[a]โอ เมฆแห่งพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ปกคลุมเหนือธิดาแห่งศิโยน![b]
พระองค์ทรงเหวี่ยงความโอ่อ่าตระการของอิสราเอล
จากฟ้าลงดิน
ในวันแห่งพระพิโรธ
พระองค์ไม่ได้ทรงระลึกถึงแท่นรองพระบาทของพระองค์

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำลาย
ที่อาศัยทุกแห่งของยาโคบอย่างไร้ความปรานี
พระองค์ทรงทลายที่มั่นทั้งหลายของธิดาแห่งยูดาห์[c]
ด้วยพระพิโรธของพระองค์
ทรงนำอาณาจักรและเหล่าเจ้านายของยูดาห์
ตกต่ำลงมาถึงดินอย่างน่าอัปยศอดสู

พระองค์ทรงล้มล้างอำนาจทั้งสิ้น[d]ของอิสราเอล
ด้วยพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์
พระองค์ทรงเพิกถอนการปกป้องรักษา
เมื่อศัตรูรุกเข้ามาโจมตี
ทรงเผาผลาญยาโคบเหมือนเปลวไฟลุกโชน
ซึ่งแผดเผาทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ มัน

พระองค์ทรงน้าวคันศรเหมือนทรงเป็นศัตรู
พระหัตถ์ขวาของพระองค์เตรียมพร้อมจะปล่อยลูกศร
ทรงประหารทุกคนผู้เป็นที่ชื่นตาชื่นใจ
เหมือนทรงเป็นศัตรู
ทรงระบายพระพิโรธเหมือนไฟ
แผดเผาเต็นท์ของธิดาแห่งศิโยน

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นเหมือนศัตรู
พระองค์ทรงกลืนกินอิสราเอลให้สิ้นไป
ทรงกวาดล้างปราสาทราชวัง
และทรงทำลายที่มั่นต่างๆ ในอิสราเอล
ทรงทำให้การร้องไห้คร่ำครวญทวีเพิ่มขึ้น
สำหรับธิดาแห่งยูดาห์

พระองค์ทรงทิ้งที่ประทับของพระองค์ให้รกร้างดั่งสวนร้าง
ทรงทำลายสถานนมัสการของพระองค์
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ศิโยนหลงลืม
เทศกาลตามกำหนดและสะบาโตทั้งหลาย
พระองค์ทรงเขี่ยทั้งกษัตริย์และปุโรหิตทิ้ง
ด้วยพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิเสธแท่นบูชา
และทอดทิ้งสถานนมัสการของพระองค์
พระองค์ทรงมอบกำแพงปราสาทราชวัง
ไว้ในมือของศัตรู
เหล่าศัตรูส่งเสียงโห่ร้องในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ราวกับวันฉลองตามเทศกาล

องค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งพระทัย
ที่จะทลายกำแพงล้อมรอบธิดาแห่งศิโยน
พระองค์ทรงพิจารณาโทษอย่างถี่ถ้วน[e]
ไม่ได้ทรงยั้งพระหัตถ์จากการทำลายล้าง
ทรงทำให้เชิงเทินและกำแพง
พังทลายไปด้วยกันต่อหน้าพระองค์

ประตูทั้งหลายของเยรูซาเล็มทรุดจมดิน
ลูกกรงประตูทั้งหลายหักทลาย
กษัตริย์และบรรดาเจ้านายตกเป็นเชลยในชาติต่างๆ
บทบัญญัติสูญสิ้นไปแล้ว
และผู้เผยพระวจนะทั้งหลายไม่ได้รับนิมิต
จากองค์พระผู้เป็นเจ้าอีกต่อไป

10 เหล่าผู้อาวุโสของเยรูซาเล็ม
นั่งซึมอยู่ที่พื้นท่ามกลางความเงียบสงัด
โปรยฝุ่นธุลีบนศีรษะ
และนุ่งห่มผ้ากระสอบ
บรรดาหญิงสาวแห่งเยรูซาเล็ม
ซบหน้าลงกับพื้นด้วยความอับอาย

11 นัยน์ตาของข้าพเจ้าหมองช้ำเพราะการร้องไห้
ข้าพเจ้าทุกข์ระทมอยู่ภายใน
ดวงใจของข้าพเจ้าแหลกสลาย
เพราะพี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้าถูกทำลาย
เพราะลูกเล็กเด็กแดงเป็นลม
อยู่ตามถนนหนทางในเมือง

12 “แม่จ๋า ไหนล่ะอาหาร?”
เด็กๆ เอ่ยกับแม่
ขณะหมดแรง
เหมือนคนบาดเจ็บกลางถนน
ขณะชีวิตหลุดลอยไป
จากอ้อมอกแม่

13 ธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย[f]
เราจะพูดอะไรเพื่อเจ้าได้?
เราจะเปรียบเจ้ากับอะไรหนอ?
ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยนเอ๋ย[g]
เราจะเทียบเจ้ากับสิ่งใดดี
เพื่อจะปลอบโยนเจ้าได้?
บาดแผลของเจ้าลึกดั่งทะเล
ใครเล่าจะเยียวยารักษาเจ้าได้?

14 นิมิตของเหล่าผู้เผยพระวจนะของเจ้า
ล้วนจอมปลอมไร้ค่า
พวกเขาไม่ได้ตีแผ่บาปของเจ้า
ทำให้เจ้าต้องตกเป็นเชลยต่อไป
พระดำรัสที่พวกเขาแจ้งเจ้านั้น
จอมปลอมและพาให้หลงผิด

15 คนทั้งปวงที่ผ่านไปมา
ตบมือเยาะเย้ยเจ้า
พวกเขาถากถางและส่ายศีรษะ
สมเพชธิดาแห่งเยรูซาเล็มว่า
“นี่น่ะหรือกรุงที่ได้รับการขนานนาม
ว่างามเพียบพร้อม
เป็นความชื่นชมยินดีของคนทั้งโลก?”

16 ศัตรูทั้งปวงของเจ้า
อ้าปากเย้ยหยันเจ้า
ส่งเสียงเยาะเย้ย ยิงฟันใส่
และกล่าวว่า “ในที่สุดเราก็ทำลายเจ้าลงได้
นี่เป็นวันที่เรารอคอยมานาน
เราอยู่มาจนได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น”

17 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำตามที่ดำริไว้
ทรงทำให้สำเร็จตามที่ลั่นวาจาไว้
ซึ่งพระองค์มีประกาศิตไว้เมื่อนานมาแล้ว
พระองค์ทรงล้มเจ้าลงโดยไม่ปรานี
ทรงยอมให้ศัตรูลิงโลดอยู่เหนือเจ้า
พระองค์ทรงเชิดชูพลัง[h]ของศัตรูของเจ้า

18 จิตใจของพวกเขา
ร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า
ปราการของธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย
ให้น้ำตาของเจ้าหลั่งไหลดั่งแม่น้ำ
ตลอดทั้งวันทั้งคืน
อย่าได้หยุดหย่อน
อย่าให้ตาของเจ้าได้พักเลย

19 จงลุกขึ้นร่ำไห้ในยามค่ำคืน
ตั้งแต่เริ่มมืด
จงระบายความในใจของเจ้าออกมาเหมือนสายน้ำ
ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า
จงชูมือขึ้นอ้อนวอนพระองค์
เพื่อชีวิตลูกเล็กเด็กแดงทั้งหลายของเจ้า
ซึ่งเป็นลมไปเพราะความหิวโหย
อยู่ทุกหัวถนน

20 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงทอดพระเนตรและใคร่ครวญเถิด
พระองค์ทรงเคยทำเช่นนี้แก่ใครบ้าง?
ควรหรือที่คนเป็นแม่จะกินเลือดเนื้อเชื้อไขของตน
คือบรรดาลูกในไส้ที่ตนฟูมฟักเลี้ยงดูมา?
ควรหรือที่ปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะจะถูกฆ่า
ในสถานนมัสการขององค์พระผู้เป็นเจ้า?

21 “ทั้งคนหนุ่มคนแก่ทั้งหลาย
นอนคลุกฝุ่นอยู่ด้วยกันกลางถนน
คนหนุ่มคนสาวของข้าพระองค์
ล้มตายด้วยคมดาบ
พระองค์ทรงประหารพวกเขาในวันแห่งพระพิโรธ
ทรงเข่นฆ่าพวกเขาโดยไม่ปรานี

22 “พระองค์ทรงระดมความอกสั่นขวัญแขวนรอบด้านเข้าใส่ข้าพระองค์
เหมือนเกณฑ์คนมาในวันงานเลี้ยงตามเทศกาล
ในวันแห่งพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ไม่มีใครหนีรอดหรือรอดชีวิตไปได้เลยแม้สักคนเดียว
ศัตรูของข้าพระองค์ได้ทำลายล้าง
บรรดาผู้ที่ข้าพระองค์ฟูมฟักเลี้ยงดูมา”

Footnotes

  1. + ในภาษาฮีบรู บทนี้เป็นบทกวีที่แต่ละข้อขึ้นต้นด้วยตัวอักษรฮีบรูเรียงตามลำดับ
  2. 2:1 หรือองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทำต่อธิดาแห่งศิโยนด้วยพระพิโรธ / อย่างดูหมิ่นยิ่งนัก
  3. 2:2 คือ ชาวเยรูซาเล็ม เช่นเดียวกับที่อื่นๆ ในพระธรรมเล่มนี้
  4. 2:3 ภาษาฮีบรูว่าเขาสัตว์ทุกเขาเขาสัตว์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกำลัง
  5. 2:8 ภาษาฮีบรูว่าพระองค์ทรงคลี่สายวัดออก
  6. 2:13 คือ ชาวเยรูซาเล็ม
  7. 2:13 คือ ชาวเยรูซาเล็ม เช่นเดียวกับที่อื่นๆ ในพระธรรมเล่มนี้
  8. 2:17 ภาษาฮีบรูว่าเขาสัตว์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกำลัง

พระยาห์เวห์ทำลายเยรูซาเล็ม

แย่แล้ว แย่แล้ว ด้วยความโกรธของพระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทำให้นางสาวศิโยน น่าขยะแขยง
พระองค์ได้โยนศักดิ์ศรีของอิสราเอลจากท้องฟ้าลงสู่ดิน
พระองค์ไม่สนใจที่จะปกป้องเกียรติของที่วางเท้าของพระองค์[a] ตอนที่พระองค์โกรธ
พระยาห์เวห์ได้ทำลายที่พักอาศัยทั้งหมดของยาโคบ
    พระองค์ไม่มีเมตตากับเขาเลย
ตอนที่พระองค์โกรธ พระองค์ได้ทำลายพวกป้อมปราการของนางสาวยูดาห์
พระองค์ดึงเธอลงมาบนดิน
    พระองค์ทำให้อาณาจักรของยูดาห์และผู้นำทั้งหลายเสื่อมเกียรติไป
ตอนที่พระองค์โกรธ พระองค์ได้ตัดเขาสัตว์ของอิสราเอล[b]
พระองค์เลิกปกป้องอิสราเอล[c]
    ในขณะที่ข้าศึกกำลังบุกเข้ามาใกล้
และพระองค์ก็เผายาโคบ
    เหมือนเปลวเพลิงที่เผาผลาญทุกอย่างรอบๆมัน
พระองค์โก่งคันธนูราวกับว่าเป็นศัตรู
    มือขวาของพระองค์เล็งอย่างไม่สั่นไหวราวกับเป็นปรปักษ์
พระองค์ฆ่าชายที่หล่อเหลาของยูดาห์จนหมด
พระองค์เทความโกรธแค้นของพระองค์เหมือนไฟเข้าไปในเต็นท์ของนางสาวศิโยน
องค์เจ้าชีวิตเป็นเหมือนศัตรู
    พระองค์กลืนกินอิสราเอล
พระองค์กลืนกินป้อมปราการทั้งหมดของเธอ
    พระองค์กลืนกินเมืองทั้งหลายของเธอที่มีกำแพงกั้น
พระองค์ทวีความเศร้าโศกและการคร่ำครวญให้กับนางสาวยูดาห์

พระองค์ถอนวิหารของพระองค์เหมือนกับถอนเพิงในสวน
    พระองค์ทำลายเต็นท์นัดพบของพระองค์
พระองค์ทำให้เทศกาลและวันหยุดทางศาสนาทั้งหลายจบสิ้นไปในเมืองศิโยน
    พระองค์ดูถูกเหยียดหยามทั้งกษัตริย์และนักบวชตอนที่พระองค์โกรธจัด

พระยาห์เวห์ทอดทิ้งแท่นบูชาของพระองค์
    พระองค์บอกปัดสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
พระองค์มอบกำแพงป้อมปราการของเยรูซาเล็มให้ตกอยู่ในกำมือศัตรู
พวกศัตรูต่างโห่ร้องกันในวิหารของพระยาห์เวห์
    เหมือนกับมีงานเทศกาล

พระยาห์เวห์ได้ตัดสินใจทำลายกำแพงเมืองของนางสาวศิโยน
    พระองค์ได้วัดดูแล้วว่าจะทำลายถึงแค่ไหน
พระองค์ไม่ได้หดมือกลับจากการทำลายมัน
    พระองค์ทำให้ป้อมปราการและกำแพงร้องคร่ำครวญ
    พวกมันทรุดโทรมไปด้วยกัน

ประตูเมืองต่างๆของเยรูซาเล็มทรุดลงในดิน
    พระองค์ทำลายเหล็กดาลประตูทั้งหลาย จนแตกละเอียด
กษัตริย์และผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
    ไม่เหลือใครเลยที่จะอยู่ให้คำสั่งสอน
แม้แต่พวกผู้พูดแทนพระเจ้าของเธอก็ไม่ได้รับนิมิตจากพระยาห์เวห์

10 พวกผู้อาวุโสของนางสาวศิโยน
    ต่างพากันนั่งเงียบอยู่กับพื้น
พวกเขาต่างก็โยนฝุ่นลงบนหัวของตน
    พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้ากระสอบ
พวกหญิงสาวบริสุทธิ์ของเยรูซาเล็มต่างก้มหัวลงถึงพื้นด้วยความเสียใจ

11 ตาของผมมีน้ำตาคลอเบ้า
    ท้องไส้ผมปั่นป่วนไปหมดแล้ว
ตับผมทะลักลงสู่ดินแล้ว
    เพราะคนของผมถูกทำลาย
ลูกเล็กเด็กแดงก็เป็นลมล้มพับไปบนถนนในเมือง

12 พวกเด็กๆพูดกับแม่ของพวกเขาว่า
    “แม่จ๋า อาหารและเครื่องดื่มอยู่ที่ไหน”
พวกเขาเป็นลมล้มพับไปที่ลานเมือง
    เหมือนคนบาดเจ็บและตายไปในอ้อมอกของแม่
13 นางสาวเยรูซาเล็ม จะให้ผมเปรียบเจ้าเหมือนกับอะไรดี
    จะให้เปรียบเจ้ากับอะไรดี
นางสาวศิโยน จะให้ผมเอาเจ้าไปเปรียบกับอะไรดี
    จะให้ผมปลอบโยนเจ้ายังไงดี
ความหายนะของเจ้านั้นยิ่งใหญ่เหมือนทะเล ใครจะเยียวยารักษาเจ้าได้

14 พวกผู้พูดแทนพระเจ้าของเจ้าได้บอกเจ้าเกี่ยวกับนิมิตที่พวกเขาเห็น
    แต่นิมิตพวกนั้นมันไร้สาระและเชื่อไม่ได้
พวกเขาไม่ได้เปิดเผยความผิดบาปของเจ้า
    เพื่อเจ้าจะได้คืนสู่สภาพดีเหมือนเดิม
แต่พวกเขากลับพูดนิมิตจอมปลอมเกี่ยวกับเจ้า
    เพื่อนำให้เจ้าหลงไป

15 ทุกคนที่เดินผ่านมาทางนั้นต่างตบมือเยาะเจ้า
    พวกเขาผิวปากและส่ายหัวต่อเจ้า นางสาวเยรูซาเล็ม
พวกเขาพูดเยาะว่า “นี่นะหรือเมืองที่ผู้คนต่างพูดกันว่า
    เป็นเมืองที่สวยอย่างไม่มีที่ติ
    ซึ่งเคยให้ความสุขกับคนทั้งโลก”

16 พวกศัตรูทั้งหมดของเจ้าจะเปิดปากกว้างหัวเราะเยาะเจ้า
    พวกเขาจะผิวปากและกัดฟันและพูดว่า
“เราได้กลืนกินพวกเขาไปจนหมด
    นี่แหละเป็นวันที่พวกเรารอคอย วันนั้นได้มาถึงแล้ว
    และเราก็ได้เห็นมันกับตาของพวกเราเอง”

17 พระยาห์เวห์ได้ทำในสิ่งที่พระองค์วางแผนไว้
    พระองค์ได้ทำตามคำขู่ของพระองค์
พระองค์ได้ทำตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้นานมาแล้ว
    พระองค์ได้ทำลายมันลงโดยไม่สงสาร
พระองค์ทำให้ศัตรูของเจ้าเฉลิมฉลองกัน
    พระองค์ได้ทำให้ศัตรูของเจ้าเข้มแข็งขึ้น

18 กำแพงเมืองของนางสาวศิโยน
    ร้องเรียกองค์เจ้าชีวิตจากใจของเจ้า
ให้น้ำตาของเจ้าไหลพรั่งพรูออกมาเหมือนลำธาร ทั้งวันทั้งคืน
อย่าได้หยุดร้องเลย
    อย่าให้ดวงตาของเจ้าได้หยุดพักจากการร้องไห้

19 ลุกขึ้นมาร้องตะโกนในยามค่ำคืน
    ลุกขึ้นมาร้องตะโกนในทุกช่วงต้นยาม
เทใจของเจ้าออกมาเหมือนน้ำต่อหน้าองค์เจ้าชีวิต
    ชูมือของเจ้าขึ้นต่อพระองค์เพื่อขอชีวิตของลูกๆเจ้าที่เป็นลมล้มพับไปเพราะความหิวตามหัวถนนต่างๆ

20 มองดูสิ พระยาห์เวห์ สังเกตดูสิว่า
    พระองค์ได้ทำอย่างนี้กับใคร
สมควรแล้วหรือที่ผู้หญิงจะกินลูกของตัวเอง ลูกๆที่พวกเขาดูแล
    สมควรแล้วหรือที่พวกนักบวชและพวกผู้พูดแทนพระเจ้าจะถูกฆ่าในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าชีวิต
21 ทั้งคนหนุ่มและคนแก่นอนคว่ำอยู่บนพื้นกลางถนน
คนสาวๆและหนุ่มๆของผมถูกดาบฆ่าฟันล้มลง
พระองค์ฆ่าพวกเขาในวันที่พระองค์โกรธ
    พระองค์สังหารพวกเขาอย่างไร้ความเมตตา

22 พระองค์เรียกศัตรูจากรอบข้างให้มาข่มขวัญฉันราวกับว่าพระองค์เชิญพวกเขามางานเลี้ยง
ในวันที่พระยาห์เวห์โกรธนั้น ไม่มีใครหนีพ้นหรือรอดชีวิตอยู่
ศัตรูของฉันได้ทำลายลูกๆที่ฉันเฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดูมาจนหมดสิ้น

Footnotes

  1. 2:1 ที่วางเท้าของพระองค์ อาจจะหมายถึง เยรูซาเล็ม วิหาร หรือหีบแห่งคำมั่นสัญญาของพระองค์ก็ได้
  2. 2:3 เขาสัตว์ของอิสราเอล หมายถึง พละกำลังทางทหารของอิสราเอล หรือกษัตริย์ของเขา
  3. 2:3 พระองค์เลิกปกป้องอิสราเอล แปลตรงๆได้ว่า “พระองค์ได้ดึงมือขวาของพระองค์จากอิสราเอล”

เยรูซาเล็มพินาศ

พระผู้เป็นเจ้าคลุมธิดาแห่งศิโยน
    ด้วยเมฆหมอกแห่งความกริ้วของพระองค์
พระองค์เหวี่ยงความรุ่งเรืองของอิสราเอล
    จากฟ้าสวรรค์ลงสู่แผ่นดินโลก
พระองค์ไม่ระลึกถึงที่วางเท้าของพระองค์
    ในวันที่พระองค์กริ้ว

พระผู้เป็นเจ้าได้ทำลายที่อยู่อาศัย
    ของยาโคบ[a]อย่างไม่ปรานี
พระองค์พังป้อมปราการอันแข็งแกร่ง
    ของธิดาแห่งยูดาห์เป็นการลงโทษ
พระองค์ทำให้อาณาจักรและบรรดาผู้ปกครองแผ่นดิน
    ล้มลงจมกองธุลีอย่างไร้เกียรติ

พระองค์ทำให้อิสราเอลอ่อนกำลังลง
    ด้วยความกริ้วอันร้อนแรง
พระองค์ไม่ช่วยเหลือพวกเขาอีก
    ในเวลาที่ปะทะกับศัตรู
พระองค์โกรธมากดั่งเปลวไฟที่ลุกในยาโคบ
    ซึ่งเผาผลาญทุกสิ่งโดยรอบ

พระองค์โก่งคันธนูประดุจศัตรู
    มือขวาของพระองค์เล็งประดุจปรปักษ์
พระองค์ได้สังหารทุกคนที่พวกเรารัก
ความกริ้วของพระองค์ได้พลุ่งขึ้นดั่งเปลวไฟ
    ในกระโจมของธิดาแห่งศิโยน

พระผู้เป็นเจ้าเป็นประดุจศัตรู
    พระองค์ได้ทำให้อิสราเอลพินาศ
พระองค์ได้ทลายวังทั้งหลาย
    และป้อมปราการอันแข็งแกร่งลง
พระองค์ทำให้มีการร้องรำพันและร้องคร่ำครวญมากยิ่งขึ้น
    ในเขตแดนของธิดาแห่งยูดาห์

พระองค์ได้พังที่พำนักของพระองค์เหมือนกระทำกับสวน
    พังสถานที่นัดพบของพระองค์
พระผู้เป็นเจ้าได้ทำให้ศิโยนไม่ระลึกถึงเทศกาลที่กำหนดไว้และวันสะบาโต
    พระองค์โกรธมหันต์จึงได้ทำให้เกียรติของกษัตริย์และบรรดาปุโรหิตเสื่อมลง

พระผู้เป็นเจ้าไม่ยอมรับแท่นบูชาของพระองค์
    และทอดทิ้งที่พำนักของพระองค์
พระองค์ปล่อยให้ศัตรู
    ทลายกำแพงเมืองของนางลง
พวกเขาตะโกนร้องในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
    ประหนึ่งวันฉลองเทศกาล

พระผู้เป็นเจ้าตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า
    จะทลายกำแพงเมืองของธิดาแห่งศิโยน
พระองค์ใช้เชือกเป็นมาตรฐานในการวัด
    และไม่ยั้งมือที่จะทำลาย
พระองค์ทำให้ที่คุ้มกันและกำแพงเมืองร้องร่ำรำพัน
    และทรุดโทรมไปด้วยกัน

ประตูเมืองของนางทรุดลงที่พื้นดิน
    พระองค์ได้หักและพังดาลประตูลง
กษัตริย์และบรรดาผู้สูงศักดิ์ลี้ภัยไปอยู่ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
    ไม่มีกฎบัญญัติอีกต่อไป
บรรดาผู้เผยคำกล่าวไม่ได้รับภาพนิมิต
    จากพระผู้เป็นเจ้าอีกต่อไป

10 บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของธิดาแห่งศิโยน
    นั่งนิ่งเงียบบนพื้นดิน
และได้ปาฝุ่นผงลงบนหัวของตน
    และสวมผ้ากระสอบ
บรรดาพรหมจาริณีแห่งเยรูซาเล็ม
    ก็ได้ก้มหัวลงกับพื้นดิน

11 ตาของข้าพเจ้าพร่าพรายจากการร้องไห้
    จิตวิญญาณของข้าพเจ้าว้าวุ่น
ข้าพเจ้าใจแทบขาดด้วยความเศร้า
    ก็เพราะธิดาแห่งชนชาติของข้าพเจ้าถูกสังหาร
ทารกและเด็กหมดเรี่ยวแรง
    อยู่ในที่สาธารณะ

12 เด็กเหล่านั้นร้องถามบรรดาแม่ๆ ของพวกเขาว่า
    “ไหนล่ะ อาหารและน้ำ”
เมื่อพวกเขาหมดเรี่ยวแรงเหมือนกับคนบาดเจ็บในที่สาธารณะ
เมื่อชีวิตของพวกเขาแทบจะสลาย
    ในอ้อมอกแม่

13 ข้าพเจ้าจะเป็นพยานพูดอะไรให้ท่านได้
    ข้าพเจ้าจะเปรียบท่านกับอะไร
    โอ ธิดาแห่งเยรูซาเล็ม
มีอะไรที่ข้าพเจ้าจะเห็นด้วยกับท่าน
    เพื่อข้าพเจ้าจะได้ปลอบประโลมท่าน
    โอ ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยน
แผลของท่านลึกเทียบเท่าท้องทะเล
    ใครจะรักษาท่านให้หายได้

14 บรรดาผู้เผยคำกล่าวบอกพวกท่านถึงภาพนิมิต
    ซึ่งเท็จและลวงหลอก
พวกเขาไม่ได้บอกท่านว่า ท่านกระทำบาป
    เพื่อท่านจะได้หลุดพ้นจากการเป็นเชลย
แต่พวกเขากลับพูดถึงภาพนิมิต
    ซึ่งเท็จและทำให้ท่านหลงผิด

15 ทุกคนที่เดินผ่านมาก็ตบมือใส่ท่าน
พวกเขาเหน็บแนมและส่ายหัว
    ให้กับธิดาแห่งเยรูซาเล็ม
“นี่หรือ เมืองที่เรียกว่า
    ดีเพียบพร้อมและงามตระการ
    เป็นที่ยินดีไปทั่วแผ่นดินโลก”

16 ศัตรูทุกคนของท่านพูดล้อเลียนท่าน
พวกเขาเหน็บแนมและเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่
    และพูดว่า “พวกเรากลืนนางได้แล้ว
เออ พวกเรารอคอยวันนี้มานานแล้ว
    เรามีชีวิตอยู่ก็เพื่อจะได้เห็นอย่างนี้นี่เอง”

17 พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำสิ่งที่พระองค์มุ่งหมาย
    พระองค์ได้ทำให้เกิดขึ้นตามคำกล่าวของพระองค์
ซึ่งพระองค์บัญชาไว้นานมาแล้ว
    พระองค์ได้ทำให้ท่านหายนะอย่างไม่ปรานี
พระองค์ทำให้ท่านเป็นที่สะใจของพวกศัตรู
    พระองค์ได้ให้พละกำลังของเหล่าปรปักษ์แข็งแกร่ง

18 ใจของพวกเขาร้องต่อพระผู้เป็นเจ้า
    โอ กำแพงเมืองของธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย
ให้น้ำตาไหลพรากอย่างกระแสน้ำ
    ตลอดวันและคืนเถิด
ท่านไม่ต้องพัก
    ไม่ต้องหยุดร้อง

19 จงลุกขึ้น ร่ำไห้ในยามค่ำ
    ตลอดทุกยาม
จงเปิดใจของท่าน
    ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า
ยกมือของท่านอธิษฐานต่อพระองค์
    เพื่อชีวิตของลูกๆ ของท่าน
ซึ่งหมดเรี่ยวแรงเพราะความหิว
    อยู่ตามถนนหนทาง

20 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเหลียวดูและมองดู
    พระองค์เคยกระทำเช่นนี้ต่อใครบ้าง
บรรดาผู้หญิงควรจะกินลูกในไส้ของตน
    ที่เคยเลี้ยงดูมาอย่างนั้นหรือ
ปุโรหิตและผู้เผยคำกล่าวควรจะถูกฆ่า
    ในที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้าหรือ

21 ทั้งเด็กและคนชรา
    นอนตายบนถนน
บรรดาชายหนุ่มและหญิงสาว
    ถูกดาบฆ่าตาย
พระองค์ได้สังหารพวกเขาในวันที่พระองค์กริ้ว
    พระองค์ประหารพวกเขาอย่างไร้ความปรานี

22 พระองค์เรียกศัตรูของข้าพเจ้ามาจากทุกแห่งหน
    อย่างกับว่าพระองค์เรียกให้มาในวันฉลอง
ไม่มีใครหนีรอดหรือคงชีวิตอยู่ได้
    ในวันแห่งความกริ้วของพระผู้เป็นเจ้า
พวกศัตรูของข้าพเจ้าได้ทำให้
    บรรดาผู้ที่ข้าพเจ้าดูแลและอุ้มชูพินาศ

Footnotes

  1. 2:2 ยาโคบเป็นอีกชื่อหนึ่งของอิสราเอล ฉบับปฐมกาล 32:28