Add parallel Print Page Options

เฮเซคียาห์ปกครองยูดาห์

(2 พศด. 29:1-2; 31:1)

18 เฮเซคียาห์ลูกชายของอาหัสขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ตรงกับปีที่สาม ที่โฮเชยา ลูกชายของเอลาห์ เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ตอนที่เฮเซคียาห์ ขึ้นเป็นกษัตริย์นั้น เขามีอายุยี่สิบห้าปี และเขาครองราชย์อยู่ในเยรูซาเล็มเป็นเวลายี่สิบเก้าปี แม่ของเขามีชื่อว่าอาบี[a] นางเป็นลูกสาวของเศคาริยาห์

เฮเซคียาห์ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ เหมือนกับที่ดาวิดบรรพบุรุษของเขาเคยทำไว้

เขารื้อพวกสถานที่นมัสการต่างๆลง ทุบหินศักดิ์สิทธิ์จนแตกละเอียดและโค่นเสาเจ้าแม่อาเชราห์ลง เขาทำลายงูทองสัมฤทธิ์ที่โมเสสเคยสร้างไว้ เพราะในเวลานั้นชาวอิสราเอลเริ่มเผาเครื่องหอม ให้กับมันแล้ว (มันมีชื่อว่าเนหุชทาน[b])

เฮเซคียาห์ไว้วางใจในพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล ไม่มีกษัตริย์องค์ไหนอีกแล้วในพวกกษัตริย์ของยูดาห์ที่เป็นเหมือนเขา ไม่ว่าจะก่อนหน้านี้หรือหลังจากนี้ไป เขาได้ยึดพระยาห์เวห์ไว้แน่นและไม่ยอมหยุดที่จะติดตามพระองค์ เขาได้รักษาคำสั่งทุกข้อที่พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้กับโมเสส และพระยาห์เวห์ก็สถิตอยู่กับเขา เขาประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่เขาทำ

เฮเซคียาห์ได้กบฏต่อกษัตริย์อัสซีเรียและไม่ยอมรับใช้เขาอีกต่อไป เฮเซคียาห์เอาชนะชาวฟีลิสเตีย ตลอดทางไปจนถึงกาซาและเขตแดนรอบๆมัน เขาชนะเมืองทั้งหมดของฟีลิสเตีย ตั้งแต่เมืองเล็กๆที่มีแค่หอเฝ้ายามไปจนถึงเมืองใหญ่ที่มีป้อมปราการ

ชาวอัสซีเรียยึดเมืองสะมาเรีย

ในปีที่สี่ที่เฮเซคียาห์เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ตรงกับปีที่เจ็ด ที่โฮเชยาลูกชายของเอลาห์ เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล กษัตริย์แชลมาเนเสอร์[c]ของอัสซีเรียได้ยกทัพมาสู้รบกับเมืองสะมาเรียและได้ปิดล้อมเมืองนี้เอาไว้ 10 เมื่อล้อมเมืองอยู่สามปี ชาวอัสซีเรียก็ยึดเมืองนี้ได้ เมืองสะมาเรียจึงถูกยึดไปในช่วงปีที่หกที่เฮเซคียาห์ เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ตรงกับปีที่เก้าที่โฮเชยาเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล 11 กษัตริย์ของอัสซีเรียได้กวาดต้อนเอาคนอิสราเอลไปไว้ที่อัสซีเรียและได้ให้พวกเขาตั้งรกรากอยู่ในเมืองฮาลาห์ ในเมืองโกซานที่ติดกับแม่น้ำฮาโบร์และในเมืองต่างๆของชาวเมดัย 12 เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะพวกอิสราเอลไม่ยอมเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา พวกเขาฝ่าฝืนข้อตกลงของพระองค์ทุกข้อที่โมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้ พวกเขาไม่ยอมฟังคำสั่งเหล่านั้นและไม่ยอมทำตามด้วย

อัสซีเรียบุกยูดาห์

(2 พศด. 32:1-19; อสย. 36:1-22)

13 ในปีที่สิบสี่ ที่เฮเซคียาห์เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ กษัตริย์เซนนาเคอริบ[d] ของอัสซีเรียได้เข้าโจมตีเมืองทั้งหมดที่มีป้อมปราการของยูดาห์และสามารถยึดเมืองเหล่านั้นไว้ได้ 14 กษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์จึงได้ส่งข้อความมาถึงกษัตริย์อัสซีเรียที่ลาคีชว่า “เราผิดไปแล้ว ช่วยถอยทัพออกไป และเราจะชดใช้ทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ”

กษัตริย์อัสซีเรียได้เรียกร้องเอาเงินประมาณสิบตัน[e] และทองคำประมาณหนึ่งตัน[f] จากกษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ 15 เฮเซคียาห์จึงเอาเงินที่มีอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์และในคลังสมบัติของวังกษัตริย์ไปมอบให้เขา 16 ในครั้งนี้ กษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ต้องลอกเอาแถบทองคำที่เขาเคยให้ติดไว้ตามประตูและเสาประตูในวิหารของพระยาห์เวห์ออกมามอบให้กับกษัตริย์อัสซีเรียไปด้วย

17 กษัตริย์อัสซีเรียส่งแม่ทัพสูงสุดของเขา เจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าและแม่ทัพพร้อมกับกองทัพขนาดใหญ่หนึ่งกองเดินทางจากลาคีชไปหากษัตริย์เฮเซคียาห์ที่เยรูซาเล็ม พวกเขามาถึงเยรูซาเล็มและได้มาหยุดอยู่ที่รางส่งน้ำของสระด้านบน ตรงถนนที่มุ่งไปยังทุ่งของคนซักผ้า 18 พวกเขาได้เรียกหากษัตริย์ แต่เอลียาคิมผู้ดูแลวัง ที่เป็นลูกชายของฮิลคียาห์ เชบนาที่เป็นเลขาและโยอาห์ผู้จดบันทึกที่เป็นลูกชายของอาสาฟ ได้ออกมาพบพวกเขา

19 แม่ทัพพูดกับพวกเขาว่า “ไปบอกเฮเซคียาห์ว่า พระมหากษัตริย์ คือกษัตริย์อัสซีเรีย พูดอย่างนี้ว่า

‘ทำไมท่านถึงได้มีความเชื่อมั่นขนาดนี้ 20 ข้อตกลงกับพันธมิตรที่ท่านหวังพึ่งนั้นมันก็แค่เพียงคำพูด ท่านคิดว่ามันจะใช้แทนกลยุทธ์และกำลังทหารในสงครามได้หรือ เดี๋ยวนี้ท่านไปพึ่งใครหรือ ท่านถึงกล้ามากบฏกับเรา 21 ดูดีๆนะว่าตอนนี้ท่านกำลังพึ่งอียิปต์ ซึ่งเป็นเหมือนไม้เท้าอ้อที่เดาะแล้ว ถ้าใครไปค้ำยันมัน มันก็จะแตกและเสียบมือของคนนั้น ฟาโรห์กษัตริย์ของอียิปต์ ก็จะเป็นอย่างนั้นกับคนที่มาพึ่งพิงเขา 22 แต่ถ้าท่านจะบอกเราว่า “เราเชื่อพึ่งในพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา” อ้าว เฮเซคียาห์ได้รื้อพวกสถานที่นมัสการและแท่นบูชาของพระนั้นทิ้งไปแล้วไม่ใช่หรือ และสั่งคนยูดาห์และคนในเยรูซาเล็มว่า “พวกเจ้าต้องนมัสการที่แท่นบูชานี้ที่อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเท่านั้น”

23 ตอนนี้ มาทำข้อตกลงกับกษัตริย์ของอัสซีเรีย เจ้านายของข้าดีกว่า ข้าจะให้ม้ากับเจ้าสองพันตัว ถ้าเจ้ามีปัญญาหาคนมาขี่พวกมันได้ 24 ในเมื่อเจ้าและอียิปต์อ่อนแอซะขนาดนี้ ท่านยังจะปฏิเสธอำนาจของข้าราชการตัวเล็กๆของเจ้านายข้า แล้วไปหวังพึ่งรถรบและทหารม้าของอียิปต์อีกหรือ

25 และตอนนี้ เจ้าคิดว่าที่ข้าขึ้นมาโจมตีสถานที่นี้เพื่อทำลายมัน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพระยาห์เวห์อย่างนั้นหรือ เป็นพระยาห์เวห์เองที่พูดกับข้าว่า “ขึ้นไปโจมตีแผ่นดินนี้และทำลายมันซะ”’”

26 แล้วเอลียาคิมลูกชายของฮิลคียาห์ เชบนา และโยอาห์ ตอบกับแม่ทัพไปว่า “ช่วยพูดกับพวกเราผู้รับใช้ของท่านเป็นภาษาอารเมคด้วยเถิด เพราะพวกเราเข้าใจภาษานั้น อย่าพูดกับพวกเราเป็นภาษาฮีบรูเลย เพราะไม่อยากให้พวกนั้นที่อยู่บนกำแพงได้ยิน”

27 แต่แม่ทัพนั้นตอบพวกเขาว่า “เจ้าคิดว่า เจ้านายข้าส่งข้ามาเพื่อพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้านายเจ้ากับเจ้าเท่านั้นหรือยังไง เขาส่งให้ข้ามาพูดกับไอ้คนพวกนั้นที่นั่งอยู่บนกำแพงด้วย ไอ้พวกนั้นก็จะต้องกินขี้และเยี่ยวของตัวเอง[g]เหมือนกับพวกเจ้านั่นแหละ”

28 แล้วแม่ทัพก็ยืนขึ้นและร้องตะโกนเสียงดังเป็นภาษาฮีบรูว่า

“นี่เป็นคำพูดของพระมหากษัตริย์ คือกษัตริย์อัสซีเรีย 29 พระองค์พูดว่าอย่างนี้ ‘อย่าให้เฮเซคียาห์หลอกลวงเจ้า เพราะเขาไม่สามารถช่วยกู้พวกเจ้าให้พ้นไปจากมือของเราได้หรอก 30 และอย่าให้เฮเซคียาห์ทำให้พวกเจ้าคิดจะพึ่งพระยาห์เวห์’ เมื่อเขาพูดว่า ‘พระยาห์เวห์จะช่วยกู้พวกเราอย่างแน่นอน พระยาห์เวห์จะไม่ยอมให้เมืองนี้ตกไปอยู่ในกำมือของกษัตริย์อัสซีเรียเป็นอันขาด’

31 อย่าไปฟังเฮเซคียาห์ เพราะกษัตริย์อัสซีเรียพูดไว้ว่าอย่างนี้ ‘มาทำสัญญาสงบศึกกับข้าและออกมาจำนนต่อข้า แล้วพวกเจ้าแต่ละคนก็จะได้กินจากต้นองุ่นและต้นมะเดื่อของตัวเอง และดื่มจากบ่อเก็บน้ำของตน 32 จนกว่าเราจะมาและพาพวกเจ้าไปยังแผ่นดินที่เหมือนกับแผ่นดินของเจ้านี้ เป็นแผ่นดินที่มีข้าวและเหล้าองุ่นใหม่ มีขนมปังและสวนองุ่น เป็นแผ่นดินที่มีต้นมะกอกและน้ำเชื่อมผลไม้ แล้วพวกเจ้าจะอาศัยอยู่ที่นั่นและไม่ต้องตาย และอย่าไปฟังเฮเซคียาห์ เมื่อเขาพยายามทำให้พวกเจ้าหลงผิดไป โดยพูดว่า “พระยาห์เวห์จะช่วยกู้พวกเรา” 33 เราขอถามเจ้าว่า “มีพระของชาติไหนบ้างที่เคยช่วยแผ่นดินของพวกเขาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย”’”

34 พวกพระของเมืองฮามัท[h]กับเมืองอารปัด ไปไหนแล้ว พระของเมืองเสฟารวาอิม เฮนา และอิฟวาห์ไปไหนแล้ว พวกพระของสะมาเรียสามารถช่วยกู้สะมาเรียจากเงื้อมมือของข้าได้หรือ 35 ในพวกพระทั้งหมดของประเทศเหล่านี้ มีพระองค์ไหนบ้างได้ช่วยประเทศของพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของข้า แล้วเจ้ายังคิดว่าพระยาห์เวห์จะสามารถช่วยเยรูซาเล็มให้พ้นจากเงื้อมมือข้าได้หรือ

36 แต่ประชาชนยังคงเงียบและไม่ได้ตอบเขาสักคำ เพราะกษัตริย์สั่งพวกเขาไว้ว่า “อย่าไปตอบมัน”

37 แล้วเอลียาคิมผู้ดูแลวังลูกชายของฮิลคียาห์ เชบนาที่เป็นเลขา รวมทั้งโยอาห์ผู้จดบันทึกลูกชายของอาสาฟ ก็ไปพบเฮเซคียาห์พร้อมกับเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งที่พวกเขาฉีกด้วยความโศกเศร้า และได้รายงานกษัตริย์ถึงสิ่งที่แม่ทัพนั้นพูด

Footnotes

  1. 18:2 อาบี หรืออาบียาห์
  2. 18:4 เนหุชทาน ชื่อภาษาฮีบรูชื่อนี้มีความหมายเหมือนกับ “ทองสัมฤทธิ์” และ “งู”
  3. 18:9 กษัตริย์แชลมาเนเสอร์ เป็นกษัตริย์ของอัสซีเรีย ตั้งแต่ประมาณปี 727-722 ก่อนพระเยซูมาเกิด เขาได้ล้อมเมืองสะมาเรียไว้ในปี 722 แต่เขาก็ตายไป แล้วซากอน ที่สองขึ้นมาเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา แล้วตีสะมาเรียแตกในปี 721 ก่อนพระเยซูมาเกิด
  4. 18:13 เซนนาเคอริบ เป็นกษัตริย์ของอัสซีเรีย ในช่วงปี 706-681 ก่อนพระเยซูมาเกิด เขาได้ลงมาตียูดาห์ ในปี 701 และได้ชัยชนะหลายเมือง และกวาดต้อนพวกเขาไปเป็นเชลย
  5. 18:14 ประมาณสิบตัน หรือ สามร้อยตะลันต์
  6. 18:14 ประมาณหนึ่งตัน หรือสามสิบตะลันต์
  7. 18:27 กินขี้และเยี่ยวของตัวเอง ข้อนี้หมายถึง พวกกองทัพของอัสซีเรียวางแผนจะล้อมเมืองเยรูซาเล็มไว้ ตัดขาดน้ำจากภายนอก จนผู้คนในเมืองอดอยากหิวโหยมากจนต้องกินขี้และเยี่ยวตัวเอง
  8. 18:34 เมืองฮามัท เมืองฮามัท เมืองอารปัด เมืองเสฟาร์วาอิมเป็นสามเมืองที่อยู่ในประเทศซีเรียหรืออารัม