บทเพลงสรรเสริญของดาวิด

(สดด.18:1-50)

22 ดาวิดทรงขับร้องเพลงบทนี้ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า หลังจากที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเหลือเขาจากเงื้อมมือของซาอูลและศัตรูอื่นๆ ทั้งปวง เขากล่าวว่า

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นศิลา เป็นป้อมปราการ และผู้กอบกู้ของข้าพเจ้า
พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นศิลาที่ข้าพเจ้าเข้าไปลี้ภัย
ทรงเป็นโล่ เป็นกำลัง[a]แห่งความรอดของข้าพเจ้า
พระองค์ทรงเป็นที่มั่น เป็นที่ลี้ภัย เป็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากคนอำมหิต
ข้าพเจ้าร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสมควรแก่การสรรเสริญ
แล้วข้าพเจ้าก็ได้รับการช่วยให้รอดพ้นจากเหล่าศัตรู

“คลื่นแห่งความตายถาโถมใส่ข้าพเจ้า
กระแสแห่งความหายนะท่วมท้นข้าพเจ้า
บ่วงแห่งแดนผู้ตายรัดรอบตัวข้าพเจ้า
บ่วงแร้วแห่งความตายอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า
ในยามทุกข์โศก ข้าพเจ้าร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าทูลเรียกพระเจ้าของข้าพเจ้า
พระองค์ทรงสดับเสียงของข้าพเจ้าจากพระวิหารของพระองค์
เสียงร่ำร้องของข้าพเจ้าดังไปถึงพระกรรณของพระองค์

“แผ่นดินโลกสะเทือนเลื่อนลั่น
ฐานของสวรรค์[b]สั่นคลอน
สวรรค์สั่นสะเทือนเพราะพระองค์ทรงพระพิโรธ
ควันพุ่งออกมาจากพระนาสิก
เปลวไฟเผาผลาญและถ่านไฟลุกโชน
ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์
10 พระองค์ทรงแหวกฟ้าสวรรค์และเสด็จลงมา
เมฆมืดทึบอยู่ใต้พระบาทของพระองค์
11 พระองค์ทรงประทับเหนือเครูบ
เสด็จมา[c]ด้วยปีกแห่งกระแสลม
12 พระองค์ทรงทำให้ความมืดปกคลุมอยู่รายรอบพระองค์
ทรงให้เมฆฝนดำทะมึน[d]ในท้องฟ้าอยู่รอบพระองค์
13 สายฟ้าแลบแปลบปลาบออกมา
จากแสงสว่างเจิดจ้าแห่งการปรากฏของพระองค์
14 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปล่งกัมปนาทจากฟ้าสวรรค์
พระสุรเสียงขององค์ผู้สูงสุดดังก้อง
15 พระองค์ทรงยิงลูกศร ทำให้เหล่าศัตรูกระเจิดกระเจิงไป
ทรงส่งฟ้าแลบ ทำให้พวกเขาแตกพ่ายไป
16 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำราบ
เมื่อลมพวยพุ่งออกจากพระนาสิกของพระองค์
หุบเขาในท้องทะเลก็เผยออก
รากฐานของโลกก็ปรากฏ

17 “พระองค์ทรงเอื้อมพระหัตถ์จากเบื้องบนลงมายึดข้าพเจ้าไว้
ทรงดึงข้าพเจ้าขึ้นจากห้วงน้ำลึก
18 พระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากศัตรูผู้ทรงอำนาจ
จากปฏิปักษ์ผู้แข็งแกร่งกว่าข้าพเจ้า
19 พวกเขาบุกโจมตีในยามที่ข้าพเจ้าประสบภัยพิบัติ
แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงค้ำชูข้าพเจ้าไว้
20 พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าออกมายังที่กว้างขวาง
ทรงช่วยข้าพเจ้าไว้เพราะทรงปีติยินดีในตัวข้าพเจ้า

21 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบแทนข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า
ทรงปูนบำเหน็จแก่ข้าพเจ้า เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นคนมือสะอาด
22 เพราะข้าพเจ้ารักษาทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าไม่ได้ทำชั่วโดยหันไปจากพระเจ้าของข้าพเจ้า
23 บทบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์อยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าไม่ได้หันไปจากกฎหมายของพระองค์
24 ข้าพเจ้าไร้ตำหนิต่อหน้าพระองค์
และได้รักษาตนให้พ้นจากบาป
25 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปูนบำเหน็จแก่ข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า
ตามที่ทรงเห็นว่าข้าพเจ้าสะอาดบริสุทธิ์[e]

26 “ต่อผู้ที่ซื่อสัตย์ ทรงสำแดงพระองค์ว่าซื่อสัตย์
ต่อผู้ที่ไร้ที่ติ ทรงสำแดงพระองค์ว่าไร้ที่ติ
27 ์ต่อผู้ที่บริสุทธิ์ ทรงสำแดงพระองค์ว่าบริสุทธิ์
แต่กับผู้ที่คดโกง ทรงสำแดงพระองค์ว่าฉลาดหลักแหลม
28 พระองค์ทรงช่วยผู้ที่ถ่อมใจให้รอดพ้น
แต่ทรงจับตาดูคนหยิ่งผยองเพื่อทำให้เขาตกต่ำลง
29 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงเป็นประทีปของข้าพระองค์
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปลี่ยนความมืดมนของข้าพระองค์ให้กลายเป็นความสว่าง
30 ข้าพระองค์สามารถตะลุยกองทัพได้[f]ด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์
ข้าพระองค์ปีนข้ามกำแพงเมืองได้โดยพระเจ้าของข้าพระองค์

31 “สำหรับพระเจ้า วิถีของพระองค์นั้นดีพร้อม
พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีข้อผิดพลาด
พระองค์ทรงเป็นโล่
สำหรับทุกคนที่เข้าลี้ภัยในพระองค์
32 ใครเล่าเป็นพระเจ้า นอกจากพระยาห์เวห์?
ผู้ใดเล่าคือพระศิลา เว้นแต่พระเจ้าของเรา?
33 พระเจ้านี่แหละ ทรงเป็นผู้ประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า[g]
ทรงกระทำให้หนทางของข้าพเจ้าดีพร้อม
34 พระองค์ทรงกระทำให้เท้าของข้าพเจ้าเป็นเหมือนเท้ากวาง
ทรงทำให้ข้าพเจ้ายืนอยู่บนที่สูงได้
35 พระองค์ทรงฝึกมือของข้าพเจ้าให้พร้อมรบ
แขนของข้าพเจ้าจึงสามารถโก่งคันธนูทองสัมฤทธิ์ได้
36 พระองค์ประทานโล่แห่งชัยชนะของพระองค์แก่ข้าพระองค์
ทรงน้อมพระองค์ลงเพื่อกระทำให้ข้าพระองค์ยิ่งใหญ่
37 พระองค์ทรงกระทำให้ทางที่ข้าพระองค์เดินนั้นกว้างขวาง
เพื่อข้าพระองค์จะไม่พลาดล้ม[h]

38 “ข้าพระองค์รุกไล่ศัตรูและบดขยี้พวกเขา
ข้าพระองค์ไม่ได้หันหลังกลับจนกระทั่งพวกเขาถูกทำลาย
39 ข้าพระองค์บดขยี้พวกเขาจนแหลกลาญ และไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก
พวกเขาสยบอยู่ใต้เท้าของข้าพระองค์
40 พระองค์ประทานกำลังให้ข้าพระองค์แข็งแกร่งพร้อมรบ
ทรงกระทำให้บรรดาปฏิปักษ์ของข้าพระองค์หมอบแทบเท้าข้าพระองค์
41 พระองค์ทรงกระทำให้ศัตรูของข้าพระองค์ถอยหนีไป
ข้าพระองค์ทำลายล้างปฏิปักษ์ของข้าพระองค์
42 พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วย
เขาร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ไม่ทรงตอบ
43 ข้าพระองค์จึงบดขยี้พวกเขาแหลกละเอียดเป็นผงธุลี
ข้าพระองค์เหยียบย่ำพวกเขาเหมือนเหยียบโคลนตามถนน

44 “พระองค์ทรงช่วยข้าพระองค์จากการโจมตีของประชากรของข้าพระองค์
ทรงสงวนข้าพระองค์ไว้ให้เป็นประมุขของประชาชาติทั้งหลาย
ผู้คนที่ข้าพระองค์ไม่รู้จักมาสวามิภักดิ์ต่อข้าพระองค์
45 คนต่างชาติมาสยบต่อข้าพระองค์
ทันทีที่ได้ยินถึงข้าพระองค์ พวกเขาก็เชื่อฟังข้าพระองค์
46 พวกเขาล้วนเสียขวัญ
ต่างก็ตัวสั่น[i]ออกมาจากที่มั่น

47 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่! ขอถวายสรรเสริญแด่พระศิลาของข้าพระองค์!
ขอพระเจ้า พระศิลา พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องเทิดทูน!
48 พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงแก้แค้นให้ข้าพเจ้า
ผู้ทรงปราบประชาชาติต่างๆ ไว้ภายใต้ข้าพเจ้า
49 ผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าพ้นจากเหล่าศัตรู
พระองค์ทรงเชิดชูข้าพเจ้าไว้เหนือข้าศึกทั้งหลาย
ทรงกอบกู้ข้าพเจ้าจากหมู่คนอำมหิต
50 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเหตุนี้ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย
จะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์
51 พระองค์ประทานชัยชนะยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ที่ทรงเลือกสรรไว้
ทรงสำแดงความกรุณาอย่างไม่หยุดยั้งต่อผู้ที่พระองค์ทรงเจิมตั้งไว้
คือดาวิดและวงศ์วานของเขาสืบไปเป็นนิตย์”

Footnotes

  1. 22:3 ภาษาฮีบรูว่าเขาสัตว์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกำลัง
  2. 22:8 ฉบับ Vulg. และ Syr. ว่าภูเขาทั้งหลาย(ดูสดด.18:7)
  3. 22:11 สำเนาต้นฉบับภาษาฮีบรูส่วนใหญ่ว่าปรากฏ(ดูสดด.18:10)
  4. 22:12 ภาษาฮีบรูว่ามหึมา(ดูสดด.18:11)
  5. 22:25 ฉบับ LXX. และ Vulg. ว่าตามที่ทรงเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นคนมือสะอาด(ดูสดด.18:24)
  6. 22:30 หรือสามารถวิ่งผ่านขวากหนามได้
  7. 22:33 ฉบับ MT. ว่าพระเจ้านี่แหละทรงเป็นที่ลี้ภัยอันเข้มแข็งของข้าพเจ้า(ดูสดด.18:32)
  8. 22:37 ภาษาฮีบรูว่าเพื่อข้อเท้าของข้าพระองค์จะไม่พลิก
  9. 22:46 ฉบับ MT. ว่าพวกเขาถืออาวุธ(ดูสดด.18:45)

เพลงมีชัยของดาวิด

22 ดาวิดกล่าวกับพระผู้เป็นเจ้าเป็นเนื้อร้องในบทเพลงนี้ ในวันที่พระผู้เป็นเจ้าช่วยท่านให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของพวกศัตรูและจากซาอูล ท่านกล่าวว่า

“พระผู้เป็นเจ้าเป็นศิลาและป้อมปราการของข้าพเจ้า และเป็นผู้ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นภัย
    พระเจ้าของข้าพเจ้าเป็นศิลาของข้าพเจ้าที่อาศัยพักพิงได้
    พระองค์เป็นโล่ป้องกันและเขา[a]แห่งความรอดพ้น
เป็นหลักยึดอันมั่นคงของข้าพเจ้า ที่พึ่งพิง และผู้ช่วยให้รอดพ้น
    พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอดจากคนที่ประทุษร้าย

ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า ผู้สมควรแก่การสรรเสริญ
    และข้าพเจ้ารอดพ้นจากพวกศัตรูของข้าพเจ้า
เพราะคลื่นแห่งความตายล้อมรอบตัวข้าพเจ้า
    กระแสน้ำแห่งความพินาศท่วมท้นเกินทน
สายรัดแห่งแดนคนตายขดรอบตัวข้าพเจ้า
    กับดักแห่งความตายเผชิญหน้าข้าพเจ้า
ในห้วงแห่งความทุกข์ยากข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า
    ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระเจ้าของข้าพเจ้า
พระองค์ได้ยินเสียงข้าพเจ้าจากพระวิหารของพระองค์
    เสียงร้องของข้าพเจ้าดังไปถึงหูของพระองค์
แผ่นดินสั่นสะเทือน
    และฐานรากของฟ้าสวรรค์โยกคลอนและสั่นไหวได้
    เพราะพระองค์โกรธ
ควันพลุ่งจากช่องจมูกของพระองค์
    และไฟเผาผลาญออกจากปากของพระองค์
    ถ่านลุกโพลงขึ้นเป็นเปลวไฟโชติช่วงจากพระองค์
10 พระองค์เบิกฟ้าสวรรค์ลงมา
    เมฆดำอยู่ใต้เท้าพระองค์
11 พระองค์ขึ้นนั่งบนตัวเครูบ[b]แล้วโผบิน
    พระองค์ล่องไปกับสายลมอย่างรวดเร็ว
12 พระองค์ใช้ความมืดกำบังดั่งปะรำโอบล้อมพระองค์
    เมฆฝนดำทะมึนในท้องฟ้า
13 ณ เบื้องหน้าพระองค์มีแสงสว่างเจิดจ้า
    ทำให้ถ่านลุกโพลงขึ้นเป็นเปลวไฟ
14 พระผู้เป็นเจ้าเปล่งเสียงเป็นฟ้าร้องจากเบื้องสวรรค์
    องค์ผู้สูงสุดเปล่งเสียง
15 พระองค์ยิงลูกธนู และทำให้ศัตรูกระเจิดกระเจิงไป
    พระองค์ทำให้เกิดฟ้าแลบ และพวกเขาก็เตลิดเปิดเปิงไป
16 เมื่อพระผู้เป็นเจ้าบอกห้าม
    เมื่อลมหายใจพ่นออกจากจมูกของพระองค์
น้ำในทะเลก็เปิดออกจนเห็นก้นบึ้งแห่งท้องทะเล
    และฐานรากของแผ่นดินโลกโล่งโถง

17 พระองค์เอื้อมลงจากที่สูงคว้าตัวข้าพเจ้าไว้ได้
    แล้วพระองค์ก็ดึงตัวข้าพเจ้าขึ้นจากห้วงน้ำลึก
18 พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากศัตรูผู้มีอำนาจยิ่ง
    และจากพวกที่เกลียดชังข้าพเจ้า ด้วยว่า เขามีกำลังเกินกว่าข้าพเจ้า
19 เขาเหล่านั้นประจันหน้าข้าพเจ้าในยามวิบัติ
    แต่พระผู้เป็นเจ้าเป็นหลักค้ำจุนของข้าพเจ้า
20 พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากบ่วงอันตราย
    พระองค์ช่วยเหลือข้าพเจ้าไว้ก็เพราะพระองค์พอใจในตัวข้าพเจ้า

21 พระผู้เป็นเจ้ากระทำต่อข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า
    พระองค์ให้รางวัลข้าพเจ้าตามความสะอาดของมือข้าพเจ้า
22 ด้วยว่า ข้าพเจ้าเดินตามทางของพระผู้เป็นเจ้า
    และไม่ได้ทำความชั่วโดยหันเหไปจากพระเจ้าของข้าพเจ้า
23 ข้าพเจ้านึกถึงคำบัญชาของพระองค์เป็นที่ตั้ง
    ข้าพเจ้าไม่ได้เพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์ของพระองค์
24 ข้าพเจ้าปราศจากข้อตำหนิใดๆ ณ เบื้องหน้าพระองค์
    และข้าพเจ้าระวังไม่กระทำบาป
25 พระผู้เป็นเจ้าได้ให้รางวัลข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า
    ตามความบริสุทธิ์ของข้าพเจ้าต่อหน้าพระองค์

26 พระองค์แสดงความรักอันมั่นคงต่อคนที่มีความภักดี
    พระองค์แสดงความไร้ข้อตำหนิของพระองค์ต่อคนที่ไร้ข้อตำหนิ
27 พระองค์แสดงความบริสุทธิ์ของพระองค์ต่อคนบริสุทธิ์
    และพระองค์แสดงต่อคนคดโกงอย่างปราดเปรื่อง
28 พระองค์ช่วยคนถ่อมตัวให้รอดพ้น
    และพระองค์จับจ้องที่คนใจยโสเพื่อทำให้พวกเขาเจียมตัว
29 โอ พระผู้เป็นเจ้า ด้วยว่า พระองค์เป็นดั่งตะเกียงของข้าพเจ้า
    และพระผู้เป็นเจ้าทำให้ความมืดของข้าพเจ้าสว่างไสว
30 ข้าพเจ้าเหยียบย่ำกองทัพได้ก็ด้วยพระองค์
    ข้าพเจ้าข้ามกำแพงได้ก็ด้วยพระเจ้า

31 พระเจ้านี้แหละ วิถีทางของพระองค์บริบูรณ์ทุกประการ
    คำพูดของพระผู้เป็นเจ้าบริสุทธิ์
    พระองค์เป็นโล่ป้องกันสำหรับทุกคนที่แสวงหาพระองค์เป็นที่พึ่ง
32 ใครเล่าคือพระเจ้านอกเหนือจากพระผู้เป็นเจ้า
    และใครคือศิลานอกเหนือจากพระเจ้าของเรา
33 พระเจ้าเป็นที่พึ่งพิงของข้าพเจ้า
    และทำให้วิถีทางของข้าพเจ้าบริบูรณ์ทุกประการ
34 พระองค์ทำให้เท้าของข้าพเจ้าเป็นดั่งเท้ากวาง
    พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ายืนในที่สูงได้
35 พระองค์ฝึกมือข้าพเจ้าให้พร้อมเพื่อการสงคราม
    เพื่อแขนข้าพเจ้าจะได้น้าวคันธนูทองสัมฤทธิ์
36 และพระองค์ให้โล่แห่งความรอดพ้นแก่ข้าพเจ้า
    และความช่วยเหลือของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ายิ่งใหญ่
37 พระองค์ทำให้ทางเดินที่ข้าพเจ้าเหยียบก้าวไปกว้างขึ้น
    เพื่อเท้าของข้าพเจ้าจะไม่ลื่นล้ม

38 ข้าพเจ้าไล่ล่าศัตรูและปราบเขาได้
    ข้าพเจ้าไม่ได้หวนกลับจนกระทั่งศัตรูพินาศไป
39 ข้าพเจ้าทำให้เขาพินาศไป ข้าพเจ้าทำให้เขาทรุดตัวลงจนลุกไม่ขึ้น
    เขาล้มลงอยู่ใต้เท้าของข้าพเจ้า
40 และพระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้าพรั่งพร้อมด้วยกำลังเพื่อศึกสงคราม
    พระองค์ทำให้ฝ่ายตรงข้ามจมอยู่เบื้องล่าง
41 พระองค์ทำให้ศัตรูหันหลังหนีไปจากข้าพเจ้า
    และข้าพเจ้าทำให้คนที่เกลียดชังข้าพเจ้าพินาศ
42 พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วยชีวิตไว้ได้
    เขาร้องขอต่อพระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ไม่ตอบ
43 ข้าพเจ้าเหยียบขยี้พวกเขาจนแหลกละเอียดเป็นผงธุลีบนพื้นดิน
    ข้าพเจ้าโจมตีและเหยียบย่ำพวกเขาที่ถนนดั่งโคลนตม

44 พระองค์ได้ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการโต้แย้งกับชนชาติของข้าพเจ้า
    พระองค์ได้ให้ข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าของบรรดาประชาชาติ
ชนชาติที่ข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักก็รับใช้ข้าพเจ้า
45     ชนต่างชาติยอมสยบต่อหน้าข้าพเจ้า
    ทันทีที่พวกเขาได้ยินเสียงข้าพเจ้า เขาก็เชื่อฟังข้าพเจ้า
46 คนแปลกหน้าใจเสีย
    และตัวสั่นเทาออกมาจากป้อมปราการของเขา

47 พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ ให้ศิลาของข้าพเจ้าได้รับการสรรเสริญเถิด
    และให้พระเจ้า ศิลาผู้ช่วยให้รอดพ้นของข้าพเจ้าได้รับการยกย่องเถิด
48 พระองค์เป็นพระเจ้าผู้แก้แค้นแทนข้าพเจ้า
    และนำบรรดาชนชาติให้อยู่ใต้การปกครองของข้าพเจ้า
49     พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้มีอิสระจากศัตรู
พระองค์ยกข้าพเจ้าอยู่เหนือข้าศึก
    พระองค์ให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากคนปองร้าย
50 ฉะนั้น ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ โอ พระผู้เป็นเจ้า
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์

51 พระองค์ให้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ของพระองค์
    และแสดงความรักอันมั่นคงแก่ผู้ได้รับการเจิมของพระองค์
    แก่ดาวิดและผู้สืบเชื้อสายของท่านชั่วนิรันดร์กาล”

Footnotes

  1. 22:3 เขา หมายถึงเขาสัตว์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความเข้มแข็ง
  2. 22:11 เป็นภาษาฮีบรู เครูบิม เป็นพหูพจน์ของ เครูบ หมายถึงสิ่งมีชีวิตในสวรรค์ มีปีก รักษาบัลลังก์ของพระเจ้า ฉบับเอเสเคียล 1:5-14; 10:21 ส่วนตัวเครูบในอภิสุทธิสถานเป็นรูปปั้น ฉบับอพยพ 25:17-22; ฮีบรู 9:5