โยชูวา 10-12
New Thai Version
ดวงอาทิตย์หยุดนิ่ง
10 ทันทีที่อาโดนีเซเดกกษัตริย์แห่งเยรูซาเล็มทราบว่าโยชูวาได้ยึดเมืองอัย และทำลายให้พินาศ และได้กระทำต่อเมืองอัยและกษัตริย์ของเมือง ดังที่กระทำต่อเมืองเยรีโคและกษัตริย์ของเมือง และทราบว่าบรรดาผู้อยู่อาศัยของเมืองกิเบโอนทำสัญญาสันติภาพกับอิสราเอลและอยู่ในหมู่พวกเขา 2 ท่านจึงกลัวมาก เพราะว่าเมืองกิเบโอนเป็นเมืองใหญ่เทียบเท่าเมืองหลวง และเป็นเพราะว่าใหญ่กว่าเมืองอัย อีกทั้งชายทุกคนเป็นนักรบ 3 ดังนั้นอาโดนีเซเดกกษัตริย์แห่งเยรูซาเล็มมีสาสน์ถึงโฮฮัมกษัตริย์แห่งเฮโบรน ถึงปิรามกษัตริย์แห่งยาร์มูท ถึงยาเฟียกษัตริย์แห่งลาคีช และเดบีร์กษัตริย์แห่งเอกโลนว่า 4 “ช่วยขึ้นมาหาเราและช่วยเรา เราไปโจมตีเมืองกิเบโอนกันเถิด เพราะเมืองนั้นมีสันติภาพกับโยชูวาและชาวอิสราเอลแล้ว” 5 ฉะนั้นกษัตริย์ทั้งห้าของชาวอาโมร์คือ กษัตริย์แห่งเยรูซาเล็ม กษัตริย์แห่งเฮโบรน กษัตริย์แห่งยาร์มูท กษัตริย์แห่งลาคีช และกษัตริย์เมืองเอกโลน จึงรวบรวมกำลังของตนขึ้นไปกับกองทัพ และตั้งค่ายทำสงครามต่อสู้กับเมืองกิเบโอน
6 ฝ่ายคนจากเมืองกิเบโอนก็ส่งข่าวไปให้โยชูวาทราบที่ค่ายในกิลกาลว่า “อย่าถอนกำลังไปจากผู้รับใช้ของท่าน ขึ้นมาช่วยชีวิตพวกเราโดยเร็ว เพราะว่ากษัตริย์ทั้งปวงของชาวอาโมร์ที่อาศัยอยู่ในแถบภูเขารวมกำลังต่อสู้กับเรา” 7 โยชูวาจึงขึ้นไปจากกิลกาล พร้อมกับกองทัพทั้งหมดและนักรบผู้เก่งกล้าทุกคน 8 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโยชูวาว่า “ไม่ต้องกลัวพวกเขา เพราะว่าเราทำให้พวกเขาตกอยู่ในเงื้อมมือของเจ้า ไม่มีผู้ใดในพวกเขาที่จะยืนต่อต้านเจ้าได้” 9 หลังจากที่โยชูวาเดินทางตลอดทั้งคืนขึ้นไปจากกิลกาล ท่านก็เข้าโจมตีพวกนั้นทันที 10 พระผู้เป็นเจ้าทำให้เขาเหล่านั้นหวาดหวั่นพรั่นพรึงต่อหน้าคนอิสราเอล และอิสราเอลฆ่าคนจำนวนมากที่เมืองกิเบโอน คนอิสราเอลไล่ล่าพวกนั้นไปทางที่ขึ้นไปยังเบธโฮโรน และไล่ฆ่าพวกเขาจนถึงเมืองอาเซคาห์และมักเคดาห์ 11 และในขณะที่เขาเหล่านั้นกำลังวิ่งหนีลงไปต่อหน้าคนอิสราเอลจากเมืองเบธโฮโรน พระผู้เป็นเจ้าก็ทำให้ลูกเห็บตกลงมาจากฟ้า จนพวกเขาไปถึงเมืองอาเซคาห์ แล้วก็ตาย คนตายเพราะลูกเห็บมีจำนวนมากกว่าคนตายเพราะคมดาบของชาวอิสราเอล
12 ในวันที่พระผู้เป็นเจ้ามอบชาวอาโมร์ให้แก่ชาวอิสราเอล โยชูวาพูดกับพระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าคนอิสราเอลในครั้งนั้นว่า
“ดวงอาทิตย์เอ๋ย จงหยุดนิ่งอยู่ที่กิเบโอน
และดวงจันทร์เอ๋ย หยุดอยู่ที่หุบเขาอัยยาโลน”
13 ดวงอาทิตย์หยุดนิ่ง
และดวงจันทร์ก็หยุดด้วย
จนกระทั่งประชาชาตินั้นได้แก้แค้นพวกศัตรูก่อน
เรื่องนี้ไม่มีบันทึกอยู่ในหนังสือของยาชาร์หรือ ดวงอาทิตย์หยุดนิ่งอยู่กลางท้องฟ้า และไม่ได้รีบตกดินจนกว่าเวลาจะล่วงไปประมาณ 1 วัน 14 ไม่เคยมีวันใดที่เป็นเหมือนวันนั้น ทั้งก่อนหน้านี้หรือหลังจากวันนั้นมา เมื่อพระผู้เป็นเจ้าฟังเสียงมนุษย์ เพราะว่า พระผู้เป็นเจ้าต่อสู้เพื่ออิสราเอล
15 แล้วโยชูวากับคนอิสราเอลทั้งปวงก็กลับไปยังค่ายที่กิลกาล
กษัตริย์ทั้งห้าของชาวอาโมร์ถูกประหาร
16 กษัตริย์ทั้งห้าหนีไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำที่มักเคดาห์ 17 โยชูวาได้ยินมาว่า “มีคนพบกษัตริย์ทั้งห้าที่หลบซ่อนอยู่ในถ้ำที่มักเคดาห์” 18 โยชูวาพูดว่า “จงกลิ้งหินก้อนใหญ่ๆ ปิดปากถ้ำไว้ และให้คนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ 19 แต่ตัวท่านเองอย่าอยู่ที่นั่น จงไล่ตามศัตรูของท่านไป โจมตีจากด้านหลัง อย่าปล่อยให้พวกเขาเข้าไปในเมือง ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านทำให้เขาเหล่านั้นตกอยู่ในเงื้อมมือของท่านแล้ว” 20 เมื่อโยชูวาและชาวอิสราเอลฆ่าเขาเหล่านั้นตายหลายคนจนพินาศ ส่วนที่เหลืออยู่ไม่กี่คนก็หนีเข้าไปในเมืองซึ่งมีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่ง 21 แล้วประชาชนทั้งปวงกลับไปหาโยชูวาที่ค่ายที่มักเคดาห์โดยปลอดภัย ไม่มีผู้ใดปริปากต่อต้านชาวอิสราเอลอีก
22 โยชูวาพูดว่า “จงเปิดปากถ้ำ และพากษัตริย์ทั้งห้าออกมาหาเรา” 23 พวกเขาก็กระทำตาม โดยพากษัตริย์ทั้งห้านั้นออกจากถ้ำมาหาท่าน มีกษัตริย์แห่งเยรูซาเล็ม กษัตริย์แห่งเฮโบรน กษัตริย์แห่งยาร์มูท กษัตริย์แห่งลาคีช และกษัตริย์แห่งเอกโลน 24 เมื่อเขาพากษัตริย์เหล่านั้นออกมาหาโยชูวา โยชูวาจึงบัญชาชายชาวอิสราเอลทุกคน และพูดกับหัวหน้านักรบที่ออกไปต่อสู้ด้วยกันกับท่าน “เข้ามาใกล้ๆ เอาเท้าเหยียบคอกษัตริย์เหล่านี้” พวกเขาก็เข้าไปใกล้ๆ แล้วเอาเท้าเหยียบที่คอเหล่ากษัตริย์ 25 โยชูวาพูดกับพวกเขาว่า “อย่ากลัวหรือท้อใจเลย จงเข้มแข็งและกล้าหาญ พระผู้เป็นเจ้าจะกระทำเช่นนี้ต่อศัตรูทุกคนที่ท่านจะต้องต่อสู้ด้วย” 26 หลังจากนั้นโยชูวาก็ฆ่ากษัตริย์เหล่านั้น และแขวนคอท่านไว้บนต้นไม้ 5 ต้น แขวนค้างอยู่บนต้นไม้จนตกเย็น 27 แต่พอถึงเวลาตะวันตกดิน โยชูวาบัญชาให้เอาศพลงจากต้นไม้และโยนเข้าไปในถ้ำที่เคยซ่อนตัวกัน และพวกเขาก็วางหินก้อนใหญ่หลายก้อนปิดปากถ้ำไว้ ซึ่งยังอยู่ที่นั่นมาจนถึงทุกวันนี้
28 โยชูวาได้ยึดเมืองมักเคดาห์ไว้ในวันนั้น และฆ่ากษัตริย์ของเมืองด้วยคมดาบ ท่านทำลายล้างทุกชีวิตในเมืองโดยไม่เว้นแม้แต่คนเดียว และท่านทำต่อกษัตริย์แห่งมักเคดาห์เหมือนกับที่ได้ทำต่อกษัตริย์แห่งเยรีโค
ชัยชนะทางทิศใต้ของคานาอัน
29 ครั้นแล้วโยชูวากับคนอิสราเอลทั้งปวงก็เดินทัพต่อไปจากเมืองมักเคดาห์จนถึงเมืองลิบนาห์ และโจมตีลิบนาห์ 30 และพระผู้เป็นเจ้าทำให้ทั้งเมืองและกษัตริย์ตกอยู่ในเงื้อมมือของอิสราเอล ท่านยึดเมืองและทุกคนในเมืองด้วยคมดาบโดยไม่ไว้ชีวิตใครสักคน และท่านกระทำต่อกษัตริย์เหมือนกับที่กระทำต่อกษัตริย์แห่งเยรีโค
31 แล้วโยชูวากับคนอิสราเอลทั้งปวงเดินศึกต่อไปจากเมืองลิบนาห์จนถึงเมืองลาคีช ล้อมเมืองไว้และต่อสู้กับเมืองนั้น 32 และพระผู้เป็นเจ้าทำให้เมืองลาคีชตกอยู่ในเงื้อมมือของอิสราเอล ท่านยึดเมืองได้ในวันที่สอง ตีได้ทั้งเมืองและฆ่าทุกคนด้วยคมดาบ เหมือนกับที่กระทำต่อเมืองลิบนาห์
33 แล้วโฮรามกษัตริย์แห่งเกเซอร์ขึ้นมาช่วยเมืองลาคีช โยชูวาจึงฆ่าท่านและคนของท่านจนไม่มีใครเหลือ
34 แล้วโยชูวากับคนอิสราเอลทั้งปวงเดินศึกต่อไปจากเมืองลาคีชจนถึงเมืองเอกโลน ล้อมเมืองไว้และต่อสู้กับเมืองนั้น 35 พวกเขายึดเมืองได้ในวันนั้น ฆ่าคนในเมืองด้วยคมดาบ และในวันนั้นท่านทำลายล้างทุกชีวิตในเมือง เหมือนกับที่กระทำต่อเมืองลาคีช
36 แล้วโยชูวากับคนอิสราเอลขึ้นไปจากเมืองเอกโลนจนถึงเมืองเฮโบรน และโจมตีเมืองนั้น 37 และยึดเมืองได้ รวมทั้งกษัตริย์และตำบลโดยรอบ และฆ่าทุกคนในเมืองด้วยคมดาบ ท่านไม่ไว้ชีวิตแม้แต่คนเดียว เหมือนกับที่ได้กระทำต่อเมืองเอกโลน ทำลายเมืองและทำลายล้างทุกชีวิตด้วย
38 แล้วโยชูวากับคนอิสราเอลทั้งปวงก็กลับไปยังเมืองเดบีร์และต่อสู้กับเมืองนั้น 39 ท่านยึดเมืองกับกษัตริย์ และตำบลโดยรอบไว้ได้ทั้งหมด พวกเขาฆ่าคนในเมืองด้วยคมดาบ และทำลายล้างทุกชีวิตในเมือง ท่านไม่ไว้ชีวิตแม้แต่คนเดียว ท่านกระทำต่อเมืองเดบีร์และกษัตริย์ของเมืองนั้น เหมือนกับที่ได้กระทำต่อเมืองเฮโบรน และต่อลิบนาห์กับกษัตริย์ของเมือง
40 ฉะนั้น โยชูวาตีได้แผ่นดินทั้งหมดคือ รวมถึงแถบภูเขา ในเนเกบ ที่ลุ่ม และเนินสูง และกษัตริย์ทั้งปวง ท่านไม่ไว้ชีวิตสักคนเดียว คือทำลายล้างทุกชีวิต ตามที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลบัญชาไว้ 41 และโยชูวาตีเมืองตั้งแต่คาเดชบาร์เนียไปจนถึงเมืองกาซา และดินแดนทั้งหมดของโกเชนจนถึงเมืองกิเบโอน 42 โยชูวาจับกุมกษัตริย์เหล่านี้พร้อมกับดินแดนของท่านไว้ได้ในคราวเดียวกัน เพราะว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลได้ต่อสู้เพื่ออิสราเอล 43 แล้วโยชูวากับคนอิสราเอลทั้งปวงก็กลับไปยังค่ายที่กิลกาล
ชัยชนะทางทิศเหนือของคานาอัน
11 เมื่อยาบินกษัตริย์แห่งฮาโซร์ได้ยินเรื่องนี้ จึงให้คนไปหาโยบับกษัตริย์แห่งมาโดน กษัตริย์แห่งชิมโรน และกษัตริย์แห่งอัคชาฟ 2 และไปหาบรรดากษัตริย์ที่อยู่ในแถบภูเขาทางทิศเหนือ และในอาราบาห์ที่ใต้คินเนโรท ในที่ลุ่ม และนาฟาทโดร์ทางด้านตะวันตก 3 ไปหาชาวคานาอันทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ชาวอาโมร์ ชาวฮิต ชาวเปริส ชาวเยบุสที่แถบภูเขา และชาวฮีวที่อยู่ด้านล่างลงมาจากภูเขาเฮอร์โมนในดินแดนมิสปาห์ 4 และท่านเหล่านั้นออกมาพร้อมกับกองทหาร มีกองทัพมากมายราวกับเม็ดทรายบนชายฝั่งทะเล มีม้าและรถศึกจำนวนมาก 5 กษัตริย์เหล่านั้นรวมกำลังเข้าด้วยกัน และไปตั้งค่ายกันที่ธารน้ำเมโรม เพื่อต่อสู้กับอิสราเอล
6 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโยชูวาว่า “อย่ากลัวพวกนั้นเลย เพราะว่าในวันพรุ่งนี้เวลาประมาณนี้ เราจะมอบพวกเขาทุกคนไว้ในมือของอิสราเอล เจ้าจะทำให้ม้าของพวกเขาพิการ และเผารถศึกของเขา” 7 ดังนั้น โยชูวากับกองทหารทั้งหมดก็เข้าโจมตีทันทีที่ใกล้ธารน้ำเมโรม 8 และพระผู้เป็นเจ้ามอบเขาเหล่านั้นไว้ในมือของอิสราเอล พวกเขาตีได้และไล่ล่าไปจนถึงมหาไซดอนและมิสเรโฟทมาอิม และทางทิศตะวันออกก็ไปจนถึงหุบเขามิสเปห์ ฆ่าเขาเหล่านั้นจนกระทั่งไม่มีใครเหลือ 9 และโยชูวากระทำต่อพวกเขาอย่างที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านไว้ ท่านทำให้ม้าของพวกเขาพิการและเผารถศึกของเขา
10 ในเวลานั้น โยชูวากลับไปยึดเมืองฮาโซร์ และฆ่ากษัตริย์ด้วยคมดาบ เพราะว่าก่อนหน้านี้ฮาโซร์เป็นหัวหน้าของอาณาจักรเหล่านั้น 11 พวกเขาใช้ดาบทำลายล้างทุกชีวิตในเมือง ไม่มีใครที่หายใจได้หลงเหลืออยู่ และท่านเผาเมืองฮาโซร์ 12 โยชูวายึดทุกเมืองที่เป็นของกษัตริย์เหล่านั้นอีกทั้งกษัตริย์ทั้งหมด และทำลายล้างชีวิตของพวกเขาทุกคนด้วยคมดาบ ตามที่โมเสสผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าบัญชาไว้ 13 แต่เมืองที่ตั้งอยู่บนเนินเขาไม่ถูกอิสราเอลเผา ยกเว้นฮาโซร์เท่านั้นที่โยชูวาเผา 14 ชาวอิสราเอลเอาของที่ริบได้จากเมืองเหล่านั้นกับสัตว์เลี้ยงไปใช้ แต่คนทุกคนถูกฆ่าตายด้วยคมดาบจนกระทั่งไม่มีใครที่หายใจได้หลงเหลืออยู่ 15 พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์อย่างไร โมเสสก็บัญชาโยชูวาอย่างนั้น และโยชูวาก็กระทำไปตามนั้น ท่านไม่ได้กระทำสิ่งใดอันขาดตกบกพร่องในเรื่องที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส
16 ฉะนั้น โยชูวาเอาแผ่นดินทั้งหมดไป คือในแถบภูเขา เนเกบทั้งหมด แผ่นดินโกเชนทั้งหมด ที่ลุ่ม และอาราบาห์ แถบภูเขาและที่ลุ่มของอิสราเอล 17 ตั้งแต่ภูเขาฮาลักขึ้นไปจนถึงเสอีร์ ไกลไปจนถึงบาอัลกาดในหุบเขาเลบานอนที่อยู่ถัดลงมาจากภูเขาเฮอร์โมน และท่านจับกุมกษัตริย์ทั้งหมดของพวกเขาและปลิดชีวิตเสียสิ้น 18 โยชูวาทำสงครามอยู่กับกษัตริย์เหล่านั้นเป็นเวลานาน 19 ไม่มีเมืองใดที่มีสันติภาพกับชาวอิสราเอล ยกเว้นชาวฮีวผู้อยู่อาศัยของเมืองกิเบโอน เมืองอื่นๆ ถูกปราบในสงคราม 20 พระผู้เป็นเจ้าทำให้พวกเขาใจแข็งกระด้าง และทำให้พวกเขาเข้าโจมตีอิสราเอลในสงคราม เพื่อทำลายล้างชีวิตของพวกเขาทุกคน และไม่สมควรได้รับความเมตตา แต่เป็นความพินาศ ตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส
21 ในเวลานั้นโยชูวาไปทำให้ชาวอานาคที่อยู่แถบภูเขา ที่เฮโบรน ที่เดบีร์ ที่อานาบ และที่แถบภูเขาทั้งหมดของอิสราเอลพินาศด้วย โยชูวาทำลายล้างทุกชีวิตของเขาเหล่านั้นพร้อมกับเมืองของเขาทุกเมือง 22 ไม่มีชาวอานาคเหลืออยู่ในแผ่นดินของชาวอิสราเอล จะมีเหลืออยู่บ้างก็ที่กาซา กัท และที่อัชโดด 23 ฉะนั้นโยชูวายึดเอาแผ่นดินไปทั้งหมด ตามที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสส และโยชูวาได้มอบให้แก่อิสราเอลเป็นมรดกตามส่วนแบ่งของแต่ละเผ่า และแผ่นดินก็สงบจากศึกสงคราม
กษัตริย์ที่พ่ายแพ้
12 บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินที่ชาวอิสราเอลตีพ่ายและยึดเป็นเจ้าของดินแดนโพ้นแม่น้ำจอร์แดนไปทางทิศที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ตั้งแต่ลุ่มน้ำอาร์โนนถึงภูเขาเฮอร์โมน รวมทั้งหมดที่ด้านตะวันออกของอาราบาห์ 2 สิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมร์ผู้อาศัยอยู่ที่เฮชโบนและปกครองจากอาโรเออร์ซึ่งอยู่ริมลุ่มน้ำอาร์โนน และจากกลางหุบเขาจนถึงแม่น้ำยับบอกซึ่งเป็นชายแดนของชาวอัมโมน คือครึ่งหนึ่งของกิเลอาด 3 และแถบตะวันออกของอาราบาห์ จากทะเลสาบคินเนโรทจรดทะเลในแถบอาราบาห์คือทะเลเกลือ และทางไปยังเบธเยชิโมท ลงไปทางใต้จนถึงเชิงเนินเขาปิสกาห์ 4 และโอกกษัตริย์แห่งบาชานผู้เป็นคนหนึ่งของชาวเรฟา[a]ที่เหลืออยู่ และอาศัยอยู่ที่อัชทาโรทและที่เอเดรอี 5 และปกครองภูเขาเฮอร์โมนและสาเลคาห์ และทั่วบาชาน ไปจนถึงชายแดนของชาวเกชูร์และชาวมาอาคาห์ และมากกว่าครึ่งหนึ่งของกิเลอาด จนถึงชายแดนของสิโหนกษัตริย์แห่งเฮชโบน 6 โมเสสผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า และชาวอิสราเอลตีเขาเหล่านั้นพ่ายไป โมเสสผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้ามอบดินแดนให้แก่ชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์เป็นมรดก
7 บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินที่โยชูวาและชาวอิสราเอลตีพ่ายทางทิศตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ตั้งแต่บาอัลกาดในหุบเขาเลบานอนจนถึงภูเขาฮาลักขึ้นไปจนถึงเสอีร์ (และโยชูวามอบดินแดนของท่านเหล่านั้นให้แก่บรรดาเผ่าต่างๆ ของอิสราเอลเป็นมรดกตามส่วนแบ่งของพวกเขา 8 ในแถบภูเขา ในที่ลุ่ม ในอาราบาห์ ที่เนินสูง ในถิ่นทุรกันดาร และในเนเกบซึ่งเป็นดินแดนของชาวฮิต ชาวอาโมร์ ชาวคานาอัน ชาวเปริส ชาวฮีว และชาวเยบุส) 9 กษัตริย์ประจำเมืองต่างๆ มีดังต่อไปนี้ กษัตริย์แห่งเยรีโค กษัตริย์แห่งอัยใกล้เบธเอล 10 กษัตริย์แห่งเยรูซาเล็ม กษัตริย์แห่งเฮโบรน 11 กษัตริย์แห่งยาร์มูท กษัตริย์แห่งลาคีช 12 กษัตริย์แห่งเอกโลน กษัตริย์แห่งเกเซอร์ 13 กษัตริย์แห่งเดบีร์ กษัตริย์แห่งเกเดอร์ 14 กษัตริย์แห่งโฮร์มาห์ กษัตริย์แห่งอาราด 15 กษัตริย์แห่งลิบนาห์ กษัตริย์แห่งอดุลลาม 16 กษัตริย์แห่งมักเคดาห์ กษัตริย์แห่งเบธเอล 17 กษัตริย์แห่งทัปปูวาห์ กษัตริย์แห่งเฮเฟอร์ 18 กษัตริย์แห่งอาเฟก กษัตริย์แห่งลาชาโรน 19 กษัตริย์แห่งมาโดน กษัตริย์แห่งฮาโซร์ 20 กษัตริย์แห่งชิมโรนเมโรน กษัตริย์แห่งอัคชาฟ 21 กษัตริย์แห่งทาอานาค กษัตริย์แห่งเมกิดโด 22 กษัตริย์แห่งเคเดช กษัตริย์แห่งโยกเนอัมในคาร์เมล 23 กษัตริย์แห่งโดร์ที่อยู่ในนาฟาทโดร์ กษัตริย์แห่งโกยิมในกิลกาล 24 กษัตริย์แห่งทีรซาห์ รวมกษัตริย์ทั้งหมด 31 ท่าน
Footnotes
- 12:4 เผ่าพันธุ์มนุษย์ยักษ์ที่อาศัยอยู่ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน
ลูกา 1:39-56
New Thai Version
มารีย์ทักทายเอลีซาเบธ
39 มารีย์รีบเดินทางไปยังเมืองหนึ่งซึ่งตั้งอยู่แถบเทือกเขาแห่งแคว้นยูเดีย 40 ครั้นเธอเข้าบ้านของเศคาริยาห์ก็ได้ทักทายกับเอลีซาเบธ 41 เมื่อเอลีซาเบธได้ยินเสียงทักทาย ทารกในครรภ์ก็ดิ้นแรงราวกับจะโลดแล่น และทันใดนั้นเอลีซาเบธก็เปี่ยมล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ 42 เอลีซาเบธร้องด้วยเสียงอันดัง และกล่าวว่า “ในหมู่สตรีทั้งหลายเธอเป็นผู้ที่ได้รับพระพร และบุตรในครรภ์ของเธอก็เช่นกัน 43 เป็นไปได้อย่างไรที่มารดาของพระผู้เป็นเจ้าของฉันมาเยี่ยมฉัน 44 เมื่อได้ยินเสียงเธอทักทาย ทารกในครรภ์ของฉันจึงดิ้นด้วยความยินดี 45 เธอคือผู้ที่ได้รับพระพร เพราะเธอเชื่อว่าสิ่งทั้งหลายจะสัมฤทธิผลตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า”
มารีย์สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
46 มารีย์พูดว่า
“จิตวิญญาณของฉันเชิดชูพระผู้เป็นเจ้า
47 วิญญาณของฉันชื่นชมยินดีในพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดพ้นของฉัน
48 เพราะพระองค์สนใจผู้รับใช้ซึ่งเจียมตัว
ดูเถิด ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทุกชั่วอายุคนจะถือว่าฉันได้รับพระพร
49 ด้วยว่าองค์ผู้มีอานุภาพกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่แก่ฉัน
และพระนามของพระองค์ก็บริสุทธิ์
50 ความเมตตาของพระองค์ดำรงอยู่ทุกกาล
หากว่ามีผู้ใดเกรงกลัวในพระองค์
51 พระองค์ก็แสดงอานุภาพด้วยแขนของพระองค์
สำหรับผู้ที่มีความเย่อหยิ่งในหัวใจ พระองค์ทำให้แยกกระจัดกระจายไป
52 พระองค์นำให้ผู้สูงส่งลงจากบัลลังก์
และยกผู้ถ่อมตัวขึ้นมา
53 ผู้ที่หิวกระหาย พระองค์ก็ให้จนอิ่มหนำด้วยสิ่งดี
และผู้มั่งมี พระองค์ก็จะส่งกลับไปมือเปล่า
54 พระองค์ได้ช่วยผู้รับใช้ของพระองค์คือชาวอิสราเอล
พระองค์ได้ระลึกถึงความเมตตาของพระองค์
55 ที่มีต่ออับราฮัม[a]และผู้สืบเชื้อสายตลอดไป
ดังที่พระองค์กล่าวกับบรรพบุรุษของเรา”
56 มารีย์พักอยู่กับเอลีซาเบธประมาณ 3 เดือนจึงได้กลับบ้านไป
Read full chapterFootnotes
- 1:55 อับราฮัม เป็นบิดาต้นตระกูลของชนชาติยิว
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation