Add parallel Print Page Options

23 พระเยซูตอบเขาทั้งสองว่า “ถึงกำหนดเวลาแล้วที่บุตรมนุษย์จะได้รับพระบารมี 24 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ถ้าเมล็ดข้าวสาลีไม่ตกลงบนพื้นดินและตายไป เมล็ดนั้นก็จะอยู่เพียงเมล็ดเดียว แต่ถ้าเมล็ดตายไปก็จะเกิดผลงอกงาม 25 ผู้ที่รักชีวิตของตนจะสูญเสียชีวิตนั้นไป และผู้ที่ชังชีวิตของตนในโลกนี้จะรักษาชีวิตไว้ได้ชั่วนิรันดร์ 26 ถ้าผู้ใดรับใช้เราก็ให้ติดตามเรามา และเราอยู่ที่ไหนผู้รับใช้ของเราก็จะอยู่ด้วย ถ้าผู้ใดรับใช้เรา พระบิดาก็จะให้เกียรติแก่ผู้นั้น

27 ขณะนี้จิตใจของเราเป็นทุกข์ จะให้เราพูดอย่างไรดี จะให้พูดว่า ‘พระบิดา โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากช่วงเวลานี้เถิด’ อย่างนั้นหรือ ก็ไม่ได้ เป็นเพราะเหตุนี้เราจึงได้มาเผชิญช่วงเวลานี้อยู่ 28 พระบิดา ขอพระนามของพระองค์ได้รับพระบารมีเถิด” ในขณะนั้นได้มีเสียงจากสวรรค์ว่า “เราทั้งได้รับบารมีแล้ว และจะได้รับอีก” 29 บางคนในฝูงชนที่ยืนฟังอยู่พูดกันว่าเป็นเสียงฟ้าร้อง บ้างก็ว่าทูตสวรรค์ได้พูดกับพระองค์ 30 พระเยซูตอบว่า “เสียงนี้ไม่ได้เปล่งออกมาเพื่อเรา แต่เพื่อพวกท่าน 31 บัดนี้การกล่าวโทษอยู่กับโลกนี้ และบัดนี้ผู้ครองโลก[a]จะถูกโยนออกไปแล้ว 32 เมื่อเราถูกชูขึ้นเหนือโลก เราจะนำให้ทุกคนมาหาเรา” 33 พระองค์กล่าวเช่นนี้เพื่อชี้ให้เห็นว่าพระองค์จะต้องสิ้นชีวิตอย่างไร 34 ฝูงชนจึงตอบว่า “เราได้ยินจากกฎบัญญัติว่าพระคริสต์จะดำรงอยู่ตลอดกาล และท่านพูดได้อย่างไรว่า ‘บุตรมนุษย์จะต้องถูกชูขึ้น’ บุตรมนุษย์คือใคร” 35 พระเยซูกล่าวกับเขาเหล่านั้นว่า “ในเมื่อความสว่างยังอยู่กับท่านยาวนานขึ้นอีกชั่วประเดี๋ยวหนึ่ง จงเดินขณะที่ยังมีความสว่างอยู่ เพื่อว่าความมืดจะได้เอาชนะท่านไม่ได้ ผู้ที่เดินอยู่ในความมืดย่อมไม่รู้ว่าจะไปทางไหน 36 ขณะที่มีความสว่าง ก็จงเชื่อในความสว่าง เพื่อว่าท่านจะได้เป็นพวกบุตรของความสว่าง” หลังจากที่พระเยซูกล่าวถึงสิ่งเหล่านี้แล้วก็จากไปเพื่อหลบซ่อนให้พ้นจากพวกเขา

Read full chapter

Footnotes

  1. 12:31 ผู้ครองโลกคือ พญามารหรือซาตาน