อิสยาห์ 50-52
Thai New Contemporary Bible
บาปของอิสราเอลและการเชื่อฟังของผู้รับใช้
50 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“หนังสือหย่าของแม่เจ้าที่เราใช้ไล่นางไป
อยู่ที่ไหน?
หรือเราขายเจ้าไป
ให้เจ้าหนี้คนไหน?
ที่แท้เจ้าถูกขายไปเพราะบาปของเจ้า
แม่ของเจ้าถูกไล่ออกไปเพราะการล่วงละเมิดของเจ้า
2 เมื่อเรามาถึง ทำไมจึงไม่มีใครสักคน?
เมื่อเราเรียก ทำไมไม่มีใครตอบ?
แขนของเราสั้นเกินกว่าที่จะไถ่เจ้าหรือ?
เราขาดกำลังที่จะช่วยเจ้าให้รอดหรือ?
เราสั่งเพียงคำเดียว ทะเลก็แห้งเหือด
เราทำให้แม่น้ำกลับกลายเป็นทะเลทราย
ปลาของพวกเขาเน่าเหม็นเพราะขาดน้ำ
และตายเพราะความกระหาย
3 เราเอาความมืดห่อหุ้มท้องฟ้า
เอาผ้ากระสอบคลุมมันเสีย”
4 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประทานลิ้นที่ฝึกปรือแล้วแก่ข้าพเจ้า
เพื่อจะรู้จักถ้อยคำซึ่งช่วยค้ำชูผู้อ่อนระโหย
ทุกๆ เช้าพระองค์ทรงปลุกข้าพเจ้า
ทรงปลุกหูของข้าพเจ้าให้รับฟังอย่างผู้ที่พระองค์ทรงสอน
5 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตทรงเปิดหูของข้าพเจ้า
และข้าพเจ้าไม่ได้ขัดขืน
หรือถอยหนี
6 ข้าพเจ้ายอมหันหลังให้แก่ผู้ที่โบยตีข้าพเจ้า
และเอียงแก้มให้แก่ผู้ที่ทึ้งเคราของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าไม่ได้หันหน้าหนี
จากผู้ที่เย้ยหยันและถ่มน้ำลายรด
7 เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตทรงช่วยข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะไม่อัปยศอดสู
ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงตั้งหน้าไว้ประหนึ่งหินเหล็กไฟ
และรู้ว่าตัวเองจะไม่ต้องอับอาย
8 พระองค์ผู้ทรงพิสูจน์ว่าข้าพเจ้าเป็นฝ่ายถูกนั้นอยู่ใกล้
แล้วใครจะมาฟ้องร้องข้าพเจ้า?
ให้เรามาประจันหน้ากัน!
ใครเป็นโจทก์ของข้าพเจ้า?
ให้เขามาเผชิญหน้ากับข้าพเจ้า!
9 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตนี่แหละทรงช่วยข้าพเจ้า
ใครที่ไหนจะตัดสินโทษข้าพเจ้า?
พวกเขาจะเปื่อยยุ่ยไปเหมือนเสื้อผ้า
และถูกตัวแมลงกินหมด
10 ใครบ้างในพวกท่านที่ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า
และเชื่อฟังถ้อยคำผู้รับใช้ของพระองค์?
ผู้ที่ดำเนินในความมืด
ผู้ที่ไม่มีแสงสว่าง
จงวางใจในพระนามของพระยาห์เวห์
และพึ่งพิงพระเจ้าของตน
11 แต่บัดนี้เจ้าทุกคนที่จุดไฟ
ผู้ชูคบไฟลุกโชติช่วงให้ตัวเอง
จงไปเดินอยู่ในแสงสว่างจากไฟของเจ้า
จากคบไฟที่เจ้าจุดโชติช่วง
สิ่งที่เจ้าจะได้รับจากมือของเรา คือ
เจ้าจะนอนลงในความทุกข์ทรมาน
ความรอดนิรันดร์สำหรับศิโยน
51 “จงฟังเราเถิด บรรดาผู้ขวนขวายหาความชอบธรรม
และผู้แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า
จงมองดูศิลาที่เจ้าถูกสกัดออกมา
ดูเหมืองหินที่เจ้าถูกขุดออกมา
2 จงมองดูอับราฮัมบรรพบุรุษของเจ้า
และซาราห์ผู้ให้กำเนิดเจ้า
เมื่อครั้งเราเรียกเขา เขามีเพียงตัวคนเดียว
และเราก็อวยพรเขา ทำให้เขามีจำนวนมาก
3 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปลอบโยนศิโยนอย่างแน่นอน
และจะทอดพระเนตรซากปรักหักพังทั้งปวงของศิโยนด้วยความเอ็นดูสงสาร
พระองค์จะทรงทำให้ทะเลทรายของศิโยนเป็นเหมือนสวนเอเดน
ที่ทิ้งร้างของเธอเหมือนอุทยานขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ที่นั่นจะมีความปลาบปลื้มยินดี
มีการขอบพระคุณพระเจ้าและเสียงเพลงไพเราะ
4 “จงฟังเราเถิด ประชากรของเราเอ๋ย
ฟังเราเถิด ชนชาติของเราเอ๋ย
บทบัญญัติจะออกมาจากเรา
ความยุติธรรมของเราจะเป็นแสงสว่างแก่มวลประชาชาติ
5 ความชอบธรรมของเรารีบรุดเข้ามาใกล้
ความรอดของเรากำลังมาถึงแล้ว
แขนของเราจะนำความยุติธรรมมาให้ชนชาติต่างๆ
เกาะแก่งต่างๆ จะมองดูเรา
และรอคอยด้วยหวังว่าเราจะสำแดงฤทธิ์อำนาจ
6 จงเงยหน้าขึ้นมองฟ้าสวรรค์
และมองดูโลกเบื้องล่าง
ฟ้าสวรรค์จะลับหายไปเหมือนควัน
โลกจะเปื่อยยุ่ยไปเหมือนเสื้อผ้า
และชาวโลกจะตายไปเหมือนแมลงวัน
แต่ความรอดของเราจะดำรงอยู่เป็นนิตย์
ความชอบธรรมของเราจะไม่สิ้นสุดเลย
7 “จงฟังเราเถิด เจ้าทั้งหลายผู้รู้ว่าอะไรคือความถูกต้อง
ชนชาติผู้ถนอมบทบัญญัติของเราไว้ในใจ
อย่ากลัวการตำหนิติเตียนของมนุษย์
อย่าหวาดหวั่นไปกับคำสบประมาทของพวกเขา
8 เพราะแมลงจะแทะกินเขาเหมือนเสื้อผ้า
หนอนจะกัดกินเขาเหมือนผ้าขนสัตว์
แต่ความชอบธรรมของเราจะดำรงอยู่ตลอดกาล
ความรอดของเราจะยั่งยืนสืบไปทุกชั่วอายุ”
9 จงตื่นเถิด! พระกรขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ตื่นเถิด! จงสวมพละกำลัง
จงตื่นขึ้น เหมือนในอดีตที่ผ่านมา
เหมือนในชั่วอายุเก่าก่อน
ไม่ใช่พระองค์หรือที่ฟันราหับออกเป็นชิ้นๆ
และแทงสัตว์ร้ายตัวนั้นทะลุ?
10 ไม่ใช่พระองค์หรือที่ทำให้ทะเลแห้งเหือด?
คือทำให้ห้วงสมุทรอันลึกแห้งไป
ผู้ทรงทำทางไว้ในทะเลลึก
เพื่อผู้ที่พระองค์ทรงไถ่ไว้จะข้ามฟากไปได้
11 ผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่ไว้จะกลับมา
พวกเขาจะเดินร้องเพลงเข้าศิโยน
มีความชื่นชมยินดีนิรันดร์เป็นมงกุฎประดับศีรษะ
พวกเขาจะได้รับความยินดีและความเปรมปรีดิ์
ความทุกข์โศกและการทอดถอนใจจะสูญสิ้นไป
12 “เรานี่แหละเป็นผู้ปลอบโยนเจ้า
เจ้าเป็นใครจึงไปกลัวมนุษย์ที่ต้องตาย?
กลัวลูกหลานของมนุษย์ซึ่งเป็นเพียงต้นหญ้า
13 เจ้าเป็นใครจึงลืมพระยาห์เวห์พระผู้สร้างของเจ้า
ผู้คลี่ฟ้าสวรรค์ออกมา
และวางฐานรากของโลก?
เรื่องอะไรเจ้าถึงต้องอกสั่นขวัญแขวนอยู่ทุกวี่ทุกวัน
เพราะความเกรี้ยวกราดของผู้ข่มเหง
ผู้มุ่งสู่หายนะ?
ไหนล่ะความเกรี้ยวกราดของผู้ข่มเหง?
14 ในไม่ช้านักโทษผู้หวาดกลัวจนตัวสั่นจะได้รับการปลดปล่อย
เขาจะไม่ตายในคุก
และจะไม่ขาดอาหาร
15 เพราะเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
ผู้กวนทะเลทำให้คลื่นคำราม
พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์คือพระนามของพระองค์
16 เราได้ใส่วาจาของเราไว้ในปากของเจ้า
และบังเจ้าไว้ด้วยร่มเงาแห่งมือของเรา
เราเป็นผู้สถาปนาฟ้าสวรรค์ไว้ในที่ของมัน
เป็นผู้วางฐานรากของโลก
และเป็นผู้กล่าวกับศิโยนว่า ‘เจ้าเป็นประชากรของเรา’”
จอกแห่งพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า
17 ตื่นเถิด ตื่นเถิด!
จงลุกขึ้นเถิดเยรูซาเล็มเอ๋ย
เจ้าผู้ได้ดื่มจากจอกแห่งพระพิโรธของพระเจ้า
ซึ่งอยู่ในพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เจ้าดื่มจนถึงตะกอนก้นถ้วย
ซึ่งทำให้ถึงกับซวนเซ
18 ลูกชายทั้งหมดที่นางคลอดออกมา
ไม่มีสักคนเดียวที่จะนำทางนาง
ลูกชายทั้งหมดที่นางเลี้ยงดูมา
ไม่มีสักคนเดียวที่จะจูงนางไป
19 ภัยพิบัติอันกระหน่ำซ้ำเติมนี้เกิดขึ้นแก่เจ้า
ใครเล่าจะสามารถปลอบโยนเจ้าได้?
หายนะและความย่อยยับ การกันดารอาหารและการรบราฆ่าฟัน
ใครเล่าจะสามารถปลอบโยนเจ้าได้?[a]
20 ลูกๆ ของเจ้าเป็นลมไปแล้ว
พวกเขานอนอยู่ที่หัวถนนทุกสาย
ประหนึ่งละมั่งติดอยู่ในตาข่าย
พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และการกำราบจากพระเจ้าของเจ้าท่วมท้นพวกเขา
21 ฉะนั้นจงฟังสิ่งนี้เถิด เจ้าผู้ทุกข์ทรมาน
ผู้มึนเมาแต่ไม่ใช่ด้วยฤทธิ์เหล้าองุ่น
22 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของเจ้า
ผู้ปกป้องประชากรของพระองค์ ตรัสว่า
“ดูเถิด เราได้นำถ้วยซึ่งทำให้เจ้าซวนเซ
ออกไปจากมือของเจ้า
เจ้าจะไม่ต้องดื่มจากถ้วยนั้น
คือถ้วยแห่งพระพิโรธของเราอีกต่อไป
23 เราจะเอาถ้วยนั้นใส่ในมือของบรรดาผู้ทรมานเจ้า
ผู้กล่าวกับเจ้าว่า
‘นอนหมอบราบสิ เราจะได้เดินย่ำเจ้า’
เจ้าได้ทำให้หลังของเจ้าเหมือนพื้นดิน
เหมือนพื้นถนนให้เหยียบย่ำ”
52 ตื่นเถิด ตื่นเถิด ศิโยนเอ๋ย
จงสวมกำลังวังชา
เยรูซาเล็มนครบริสุทธิ์เอ๋ย
จงสวมอาภรณ์งามตระการของเจ้าเถิด
ผู้ไม่ได้เข้าสุหนัตและผู้มีมลทิน
จะไม่เข้ามาในเจ้าอีก
2 จงสะบัดฝุ่นธุลีทิ้งไป
จงลุกขึ้น นั่งบนบัลลังก์เถิด เยรูซาเล็มเอ๋ย
จงปลดโซ่ตรวนที่ล่ามคอของเจ้าเถิด
ธิดาแห่งศิโยน[b]ผู้ตกเป็นเชลย
3 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“เจ้าถูกขายโดยไม่มีราคาค่างวด
เจ้าก็จะได้รับการไถ่คืนมาโดยไม่ต้องจ่ายเงิน”
4 เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า
“เดิมทีประชากรของเราลงไปอาศัยอยู่ที่อียิปต์
บัดนี้อัสซีเรียได้กดขี่ข่มเหงพวกเขา”
5 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “และบัดนี้เรามีอะไรที่นี่บ้าง?
“เพราะประชากรของเราถูกพาตัวไปเปล่าๆ
และผู้ครอบครองเขาก็เย้ยหยัน[c]”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
“ตลอดทั้งวัน
นามของเราถูกหมิ่นประมาทอยู่เสมอ
6 ดังนั้นประชากรของเราจะรู้จักนามของเรา
เพราะฉะนั้นในวันนั้นเขาจะรู้ว่า
เราเองเป็นผู้บอกไว้ล่วงหน้า
ใช่ เป็นเราเอง”
7 เท้าของผู้นำข่าวดีมาบนภูเขา
ช่างงดงามยิ่งนัก
ผู้ประกาศสันติภาพ
ผู้แจ้งข่าวดี
ผู้ประกาศความรอด
ผู้กล่าวกับศิโยนว่า
“พระเจ้าของเจ้าทรงครอบครอง!”
8 จงฟังเถิด! พวกยามของเจ้าส่งเสียงร้อง
ร่วมกันโห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดี
เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จกลับมายังศิโยน
พวกเขาจะเห็นกับตา
9 จงร่วมกันเปล่งเสียงร้องเพลงเบิกบานเถิด
ซากปรักหักพังของเยรูซาเล็มเอ๋ย
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลอบโยนประชากรของพระองค์แล้ว
พระองค์ได้ทรงไถ่เยรูซาเล็มแล้ว
10 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเผยพระกรอันบริสุทธิ์
ต่อหน้าต่อตาประชาชาติทั้งปวง
ทั่วโลกจะเห็น
ความรอดแห่งพระเจ้าของเรา
11 ไปเถิด ไปเสีย จงออกจากที่นั่น!
อย่าแตะต้องสิ่งมลทิน!
จงออกมาจากที่นั่น และรักษาตัวให้บริสุทธิ์
พวกเจ้าผู้อัญเชิญภาชนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า
12 แต่เจ้าจะไม่จากมาด้วยความรีบร้อน
หรือเตลิดหนีมา
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จนำหน้าเจ้า
พระเจ้าแห่งอิสราเอลจะทรงระวังหลังให้เจ้า
การทนทุกข์และสง่าราศีของผู้รับใช้
13 ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราจะทำการอย่างชาญฉลาด[d]
เขาจะได้รับการยกย่องเทิดทูนและสดุดีอย่างสูงส่ง
14 คนเป็นอันมากตื่นตะลึงเพราะเขา[e]
เพราะรูปลักษณ์ของเขาเสียโฉมไปจนไม่มีใครเหมือน
และรูปร่างของเขาก็เสียไปจนดูไม่เหมือนมนุษย์
15 เขาก็จะทำให้หลายประชาชาติตกตะลึง[f]
และเขาจะทำให้บรรดากษัตริย์ปิดปาก
เพราะพวกเขาจะเห็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครบอกพวกเขามาก่อน
และจะเข้าใจสิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน
1 เธสะโลนิกา 5
Thai New Contemporary Bible
5 พี่น้องทั้งหลาย เราไม่จำเป็นต้องเขียนบอกท่านว่าเป็นวันเวลาใด 2 เพราะท่านรู้ดีว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาถึงเหมือนขโมยในยามวิกาล 3 ขณะที่ผู้คนกำลังพูดกันว่า “สงบสุขและปลอดภัย” ขณะนั้นหายนะก็จะมาถึงพวกเขาในฉับพลันเหมือนการเจ็บท้องจะคลอดที่เกิดขึ้นกับหญิงมีครรภ์ และคนเหล่านั้นจะหนีไม่พ้น
4 แต่พี่น้องทั้งหลาย ท่านไม่ได้อยู่ในความมืดเพื่อว่าวันนั้นจะไม่ทำให้ท่านประหลาดใจเหมือนขโมยมา 5 พวกท่านล้วนเป็นลูกของความสว่าง เป็นลูกของกลางวัน เราไม่ได้เป็นของกลางคืนหรือของความมืด 6 ฉะนั้นเราอย่าเหมือนคนอื่นๆ ที่หลับใหล แต่จงตื่นตัวและควบคุมตนเอง 7 เพราะผู้ที่หลับก็หลับเวลากลางคืน ผู้ที่เมามายก็เมามายตอนกลางคืน 8 แต่เพราะเราอยู่ฝ่ายกลางวัน ให้เรารู้จักบังคับตน สวมความเชื่อและความรักเป็นเกราะกำบังอก มีความหวังใจในความรอดเป็นหมวกเหล็ก 9 เพราะพระเจ้าไม่ได้ทรงกำหนดให้เราเผชิญพระพิโรธ แต่ทรงให้รับความรอดโดยทางองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา 10 พระองค์ได้สิ้นพระชนม์เพื่อเรา เพื่อไม่ว่าเราจะอยู่หรือตายก็จะมีชีวิตกับพระองค์ 11 เหตุฉะนั้นจงให้กำลังใจกันและเสริมสร้างซึ่งกันและกันขึ้นเหมือนที่ท่านก็กำลังทำอยู่แล้ว
คำสั่งสอนตอนสุดท้าย
12 พี่น้องทั้งหลาย เราขอให้ท่านนับถือผู้ที่ทำงานหนักในหมู่พวกท่าน ผู้ที่ปกครองดูแลพวกท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้าและผู้ที่ตักเตือนท่าน 13 จงรักและเคารพเขาเหล่านั้นอย่างสูงเนื่องด้วยการงานที่เขาทำ จงอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข 14 พี่น้องทั้งหลาย เราขอให้ท่านตักเตือนคนที่เกียจคร้าน ให้กำลังใจผู้ที่ขลาดอาย ช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอ อดทนกับทุกคน 15 จงสอดส่องดูแลอย่าให้ใครทำชั่วตอบแทนการชั่ว แต่จงพากเพียรทำดีต่อกันและดีต่อคนอื่นๆ ทุกคนเสมอ
16 จงชื่นชมยินดีอยู่เสมอ 17 จงอธิษฐานอยู่เสมอ 18 จงขอบพระคุณในทุกสถานการณ์เพราะนี่คือพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับท่านทั้งหลายในพระเยซูคริสต์
19 อย่าดับไฟแห่งพระวิญญาณ 20 อย่าลบหลู่คำเผยพระวจนะ 21 จงทดสอบทุกสิ่ง จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี 22 จงหลีกห่างความชั่วทุกชนิด
23 ขอพระเจ้าเองผู้ทรงเป็นพระเจ้าแห่งสันติสุขทรงชำระท่านให้บริสุทธิ์หมดจด ขอให้ทั้งวิญญาณ จิตใจ และร่างกายของท่านไร้ที่ติเมื่อองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราเสด็จมา 24 พระองค์ผู้ทรงเรียกท่านนั้นทรงสัตย์ซื่อและพระองค์จะทรงกระทำตามที่ตรัสไว้
25 พี่น้องทั้งหลาย โปรดอธิษฐานเผื่อเรา 26 จงทักทายพี่น้องทุกคนด้วยการจุมพิตอันบริสุทธิ์ 27 ข้าพเจ้าขอกำชับท่านต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าให้อ่านจดหมายนี้ให้พี่น้องทั้งปวงฟัง
28 ขอพระคุณขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.