約翰福音 6
Chinese Standard Bible (Traditional)
五餅二魚
6 這些事以後,耶穌渡過加利利湖[a],也就是太巴列湖,到對岸去。 2 有一大群人,因為看到他在病人身上所行的神蹟,就跟隨他。
3 耶穌上了山,與他的門徒們在那裡坐下。 4 那時猶太人的逾越節快到了。 5 耶穌舉目觀看,見一大群人向他走來,就對腓力說:「我們從哪裡買餅給這些人吃呢?」 6 他說這話是要試試腓力,其實他自己已經知道要做什麼了。
7 腓力回答:「就是兩百個銀幣[b]的餅,也不夠每個人吃一小塊!」
8 他的一個門徒,就是西門彼得的弟弟安得烈,對耶穌說: 9 「這裡有個孩子,帶了五個大麥餅和兩條魚。可是對這麼多人,這些算什麼呢?」
10 耶穌說:「讓他們坐下來。」
那地方草多,他們坐了下來;男人的數目約有五千。 11 耶穌就拿起餅來,祝謝以後,分給那些坐著的人[c],把魚也如此分了,他們要多少就給多少。
12 大家吃飽了以後,耶穌就對他的門徒們說:「把剩下的碎塊收拾起來,免得浪費。」 13 他們就把大家吃剩的那五個大麥餅的碎塊收拾起來,裝滿了十二個籃子。
14 眾人看見耶穌所行的神蹟,就說:「這個人確實是那位要來到世上的先知!」 15 耶穌看出他們要來強迫他做王,就又獨自退到山上去了。
在水面上行走
16 到了晚上,他的門徒們下到湖邊。 17 他們上了船,開始渡過湖往迦百農去。原來天色已經黑了,而耶穌還沒有來到他們那裡。 18 當時,大風吹起,湖水翻騰。 19 他們已經划了約有四、五公里[d],看到耶穌在湖面上行走,逐漸向船靠近,他們就感到懼怕。
20 耶穌對他們說:「是我,不要怕!」 21 門徒們這才願意接他上船。船立刻就到了他們所要去的地方。
生命的糧
22 第二天,留在湖對岸的眾人,知道在那裡除了一條小船之外[e],沒有別的船;而且知道耶穌沒有和他的門徒們一起上船,是門徒們自己去的。 23 有幾條別的小船從太巴列城來,靠近主祝謝後眾人吃餅的地方。 24 這樣,眾人一發現耶穌已經不在那裡,連他的門徒們也不在那裡,就上了船,往迦百農去找耶穌。
25 他們在湖的對岸找到了耶穌,就問他:「拉比,你是什麼時候到這裡來的?」
26 耶穌回答說:「我確確實實地告訴你們:你們找我,並不是因為看見了神蹟,而是因為你們吃餅吃飽了。 27 不要為那會腐敗的食物做工,而要為那存留到永生的食物做工。這食物就是人子要給你們的,因為人子是父神所印證的。」
28 他們問:「我們應該做什麼,才算做神的工作呢?」
29 耶穌回答說:「信神所派來的那一位,就是做神的工作。」
30 他們就問:「那麼,你行個什麼神蹟,好讓我們看了就可以信你呢?你可以做什麼呢? 31 我們的祖先在曠野吃了嗎哪,正如經上所記:『他把從天上來的糧賜給他們吃。』[f]」
32 耶穌對他們說:「我確確實實地告訴你們:那從天上來的糧不是摩西賜給你們的,而是我父把從天上來的真糧賜給了你們。 33 要知道,神的糧就是從天上降下來、賜生命給世人的那一位。」
34 他們就對耶穌說:「主啊,請你時常把這糧賜給我們!」
35 耶穌對他們說:「我就是生命的糧。到我這裡來的人,絕不飢餓;信我的人,永不乾渴。 36 但是我告訴過你們,你們雖然看到了我[g],還是不信。 37 凡是父賜給我的人,都會到我這裡來,而到我這裡來的人,我絕不丟棄[h], 38 因為我從天上降下來,不是要行自己的意思,而是要行那派我來者的意思。 39 那派我來者[i]的旨意,就是要我不失去他賜給我的任何人,而且要我在末日使他復活。 40 要知道,我父[j]的旨意正是:所有看見子而信他的人都得到永恆的生命,並且在末日,我將要使他復活。」
41 這時候,一些猶太人因為耶穌說『我是從天上降下來的糧』,就私下議論他, 42 並說:「這不就是約瑟的兒子耶穌嗎?我們不都認識他的父母嗎?現在他怎麼說『我是從天上降下來的』呢?」
43 耶穌就對他們說:「你們不要彼此議論了。 44 如果不是派我來的父引領他,沒有人能到我這裡來;到我這裡來的,在末日我還要使他復活。 45 先知書上記著:『他們都將成為神所教導的人。』[k]任何人聽了並領會了從父而來的教導,就會到我這裡來。 46 這並不是說,有誰看到父;只有從神而來的那一位,他才看到父。
47 「我確確實實地告訴你們:信我[l]的人,就有永恆的生命。 48 我就是生命的糧。 49 你們的祖先在曠野吃了嗎哪,還是死了。 50 那從天上降下來、讓人吃了而不死的糧,就在這裡。 51 我就是從天上降下來的生命的糧。人如果吃了這糧,就將活著,直到永遠。我要賜的糧就是我的肉身,是為了世人的生命所賜的[m]。」
52 於是那些猶太人彼此爭論,說:「這個人怎麼能把自己的肉身給我們吃呢?」
53 耶穌說:「我確確實實地告訴你們:如果你們不吃人子的肉,不喝人子的血,你們裡面就沒有生命。 54 吃我肉、喝我血的人,就有永恆的生命,在末日我還要使他復活; 55 因為我的肉是真食物,我的血是真飲物。 56 吃我肉、喝我血的人,住在我裡面,我也住在他裡面。 57 永生的父怎樣差派了我,我又因父而活,照樣,以我為食的人也將因我而活。 58 這才是從天上降下來的糧,不像嗎哪。你們的[n]祖先吃過嗎哪還是死了,而吃這糧的人就將活著,直到永遠。」
59 這些話是耶穌在迦百農教導人的時候,在會堂裡說的。
許多門徒離開耶穌
60 他的門徒當中有許多人聽了,就說:「這話實在嚴厲,誰能聽呢?」
61 耶穌自己裡面知道他的門徒們為這話私下議論,就對他們說:「這話絆倒你們[o]嗎? 62 所以,如果你們看見人子升到他原先所在的地方,你們會怎麼樣呢? 63 賜人生命的是靈[p],肉體沒有什麼用。我對你們說的話就是靈,就是生命。 64 然而你們當中有一些不信的人。」原來,耶穌從起初就知道哪些人不[q]信,也知道哪一個人要出賣他。 65 耶穌又說:「所以我告訴過你們:如果不是蒙父所賜,沒有人能到我這裡來。」
66 從此耶穌的門徒中有許多人離開回到背後的事上,不再與他同行。 67 耶穌就對十二使徒[r]說:「你們也不會想離開吧?」
68 西門彼得回答:「主啊,你有永恆生命的話語,我們還去歸從誰呢? 69 我們已經相信,也知道你就是神的那位聖者。[s]」
70 耶穌對他們說:「我不是揀選了你們十二使徒嗎?可是你們當中有一個是魔鬼。」 71 耶穌說的是加略人西門的兒子[t]猶大;這個人雖然是十二使徒中的一個,後來卻要出賣耶穌。
Footnotes
- 約翰福音 6:1 湖——原文直譯「海」。
- 約翰福音 6:7 兩百個銀幣——原文為「200得拿利」。1得拿利=約1日工資的羅馬銀幣。
- 約翰福音 6:11 分給那些坐著的人——有古抄本作「分給門徒們,門徒們又分給那些坐著的人」。
- 約翰福音 6:19 四、五公里——原文為「25-30視距」。1視距=185公尺。
- 約翰福音 6:22 除了一條小船之外——有古抄本作「除了耶穌的門徒們上的那一條小船之外」。
- 約翰福音 6:31 《出埃及記》16:4;《詩篇》78:24。
- 約翰福音 6:36 有古抄本沒有「我」。
- 約翰福音 6:37 丟棄——原文直譯「趕出去」。
- 約翰福音 6:39 有古抄本附「——父」。
- 約翰福音 6:40 我父——有古抄本作「那派我來者」。
- 約翰福音 6:45 《以賽亞書》54:13。
- 約翰福音 6:47 有古抄本沒有「我」。
- 約翰福音 6:51 有古抄本沒有「所賜的」。
- 約翰福音 6:58 有古抄本沒有「嗎哪。你們的」。
- 約翰福音 6:61 絆倒你們——或譯作「使你們覺得反感」。
- 約翰福音 6:63 靈——或譯作「聖靈」。
- 約翰福音 6:64 有古抄本沒有「不」。
- 約翰福音 6:67 使徒——輔助詞語。
- 約翰福音 6:69 你就是神的那位聖者。——有古抄本作「你就是基督,永生神的兒子。」
- 約翰福音 6:71 兒子——輔助詞語。
約翰福音 6
Chinese Contemporary Bible (Traditional)
耶穌使五千人吃飽
6 事後,耶穌渡過加利利湖,就是提比哩亞海。 2 許多人因為見過耶穌治病的神蹟,就跟隨了祂。 3 耶穌到了山上,與門徒一起坐下來。 4 那時,猶太人的逾越節快到了。 5 耶穌舉目看見一大群人向祂走來,就對腓力說:「我們到哪裡去買餅給他們吃呢?」 6 祂這樣說是想試試腓力,其實祂知道應該怎麼做。
7 腓力回答說:「就算買二百個銀幣[a]的餅,也不夠他們每人一口啊!」
8 另外一個門徒——西門·彼得的弟弟安得烈對耶穌說: 9 「這裡有個小孩子帶了五個大麥餅和兩條魚。不過,這麼多人,這一點東西實在無濟於事。」
10 耶穌說:「你們叫大家坐下。」那地方草很多,眾人便坐下來,當時在場的男人大約有五千。 11 耶穌拿起餅來祝謝後,分給坐著的眾人,然後又照樣分魚,眾人可以隨意吃。 12 他們吃飽後,耶穌對門徒說:「把剩下的零碎收拾起來,免得浪費。」
13 他們便把大家吃剩的那五個大麥餅的零碎收拾起來,裝滿了十二個籃子。 14 大家看見耶穌行的這個神蹟,都說:「這人真是那位要來到世上的先知!」 15 耶穌知道他們想強行立祂作王,便獨自退到山上。
耶穌在湖面上行走
16 傍晚的時候,門徒來到湖邊, 17 上了船,去湖對岸的迦百農。天色已暗,耶穌還沒到他們那裡。 18 忽然,湖面上狂風大作,波濤洶湧。 19 門徒搖櫓,大約行了五六公里,突然看見耶穌在水面上朝他們的船走來,他們很害怕。 20 耶穌對他們說:「是我,不要怕。」 21 於是門徒欣然接祂上船,船立刻到了目的地。
生命之糧
22 第二天,留在對岸的眾人看見那裡只有一條船,耶穌沒有和門徒一起坐船離開。 23 後來有幾條從提比哩亞來的小船停泊在岸邊,靠近主祝謝後讓眾人吃餅的地方。 24 他們發現耶穌和門徒都不在那裡,就乘船到迦百農去找祂。
25 他們在湖對岸找到了耶穌,對祂說:「老師,你什麼時候到這裡來的?」
26 耶穌回答說:「我實實在在地告訴你們,你們找我,並不是因為看見了神蹟,而是因為你們有餅吃,並且吃飽了。 27 不要為那必壞的食物勞苦,要為那存到永生的食物,就是人子要賜給你們的食物勞苦,因為父上帝把這權柄交給了人子。」
28 眾人問祂:「我們要怎樣做,才算是做上帝的工作呢?」
29 耶穌說:「信上帝所差來的那位,就是做上帝的工作。」
30 他們又問:「那麼,你行什麼神蹟讓我們看了可以信你呢?你要做什麼呢? 31 我們的祖先在曠野有嗎哪吃,正如聖經上說,『祂賜下天糧給他們吃。』」
32 耶穌卻說:「我實實在在地告訴你們,不是摩西從天上賜給了你們糧食,而是我父將天上的真糧食賜給你們。 33 因為上帝賜的糧就是從天降下、賜生命給世人的那位。」
34 他們說:「先生,求你把這種糧食天天賜給我們吧。」
35 耶穌說:「我就是生命的糧,到我這裡來的人必定不餓,信我的人必永遠不渴。 36 但我對你們說過,你們雖然親眼看見我,仍然不信。 37 凡父賜給我的人,必到我這裡來。到我這裡來的,我總不丟棄他。 38 因為我從天上下來,不是要成就自己的旨意,而是要成就差我來者的旨意。 39 差我來者的旨意是,祂所賜給我的,我一個也不失掉,在末日我要叫他們復活。 40 因為我父的旨意是要叫一切看見兒子並相信的人得到永生,在末日,我要叫他們復活。」
41 猶太人聽見耶穌說自己是從天上降下來的糧,就小聲議論, 42 說:「這不是約瑟的兒子耶穌嗎?祂的父母,我們都認識,祂現在怎麼能說自己是從天上降下來的呢?」
43 耶穌回答他們說:「你們不用議論紛紛。 44 如果不是差我來的父吸引人到我這裡來,沒有人能來。到我這裡來的,在末日,我要叫他復活。 45 先知書上這樣說,『他們都要受上帝的訓誨』,這裡是指凡聽從父的教導又去效法的人,都會到我這裡來。 46 這並不是說有人見過父,唯獨從上帝而來的那位見過父。 47 我實實在在地告訴你們,信我的人有永生, 48 因為我是生命的糧。 49 你們的祖先在曠野吃過嗎哪,還是死了。 50 但這是從天上降下來的糧,人吃了就不死。 51 我就是天上降下來的生命之糧,人吃了這糧,必永遠活著。我將要賜下的糧就是我的肉,是為了讓世人得到生命。」
52 猶太人開始彼此爭論,說:「這個人怎麼能把自己的肉給我們吃呢?」
53 耶穌說:「我實實在在地告訴你們,如果你們不吃人子的肉,不喝人子的血,就沒有生命。 54 吃我肉、喝我血的人有永生,在末日,我要叫他復活。 55 因為我的肉是真糧食,我的血是真飲品, 56 吃我肉、喝我血的人常在我裡面,我也常在他裡面。 57 永活的父差我來,我是靠祂而活。同樣,吃我肉的人也靠我而活。 58 我是從天上降下來的真糧,吃這糧的人必永遠活著,不像你們的祖先,雖然吃過嗎哪,最後還是死了。」
59 這番話是耶穌在迦百農會堂裡教導人的時候講的。
永生之道
60 祂的許多門徒聽了,就議論說:「這話實在難懂,誰能接受呢?」
61 耶穌知道門徒在議論,就說:「這話叫你們失去信心嗎? 62 如果你們看見人子升到祂原來所在的地方,會怎麼樣呢? 63 叫人活著的是靈,肉體毫無作用。我對你們說的話就是靈,就是生命。 64 然而,你們中間有些人不信。」因為耶穌一開始就知道誰不信祂、誰會出賣祂。
65 祂繼續說:「所以我曾對你們說,如果不是我父賜恩,沒有人能到我這裡來。」
66 從此,很多門徒離開了,不再跟從耶穌。
67 於是耶穌問那十二個門徒:「你們也要離開我嗎?」
68 西門·彼得答道:「主啊!你有永生之道,我們還跟從誰呢? 69 我們已經相信並且知道你是上帝的聖者。」
70 耶穌說:「我不是揀選了你們十二個人嗎?但其中有一個是魔鬼。」 71 耶穌這話是指著加略人西門的兒子猶大說的,因為他是十二個門徒之一,後來出賣了耶穌。
Footnotes
- 6·7 一個銀幣相當於當時一天的工錢。
ยอห์น 6
New Thai Version
มหาชนกับขนมปัง 5 ก้อนและปลา 2 ตัว
6 หลังจากนั้นพระเยซูได้เดินทางไปยังอีกฟากหนึ่งของทะเลสาบกาลิลี ซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งว่าทะเลสาบทิเบเรียส 2 ผู้คนจำนวนมากติดตามพระองค์ไป เพราะพวกเขาได้เห็นปรากฏการณ์อัศจรรย์ต่างๆ ซึ่งพระองค์กระทำต่อบรรดาคนป่วย 3 แล้วพระเยซูขึ้นไปนั่งบนภูเขากับบรรดาสาวกของพระองค์ 4 ในเวลานั้นใกล้ถึงเทศกาลปัสกาของชาวยิวแล้ว 5 เมื่อพระเยซูเงยหน้าขึ้นก็พบว่าผู้คนจำนวนมากได้พากันมาหาพระองค์ พระองค์จึงกล่าวกับฟีลิปว่า “เราจะซื้ออาหารที่ไหนให้คนเหล่านี้รับประทานได้” 6 คำถามนี้พระองค์ได้ถามเพื่อเป็นการลองใจเขาดู เพราะจริงๆ แล้วพระองค์ทราบแล้วว่าจะทำอย่างไร 7 ฟีลิปตอบพระองค์ว่า “200 เหรียญเดนาริอัน[a]ก็ไม่พอซื้ออาหารให้ทุกคนรับประทานคนละเล็กละน้อยได้” 8 อันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตรซึ่งเป็นสาวกคนหนึ่งได้พูดกับพระองค์ว่า 9 “เด็กคนหนึ่งที่นี่มีขนมปังลูกเดือย 5 ก้อนกับปลา 2 ตัว เพียงเท่านั้นจะพอสำหรับคนมากอย่างนี้หรือ” 10 พระเยซูกล่าวว่า “ให้ทุกคนนั่งลง” 5,000 คนก็นั่งบนบริเวณที่มีหญ้าซึ่งกว้างขวางเพียงพอ 11 พระเยซูหยิบขนมปัง และเมื่อขอบคุณพระเจ้าแล้ว พระองค์ก็แจกขนมปังและปลาแก่คนที่นั่งลง ได้มากพอตามที่ต้องการกัน 12 เมื่อคนรับประทานกันจนอิ่มแล้ว พระองค์จึงกล่าวกับบรรดาสาวกว่า “จงรวบรวมอาหารที่เหลือไว้ อย่าให้เสียของ” 13 พวกเขาจึงรวบรวมขนมปังใส่ในตะกร้าได้ 12 ใบเต็มๆ เป็นอาหารที่คนรับประทานเหลือจากขนมปังลูกเดือย 5 ก้อน 14 ฉะนั้นเมื่อผู้คนเห็นปรากฏการณ์อัศจรรย์ที่พระองค์ได้กระทำ จึงพูดว่า “นี่เป็นผู้เผยคำกล่าวที่แท้จริงของพระเจ้าซึ่งได้รับมอบหมายให้มาในโลก” 15 พระเยซูทราบว่า เขาเหล่านั้นตั้งใจที่จะใช้กำลังจับกุมพระองค์ไปเพื่อให้เป็นกษัตริย์ จึงได้ปลีกตัวออกไปยังภูเขาแต่เพียงลำพังอีก
พระเยซูเดินบนผิวน้ำในทะเลสาบ
16 ครั้นถึงเวลาเย็นพวกสาวกของพระองค์ก็เดินลงไปยังทะเลสาบ 17 แล้วลงเรือข้ามทะเลสาบไปยังเมืองคาเปอร์นาอุม จนมืดแล้วพระเยซูก็ยังไม่ได้กลับมาหาพวกเขา 18 ลมพายุได้ทำให้เกิดคลื่นลมแรงในทะเลสาบ 19 เมื่อพวกสาวกตีกรรเชียงไปได้ห้าหกกิโลเมตร ก็เห็นพระเยซูเดินบนผิวน้ำเข้าไปใกล้เรือ พวกเขาพากันตกใจกลัวยิ่งนัก 20 แต่พระองค์กล่าวกับเขาว่า “นี่เราเอง อย่ากลัวเลย” 21 พวกเขาจะรับพระองค์ขึ้นเรือ แต่พริบตาเดียวเท่านั้นเรือก็ถึงฝั่งที่เขาจะไปกัน
22 วันรุ่งขึ้นฝูงชนที่ยังพักอยู่อีกฟากของทะเลสาบเห็นว่า ก่อนหน้านั้นมีเพียงเรือลำเดียวจอดอยู่ และพวกสาวกได้ใช้เรือลำนั้นออกกันไป พระเยซูไม่ได้ไปด้วย 23 หลังจากนั้นมีเรือจากเมืองทิเบเรียสลำอื่นๆ จอดอยู่ที่ฝั่งใกล้บริเวณที่พระเยซูเจ้าได้กล่าวขอบคุณพระเจ้าสำหรับขนมปังที่พวกเขาได้รับประทานกัน 24 เมื่อฝูงชนเห็นว่า พระเยซูและบรรดาสาวกไม่อยู่ที่นั่น พวกเขาจึงลงเรือกันไปตามหาพระเยซูที่เมืองคาเปอร์นาอุม
อาหารแห่งชีวิต
25 เมื่อพวกเขาพบพระองค์ที่อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบ จึงพูดกับพระองค์ว่า “รับบี ท่านมาที่นี่เมื่อไร” 26 พระเยซูกล่าวตอบว่า “เราขอบอกความจริงกับท่านว่า ที่ท่านตามหาเรามิใช่เพราะท่านเห็นปรากฏการณ์อัศจรรย์ต่างๆ แต่เป็นเพราะท่านได้รับประทานขนมปังจนอิ่ม 27 อย่าลงทุนลงแรงเพื่ออาหารที่เน่าเสียได้ แต่เพื่ออาหารที่จะดำรงถึงชีวิตอันเป็นนิรันดร์ซึ่งบุตรมนุษย์จะให้แก่พวกท่าน ด้วยว่าพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาได้ประทับตราแสดงถึงการยอมรับพระบุตรแล้ว” 28 เขาเหล่านั้นจึงพูดกับพระองค์ว่า “พวกเราควรจะทำอย่างไรจึงจะปฏิบัติงานของพระเจ้าได้” 29 พระเยซูกล่าวตอบว่า “งานของพระเจ้าคือการเชื่อในผู้ที่พระเจ้าได้ส่งมา” 30 ดังนั้นเขาเหล่านั้นจึงพูดกับพระองค์ว่า “แล้วท่านจะแสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์อะไรให้เราดูได้บ้าง เราจะได้เชื่อท่าน ท่านจะทำอะไรได้บ้าง 31 บรรพบุรุษของเราได้กินมานา[b]ในถิ่นทุรกันดารตามที่มีบันทึกไว้ว่า ‘พระองค์ให้พวกเขากินอาหารจากสวรรค์’”[c] 32 พระเยซูจึงกล่าวกับเขาเหล่านั้นว่า “เราขอบอกความจริงกับท่านว่า โมเสสไม่ได้ให้อาหารจากสวรรค์แก่ท่าน แต่เป็นพระบิดาของเราที่ให้อาหารแท้จริงจากสวรรค์ 33 เพราะว่าอาหารของพระเจ้าคือผู้ที่ลงมาจากสวรรค์และมอบชีวิตให้แก่โลก” 34 ดังนั้นพวกเขาจึงพูดกับพระองค์ว่า “พระองค์ท่าน โปรดให้อาหารนี้แก่พวกเราเสมอไปเถิด”
35 พระเยซูกล่าวกับเขาเหล่านั้นว่า “เราคืออาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่มีวันหิว และผู้ที่เชื่อในเราจะไม่มีวันกระหาย 36 แต่เราขอบอกท่านว่า ท่านได้เห็นเราแล้ว และยังไม่เชื่อ 37 ทุกคนที่พระเจ้ามอบให้แก่เราจะมาหาเรา และผู้ที่มาหาเรา เราจะไม่ขับไล่เขาออกไปเลย 38 เราได้ลงมาจากสวรรค์มิใช่เพื่อทำตามความประสงค์ของเราเอง แต่ตามความประสงค์ของพระองค์ผู้ส่งเรามา 39 ความประสงค์ของพระองค์ผู้ส่งเรามาคือ เราไม่ควรให้ผู้ใดที่พระองค์ได้มอบให้แก่เราต้องหลงหายไปแม้เพียงคนเดียว แต่เราจะให้เขาฟื้นคืนชีวิตในวันสุดท้าย 40 ความประสงค์ของพระบิดาของเราคือ ทุกคนที่หันเข้าหาพระบุตร และเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ และเราเองจะให้ผู้นั้นฟื้นคืนชีวิตในวันสุดท้าย”
41 ชาวยิวจึงพากันบ่นพึมพำต่อกันเมื่อพระองค์กล่าวว่า “เราคืออาหารที่ลงมาจากสวรรค์” 42 เขาเหล่านั้นพูดว่า “นี่เยซูบุตรของโยเซฟที่เรารู้จักทั้งบิดามารดาไม่ใช่หรือ แล้วขณะนี้พูดได้อย่างไรว่า ‘เราได้ลงมาจากสวรรค์’” 43 พระเยซูกล่าวตอบว่า “อย่ามัวแต่บ่นพึมพำกันอยู่ในหมู่ท่านเลย 44 ไม่มีผู้ใดที่มาหาเราได้นอกจากพระบิดาผู้ส่งเรามา เป็นผู้นำให้เขามาหาเรา และเราจะให้เขาฟื้นคืนชีวิตในวันสุดท้าย 45 มีบันทึกในหมวดผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า ‘พระเจ้าจะสั่งสอนเขาทุกคน’[d] ทุกคนที่ได้ยินและเรียนรู้จากพระบิดาก็มาหาเรา 46 มิใช่ว่ามีใครเคยเห็นพระบิดา เว้นแต่ผู้ที่มาจากพระเจ้าเท่านั้นที่ได้เห็นพระบิดาแล้ว 47 เราขอบอกความจริงกับท่านว่า ผู้ที่เชื่อจึงมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ 48 เราคืออาหารแห่งชีวิต 49 บรรพบุรุษของท่านได้กินมานาในถิ่นทุรกันดารและได้ตายไป 50 นี่คืออาหารที่ลงมาจากสวรรค์ คนที่กินก็จะไม่ตาย 51 เราคืออาหารที่มีชีวิตซึ่งลงมาจากสวรรค์ ผู้ใดกินอาหารนี้ก็จะมีชีวิตอยู่ตลอดกาล และอาหารที่เราจะให้เพื่อชีวิตของโลกด้วยก็คือ เลือดเนื้อของเรา”
52 ในยามนี้ชาวยิวเริ่มโต้เถียงกันว่า “ชายผู้นี้สามารถให้เลือดเนื้อเรากินได้อย่างไร” 53 พระเยซูจึงกล่าวกับเขาเหล่านั้นว่า “เราขอบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าท่านไม่กินเนื้อและดื่มโลหิตของบุตรมนุษย์ ท่านก็ไม่มีชีวิตในตัวท่านเอง 54 ผู้ที่กินเนื้อและดื่มโลหิตของเราจะมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ และเราจะให้ฟื้นคืนชีวิตในวันสุดท้าย 55 เพราะว่าเนื้อของเราคืออาหารแท้เช่นเดียวกับโลหิตของเราที่เป็นของดื่มแท้ 56 ผู้ที่กินเนื้อและดื่มโลหิตของเราก็ดำรงอยู่ในเรา และเราก็ดำรงอยู่ในผู้นั้น 57 พระบิดาผู้ดำรงชีวิตได้ส่งเรามา และเราดำรงชีวิตก็เพราะพระบิดา ดังนั้นผู้ที่กินเราจะมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะเรา 58 นี่คืออาหารที่ลงมาจากสวรรค์ ไม่เหมือนอาหารที่บรรพบุรุษกินและตายไป ผู้ที่กินอาหารนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดกาล” 59 พระองค์กล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ ขณะที่สั่งสอนในศาลาที่ประชุมที่เมืองคาเปอร์นาอุม
สาวกบางคนเลิกติดตามพระเยซู
60 เมื่อสาวกจำนวนมากของพระองค์ได้ยินจึงพูดว่า “ถ้อยคำเหล่านี้ยากที่จะเข้าใจ ใครจะยอมรับได้” 61 แต่พระเยซูทราบดีว่า พวกสาวกแอบบ่นพึมพำกันในเรื่องนี้อยู่ จึงกล่าวกับพวกเขาว่า “สิ่งนี้เป็นเหตุให้เจ้าต้องลำบากใจหรือ 62 ถ้าเจ้าเห็นบุตรมนุษย์ขึ้นไปยังที่ซึ่งท่านอยู่แต่ก่อน แล้วเจ้าจะว่าอย่างไร 63 พระวิญญาณเป็นผู้ให้ชีวิต ฝ่ายเนื้อหนังไม่ได้รับประโยชน์อันใด คำกล่าวที่เราได้บอกให้เจ้าฟังเป็นวิญญาณและชีวิต 64 แต่พวกเจ้าบางคนก็ไม่เชื่อ” พระเยซูทราบแต่แรกแล้วว่ามีใครบ้างที่ไม่เชื่อ และทราบดีว่าผู้ใดจะทรยศพระองค์ 65 พระองค์กล่าวว่า “ด้วยเหตุนี้เราจึงบอกเจ้าว่า ไม่มีผู้ใดที่มาหาเราได้ นอกจากพระบิดาจะโปรดให้ผู้นั้นมา”
66 ด้วยเหตุนี้เองบรรดาสาวกจำนวนมากของพระองค์จึงได้ปลีกตัวออกไป และไม่ได้ติดตามพระองค์ต่อไปอีก 67 พระเยซูจึงกล่าวกับสาวกทั้งสิบสองว่า “เจ้าอยากจะจากเราไปด้วยหรือ” 68 ซีโมนเปโตรตอบว่า “พระองค์ท่าน เราจะไปหาใครได้ พระองค์มีคำกล่าวแห่งชีวิตอันเป็นนิรันดร์ 69 พวกเราเชื่อและทราบว่า พระองค์เป็นองค์ผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า” 70 พระเยซูตอบพวกเขาว่า “เราเองเป็นผู้ที่เลือกพวกเจ้าทั้งสิบสองมิใช่หรือ แต่ถึงอย่างนั้นคนหนึ่งในพวกเจ้าก็เป็นพญามาร”[e] 71 พระองค์หมายถึงยูดาสบุตรของซีโมนอิสคาริโอท เพราะว่าเขาเป็นผู้ที่จะทรยศพระองค์ และเป็นคนหนึ่งในสาวกทั้งสิบสอง
Footnotes
- 6:7 1 เดนาริอัน เป็นเงินมีค่าประมาณค่าแรงทำงาน 1 วัน
- 6:31 อพยพ 16:4-15
- 6:31 อพยพ 16:4; เนหะมีย์ 9:15; สดุดี 78:24,25
- 6:45 อิสยาห์ 54:13
- 6:70 พญามาร ความหมายของชื่อคือ ผู้กล่าวหา
Copyright © 2011 by Global Bible Initiative
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation