อิสราเอลกบฏต่อเรโหโบอัม(A)

12 เรโหโบอัมเสด็จไปที่เชเคม เพราะชาวอิสราเอลทั้งปวงพากันไปที่นั่นเพื่อตั้งเรโหโบอัมขึ้นเป็นกษัตริย์ เมื่อเยโรโบอัมบุตรเนบัท (ซึ่งหนีกษัตริย์โซโลมอนไปอยู่ในอียิปต์) ทราบข่าว จึงกลับมาจากอียิปต์[a] พวกเขาก็ส่งคนไปตามเยโรโบอัมมา แล้วเขากับชุมนุมประชากรอิสราเอลทั้งปวงก็เข้าเฝ้าและทูลเรโหโบอัมว่า “ราชบิดาของฝ่าพระบาททรงวางแอกหนักให้พวกข้าพระบาท บัดนี้ขอทรงผ่อนภาระและบรรเทาแอกที่วางไว้ แล้วพวกข้าพระบาทจะรับใช้ฝ่าพระบาท”

เรโหโบอัมตรัสตอบว่า “ให้เวลาเราสามวัน แล้วพวกท่านค่อยกลับมาพบเรา” ประชากรจึงกลับไป

กษัตริย์เรโหโบอัมทรงหารือกับบรรดาผู้อาวุโสซึ่งเคยถวายคำปรึกษาแด่โซโลมอนราชบิดาเมื่อครั้งยังทรงพระชนม์อยู่ว่า “ท่านว่าเราควรจะตอบประชาชนเหล่านี้ว่าอย่างไร?”

พวกเขาทูลว่า “หากวันนี้ฝ่าพระบาทจะทรงเป็นผู้รับใช้ประชาชน ปรนนิบัติเขา และตอบตามที่เขาต้องการ พวกเขาก็จะเป็นผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเสมอไป”

แต่เรโหโบอัมไม่ฟังคำแนะนำของผู้อาวุโส กลับปรึกษาพระสหายหนุ่มๆ ซึ่งเติบโตมาด้วยกันและรับใช้พระองค์อยู่ พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “พวกเจ้าจะแนะนำอย่างไร? เราควรจะตอบคนที่มาพูดกับเราว่า ‘ขอทรงผ่อนปรนแอกที่ราชบิดาของฝ่าพระบาทวางไว้บนเหล่าข้าพระบาท’ ว่าอย่างไร?”

10 พวกคนหนุ่มที่เติบโตขึ้นมากับพระองค์ก็ทูลตอบว่า “ขอให้ตรัสกับบรรดาผู้ที่มาทูลว่า ‘ราชบิดาของฝ่าพระบาททรงวางแอกหนักบนเรา ขอทรงทำให้แอกของเราเบาลง’ นั้นว่า ‘นิ้วก้อยของเราก็หนายิ่งกว่าเอวของเสด็จพ่อเสียอีก 11 เสด็จพ่อของเราวางแอกหนักบนพวกเจ้า เราจะทำให้หนักยิ่งขึ้นไปอีก เสด็จพ่อของเราเคยใช้แส้เฆี่ยนพวกเจ้า ส่วนเราจะใช้แมงป่องเล่นงานพวกเจ้า’ ”

12 สามวันต่อมาเยโรโบอัมและประชากรทั้งปวงกลับมาเข้าเฝ้ากษัตริย์เรโหโบอัมตามที่ตรัสไว้ว่า “อีกสามวันค่อยกลับมาพบเรา” 13 กษัตริย์ตรัสตอบประชาชนด้วยท่าทีแข็งกร้าว ทรงปฏิเสธคำแนะนำของบรรดาผู้อาวุโส 14 พระองค์ทรงทำตามคำแนะนำของพวกคนหนุ่มและตรัสว่า “เสด็จพ่อของเราวางแอกหนักให้พวกเจ้า เราจะให้หนักยิ่งขึ้นไปอีก เสด็จพ่อของเราเคยใช้แส้เฆี่ยนเจ้า ส่วนเราจะใช้แมงป่องเล่นงานเจ้า” 15 ดังนั้นกษัตริย์ไม่ทรงรับฟังประชาชน เหตุการณ์นี้มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้สำเร็จตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้กับเยโรโบอัมบุตรเนบัทผ่านทางอาหิยาห์ชาวชิโลห์

16 เมื่ออิสราเอลทั้งปวงเห็นว่ากษัตริย์ไม่ทรงฟังพวกตน พวกเขาก็ตอบกษัตริย์ว่า

“เราเกี่ยวข้องอะไรกับดาวิด?
เรามีส่วนอันใดกับบุตรเจสซี?
อิสราเอลเอ๋ย กลับบ้านกันเถิด!
ให้ดาวิดดูแลปกครองพวกตัวเองไปก็แล้วกัน!”

ดังนั้นชนอิสราเอลจึงพากันกลับบ้าน 17 แต่เรโหโบอัมยังคงปกครองคนอิสราเอลซึ่งอยู่ในเมืองต่างๆ ของยูดาห์

18 กษัตริย์เรโหโบอัมทรงใช้อาโดนีรัม[b]ไปเกณฑ์แรงงานโยธาตามหน้าที่ แต่อิสราเอลทั้งปวงรุมเอาก้อนหินขว้างเขาจนตาย ส่วนกษัตริย์เรโหโบอัมรีบหลบขึ้นราชรถ เสด็จหนีกลับกรุงเยรูซาเล็ม 19 ตั้งแต่นั้นมาอิสราเอลก็กบฏต่อราชวงศ์ของดาวิดจนถึงทุกวันนี้

20 เมื่อชนอิสราเอลทั้งปวงทราบว่าเยโรโบอัมกลับมาแล้ว ก็ให้คนไปเชิญเขามาอยู่ต่อหน้าชุมนุมประชากรอิสราเอล และแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล มีเพียงเผ่ายูดาห์ที่ยังคงจงรักภักดีต่อราชวงศ์ของดาวิด

21 เมื่อเรโหโบอัมเสด็จมาถึงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงระดมพลรบจากเผ่ายูดาห์ทั้งหมดและเผ่าเบนยามินรวมทั้งหมด 180,000 คน เพื่อทำสงครามกับชนอิสราเอล กอบกู้อาณาจักรคืนมาให้เรโหโบอัมโอรสของโซโลมอน

22 แต่พระดำรัสของพระเจ้ามาถึงเชไมอาห์คนของพระเจ้าดังนี้ 23 “จงไปบอกเรโหโบอัมโอรสของโซโลมอนกษัตริย์แห่งยูดาห์ ชนเผ่ายูดาห์กับเบนยามินทั้งหมด และประชากรที่เหลือว่า 24 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า อย่าไปรบกับอิสราเอลพี่น้องของเจ้า ทุกคนจงกลับบ้านไป เพราะทั้งหมดนี้เราเป็นผู้กระทำ’ ” พวกเขาก็เชื่อฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพากันกลับบ้านตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา

ลูกวัวทองคำที่เบธเอลและดาน

25 ครั้งนั้นเยโรโบอัมทรงสร้างป้อมปราการที่เมืองเชเคมในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิมและประทับที่นั่น จากที่นั่นทรงไปสร้างเมืองเปนีเอล[c]

26 เยโรโบอัมดำริว่า “บัดนี้ราชอาณาจักรอาจจะหวนกลับไปยังราชวงศ์ดาวิดก็ได้ 27 หากประชากรเหล่านี้ไปถวายเครื่องบูชาที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็ม พวกเขาจะกลับไปสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์เรโหโบอัมแห่งยูดาห์นายของเขา เขาจะฆ่าเราและหันกลับไปหากษัตริย์เรโหโบอัม”

28 หลังจากขอคำแนะนำของที่ปรึกษาแล้ว กษัตริย์เยโรโบอัมจึงทรงสร้างลูกวัวทองคำสองตัว และแจ้งประชากรว่า “เป็นเรื่องยุ่งยากเกินไปที่จะดั้นด้นไปถึงกรุงเยรูซาเล็ม พี่น้องอิสราเอลทั้งหลาย นี่แหละเทพเจ้าของท่านซึ่งได้นำท่านออกมาจากอียิปต์” 29 พระองค์ทรงตั้งลูกวัวทองคำตัวหนึ่งไว้ที่เบธเอล ส่วนอีกตัวหนึ่งอยู่ที่ดาน 30 สิ่งนี้ได้กลายเป็นบาป เพราะเหล่าประชากรยังอุตส่าห์ไปถึงเมืองดานเพื่อนมัสการลูกวัวทองคำที่นั่น

31 เยโรโบอัมทรงสร้างสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย และทรงแต่งตั้งปุโรหิตจากคนทุกประเภทแม้พวกเขาไม่ใช่คนเลวี 32 พระองค์ทรงกำหนดเทศกาลฉลองในวันที่สิบห้าเดือนที่แปด คล้ายคลึงกับเทศกาลในยูดาห์และถวายเครื่องบูชาบนแท่นบูชา กษัตริย์ทรงทำเช่นนี้ในเบธเอลคือ ถวายบูชาแก่ลูกวัวที่ทรงสร้างขึ้น พระองค์ยังได้ทรงแต่งตั้งปุโรหิตประจำสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายที่ทรงสร้างที่เบธเอล 33 ในวันที่สิบห้าเดือนที่แปด เป็นวันที่พระองค์เองทรงกำหนดไว้เพื่อทรงถวายเครื่องบูชาบนแท่นบูชาที่สร้างขึ้นในเบธเอล ดังนั้นจึงทรงกำหนดเทศกาลฉลองนี้แก่ชนอิสราเอล และเสด็จขึ้นไปยังแท่นบูชาเพื่อถวายเครื่องบูชา

Footnotes

  1. 12:2 หรือทราบข่าวก็ยังคงอยู่ในอียิปต์
  2. 12:18 ภาษาฮีบรูว่าอาโดรัม(ดู 4:6 และ 5:14)
  3. 12:25 ภาษาฮีบรูว่าเปนูเอลเป็นอีกรูปหนึ่งของเปนีเอล

ความโง่เขลาของเรโหโบอัม

12 เรโหโบอัมไปยังเมืองเชเคม เพราะชาวอิสราเอลทั้งปวงได้ไปยังเชเคมเพื่อแต่งตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ ทันทีที่เยโรโบอัมบุตรเนบัททราบเรื่อง (เขาหนีกษัตริย์ซาโลมอนไปอยู่ในประเทศอียิปต์) เขาจึงกลับมาจากอียิปต์ ชาวอิสราเอลที่มาจากทิศเหนือให้คนไปตามเยโรโบอัมกลับไป และพวกเขาพูดกับเรโหโบอัมว่า “บิดาของท่านทำให้พวกเราแบกแอกเหมือนกับแบกภาระหนัก ฉะนั้นในเวลานี้ โปรดช่วยให้งานและการแบกแอกหนักผ่อนลงให้เบาเถิด แล้วพวกเราจะคอยรับใช้ท่าน” ท่านตอบว่า “กลับมาหาเราภายใน 3 วัน” ประชาชนจึงจากไป

กษัตริย์เรโหโบอัมปรึกษากับบรรดาผู้สูงอายุที่เคยรับใช้ซาโลมอนบิดาของท่านเมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านถามว่า “พวกท่านจะแนะนำให้เราตอบประชาชนเหล่านี้อย่างไร” เขาเหล่านั้นตอบว่า “ถ้าท่านจะเป็นผู้รับใช้ประชาชนในวันนี้ เพื่อปฏิบัติงานรับใช้พวกเขา และพูดจาดีกับพวกเขาเวลาท่านตอบคำถาม พวกเขาก็จะเป็นผู้รับใช้ของท่านตลอดไป” แต่ว่าท่านกลับไม่ใส่ใจในคำปรึกษาที่บรรดาผู้สูงอายุแนะนำ แต่กลับไปรับคำปรึกษาของบรรดาชายหนุ่มที่เป็นผู้รับใช้ซึ่งเติบโตมาด้วยกัน ท่านพูดกับพวกเขาว่า “ท่านจะแนะนำเราอย่างไร เราควรจะตอบประชาชนเหล่านี้อย่างไรดี พวกเขาพูดกับเราว่า ‘ขอให้ท่านช่วยผ่อนแอกที่บิดาของท่านให้พวกเราหามเบาลง’” 10 บรรดาชายหนุ่มที่ได้เติบโตมากับท่านตอบว่า “สำหรับประชาชนที่มาพูดกับท่านว่า ‘บิดาของท่านทำให้พวกเราต้องแบกแอกหนัก แต่ขอให้ท่านผ่อนหนักให้เบาลงเพื่อพวกเรา’ นั้น ท่านน่าจะพูดกับพวกเขาว่า ‘นิ้วก้อยของเราใหญ่กว่าต้นขาของบิดาของเรา 11 และบัดนี้ เมื่อบิดาของเราได้วางแอกหนักไว้กับท่าน เราจะทำให้แอกของท่านหนักยิ่งขึ้น บิดาของเราสั่งสอนท่านด้วยไม้เรียว แต่เราจะสั่งสอนท่านด้วยแมงป่อง’”

12 ดังนั้นเยโรโบอัมและประชาชนทั้งปวงจึงมาหาเรโหโบอัมในวันที่สาม ตามคำสั่งของกษัตริย์ที่ว่า “กลับมาหาเราภายใน 3 วัน” 13 และกษัตริย์ตอบประชาชนอย่างแข็งกร้าว และไม่สนใจกับคำปรึกษาของบรรดาผู้สูงอายุ 14 กษัตริย์เรโหโบอัมพูดกับพวกเขา ตามคำปรึกษาของพวกชายหนุ่มว่า “บิดาของเราทำให้แอกของพวกท่านหนัก แต่เราจะทำให้แอกของท่านหนักยิ่งขึ้น บิดาของเราสั่งสอนท่านด้วยไม้เรียว แต่เราจะสั่งสอนท่านด้วยแมงป่อง” 15 ดังนั้นกษัตริย์ไม่ได้ฟังประชาชน เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าประสงค์ให้เหตุการณ์เป็นไปอย่างนั้น เพื่อสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวแก่เยโรโบอัมบุตรเนบัทโดยผ่านทางอาหิยาห์ชาวชิโลห์ จะเกิดขึ้นตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า

อาณาจักรแตกแยก

16 ครั้นชาวอิสราเอลทั้งปวงเห็นว่ากษัตริย์ไม่ได้ฟังพวกเขา ประชาชนจึงตอบกษัตริย์ว่า “พวกเรามีส่วนร่วมอะไรด้วยกับดาวิดหรือ เราไม่ได้รับอะไรที่ตกทอดมาจากบุตรของเจสซี โอ อิสราเอลเอ๋ย จงกลับไปยังกระโจมของตนเถิด บัดนี้ โอ ดาวิดเอ๋ย ดูแลพงศ์พันธุ์ของท่านไปเถิด” ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงกลับไปยังกระโจมของตน 17 แต่เรโหโบอัมก็ปกครองลูกหลานของอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ 18 และกษัตริย์เรโหโบอัมให้อาโดรามควบคุมพวกที่ถูกเกณฑ์มาทำงานหนัก ชาวอิสราเอลทั้งปวงก็ใช้หินขว้างเขาจนตาย กษัตริย์เรโหโบอัมจึงรีบขึ้นรถศึกของท่านหนีกลับไปยังเมืองเยรูซาเล็ม 19 ดังนั้นอิสราเอลจึงได้แข็งข้อต่อพงศ์พันธุ์ของดาวิดเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ 20 และเมื่อชาวอิสราเอลทั้งปวงทราบว่าเยโรโบอัมได้กลับมาแล้ว จึงให้คนไปเชิญท่านมายังที่ประชุม เพื่อแต่งตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลทั้งหมด ไม่มีใครอื่นนอกจากเผ่ายูดาห์เท่านั้นที่ยังคงติดตามพงศ์พันธุ์ของดาวิดอยู่

21 เมื่อเรโหโบอัมมายังเยรูซาเล็ม ท่านก็เรียกประชุมพงศ์พันธุ์ยูดาห์ทั้งหมดร่วมกับเผ่าเบนยามิน รวมนักรบที่คัดเลือกได้ 180,000 คน ไปต่อสู้กับพงศ์พันธุ์อิสราเอล เพื่อรวมอาณาจักรเข้าด้วยกันอีกให้แก่เรโหโบอัมบุตรซาโลมอน 22 แต่พระเจ้ากล่าวผ่านเชไมยาห์คนของพระเจ้าดังนี้คือ 23 “จงบอกเรโหโบอัมบุตรซาโลมอนกษัตริย์แห่งยูดาห์ และพงศ์พันธุ์ยูดาห์ ของเบนยามิน และประชาชนทั้งปวงว่า 24 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า ‘เจ้าอย่าขึ้นไปต่อสู้กับญาติพี่น้องซึ่งเป็นพงศ์พันธุ์อิสราเอล ทุกคนจงกลับบ้านไป เพราะว่าเราต้องการให้เป็นไปอย่างนั้น’” ดังนั้นเขาเหล่านั้นจึงเชื่อฟังคำของพระผู้เป็นเจ้า และกลับบ้านไป ตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า

ลูกโคทองคำของเยโรโบอัม

25 แล้วเยโรโบอัมก็สร้างเมืองเชเคมในแถบภูเขาของเอฟราอิมให้แข็งแกร่ง และอาศัยอยู่ที่นั่น ต่อจากนั้นท่านก็ออกไปจากที่นั่น และสร้างเมืองเปนูเอล 26 และเยโรโบอัมนึกอยู่ในใจว่า “คราวนี้ อาณาจักรคงจะกลับมาเป็นของพงศ์พันธุ์ของดาวิด 27 เพราะถ้าหากว่าประชาชนเหล่านี้ขึ้นไปถวายเครื่องสักการะที่พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าที่เยรูซาเล็ม จิตใจของคนเหล่านี้ก็จะหันกลับมายังเจ้านายของพวกเขาคือเรโหโบอัมกษัตริย์แห่งยูดาห์ แล้วพวกเขาก็จะฆ่าเรา และกลับไปยังเรโหโบอัมกษัตริย์แห่งยูดาห์” 28 ดังนั้นกษัตริย์จึงหารือบางคน และสั่งให้หล่อรูปลูกโคทองคำ 2 ตัว และกล่าวแก่ประชาชนว่า “พวกท่านได้ขึ้นไปยังเยรูซาเล็มมามากพอแล้ว โอ อิสราเอลเอ๋ย ดูนี่สิ บรรดาเทพเจ้าของพวกท่านที่นำท่านออกจากประเทศอียิปต์” 29 แล้วท่านก็ตั้งตัวหนึ่งไว้ในเมืองเบธเอล ส่วนอีกตัวตั้งไว้ในเมืองดาน 30 ฉะนั้น นี่จึงเป็นสิ่งที่นำให้ผู้คนทำบาป เพราะว่าพวกเขาแห่กันไปยังรูปปั้นที่เบธเอลและไปไกลจนถึงเมืองดานด้วย 31 ท่านสร้างวิหารบนสถานบูชาบนภูเขาสูง และแต่งตั้งบรรดาปุโรหิตจากประชาชนทั้งปวงซึ่งไม่ได้มาจากกลุ่มชาวเลวี 32 และเยโรโบอัมกำหนดเทศกาลเลี้ยงฉลองในวันที่สิบห้าของเดือนที่แปด เหมือนกับเทศกาลเลี้ยงฉลองที่มีในยูดาห์ และท่านถวายเครื่องสักการะที่แท่นบูชาในเบธเอล ถวายแก่ลูกโคที่สร้างไว้ และท่านให้บรรดาปุโรหิตไปประจำอยู่ที่สถานบูชาซึ่งท่านสร้างไว้บนภูเขาสูงที่เบธเอล 33 ในวันที่สิบห้าของเดือนที่แปดท่านขึ้นไปยังแท่นบูชาซึ่งท่านสร้างไว้ที่เบธเอล ท่านเป็นผู้ที่กำหนดเลือกเดือนนั้นด้วยตนเอง และท่านจัดตั้งงานเลี้ยงฉลองสำหรับลูกหลานของอิสราเอล แล้วก็ได้ขึ้นไปยังแท่นบูชาเพื่อมอบของถวาย

สงครามกลางเมือง

(2 พศด. 10:1-19)

12 เรโหโบอัมได้ไปที่เชเคมเพราะชาวอิสราเอลทั้งหมดได้ไปที่นั่นเพื่อที่จะแต่งตั้งเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ เมื่อเยโรโบอัมลูกชายของเนบัทได้ยินเรื่องนี้เข้า (ตอนนั้นเขายังอยู่ในประเทศอียิปต์ซึ่งเป็นที่ที่เขาได้หลบหนีไปจากกษัตริย์ซาโลมอน) เขาจึงออกมาจากอียิปต์ กลับมาบ้านของเขา

คนอิสราเอลจึงพูดกับเรโหโบอัมว่า[a] “พ่อของท่านได้บังคับให้พวกเราทำงานหนักเหลือเกิน ตอนนี้ ขอให้ท่านช่วยทำให้งานหนักและแอกอันหนักอึ้งที่เขาเคยวางไว้บนตัวพวกเรานี้ให้เบาลงด้วย แล้วพวกเราก็จะรับใช้ท่าน”

เรโหโบอัมตอบว่า “กลับไปก่อน แล้วอีกสามวันค่อยกลับมาพบเราใหม่” ประชาชนจึงกลับออกไป

แล้วกษัตริย์เรโหโบอัมก็ได้ปรึกษากับพวกผู้อาวุโสที่เคยรับใช้ซาโลมอนพ่อของเขาในช่วงที่ซาโลมอนยังมีชีวิตอยู่ เขาถามว่า “พวกท่านจะแนะนำให้เราตอบประชาชนพวกนั้นยังไงดี”

พวกเขาตอบว่า “ถ้าในวันนี้ท่านทำตัวเป็นผู้รับใช้ประชาชนเหล่านี้ และอยู่รับใช้พวกเขา และให้คำตอบที่พวกเขาพอใจแล้วละก็ พวกเขาก็จะอยู่เป็นผู้รับใช้ท่านตลอดไป”

แต่เรโหโบอัมไม่ยอมฟังคำแนะนำที่พวกผู้อาวุโสเหล่านั้นให้เขา เขากลับไปปรึกษากับพวกคนหนุ่มๆที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับเขา และทำงานให้กับเขาอยู่ เขาถามคนหนุ่มพวกนั้นว่า “ประชาชนพวกนั้นมาพูดกับเราว่า ‘ช่วยทำให้แอกที่พ่อของท่านวางไว้บนพวกเรา เบาขึ้นด้วยเถิด’ พวกเจ้ามีคำแนะนำว่ายังไง พวกเราจะตอบประชาชนพวกนั้นว่ายังไงดี”

10 คนหนุ่มๆเหล่านั้นผู้ที่ได้เติบโตขึ้นมาพร้อมๆกับเขาตอบว่า “บอกพวกประชาชนที่มาพูดกับท่านว่า ‘พ่อของท่านได้ทำให้แอกของพวกเราหนักเหลือเกิน ขอให้ท่านช่วยทำให้มันเบาขึ้นด้วยเถิด’ บอกพวกเขาไปว่า ‘นิ้วก้อยของเรายังหนากว่าเอวของพ่อเราเสียอีก 11 พ่อของเราได้ทำให้แอกของพวกเจ้าหนัก เราจะทำให้มันหนักยิ่งขึ้นไปอีก พ่อของเราเฆี่ยนพวกเจ้าด้วยแส้ เราจะเฆี่ยนพวกเจ้าด้วยแส้หางแมงป่อง[b]’”

12 อีกสามวันต่อมา เยโรโบอัมและประชาชนทั้งหมดก็กลับมาหาเรโหโบอัมตามที่กษัตริย์ได้บอกกับพวกเขาไว้ ที่ว่า “กลับมาหาเราใหม่ในอีกสามวันข้างหน้า” 13 กษัตริย์ได้ตอบคนเหล่านั้นไปอย่างหยาบคาย เขาได้ปฏิเสธคำแนะนำที่พวกผู้อาวุโสได้ให้กับเขาไว้ 14 เขาไปทำตามคำแนะนำของพวกคนหนุ่มๆและพูดไปว่า “พ่อของเราทำให้แอกของพวกเจ้าหนัก เราจะทำให้มันหนักยิ่งขึ้นไปอีก พ่อของเราเคยเฆี่ยนพวกเจ้าด้วยแส้ เราจะเฆี่ยนพวกเจ้าด้วยแส้หางแมงป่อง” 15 ดังนั้นกษัตริย์จึงไม่ยอมฟังเสียงของประชาชน เพราะพระยาห์เวห์เป็นผู้ทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น พระองค์ต้องการให้เป็นไปตามคำพูดที่พระองค์ได้พูดไว้กับเยโรโบอัมลูกชายของเนบัท ผ่านทางอาหิยาห์คนชิโลห์นั้น

16 เมื่อคนอิสราเอลทั้งหมดเห็นว่ากษัตริย์ไม่ยอมฟังพวกเขา พวกเขาจึงได้ตอบกษัตริย์ไปว่า

“พวกเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวดาวิดอย่างนั้นหรือ
    พวกเราได้ส่วนแบ่งจากที่ดินของเจสซีหรือ
เปล่าเลย อิสราเอลเอ๋ย กลับบ้านของพวกเรากันเถอะ
    ปล่อยให้ ลูกของดาวิด ดูแลคนของพวกเขาเอง”

ดังนั้น พวกชาวอิสราเอลจึงกลับบ้านไป 17 แต่สำหรับชาวอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในเมืองทั้งหลายของยูดาห์ เรโหโบอัมยังคงเป็นคนปกครองพวกเขาอยู่

18 กษัตริย์เรโหโบอัมได้ส่งอาโดรัม ซึ่งทำหน้าที่ผู้ควบคุมคนงานไปพูดกับคนอิสราเอล แต่กลับถูกคนอิสราเอลทั้งหมดขว้างก้อนหินใส่จนตาย แต่กษัตริย์เรโหโบอัมรีบขึ้นรถรบของเขาหนีกลับเข้าเมืองเยรูซาเล็ม 19 จากนั้นอิสราเอลต่างก็ต่อต้านครอบครัวของดาวิดจนถึงทุกวันนี้

เยโรโบอัมปกครองอิสราเอล

(2 พศด. 11:1-4)

20 เมื่อชาวอิสราเอลทั้งหมดได้ยินว่าเยโรโบอัมกลับมาแล้ว พวกเขาได้ส่งคนไปเรียกตัวเขาให้เข้าร่วมชุมนุมและแต่งตั้งให้เขาเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล ยกเว้นเผ่ายูดาห์เพียงเผ่าเดียวที่ยังคงติดตามครอบครัวของดาวิด

21 เมื่อเรโหโบอัมมาถึงเมืองเยรูซาเล็ม เขาได้รวบรวมครอบครัวชาวยูดาห์ทั้งหมด รวมทั้งเผ่าเบนยามินด้วย ได้นักรบมาหนึ่งแสนแปดหมื่นคน เพื่อจะไปทำสงครามกับครอบครัวอิสราเอล เพื่อช่วงชิงอาณาจักรคืนมาให้กับตัวเขาเอง

22 แต่คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงเชไมอาห์คนของพระเจ้าว่า 23 “ให้บอกกับเรโหโบอัมกษัตริย์แห่งยูดาห์ ลูกชายของซาโลมอน รวมทั้งครอบครัวของยูดาห์และเบนยามินทั้งหมด ตลอดจนประชาชนที่เหลืออยู่ว่า 24 ‘พระยาห์เวห์ได้พูดไว้ว่าอย่างนี้ อย่าขึ้นไปต่อสู้กับพี่น้องอิสราเอลของพวกเจ้าเลย ขอให้พวกเจ้าทุกคนกลับไปบ้านเถิด เพราะเราเองเป็นผู้ที่ทำให้เกิดเรื่องนี้’” พวกเขาจึงเชื่อฟังคำพูดของพระยาห์เวห์และกลับบ้านไปตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้

25 แล้วเยโรโบอัมก็สร้างเมืองเชเคมขึ้นใหม่ในแถบเนินเขาเอฟราอิม และได้อาศัยอยู่ที่นั่น และต่อมาเขาได้ออกจากที่นั่นไปสร้างเมืองเปนูเอล[c] ขึ้น

26 เยโรโบอัมเคยคิดกับตัวเองว่า “อาณาจักรแห่งนี้คงจะต้องตกไปอยู่ในมือของครอบครัวดาวิดอีกเป็นแน่ 27 ถ้าประชาชนเหล่านี้ยังคงขึ้นไปถวายสัตว์บูชาที่วิหารของพระยาห์เวห์ในเมืองเยรูซาเล็มอีก จิตใจของประชาชนพวกนี้จะหันกลับไปหากษัตริย์เรโหโบอัมแห่งยูดาห์เจ้านายของพวกเขา แล้วพวกเขาก็จะมาฆ่าเราและกลับไปหากษัตริย์เรโหโบอัมแห่งยูดาห์” 28 หลังจากที่ปรึกษากับพวกที่ปรึกษาของเขาแล้ว กษัตริย์เยโรโบอัมก็ได้สร้างลูกวัวทองคำขึ้นสองตัว เขาพูดกับประชาชนว่า “พวกท่านขึ้นไปนมัสการที่เยรูซาเล็มนานพอแล้ว อิสราเอลเอ๋ย นี่ไง พวกพระของพวกท่าน ที่ได้นำพวกท่านออกจากประเทศอียิปต์”[d] 29 เขาได้นำลูกวัวทองคำตัวหนึ่งไปตั้งไว้ที่เมืองเบธเอล[e] และอีกตัวหนึ่งไปตั้งไว้ที่เมืองดาน[f] 30 เรื่องนี้มันบาปสิ้นดี เพราะชาวอิสราเอลเริ่มไปที่เมืองเบธเอล[g] และเมืองดาน เพื่อนมัสการพวกลูกวัวนั้น

31 นอกจากเรื่องนี้แล้ว เยโรโบอัมยังได้สร้างศาลเจ้าขึ้นตามสถานที่สูง และได้แต่งตั้งนักบวชหลายคนจากคนหลายประเภท แม้บางคนจะไม่ใช่ชาวเลวีก็ตาม 32 เขาได้จัดให้มีงานเทศกาลในวันที่สิบห้าของเดือนที่แปดเหมือนกับเทศกาลที่จัดขึ้นในยูดาห์ และได้ถวายเครื่องสัตวบูชาบนแท่นบูชา นี่คือสิ่งที่เขาได้ทำไปในเบธเอล เขาถวายเครื่องสัตวบูชาให้กับรูปปั้นลูกวัวทั้งสองตัวที่เขาได้สร้างขึ้น และที่เบธเอล เขาก็ได้แต่งตั้งนักบวชหลายคนให้อยู่ตามสถานที่นมัสการที่เขาได้ทำขึ้น 33 ในวันที่สิบห้าของเดือนที่แปด ซึ่งเป็นเดือนที่เขาเองเป็นคนเลือก เขาได้ถวายเครื่องสัตวบูชาบนแท่นบูชาที่เขาได้สร้างขึ้นในเบธเอล และในช่วงนั้นเขาได้จัดให้ให้มีงานเทศกาลขึ้นสำหรับชาวอิสราเอล และตัวเขาเองก็ได้ขึ้นไปถวายเครื่องหอมบนแท่นบูชา

Footnotes

  1. 12:3 ข้อนี้เป็นไปตามฉบับแปลกรีกโบราณ ฉบับฮีบรูที่นิยมใช้กันเขียนว่า คนอิสราเอลจึงไปหาเยโรโบอัม และเยโรโบอัมพร้อมด้วยชาวอิสราเอลทั้งหมดก็ได้ไปหาเรโหโบอัมและพูดกับเขาว่า
  2. 12:11 แส้หางแมงป่อง แส้ที่ที่มีชิ้นส่วนเล็กๆที่ทำจากเหล็กฝังอยู่ด้วย
  3. 12:25 เปนูเอล หรือ “เปนีเอล”
  4. 12:28 เอ๋ย นี่ไง … ประเทศอียิปต์ คำพูดนี้เหมือนกับที่อาโรนได้เคยพูดไว้ตอนที่เขาได้สร้างลูกวัวทองคำขึ้นในทะเลทราย ดูใน อพยพ 32:4
  5. 12:29 เบธเอล เบธเอลเป็นเมืองหลวงเมืองหนึ่งที่อยู่ทางใต้ของอิสราเอล ใกล้กับยูดาห์
  6. 12:29 เมืองดาน อยู่ทางด้านทิศเหนือของอิสราเอล
  7. 12:30 เบธเอล คำนี้อยู่ในฉบับแปลกรีกโบราณแต่ไม่ได้อยู่ในฉบับฮีบรูที่นิยมใช้กัน