1 พงศ์กษัตริย์ 10-11
Thai New Contemporary Bible
ราชินีแห่งเชบามาเยือนโซโลมอน(A)
10 เมื่อราชินีแห่งเชบาทรงได้ยินกิตติศัพท์ของโซโลมอนซึ่งถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระยาห์เวห์ก็เสด็จมาทดสอบโดยตั้งปัญหายากๆ 2 พระนางทรงมาถึงกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับกองคาราวานใหญ่ มีอูฐบรรทุกเครื่องเทศ ทองคำจำนวนมาก และเพชรนิลจินดา พระนางเข้าเฝ้าโซโลมอน และทรงสนทนาทุกเรื่องที่ทรงดำริไว้ 3 โซโลมอนทรงตอบปัญหาของพระนางได้ทุกข้อ ไม่มีสิ่งใดยากเกินกว่าที่กษัตริย์จะทรงอธิบายแก่พระนาง 4 เมื่อราชินีแห่งเชบาทรงเห็นพระสติปัญญาทั้งสิ้นของโซโลมอน และพระราชวังที่ทรงสร้างขึ้น 5 อาหารบนโต๊ะเสวย ข้าราชบริพารที่เข้าเฝ้า มหาดเล็กในเครื่องแบบ พนักงานเชิญจอกเสวย และเครื่องเผาบูชามากมายซึ่งถวายที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระนางก็ประหลาดพระทัยเป็นล้นพ้น
6 พระนางตรัสกับกษัตริย์ว่า “ที่หม่อมฉันได้ยินได้ฟังมาในประเทศของหม่อมฉันเกี่ยวกับความสำเร็จและพระปรีชาญาณของฝ่าพระบาทล้วนเป็นความจริง 7 แต่หม่อมฉันไม่เชื่อมาก่อนเลย จนกระทั่งได้มาเห็นกับตา แท้จริงแล้วสิ่งที่หม่อมฉันได้ยินมาก็ยังไม่ถึงครึ่ง พระปรีชาญาณและความมั่งคั่งของฝ่าพระบาทยิ่งใหญ่กว่าที่เขาร่ำลือกันมากนัก 8 ไพร่ฟ้าของฝ่าพระบาทคงมีความสุขยิ่งนัก! ข้าราชบริพารของฝ่าพระบาทคงมีความสุขที่ได้เข้าเฝ้า และสดับฟังพระปัญญาของฝ่าพระบาทอยู่เสมอ! 9 สรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาทที่ทรงโปรดปรานและตั้งฝ่าพระบาทขึ้นครองราชบัลลังก์แห่งอิสราเอล เนื่องด้วยความรักนิรันดร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงมีต่ออิสราเอล จึงทรงตั้งฝ่าพระบาทเป็นกษัตริย์เพื่อผดุงความยุติธรรมและความชอบธรรม”
10 จากนั้นพระนางถวายเครื่องบรรณาการแด่กษัตริย์เป็นทองคำหนักประมาณ 4 ตัน[a] เครื่องเทศมากมายและอัญมณีล้ำค่า ไม่เคยมีใครนำเครื่องเทศมาถวายมากเท่ากับที่ราชินีแห่งเชบาทรงนำมาถวายแด่กษัตริย์โซโลมอนอีกเลย
11 (กองเรือของฮีรามนำทองคำมาจากโอฟีร์ พร้อมด้วยไม้จันทน์[b]จำนวนมาก และเพชรนิลจินดาล้ำค่า 12 โซโลมอนทรงใช้ไม้จันทน์ทำเสาพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและราชวัง ทำพิณเขาคู่และพิณใหญ่สำหรับเหล่านักดนตรี ไม่เคยเห็นการนำเข้าไม้จันทน์จำนวนมากมายอย่างนั้นมาก่อนเลย)
13 กษัตริย์โซโลมอนประทานทุกสิ่งตามที่ราชินีแห่งเชบาทรงประสงค์และทูลขอ นอกเหนือจากของกำนัลที่โซโลมอนประทานจากท้องพระคลัง จากนั้นพระนางและขบวนตามเสด็จก็กลับสู่ประเทศของตน
สง่าราศีของโซโลมอน(B)
14 ทุกปีโซโลมอนได้รับทองคำหนักประมาณ 23 ตัน[c] 15 ยังไม่รวมภาษีอากรจากพ่อค้าวาณิชและเครื่องบรรณาการจากบรรดากษัตริย์อาระเบีย และเหล่าผู้ปกครองของดินแดนนั้น
16 กษัตริย์โซโลมอนทรงให้นำทองคำมาตีเป็นโล่ใหญ่ 200 อัน แต่ละอันใช้ทองคำหนักประมาณ 3.5 กิโลกรัม[d] 17 และทำเป็นโล่เล็ก 300 อัน แต่ละอันใช้ทองคำหนักประมาณ 1.7 กิโลกรัม[e] พระองค์ทรงเก็บโล่เหล่านี้ไว้ในตำหนักพนาเลบานอน
18 แล้วกษัตริย์ยังได้ทรงทำพระที่นั่งขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยงาช้างและบุด้วยทองคำบริสุทธิ์ 19 พระที่นั่งนี้มีบันไดหกขั้น ด้านบนพนักหลังเป็นรูปวงกลม ที่วางพระหัตถ์ทั้งสองข้างมีสิงโตขนาบข้างละตัว 20 ที่บันไดแต่ละขั้นมีสิงโตยืนอยู่ข้างละตัว รวมเป็นสิบสองตัว ไม่เคยมีเช่นนี้ในราชอาณาจักรอื่น 21 ถ้วยเสวยทุกใบของกษัตริย์โซโลมอนทำด้วยทองคำ และเครื่องใช้ไม้สอยทั้งหมดในตำหนักพนาเลบานอนล้วนทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งใดทำด้วยเงิน เพราะในสมัยโซโลมอนถือว่าเงินด้อยค่า 22 กษัตริย์ทรงมีกองเรือพาณิชย์[f] ร่วมเดินทะเลกับกองเรือของฮีราม เรือจะบรรทุกทองคำ เงิน งาช้าง ลิง และลิงบาบูนกลับมาทุกสามปี
23 กษัตริย์โซโลมอนทรงมั่งคั่งและมีพระปรีชาญาณเหนือกว่ากษัตริย์ใดๆ ทั้งปวงในแผ่นดินโลก 24 คนทั่วโลกใคร่จะมาสดับฟังสติปัญญาซึ่งพระเจ้าประทานไว้ในพระทัยของพระองค์ 25 ปีแล้วปีเล่า ทุกคนที่มาจะนำเครื่องบรรณาการมาถวายได้แก่ เครื่องเงินเครื่องทอง เสื้อผ้าอาภรณ์ อาวุธ เครื่องเทศ ม้า และล่อ
26 โซโลมอนทรงสะสมรถม้าศึกและม้า พระองค์ทรงมีรถม้าศึก 1,400 คัน และม้า 12,000 ตัว[g] ซึ่งพระองค์ทรงเก็บบางส่วนไว้ที่หัวเมืองซึ่งใช้เก็บรถม้าศึกและบางส่วนอยู่กับพระองค์ที่กรุงเยรูซาเล็ม 27 พระองค์ทรงทำให้เงินในกรุงเยรูซาเล็มมีมากมายเหมือนก้อนหิน และมีไม้สนซีดาร์ดาษดื่นเหมือนต้นมะเดื่อแถบเชิงเขา 28 ม้าของโซโลมอนนั้นนำเข้าจากอียิปต์[h]และจากคูเอ[i] คือพ่อค้าหลวงซื้อมาจากคูเอ 29 รถม้าศึกแต่ละคันที่นำเข้าจากอียิปต์มีราคาเท่ากับเงินหนัก 600 เชเขล[j] ม้าราคาตัวละ 150 เชเขล พวกเขายังส่งออกไปขายต่อให้กษัตริย์ทั้งปวงของชาวฮิตไทต์และของชาวอารัมด้วย
มเหสีของโซโลมอน
11 นอกเหนือจากธิดาของฟาโรห์แล้ว โซโลมอนทรงรักหญิงต่างชาติจำนวนมาก ได้แก่ชาติโมอับ อัมโมน เอโดม ไซดอน และฮิตไทต์ 2 พวกนางมาจากชนชาติที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสห้ามประชากรอิสราเอลว่า “เจ้าจงอย่าแต่งงานกับคนเหล่านั้น เพราะพวกเขาจะชักนำเจ้าให้หันไปฝักใฝ่พระต่างๆ ของเขาอย่างแน่นอน” ถึงกระนั้นโซโลมอนก็ทรงผูกพันรักใคร่หญิงเหล่านั้น 3 โซโลมอนทรงมีมเหสีเป็นเจ้าหญิงเจ็ดร้อยคนและนางสนมสามร้อยคน หญิงเหล่านี้ทำให้โซโลมอนหลงไป 4 เมื่อโซโลมอนทรงชราภาพ หญิงเหล่านี้โน้มน้าวพระทัยให้ไปติดตามพระต่างๆ โซโลมอนไม่ได้ทรงภักดีต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์อย่างสุดใจเหมือนดาวิดราชบิดา 5 พระองค์ทรงหันไปติดตามพระอัชโทเรทเทวีของชาวไซดอน และพระโมเลค[k]เทพเจ้าอันน่าชิงชังของชาวอัมโมน 6 ดังนั้นโซโลมอนทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า และไม่ได้ทรงติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดใจเหมือนที่ดาวิดราชบิดาได้ทรงทำ
7 โซโลมอนถึงกับสร้างสถานบูชาบนที่สูงบนเนินเขาทางตะวันออกของกรุงเยรูซาเล็ม อุทิศแด่พระเคโมชเทพเจ้าอันน่าชิงชังของโมอับ และสำหรับพระโมเลคเทพเจ้าอันน่าชิงชังของชาวอัมโมน 8 พระองค์ทรงสร้างสถานบูชาบนที่สูงต่างๆ ขึ้น เพื่อให้มเหสีต่างชาติทั้งหลายเผาเครื่องหอม และถวายเครื่องบูชาแด่เทพเจ้าของพวกนาง
9 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธโซโลมอนที่หันเหพระทัยจากพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ทรงปรากฏแก่โซโลมอนถึงสองครั้งสองครา 10 ทั้งๆ ที่พระองค์ทรงห้ามโซโลมอนไม่ให้ไปติดตามพระอื่นๆ โซโลมอนก็ยังทรงฝ่าฝืนพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า 11 ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับโซโลมอนว่า “เนื่องจากเจ้ามีท่าทีเช่นนี้และไม่ได้รักษาพันธสัญญาและกฎหมายซึ่งเราได้สั่งเจ้าไว้ เราจะฉีกอาณาจักรของเจ้าอย่างแน่นอนที่สุด และแบ่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งของเจ้า 12 แต่เพื่อเห็นแก่ดาวิดราชบิดาของเจ้า เราจะยังไม่ทำเช่นนั้นในชั่วชีวิตของเจ้า เราจะริบอาณาจักรจากบุตรชายของเจ้า 13 แต่เราจะไม่ริบไปหมดทั้งอาณาจักร เราจะเหลือชนเผ่าหนึ่งไว้ให้ เพราะเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา และเยรูซาเล็มที่เราได้เลือกสรรไว้”
ศัตรูของโซโลมอน
14 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้ศัตรูคนหนึ่งแข็งกร้าวต่อโซโลมอนคือฮาดัด ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้หนึ่งของเอโดม 15 ก่อนหน้านี้เมื่อดาวิดรบกับเอโดม แม่ทัพโยอาบซึ่งขึ้นมาฝังศพผู้ตายในสงครามได้สังหารผู้ชายทั้งปวงในเอโดม 16 โยอาบและชนอิสราเอลทั้งปวงอยู่ที่นั่นหกเดือน จนสังหารชายชาวเอโดมได้ทั้งหมด 17 แต่ฮาดัดซึ่งขณะนั้นยังเป็นเด็กพร้อมกับข้าราชการเอโดมบางคนที่รับใช้บิดาของเขาได้หนีไปอียิปต์ 18 พวกเขาพากันเล็ดลอดออกจากมีเดียนหนีไปยังปาราน แล้วมีคนจากปารานมาสมทบ ติดตามกันไปถึงอียิปต์ ฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ได้ประทานบ้าน ที่ดิน และอาหารให้ฮาดัด
19 ฟาโรห์โปรดปรานฮาดัดมาก จึงยกน้องสาวของมเหสีทาห์เปเนสให้เป็นภรรยา 20 นางได้ให้กำเนิดบุตรชายชื่อเกนูบัท ซึ่งมเหสีทาห์เปเนสได้ชุบเลี้ยงให้เติบโตขึ้นในพระราชวัง ร่วมกับโอรสทั้งหลายของฟาโรห์
21 เมื่อฮาดัดได้ข่าวว่าดาวิดและแม่ทัพโยอาบสิ้นชีพแล้ว ฮาดัดทูลขออนุญาตฟาโรห์ว่า “ขอให้ข้าพระบาทได้กลับไปบ้านเมืองของข้าพระบาทเถิด”
22 ฟาโรห์ตรัสถามว่า “อยู่ที่นี่เจ้าขาดแคลนอะไรหรือถึงอยากกลับไปบ้านเมืองของเจ้า?”
ฮาดัดทูลว่า “ข้าพระบาทไม่ขาดสิ่งใดเลย แต่โปรดให้ข้าพระบาทไปเถิด!”
23 ศัตรูอีกคนหนึ่งของโซโลมอนซึ่งพระเจ้าทรงยกให้มีอำนาจขึ้นคือเรโซนบุตรเอลียาดา ซึ่งหนีมาจากฮาดัดเอเซอร์กษัตริย์แห่งโศบาห์ผู้เป็นนาย 24 เมื่อดาวิดทำลายกองกำลังของเมืองโศบาห์ เรโซนได้รวบรวมผู้คนและตั้งตนเป็นหัวหน้ากองโจร พากันหนีไปยังดามัสกัส ที่ซึ่งเขาตั้งรกรากและยึดครองได้ 25 ตลอดพระชนม์ชีพของโซโลมอน เรโซนคือศัตรูของอิสราเอล นอกเหนือจากความทุกข์ร้อนอันเนื่องมาจากฮาดัด เรโซนปกครองอยู่ในอารัมและเป็นศัตรูต่ออิสราเอล
เยโรโบอัมกบฏต่อโซโลมอน
26 เยโรโบอัมบุตรเนบัทก็กบฏต่อกษัตริย์ด้วย เขาเป็นข้าราชการคนหนึ่งของโซโลมอน เป็นคนเผ่าเอฟราอิมจากเศเรดาห์ มารดาเป็นหญิงม่ายชื่อเศรุวาห์
27 เรื่องราวการกบฏของเยโรโบอัมมีดังนี้ โซโลมอนทรงปฏิสังขรณ์ป้อมมิลโล[l] ซ่อมแซมกำแพงเมืองของดาวิดราชบิดาของพระองค์ 28 เยโรโบอัมเป็นคนที่มีความสามารถมาก เมื่อโซโลมอนทรงเห็นว่าเป็นคนหนุ่มหน่วยก้านดี ก็ทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองโยธาจากตระกูลโยเซฟ
29 วันหนึ่งขณะที่เยโรโบอัมกำลังออกจากเมืองเยรูซาเล็ม ก็พบกับผู้เผยพระวจนะอาหิยาห์จากเมืองชิโลห์ซึ่งสวมเสื้อคลุมตัวใหม่ คนทั้งสองอยู่ตามลำพังกลางทุ่ง 30 อาหิยาห์ก็ฉีกเสื้อคลุมของตนออกเป็นสิบสองชิ้น 31 แล้วกล่าวกับเยโรโบอัมว่า “จงรับไปสิบชิ้น เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘ดูเถิด เราจะฉีกอาณาจักรจากมือโซโลมอนและยกให้เจ้าสิบเผ่า 32 แต่เราจะเหลือไว้ให้เขาเผ่าหนึ่ง เพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา และกรุงเยรูซาเล็มซึ่งเราได้เลือกสรรจากเผ่าทั้งปวงของอิสราเอล 33 ทั้งนี้เพราะพวกเขา[m] ได้ละทิ้งเราไปกราบไหว้พระอัชโทเรทเทวีของชาวไซดอน พระเคโมชเทพเจ้าของชาวโมอับ และพระโมเลคเทพเจ้าของชาวอัมโมน เขาไม่ได้ดำเนินในทางของเรา ไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเรา และไม่ได้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และบทบัญญัติของเราเหมือนดาวิดราชบิดาของเขา
34 “ ‘แต่เราจะไม่ริบทั้งอาณาจักรไปจากมือของโซโลมอน เพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ที่เราได้เลือกสรร ผู้ซึ่งเชื่อฟังคำบัญชาและกฎเกณฑ์ของเรา เราจะอนุญาตให้โซโลมอนครองราชย์ไปตลอดชีวิต 35 เราจะริบอาณาจักรจากมือลูกของเขา และยกให้เจ้าสิบเผ่า 36 เราจะยกเผ่าหนึ่งให้ลูกของเขา เพื่อดาวิดผู้รับใช้ของเราจะมีดวงประทีปดวงหนึ่งต่อหน้าเราเสมอในเยรูซาเล็มนครซึ่งเราได้เลือกที่จะสถาปนานามของเรา 37 ส่วนเจ้า เราจะตั้งเจ้าให้ปกครองเหนือทุกสิ่งที่ใจของเจ้าปรารถนา เจ้าจะเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล 38 หากเจ้าทำทุกอย่างตามที่เราสั่ง ดำเนินในทางของเรา และทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเรา โดยปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และคำบัญชาของเราเหมือนอย่างดาวิดผู้รับใช้ของเรา เราจะอยู่กับเจ้าและจะสร้างราชวงศ์ที่มั่นคงให้แก่เจ้าเหมือนที่เราได้ทำเพื่อดาวิด และยกอิสราเอลให้เจ้าปกครอง 39 เราจะกำราบวงศ์วานของดาวิดด้วยเหตุนี้ แต่ไม่ตลอดไป’ ”
40 โซโลมอนทรงพยายามที่จะสังหารเยโรโบอัม แต่เยโรโบอัมหนีไปพึ่งกษัตริย์ชิชักแห่งอียิปต์ และอยู่ที่นั่นจวบจนโซโลมอนสิ้นพระชนม์
โซโลมอนสิ้นพระชนม์(C)
41 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลโซโลมอนคือ พระราชกิจและพระปรีชาญาณทั้งปวงที่ทรงสำแดงมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุของโซโลมอนไม่ใช่หรือ? 42 โซโลมอนทรงครองราชย์เหนืออิสราเอลในกรุงเยรูซาเล็มเป็นเวลาสี่สิบปี 43 แล้วทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ในเมืองของดาวิดราชบิดาของพระองค์ และเรโหโบอัมราชโอรสของพระองค์ก็ขึ้นครองราชย์แทน
Footnotes
- 10:10 ภาษาฮีบรูว่า120 ตะลันต์
- 10:11 หรือไม้ประดู่เช่นเดียวกับข้อ 12
- 10:14 ภาษาฮีบรูว่า666 ตะลันต์
- 10:16 ภาษาฮีบรูว่า600 เบคา
- 10:17 ภาษาฮีบรูว่า3 มินา
- 10:22 ภาษาฮีบรูว่ากองเรือทารชิช
- 10:26 หรือพลรถรบ 12,000 คน
- 10:28 หรืออาจจะเป็นมูศูร์ซึ่งเป็นเขตหนึ่งในซิลิเซีย เช่นเดียวกับข้อ 29
- 10:28 คงจะเป็นซิลิเซีย
- 10:29 1 เชเขล คือเงินหนักประมาณ 11.5 กรัม มีค่าเท่ากับค่าแรงสองเดือน (ทั้งสองแห่งในข้อนี้)
- 11:5 ภาษาฮีบรูว่ามิลโคมเช่นเดียวกับข้อ 33
- 11:27 หรือแนวเนินดินด้านตะวันออก
- 11:33 ฉบับ LXX. และ Vulg. และ Syr. ว่าเพราะเขา
ลูกา 21:20-38
Thai New Contemporary Bible
20 “เมื่อท่านเห็นกองทัพต่างๆ ล้อมกรุงเยรูซาเล็ม ท่านก็จะรู้ว่าหายนะของกรุงนั้นใกล้เข้ามาแล้ว 21 เมื่อนั้นให้ผู้ที่อยู่ในยูเดียหนีไปที่ภูเขา ให้ผู้ที่อยู่ในกรุงออกไป และผู้ที่อยู่ในชนบทอย่าเข้ามาในกรุง 22 เพราะนี่เป็นวาระแห่งการลงโทษ เพื่อให้สิ่งทั้งปวงสำเร็จตามที่มีเขียนไว้ 23 วันเหล่านั้นน่าหวาดกลัวยิ่งนักสำหรับหญิงมีครรภ์และแม่ลูกอ่อน! จะเกิดทุกข์เข็ญครั้งใหญ่ในแผ่นดินและจะมีพระพิโรธต่อชนชาตินี้ 24 เขาทั้งหลายจะล้มตายด้วยคมดาบ จะถูกจับกุมเป็นนักโทษ และถูกนำตัวไปยังประชาชาติทั้งปวง คนต่างชาติจะเหยียบ ย่ำกรุงเยรูซาเล็ม จนครบวาระกำหนดของคนต่างชาติ
25 “จะมีหมายสำคัญที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวทั้งหลาย ในโลกนี้ประชาชาติต่างๆ จะตกอยู่ในความทุกข์ทรมานและความฉงนสนเท่ห์ที่เกิดเสียงกึกก้องและเกิดความปั่นป่วนในท้องทะเล 26 ผู้คนจะสลบไสลเพราะความสยองขวัญและหวาดหวั่นเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในโลก เพราะสิ่งต่างๆ ในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน 27 วาระนั้นเขาทั้งหลายจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในหมู่เมฆด้วยฤทธิ์อำนาจและพระเกียรติสิริอันยิ่งใหญ่ 28 เมื่อสิ่งเหล่านี้เริ่มขึ้น จงยืนขึ้นและเชิดศีรษะขึ้น เพราะท่านใกล้จะได้รับการไถ่แล้ว”
29 พระองค์ตรัสคำอุปมานี้ให้เขาฟังว่า “จงมองดูต้นมะเดื่อและต้นไม้ทั้งปวงเถิด 30 เมื่อมันผลิใบ ท่านก็เห็นและรู้ด้วยตนเองว่าฤดูร้อนใกล้เข้ามาแล้ว 31 เช่นเดียวกัน เมื่อท่านเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ท่านก็รู้ว่าอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว
32 “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า คนยุคนี้[a]ยังไม่ทันล่วงลับไป สิ่งทั้งปวงเหล่านี้ก็เกิดขึ้นแล้วอย่างแน่นอน 33 ฟ้าและดินจะสูญสิ้นไป แต่ถ้อยคำของเราไม่มีวันสูญสิ้น
34 “จงระวังให้ดี มิฉะนั้นใจของท่านจะจมอยู่กับความสนุกบันเทิงฝ่ายโลก การเมามาย และความวิตกกังวลต่างๆ ในชีวิต และวาระนั้นจะมาถึงตัวท่านอย่างไม่คาดคิดเหมือนกับดัก 35 เพราะวันนั้นจะมาถึงคนทั้งปวงที่ใช้ชีวิตอยู่บนพื้นโลก 36 จงเฝ้าระวังอยู่เสมอและอธิษฐาน เพื่อท่านจะสามารถรอดพ้นจากสิ่งทั้งปวงที่กำลังจะเกิดขึ้น และเพื่อท่านจะสามารถยืนอยู่ต่อหน้าบุตรมนุษย์ได้”
37 พระเยซูทรงสอนที่พระวิหารทุกวัน และทุกค่ำคืนก็เสด็จไปประทับแรมที่ภูเขามะกอกเทศ 38 คนทั้งปวงจะมาที่พระวิหารตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อฟังพระองค์
Read full chapterFootnotes
- 21:32 หรือชาติพันธุ์นี้
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.