู้คนในบาบิโลน
และให้ดาบฟาดฟันขุนนางและปราชญ์ของบาบิโลน!
36 ให้ดาบฟาดฟันผู้เผยพระวจนะเท็จ!
พวกเขาจะกลายเป็นคนโง่เขลา
ให้ดาบฟาดฟันนักรบ!
พวกเขาจะเต็มไปด้วยความอกสั่นขวัญแขวน
37 ให้ดาบฟาดฟันเหล่าม้าและรถม้าศึก
และฟาดฟันคนต่างชาติทั้งปวงในกองทัพของเขา!
พวกเขาจะกลายเป็นเหมือนผู้หญิง
ให้ดาบฟาดฟันทรัพย์สมบัติของบาบิโลน!
สิ่งเหล่านั้นจะถูกปล้นชิง
38 ให้ความแห้งแล้งมาเหนือ[c]ห้วงน้ำทั้งหลายของมัน!
พวกมันจะได้เหือดแห้ง
เพราะดินแดนนั้นเต็มไปด้วยรูปเคารพ
และผู้คนก็คลั่งไคล้ไปกับพระต่างๆ

39 “สัตว์ทะเลทรายและสุนัขจิ้งจอกจะอาศัยอยู่ที่นั่น
และนกเค้าแมวจะอยู่ที่นั่น
จะไม่มีผู้คนอาศัยอยู่อีก
ตลอดทุกชั่วอายุ
40 ดังที่พระเจ้าได้ล้มล้างเมืองโสโดมและโกโมราห์
พร้อมทั้งเมืองใกล้เคียง”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
“ดังนั้นจะไม่มีใครอยู่ที่นั่น
จะไม่มีผู้ใดตั้งถิ่นฐานในเมืองนั้น

41 “ดูเถิด กองทัพจะมาจากทางเหนือ
ชนชาติยิ่งใหญ่และกษัตริย์หลายองค์
กำลังถูกเร่งเร้าจากทุกมุมโลก
42 พวกเขามีทั้งธนูและหอก
โหดเหี้ยมและไร้ความเมตตา
เสียงควบม้าของพวกเขา
เหมือนเสียงทะเลคำราม
พวกเขายกกระบวนทัพมาเพื่อโจมตีเจ้า
ธิดาแห่งบาบิโลน[d]เอ๋ย
43 กษัตริย์บาบิโลนได้ยินรายงานข่าว
พระหัตถ์ก็หมดแรง
ความทุกข์ร้าวรานจู่โจมจับพระทัย
เจ็บปวดรวดร้าวดั่งผู้หญิงที่กำลังคลอดลูก
44 เราจะขับไล่บาบิโลนออกจากดินแดน
ในชั่วพริบตา
ดุจสิงโตออกมาจากพงไพรแห่งจอร์แดนสู่ทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์
ใครคือผู้ที่เราเลือกสรรแต่งตั้งเพื่อการนี้?
ผู้ใดเสมอเหมือนเราและใครจะท้าทายเราได้?
คนเลี้ยงแกะหน้าไหนจะยืนต้านทานเราได้?”

45 ฉะนั้นจงฟังแผนการที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะจัดการกับบาบิโลน
สิ่งที่พระองค์ทรงดำริไว้สำหรับดินแดนของชาวบาบิโลน
ลูกอ่อนในฝูงจะถูกลากไป
พระองค์จะทรงทำลายทุ่งหญ้าของพวกเขาจนหมดสิ้น เพราะตัวพวกเขาเอง
46 ทั่วโลกจะสั่นสะท้าน เมื่อได้ยินเสียงบาบิโลนล่มสลาย
เสียงร้องของชาวบาบิโลนจะดังก้องในหมู่ประชาชาติ

51 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“ดูเถิด เราจะดลใจผู้ทำลายล้าง
มาสู้กับบาบิโลนและชาวเลบคามาย[e]
เราจะส่งคนต่างชาติมายังบาบิโลน
เพื่อฝัดร่อนและล้างผลาญดินแดนนั้น
พวกเขาจะมาสู้รบกับบาบิโลนทุกด้าน
ในวันแห่งหายนะของบาบิโลน
อย่าให้พลธนูโก่งธนูได้
และอย่าให้เขาหยิบเสื้อเกราะมาสวมทัน
อย่าไว้ชีวิตชายหนุ่มของดินแดนนั้น
จงทำลาย[f]ทั้งกองทัพให้สิ้นไป
พวกเขาจะล้มตายในบาบิโลน[g]
บาดเจ็บสาหัสตามถนนหนทาง
เพราะพระเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
ไม่ได้ทรงทอดทิ้งอิสราเอลและยูดาห์
แม้ดินแดนของเขา[h]จะเต็มไปด้วยความผิด
ต่อหน้าองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล

“จงหนีจากบาบิโลน!
จงหนีเอาชีวิตรอดเถิด!
อย่าพลอยถูกทำลายเพราะบาปของมัน
ถึงเวลาการแก้แค้นขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว
พระองค์จะทรงกระทำแก่บาบิโลนให้สาสม
บาบิโลนเป็นถ้วยทองคำในพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
บาบิโลนทำให้ทั้งโลกเมามาย
ชนชาติทั้งหลายได้ดื่มเหล้าองุ่นของบาบิโลน
บัดนี้พวกเขาจึงคลุ้มคลั่งไป
บาบิโลนจะล่มจมอย่างฉับพลัน แล้วก็แหลกลาญ
จงร่ำไห้ให้กับมัน!
เอายามาบำบัดความเจ็บปวดให้บาบิโลนสิ
เผื่อว่ามันจะหาย

“ ‘เราน่าจะรักษาบาบิโลนให้หาย
แต่มันก็ไม่ยอมหาย
ให้เราทิ้งบาบิโลน และต่างคนต่างกลับไปยังดินแดนของตน
เพราะโทษทัณฑ์ของบาบิโลนสูงเสียดฟ้า
สูงเทียมเมฆ’

10 “ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ความเป็นธรรมแก่เราแล้ว
มาเถิด ให้เราบอกกล่าวในศิโยน
ถึงสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้ทรงกระทำ’

11 “จงลับลูกศรให้แหลมคม
จงหยิบโล่ขึ้นเตรียมพร้อม
องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเร่งเร้าเหล่ากษัตริย์แห่งมีเดีย
เพราะทรงตั้งใจจะทำลายบาบิโลน
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงแก้แค้น
แก้แค้นให้พระวิหารของพระองค์
12 จงชูธงขึ้นประชิดกำแพงของบาบิโลน!
จงเสริมกำลังผู้รักษาการณ์
จงวางยามประจำ
จงเตรียมกองซุ่มโจมตีไว้!
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำให้สำเร็จตามที่ทรงมุ่งหมายไว้
ตามประกาศิตเกี่ยวกับชาวบาบิโลน
13 เจ้าผู้อาศัยริมห้วงน้ำทั้งหลาย
และมีทรัพย์สมบัติมั่งคั่ง
ถึงจุดจบของเจ้าแล้ว
ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะถูกตัดขาด
14 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ได้ปฏิญาณไว้โดยอ้างพระองค์เองว่า
แน่นอน เราจะให้ผู้คนเนืองแน่นดินแดนของเจ้าเหมือนตั๊กแตนฝูงมหึมา
และพวกเขาจะโห่ร้องมีชัยเหนือเจ้า

Footnotes

  1. 50:1 หรือชาวเคลเดียเช่นเดียวกับข้อ 8,25,35 และ 45
  2. 50:21 คำนี้ในภาษาฮีบรูหมายถึงสิ่งของหรือบุคคลที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วไม่อาจเรียกคืนได้ มักจะต้องทำลายให้หมดสิ้นไป เช่นเดียวกับข้อ 26
  3. 50:38 หรือให้ดาบฟาดฟัน
  4. 50:42 คือ ชาวบาบิโลน
  5. 51:1 เลบคามายเป็นรหัสลับที่หมายถึง เคลเดีย ซึ่งก็คือบาบิโลน
  6. 51:3 คำนี้ในภาษาฮีบรูหมายถึงสิ่งของหรือบุคคลที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วไม่อาจเรียกคืนได้ มักจะต้องทำลายให้หมดสิ้นไป
  7. 51:4 หรือเคลเดีย
  8. 51:5 หรือและดินแดนของชาวบาบิโลน