Add parallel Print Page Options

มีคายาห์เตือนกษัตริย์อาหับ

(1 พกษ. 22:1-28)

18 ในเวลานั้น เยโฮชาฟัทมีทรัพย์สมบัติมากมายและมีชื่อเสียงมาก และเขาเป็นพันธมิตรกับกษัตริย์อาหับด้วยการแต่งงาน[a]กับราชวงศ์นั้น อีกหลายปีต่อมา เขาลงไปเยี่ยมเยียนกษัตริย์อาหับในเมืองสะมาเรีย อาหับได้ฆ่า[b] แกะและวัวหลายตัวเพื่อเลี้ยงดูเขาและคนที่มากับเขา และได้ยุยงเขาให้โจมตีราโมทกิเลอาด กษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอลถามกษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์ว่า “ท่านจะไปสู้รบกับราโมทกิเลอาดด้วยกันกับเราไหม” เยโฮชาฟัทตอบว่า “เรากับท่านก็เป็นเหมือนคนๆเดียวกัน ทหารของเราก็เป็นเหมือนกับทหารของท่าน พวกเราจะเข้าร่วมสงครามกับท่านด้วย” แต่เยโฮชาฟัทยังพูดกับกษัตริย์แห่งอิสราเอลว่า “แต่ก่อนอื่น ให้เราไปขอคำปรึกษาจากพระยาห์เวห์ก่อน”

ดังนั้น กษัตริย์แห่งอิสราเอลจึงพาพวกผู้พูดแทนพระเจ้ามาสี่ร้อยคนและถามพวกเขาว่า “พวกเราควรจะไปทำสงครามกับราโมท-กิเลอาดหรือไม่ หรือว่าให้รอไว้ก่อน” พวกเขาตอบว่า “ไปเถิด เพราะพระเจ้าจะมอบมันให้อยู่ในกำมือของท่าน”

แต่เยโฮชาฟัทถามว่า “ยังมีคนอื่นที่เป็นผู้พูดแทนพระยาห์เวห์อยู่ที่นี่หรือเปล่า ที่เราจะสอบถามเขาได้”

กษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอลตอบเยโฮชาฟัทไปว่า “ยังมีอยู่อีกคนหนึ่ง ชื่อ มีคายาห์ เขาเป็นลูกชายของอิมลาห์ เราจะถามพระยาห์เวห์ผ่านทางเขาได้ แต่เราเกลียดเขา เพราะเมื่อเขาพูดแทนพระเจ้า เขาไม่เคยพูดอะไรดีๆเกี่ยวกับเราเลย มีแต่เรื่องร้ายๆ”

เยโฮชาฟัทตอบว่า “กษัตริย์ไม่ควรพูดอย่างนั้น”

ดังนั้น กษัตริย์แห่งอิสราเอลจึงเรียกเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของเขามาและสั่งว่า “เร็วเข้า ไปนำตัว มีคายาห์ลูกชายของอิมลาห์มา”

กษัตริย์ของอิสราเอลและกษัตริย์เยโฮชาฟัทของยูดาห์ใส่ชุดกษัตริย์เต็มยศ นั่งอยู่บนบัลลังก์ของพวกเขาที่ลานนวดข้าวตรงทางเข้าประตูเมืองสะมาเรีย โดยมีเหล่าผู้พูดแทนพระเจ้าอยู่ต่อหน้าพวกเขา ที่กำลังอ้างว่าพูดแทนพระเจ้าอยู่ 10 ตอนนั้น เศเดคียาห์ลูกชายของเคนาอะนาห์ได้ทำเขาสัตว์เหล็กขึ้นและมาประกาศว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด ‘พวกท่านจะได้ใช้ของเหล่านี้ทิ่มแทงพวกอารัมจนกระทั่งพวกนั้นถูกทำลายไป’”

11 พวกผู้พูดแทนพระเจ้าที่เหลือทั้งหมดต่างทำนายเหมือนกันหมด พวกเขาพูดว่า “บุกไปโจมตีราโมท-กิเลอาดเลย แล้วท่านจะได้รับชัยชนะ เพราะพระยาห์เวห์จะให้มันตกอยู่ในกำมือของกษัตริย์”

12 ผู้ส่งข่าวที่ไปเรียกมีคายาห์ พูดกับเขาว่า “ดูเถิด พวกผู้พูดแทนพระเจ้าต่างทำนายถึงความสำเร็จของกษัตริย์เหมือนกันหมด ขอให้ท่านพูดเหมือนกับพวกเขาและให้พูดแต่สิ่งที่ดีด้วยเถิด”

13 แต่มีคายาห์กลับพูดว่า “พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า พระเจ้าของผมพูดอะไร ผมก็จะพูดอย่างนั้น”

14 เมื่อเขามาถึง กษัตริย์อาหับถามเขาว่า “มีคายาห์ พวกเราควรจะออกไปสู้รบกับราโมท-กิเลอาด หรือจะหยุดอยู่ก่อนดี” เขาตอบกษัตริย์ไปว่า “บุกไปเถิดและท่านจะได้รับชัยชนะ เพราะพวกนั้นจะตกอยู่ในกำมือของท่าน”

15 กษัตริย์อาหับพูดกับเขาว่า “เราให้เจ้าสาบานไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ว่าให้เจ้าพูดแต่ความจริงกับเรา ในนามของพระยาห์เวห์”

16 แล้วมีคายาห์ก็ตอบไปว่า “เราได้เห็นชนชาติอิสราเอลทั้งหมดต้องกระจัดกระจายไปตามแถบเนินเขา เหมือนกับแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง และพระยาห์เวห์ได้พูดว่า ‘คนเหล่านี้ไม่มีเจ้านาย ให้พวกเขาทุกคนกลับบ้านไปอย่างสันติเถิด’”

17 กษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอลจึงพูดกับเยโฮชาฟัทว่า “เห็นไหม เราบอกท่านแล้ว ว่าเขาไม่เคยพูดสิ่งดีๆเกี่ยวกับเราเลย มีแต่เรื่องร้ายๆ”

18 มีคายาห์พูดอีกว่า “ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ให้ดี เราเห็นพระยาห์เวห์นั่งอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์ พร้อมกับกองทัพสวรรค์ทั้งหมดยืนอยู่ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของพระองค์ 19 และพระยาห์เวห์พูดว่า ‘ใครจะเป็นผู้ล่อลวงกษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอลให้ไปบุกราโมท-กิเลอาดและไปตายอยู่ที่นั่น’ ทูตสวรรค์ผู้หนึ่งแนะนำวิธีหนึ่ง และอีกผู้หนึ่งก็แนะนำอีกวิธีหนึ่ง 20 ในที่สุด วิญญาณท่านหนึ่งก็ก้าวออกมายืนอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์และพูดว่า ‘ข้าพเจ้าจะไปล่อลวงเขาเอง’ พระยาห์เวห์จึงถามเขาว่า ‘เจ้าจะใช้วิธีอะไรหรือ’ 21 วิญญาณท่านนั้นตอบไปว่า ‘ข้าพเจ้าจะไปเป็นวิญญาณที่โกหกอยู่ที่ปากของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของเขาทุกคน’ พระยาห์เวห์จึงพูดว่า ‘เจ้าจะล่อลวงเขาได้สำเร็จแน่ ไปลงมือเถิด’

22 ดังนั้น ในเวลานี้ พระยาห์เวห์ได้วางวิญญาณโกหกไว้ที่ปากของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าเหล่านั้นของท่าน พระยาห์เวห์ได้ออกคำสั่งให้ความหายนะมาสู่ท่านแล้ว”

23 แล้วเศเดคียาห์ลูกชายของเคนาอะนาห์ก็ขึ้นไปตบหน้าของมีคายาห์ เขาถามว่า “ถ้าอย่างนั้น พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ไปทางไหน เมื่อพระองค์ออกจากเราเพื่อที่จะไปพูดกับเจ้า” 24 มีคายาห์ตอบว่า “ท่านจะรู้เองในวันที่ท่านไปหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องด้านในสุด”

25 กษัตริย์อาหับของอิสราเอลสั่งไปว่า “จับตัวมีคายาห์ส่งกลับไปให้กับอาโมนเจ้าเมืองและโยอาชลูกชายของเรา 26 และบอกกับพวกเขาว่า ‘กษัตริย์สั่งว่า ให้เอาตัวเจ้าหมอนี่ไปขังไว้ในคุก อย่าให้อะไรกับมัน นอกจากขนมปังและน้ำ จนกว่าเราจะกลับมาอย่างปลอดภัย’”

27 มีคายาห์ประกาศไปว่า “ประชาชนทั้งหลาย ฟังให้ดี ถ้าอาหับกลับมาอย่างปลอดภัย ก็แสดงว่าพระยาห์เวห์ไม่ได้พูดผ่านเรา”

อาหับถูกฆ่าตายที่ราโมทกิเลอาด

(1 พกษ. 22:29-40)

28 กษัตริย์อาหับของอิสราเอลและกษัตริย์เยโฮชาฟัทของยูดาห์จึงยกขึ้นไปสู้รบกับชาวอารัมที่เมืองราโมท-กิเลอาด 29 กษัตริย์อาหับของอิสราเอลพูดกับกษัตริย์เยโฮชาฟัทว่า “เราจะปลอมตัวเข้าไปรบ แต่ท่านสวมเสื้อกษัตริย์ของท่าน” กษัตริย์อาหับของอิสราเอลจึงได้ปลอมตัวเป็นทหารธรรมดาและพวกเขาเข้าไปสู้รบ

30 ในขณะนั้น กษัตริย์ของชาวอารัมสั่งพวกผู้บัญชาการกองทัพรถรบของเขาว่า “อย่าได้ไล่ตามใครไป ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ยกเว้นกษัตริย์ของอิสราเอลเท่านั้น” 31 เมื่อพวกผู้บัญชาการกองทัพรถรบเห็นเยโฮชาฟัท พวกเขาพูดว่า “เขาต้องเป็นกษัตริย์ของอิสราเอลแน่ๆ” พวกเขาจึงได้หันไปสู้กับเยโฮชาฟัท แต่เมื่อเยโฮชาฟัทร้องออกมา และพระยาห์เวห์ได้ช่วยเขา พระองค์ดึงพวกนั้นไปจากเขา 32 เพราะเมื่อพวกผู้บัญชาการกองทัพรถรบรู้ว่าเขาไม่ใช่กษัตริย์ของอิสราเอล จึงหยุดไล่ตามเขาไป 33 แต่มีคนหนึ่งโก่งคันธนูของเขายิงออกไปแบบสุ่มๆไปถูกกษัตริย์ของอิสราเอลเข้าตรงช่องว่างของเสื้อเกราะ กษัตริย์บอกกับคนขับรถรบของเขาว่า “กลับรถไปและพาเราออกจากสนามรบ เราได้รับบาดเจ็บ” 34 การรบครั้งนี้ยาวนานตลอดทั้งวันและดุเดือดมาก และกษัตริย์อาหับของอิสราเอลยันตัวเองไว้กับรถรบของเขา เผชิญหน้ากับพวกอารัม จนกระทั่งถึงเย็น เมื่อดวงอาทิตย์ตกดินเขาก็ตาย

Footnotes

  1. 18:1 เขาเป็นพันธมิตร … แต่งงาน ลูกชายของเยโฮชาฟัทคือเยโฮรัมได้แต่งงานกับอาธาลิยาห์ที่เป็นลูกสาวของอาหับ ดูใน 2 พงศาวดาร 21:6
  2. 18:2 ฆ่า คือ “บูชา” เป็นการฆ่าสัตว์พิเศษและถวายมันบนแท่นบูชาเพื่อให้เป็นของขวัญแก่พระเจ้า