Add parallel Print Page Options

เอลีชาและน้ำมันของหญิงม่าย

ภรรยาของผู้หนึ่งที่อยู่ในกลุ่มผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าร้องต่อเอลีชาว่า “ผู้รับใช้ของท่าน คือสามีของฉันเสียชีวิต และท่านก็ทราบว่าผู้รับใช้ของท่านยำเกรงพระผู้เป็นเจ้า แต่เจ้าหนี้กำลังจะมายึดเอาลูกทั้งสองของฉันไปเป็นทาสของเขา” เอลีชาถามนางว่า “จะให้ฉันทำอะไรให้เจ้าล่ะ บอกฉันมาว่า เจ้ามีอะไรในบ้านบ้าง” นางตอบว่า “ผู้รับใช้ของท่านไม่มีอะไรในบ้าน นอกจากน้ำมันเพียงเล็กน้อย” ท่านบอกว่า “ออกไปหาเพื่อนบ้าน ไปขอยืมไหเปล่าจากทุกคนมาให้มากที่สุดเท่าที่จะหามาได้ แล้วเจ้ากับลูกๆ ก็เข้าบ้านปิดประตูเสีย จงเทน้ำมันใส่ไหเหล่านั้น พอเทเต็มแล้วก็วางแยกไว้” ดังนั้น นางก็ไปทำตามและปิดประตู อยู่ตามลำพังกับลูกของนาง เมื่อนางเทน้ำมัน ลูกๆ ก็จะเอาไหใบอื่นๆ มาให้นางเทใส่อีก ครั้นไหเต็มหมดแล้ว นางบอกลูกว่า “เอาไหอีกใบมา” เขาก็ตอบนางว่า “ไม่มีเหลือแล้ว” และน้ำมันก็หยุดไหล นางมาบอกคนของพระเจ้า และท่านพูดว่า “เอาน้ำมันไปขายใช้หนี้ของเจ้าเสีย ส่วนที่เหลือนั้น ตัวเจ้ากับลูกๆ ก็จะมีไว้เพื่อเลี้ยงชีวิตต่อไป”

เอลีชาและหญิงชาวชูเนม

วันหนึ่ง เอลีชาเดินทางต่อไปถึงเมืองชูเนม ซึ่งที่นั่นมีสตรีผู้เป็นที่นับหน้าถือตาคนหนึ่งอาศัยอยู่ นางชักชวนให้ท่านรับประทานอาหาร ดังนั้นเมื่อใดที่ท่านผ่านไปทางนั้น ท่านจะแวะรับประทานอาหารที่นั่น นางพูดกับสามีของนางว่า “ดูเถิด ฉันทราบว่าท่านผู้นี้เป็นคนของพระเจ้า และท่านเดินทางผ่านมาทางบ้านเราเป็นประจำ 10 เรามากั้นห้องเล็กๆ บนดาดฟ้า พร้อมจัดที่นอน โต๊ะ เก้าอี้ กับตะเกียงดวงหนึ่งไว้ เพื่อว่าเวลาท่านมาหาเรา ท่านจะได้ขึ้นไปพักอยู่ที่นั่น”

11 วันหนึ่งท่านก็ไปที่นั่น ท่านเข้าไปในห้องที่เตรียมไว้ และพักผ่อนอยู่ที่นั่น 12 ท่านพูดกับเกหะซีคนรับใช้ของท่านว่า “ช่วยไปเรียกหญิงชาวชูเนมมา” เมื่อเขาไปเรียกนาง นางก็มา 13 ท่านบอกเกหะซีว่า “บอกนางว่า ‘ดูสิ ท่านลำบากเป็นธุระเพื่อพวกเรา ท่านมีสิ่งใดที่จะให้เราช่วยบ้างไหม ท่านมีอะไรที่จะให้เราพูดกับกษัตริย์หรือผู้บังคับกองพันทหารหรือไม่’” นางตอบว่า “ฉันอยู่กับคนรอบข้างของฉัน” 14 ท่านพูดกับคนรับใช้ว่า “แล้วมีอะไรที่เราจะทำให้เธอได้บ้าง” เกหะซีตอบว่า “เธอไม่มีลูกชาย และสามีนางก็ชราแล้ว” 15 ท่านพูดว่า “จงไปเรียกเธอมา” เมื่อเขาเรียกนางแล้ว นางก็ยืนที่หน้าประตู 16 ท่านพูดว่า “นับจากนี้ไปประมาณ 1 ปี ในฤดูนี้ ท่านจะได้โอบกอดลูกชายคนหนึ่ง” นางตอบว่า “อย่าเลย เจ้านายของฉัน โอ คนของพระเจ้า ขอท่านอย่าโกหกฉันเลย” 17 แต่หญิงคนนั้นได้ตั้งครรภ์ และนางคลอดบุตรเป็นชาย ตามเวลาประมาณนั้น คือช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีต่อมา อย่างที่เอลีชาได้บอกนาง

เอลีชาทำให้บุตรของชาวชูเนมฟื้นขึ้นมา

18 เมื่อเด็กคนนั้นเติบโตขึ้น อยู่มาวันหนึ่งเขาออกไปหาบิดาของเขาซึ่งกำลังอยู่กับเหล่าคนเกี่ยวข้าว 19 เขาพูดกับบิดาว่า “โอ หัวของลูก หัวของลูก” บิดาบอกคนรับใช้ว่า “อุ้มไปหาแม่ของเขา” 20 เมื่อเขาอุ้มเด็กไปหามารดา เด็กก็นั่งบนตักของนางจนถึงเที่ยงวันแล้วก็สิ้นชีวิต 21 นางจึงอุ้มเด็กขึ้นไป และวางเขาลงบนเตียงของคนของพระเจ้า และปิดประตูทิ้งเขาไว้ แล้วนางก็ออกไป 22 และนางเรียกสามีมา พูดว่า “ขอท่านช่วยจัดการเรียกคนรับใช้ให้ฉันคนหนึ่ง และขอลาตัวหนึ่งด้วย ฉันจะไปหาคนของพระเจ้าโดยเร็ว แล้วฉันจะกลับมา” 23 เขาถามนางว่า “ทำไมเธอจึงจะไปหาท่านในวันนี้เล่า มันไม่ใช่วันข้างขึ้นหรือวันสะบาโตนี่นา” นางตอบว่า “ท่านไม่ต้องกังวลหรอก” 24 แล้วนางก็ผูกอานลา และสั่งคนรับใช้ของนางว่า “เจ้าเร่งลาออกไปเถิด ไม่ต้องรั้งให้ช้าลงเพราะฉัน นอกจากฉันจะบอก” 25 ดังนั้น นางจึงเดินทางไป และมาพบคนของพระเจ้าที่ภูเขาคาร์เมล

เมื่อคนของพระเจ้าเห็นนางเดินมา ท่านพูดกับเกหะซีคนรับใช้ว่า “ดูโน่น ชาวชูเนม 26 เจ้าจงรีบวิ่งไปหาเธอ และถามว่า ‘ท่านสบายดีหรือ สามีของท่านสบายดีหรือ ลูกของท่านสบายดีหรือ’” นางตอบเขาว่า “ทุกคนสบายดี” 27 เมื่อนางมาถึงภูเขา นางก็ไปหาคนของพระเจ้า และจับเท้าของท่านไว้ เกหะซีก็เข้ามาเพื่อผลักนางออกไป แต่คนของพระเจ้าพูดว่า “ปล่อยเธอ เพราะว่าเธอทุกข์ร้อนมาก และพระผู้เป็นเจ้าได้ซ่อนเรื่องนี้ไว้ และยังไม่ได้เผยให้เรารู้” 28 นางพูดว่า “ฉันขอบุตรจากเจ้านายของฉันมิใช่หรือ ฉันไม่ได้พูดหรือว่า ‘ขอท่านอย่าโกหกฉันเลย’” 29 ท่านบอกเกหะซีว่า “เจ้าจงเตรียมตัวให้พร้อม ถือไม้เท้าของเราไปด้วย ถ้าเจ้าพบใคร ก็ไม่ต้องทักทายกับเขา และถ้าใครทักทายเจ้า ก็ไม่ต้องตอบเขา และวางไม้เท้าของเราบนใบหน้าของเด็ก” 30 แล้วมารดาของเด็กพูดว่า “ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด และตราบที่ท่านมีชีวิตอยู่ฉันใด ฉันจะไม่ไปจากท่าน” ท่านจึงออกเดินทางตามนางไป 31 เกหะซีล่วงหน้าไปก่อน และวางไม้เท้าบนใบหน้าของเด็กชาย แต่ไม่มีเสียงหรือการเคลื่อนไหวที่แสดงให้เห็นว่าเขามีชีวิต เขาจึงกลับไปพบกับท่านและบอกท่านว่า “เด็กคนนั้นยังไม่ตื่น”

32 เมื่อเอลีชาเข้าไปในบ้าน ท่านก็เห็นว่าเด็กชายนอนหมดลมหายใจอยู่บนเตียง 33 ท่านจึงเข้าไปในบ้าน และปิดประตูอยู่ตามลำพังกับเขา และอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้า 34 แล้วท่านก็ขึ้นไปนอนทาบร่างของเด็กบนเตียง ปากท่านประกบปากของเขา ตาประกบตา และมือประกบมือ ขณะที่ท่านเหยียดตัวของท่านบนร่างเด็กชาย ร่างกายของเขาก็ค่อยๆ อุ่นขึ้น 35 จากนั้นท่านก็ลุกขึ้น เดินไปมาอยู่ในห้อง แล้วก็ขึ้นไปเหยียดตัวบนร่างของเขาบนเตียงอีก ต่อมาเด็กก็จาม 7 ครั้งและลืมตาขึ้น 36 ท่านเรียกเกหะซี และพูดว่า “ไปเรียกหญิงชาวชูเนมมานี่” เขาก็เรียกนาง เมื่อนางมาหา ท่านบอกว่า “มาพยุงตัวลูกของท่านขึ้นเถิด” 37 นางก้มตัวลงกราบแทบเท้าของท่าน แล้วนางก็พยุงลูกของนาง และออกจากห้องไป

เอลีชากระทำสิ่งมหัศจรรย์

38 เอลีชาเดินทางมายังกิลกาลอีก ช่วงเวลานั้น เกิดทุพภิกขภัยขึ้นในแผ่นดิน และขณะที่กลุ่มผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้ากำลังนั่งอยู่ต่อหน้าท่าน ท่านบอกคนรับใช้ว่า “จงตั้งหม้อใบใหญ่ไว้ และต้มสตูให้กลุ่มผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า” 39 ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าผู้หนึ่งออกไปเก็บสมุนไพรในทุ่งนา และเขาเจอเถาไม้ป่า จึงเก็บน้ำเต้าป่านั้นห่อไว้ในเสื้อจนเต็ม และกลับไปหั่นใส่หม้อสตูโดยไม่ทราบว่าเถานั้นคืออะไร 40 จากนั้นก็ตักให้คนเหล่านั้นรับประทาน แต่ขณะที่พวกเขากำลังรับประทานสตู ก็ร้องเอะอะขึ้นว่า “โอ คนของพระเจ้า ใครรับประทานสตูนี้ต้องตายแน่” และพวกเขาก็รับประทานต่อไม่ได้ 41 ท่านพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นก็เอาแป้งสาลีมา” ท่านใส่แป้งลงในหม้อ และพูดว่า “ตักให้พวกเขารับประทานเถอะ” จากนั้นไม่มีอันตรายใดๆ มาจากหม้อนั้นอีกเลย

42 มีชายผู้หนึ่งมาจากเมืองบาอัลชาลิชาห์ เขานำขนมปังบาร์เลย์ 20 ก้อนที่ทำจากเมล็ดที่เพิ่งเก็บเกี่ยวได้ในปีนั้น และธัญพืชใหม่ ใส่กระสอบมาให้คนของพระเจ้า และเอลีชาพูดว่า “เอาไปให้กลุ่มผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้ารับประทานกัน” 43 แต่ผู้รับใช้ของท่านพูดว่า “ข้าพเจ้าจะเอาไปให้ชายทั้ง 100 คนกินเพียงพอได้อย่างไร” ท่านจึงพูดซ้ำอีกว่า “เอาไปให้พวกเขารับประทานกัน เพราะพระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ‘พวกเขาจะรับประทาน และยังจะมีเหลืออีก’” 44 ดังนั้นเขาจึงเอาไปวางไว้ต่อหน้าพวกเขา และพวกเขาก็รับประทาน และยังมีเหลืออีก ตามคำของพระผู้เป็นเจ้า

แม่หม้ายขอให้เอลีชาช่วย

เมียของคนหนึ่งในพวกผู้พูดแทนพระเจ้า[a]ร้องเรียกเอลีชาว่า “สามีของฉัน ที่เป็นผู้รับใช้ของท่านได้ตายไปแล้ว และท่านก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ แต่ตอนนี้ เจ้าหนี้ของเขากำลังจะมาเอาลูกชายสองคนของฉันไปเป็นทาส”

เอลีชาตอบนางว่า “จะให้เราช่วยอะไรหรือ บอกเราสิว่า ตอนนี้ในบ้านเจ้ามีอะไรเหลืออยู่บ้าง” นางตอบว่า “ผู้รับใช้ท่านไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว นอกจากมีน้ำมันมะกอกอยู่ไหหนึ่ง”

เอลีชาจึงพูดว่า “ไปขอภาชนะเปล่าจากเพื่อนบ้านทั้งหมดของเจ้า อย่าขอแค่นิดเดียวนะ แล้วเอาภาชนะพวกนั้นเข้าไปในบ้านและปิดประตูอยู่ในนั้นกับลูกชายสองคนของเจ้า แล้วให้เทน้ำมันใส่ภาชนะพวกนั้นให้เต็มทุกใบ แล้วแยกไว้ต่างหาก”

นางจึงจากมาและหลังจากที่นางปิดประตูอยู่ในบ้านกับลูกชายสองคนของนางแล้ว พวกเขาก็ได้นำภาชนะเปล่าหลายใบมาให้นาง นางก็เทน้ำมันลงในภาชนะเหล่านั้นไปเรื่อยๆ ตอนที่ภาชนะเต็มหมดทุกใบแล้ว นางก็ยังบอกลูกชายว่า “เอาภาชนะมาให้แม่อีกใบซิ”

แต่ลูกคนหนึ่งตอบว่า “ภาชนะหมดแล้วครับ” แล้วน้ำมันก็หยุดไหลทันที

นางจึงไปบอกเรื่องนี้กับคนของพระเจ้า และเขาตอบนางว่า “นำน้ำมันเหล่านั้นไปขายและชดใช้หนี้สินของเจ้าเสีย แล้วเจ้าและลูกชายทั้งสองคนของเจ้าจะเลี้ยงชีพด้วยเงินส่วนที่เหลือนั้น”

เอลีชากับผู้หญิงในเมืองชูเนม

อยู่มาวันหนึ่ง เอลีชาไปถึงเมืองชูเนม มีผู้หญิงที่มีฐานะดีคนหนึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น นางชักชวนให้เขาอยู่กินอาหารกับนาง ดังนั้น ทุกครั้งที่เขาผ่านมา เขาก็จะแวะไปกินอาหารที่นั่น

นางพูดกับสามีของนางว่า “ฉันรู้ว่าชายคนนี้ที่แวะผ่านมาทางบ้านเราบ่อยๆเป็นคนที่พระเจ้าแยกออกมาเป็นพิเศษเพื่อพูดแทนพระองค์ 10 เราน่าจะสร้างห้องเล็กๆห้องหนึ่งบนดาดฟ้า และเอาเตียง โต๊ะ เก้าอี้ และตะเกียงไปวางไว้ให้เขา เพื่อว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขามาหาพวกเรา เขาก็จะได้พักอยู่ที่นั่น”

11 วันหนึ่งเมื่อเอลีชามาถึง เขาขึ้นไปห้องนั้น และนอนพักที่นั่น 12 เขาได้พูดกับเกหะซีคนใช้ของเขาว่า “ไปเรียกหญิงชาวชูเนมคนนั้นมาหน่อย”

คนใช้จึงไปเรียกนางขึ้นมา และนางก็มายืนอยู่ที่หน้าห้องของเขา 13 เอลีชาพูดกับคนรับใช้เขาว่า “บอกกับนางว่า ‘ท่านต้องยุ่งยากกับสิ่งต่างๆเหล่านี้เพราะพวกเราแท้ๆ ตอนนี้จะให้เราทำอะไรตอบแทนท่านได้บ้าง จะให้เราพูดกับกษัตริย์หรือกับแม่ทัพของกองทัพให้กับท่านไหม’”

นางตอบว่า “ฉันก็อยู่อย่างสบายอยู่แล้วท่ามกลางคนของฉัน”

14 เอลีชาพูดกับเกหะซีว่า “แล้วเราจะทำอะไรให้นางได้บ้างล่ะ”

เกหะซีได้ตอบว่า “คือว่านางไม่มีลูกชายและสามีของนางก็แก่แล้ว”

15 เอลีชาจึงพูดว่า “เรียกนางเข้ามาเถิด”

คนรับใช้จึงไปเรียกตัวนางเข้ามา และนางก็มายืนอยู่ที่ประตู 16 เอลีชาพูดว่า “ปีหน้าเวลานี้ ท่านจะได้อุ้มลูกชายคนหนึ่งในอ้อมแขนของท่าน”

นางค้านขึ้นมาว่า “คนของพระเจ้า อย่าได้พูดโกหกกับดิฉันผู้รับใช้ของท่านเลย”

17 แต่หญิงคนนั้นก็ตั้งท้องขึ้น และในปีต่อมาในช่วงเวลาเดียวกันนี้ นางก็คลอดลูกชายคนหนึ่งเหมือนกับที่เอลีชาได้บอกกับนางไว้

18 เด็กคนนั้นเติบโตขึ้น และวันหนึ่งเขาออกไปหาพ่อของเขาซึ่งกำลังอยู่กับพวกคนเกี่ยวข้าว 19 เขาพูดกับพ่อว่า “โอย หัวหนู หัวหนู”

พ่อของเขาบอกกับคนใช้คนหนึ่งว่า “อุ้มเขาไปหาแม่ของเขาเถิด”

20 หลังจากนั้น คนใช้คนนั้นก็อุ้มเขาไปหาแม่ของเขา เด็กคนนั้นนั่งอยู่บนตักของนางจนกระทั่งถึงตอนเที่ยงแล้วเขาก็ตาย

21 นางขึ้นไปและวางลูกชายของนางลงบนเตียงของคนของพระเจ้า แล้วปิดประตูเดินออกไป 22 นางเรียกสามีของนางมาและพูดว่า “ช่วยให้คนใช้กับฉันคนหนึ่ง และลาตัวหนึ่งด้วย ฉันจะได้รีบไปหาคนของพระเจ้าคนนั้นและกลับมา”

23 เขาถามนางว่า “ทำไมต้องไปหาเขาวันนี้ด้วยเล่า นี่ยังไม่ถึงวันข้างขึ้น[b] หรือวันหยุดทางศาสนาเลย”

นางตอบไปว่า “ไม่เป็นไรหรอก”

24 นางผูกอานบนลาและพูดกับคนใช้ของนางว่า “นำทางไป ไม่ต้องลดความเร็วลงถ้าเราไม่ได้สั่งเจ้า”

25 นางจึงออกเดินทางไปและได้ไปเจอคนของพระเจ้าที่ภูเขาคารเมล

เมื่อเขาเห็นนางแต่ไกล คนของพระเจ้าพูดกับเกหะซี คนใช้ของเขาว่า “ดูสิ นั่นมันหญิงชาวชูเนมคนนั้นนี่ 26 วิ่งไปหานางสิ และถามนางว่า ‘ท่านสบายดีหรือเปล่า สามีของท่านและลูกของท่านสบายดีไหม’”

นางตอบว่า “ทุกคนสบายดี”

27 เมื่อนางมาถึงคนของพระเจ้าที่บนภูเขา นางเข้าไปกอดเท้าของเขา เกหะซีจะเข้ามาดึงตัวนางออกไป แต่คนของพระเจ้าพูดว่า “ปล่อยนางไว้เถิด นางกำลังเศร้าโศกเสียใจมาก แต่พระยาห์เวห์ได้ปิดบังเรื่องนี้และไม่ได้บอกให้เรารู้”

28 นางพูดว่า “เจ้านายของฉัน ฉันขอลูกชายจากท่านหรือยังไง ฉันพูดกับท่านว่า ‘อย่าหลอกฉันเลย’ ไม่ใช่หรือ”

29 เอลีชาพูดกับเกหะซีว่า “เสียบเสื้อคลุมของเจ้าไว้ในเข็มขัด ถือไม้เท้าของเราไว้และวิ่งไป ไม่ว่าเจ้าจะพบใครก็ตาม ไม่ต้องหยุดทักทาย และถ้ามีใครร้องทักทายเจ้า ก็อย่าตอบ ให้เอาไม้เท้าของเราไปวางบนหน้าของเด็กคนนั้น”

30 แต่แม่ของเด็กคนนั้นพูดว่า “พระยาห์เวห์และท่านมีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้รู้แน่ขนาดนั้นเลยว่า ไม่มีทางที่ฉันจะออกไปจากที่นี่โดยไม่มีท่านไปด้วย”

เอลีชาจึงลุกขึ้นและไปกับนาง

31 เกหะซีล่วงหน้าไปก่อนและไปวางไม้เท้าไว้บนหน้าของเด็กคนนั้น แต่ไม่มีเสียงหรืออะไรที่แสดงว่ามีชีวิต เกหะซีจึงมาหาเอลีชาและบอกกับเขาว่า “เด็กยังไม่ยอมตื่นขึ้นมาเลย”

32 เมื่อเอลีชาไปถึงบ้านหลังนั้น เขาเห็นศพของเด็กคนนั้นนอนอยู่บนเตียงของเขา 33 เขาเข้าไปในห้องและปิดประตูอยู่ในห้องกันสองคนและอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ 34 แล้วเขาก็ขึ้นไปบนเตียงและไปนอนทับตัวเด็ก เอาปากทับปาก ตาทับตา มือทับมือ เมื่อเขาเหยียดตัวของท่านบนเด็กคนนั้น ร่างกายของเด็กคนนั้นก็เริ่มอุ่นขึ้น

35 เอลีชาลุกขึ้นและเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องนั้น แล้วก็ขึ้นไปบนเตียงและเหยียดตัวออกทับบนตัวเด็กคนนั้นอีกครั้งหนึ่ง เด็กคนนั้นก็จามออกมาเจ็ดครั้งและลืมตา

36 เอลีชาเรียกเกหะซีเข้ามาและพูดว่า “เรียกหญิงชาวชูเนมคนนั้นเข้ามา”

เกหะซีก็ไปเรียกตัวนางมา เมื่อนางเข้ามา เขาก็พูดว่า “อุ้มลูกชายของท่านไปได้แล้ว”

37 นางเข้าไปข้างใน ก้มกราบลงที่เท้าของเอลีชา แล้วนางก็อุ้มลูกชายของนางออกไป

เอลีชากับน้ำแกงที่เป็นพิษ

38 เมื่อเอลีชากลับมาที่กิลกาล และเกิดภาวะอดอยากแห้งแล้งไปทั่วแผ่นดินนั้น ในขณะที่กลุ่มของผู้พูดแทนพระเจ้ากำลังชุมนุมอยู่กับเอลีชา เอลีชาบอกกับคนใช้ของเขาว่า “ตั้งหม้อใบใหญ่และทำน้ำแกงให้กับคนเหล่านี้กินเถิด”

39 คนหนึ่งในกลุ่มพวกเขาได้ออกไปในท้องทุ่ง เพื่อไปเก็บสมุนไพรและได้พบกับน้ำเต้าป่าเถาหนึ่งในป่า เขาได้เก็บผลน้ำเต้าห่อไว้ในเสื้อคลุมจนเต็ม เมื่อเขากลับมาถึง เขาได้หั่นมันใส่ลงไปในหม้อน้ำแกง โดยไม่รู้ว่าเป็นผลอะไร

40 เขาตักน้ำแกงแจกจ่ายให้คนเหล่านั้น แต่เมื่อพวกเขาเริ่มกินมัน พวกเขาก็ร้องออกมาว่า “คนของพระเจ้าเอ๋ย ความตายอยู่ในหม้อใบนี้” และพวกเขาก็ไม่ยอมกินมัน

41 เอลีชาพูดว่า “เอาแป้งมาให้หน่อย” เขาใส่แป้งลงไปในหม้อนั้นและพูดว่า “ตักมันให้กับคนเหล่านี้กินเถิด”

และน้ำแกงหม้อนั้นก็ไม่เป็นอันตรายใดๆ

เอลีชาเลี้ยงกลุ่มผู้พูดแทนพระเจ้า

42 ชายคนหนึ่งที่มาจากบาอัล-ชาลิชาห์นำอาหารที่ทำจากการเก็บเกี่ยวจากผลผลิตแรกของปี มาให้กับคนของพระเจ้าคนนั้น คือมีขนมปังบาร์เลย์ยี่สิบก้อน พร้อมกับปลายเมล็ดข้าวใหม่ในกระสอบของเขา เอลีชาพูดว่า “นำมันไปแจกจ่ายให้กับประชาชนกินเถิด”

43 แต่คนใช้ของเอลีชาถามว่า “อาหารแค่นี้จะพอแจกให้กับคนเป็นร้อยได้ยังไงกัน”

แต่เอลีชาตอบว่า “นำไปแจกให้ประชาชนกินเถิด เพราะพระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า ‘พวกเขาจะได้กินมันและยังมีเหลือ’”

44 แล้วเขาก็แจกจ่ายอาหารให้กับคนเหล่านั้น และพวกเขาก็กินกันและยังมีอาหารเหลืออยู่อีก เป็นไปตามคำพูดของพระยาห์เวห์

Footnotes

  1. 4:1 พวกผู้พูดแทนพระเจ้า ตามตัวอักษรคือ “บรรดาลูกชายของเหล่านักทำนาย” คนเหล่านี้ก็คือผู้พูดแทนพระเจ้าและคนที่กำลังเรียนเพื่อที่จะเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า
  2. 4:23 วันข้างขึ้น เป็นวันที่หนึ่งของเดือนของชาวฮีบรู จะมีการชุมนุมพิเศษในวันเหล่านี้เพื่อสักการะบูชาพระเจ้า