บาบิโลนล่มสลาย

47 “ธิดาพรหมจารีแห่งบาบิโลน[a]
จงนั่งลงคลุกฝุ่นเถิด
จงนั่งลงกับพื้นโดยปราศจากบัลลังก์
ธิดาแห่งชาวบาบิโลน[b][c]
เจ้าจะไม่ได้รับการขนานนาม
ว่าบอบบางน่าทะนุถนอมอีกต่อไป
จงเอาโม่หินมาโม่แป้งเถิด
ปลดผ้าคลุมหน้าของเจ้าออก
จงถลกกระโปรงเผยให้เห็นขา
และเดินลุยน้ำไป
เจ้าจะเปลือยเปล่า
และอัปยศอดสู
เราจะแก้แค้นเจ้า
จะไม่ละเว้นผู้ใดเลย”

พระผู้ไถ่ของเราผู้ทรงพระนามว่าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
เป็นองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล

“ธิดาแห่งชาวบาบิโลนเอ๋ย
ไปนั่งเงียบๆ ในความมืดมนเถิด
เจ้าจะไม่ได้ชื่อว่า
นางพญาแห่งราชอาณาจักรทั้งหลายอีกต่อไป
เราโกรธเคืองประชากรของเรา
และเหวี่ยงมรดกของเราทิ้ง
เรามอบเขาไว้ในมือเจ้า
และเจ้าก็ไม่ได้เมตตาปรานีเขา
แม้แต่คนเฒ่าคนแก่
เจ้าก็บังคับให้แบกแอกหนักอึ้ง
เจ้ากล่าวว่า ‘ข้าจะเป็นนางพญา
ตลอดไปเป็นนิตย์!’
แต่เจ้าไม่ได้พิจารณาสิ่งเหล่านี้
ไม่ได้ใคร่ครวญสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น

“ฉะนั้นจงฟังเถิด เจ้าคนเสเพล
ผู้เอกเขนกอยู่อย่างปลอดภัย
และบอกตัวเองว่า
‘ข้านี่แหละ ไม่มีใครอื่นนอกจากข้า
ข้าจะไม่มีวันเป็นม่าย
หรือต้องสูญเสียลูก’
ทั้งสองสิ่งนี้จะจู่โจมเจ้า
ในชั่วพริบตา ภายในวันเดียว
ทั้งความเป็นม่ายและการสูญเสียลูก
มันจะมาถึงเจ้าเต็มขนาด
ทั้งๆ ที่เจ้ามีเวทมนตร์
และคาถาอาคมขลัง
10 เจ้าวางใจในความชั่วร้ายของเจ้า
และพูดว่า ‘ไม่มีใครเห็นเราหรอก’
สติปัญญาและความรู้ของเจ้าพาเจ้าหลงเจิ่น
เมื่อเจ้าบอกตัวเองว่า
‘ข้านี่แหละ ไม่มีใครอื่นนอกจากข้า’
11 ภัยพิบัติจะมาถึงเจ้า
และเจ้าจะไม่รู้ว่าต้องขจัดปัดเป่ามันไปอย่างไร
ภัยพิบัติจะตกแก่เจ้า
ซึ่งเจ้าไม่อาจไถ่ถอน
หายนะซึ่งเจ้าไม่อาจเล็งเห็นล่วงหน้า
จะมาถึงเจ้าโดยฉับพลัน

12 “จงเล่นคาถาอาคมของเจ้า
และร่ายเวทมนตร์ทั้งหลายต่อไปเถิด
อย่างที่เจ้าทำมาตั้งแต่เด็ก
บางทีเจ้าอาจจะทำสำเร็จ
บางทีเจ้าอาจจะบันดาลความน่าสะพรึงกลัว
13 คำปรึกษาทั้งสิ้นที่เจ้าได้รับ มีแต่จะทำให้เจ้าทรุดโทรมไป!
ให้นักโหราศาสตร์ทั้งหลายของเจ้าออกมา
ให้นักดูดาวทั้งหลายซึ่งทำนายโชคชะตาราศีแต่ละเดือน
มาช่วยเจ้าให้พ้นจากสิ่งที่จะเกิดขึ้น
14 แน่นอน พวกเขาเป็นเหมือนตอข้าว
ไฟจะเผาผลาญเขาสิ้น
เขาไม่อาจจะช่วยแม้แต่ตัวเอง
ให้พ้นจากฤทธิ์ของเปลวไฟ
นี่ไม่ใช่ถ่านไฟให้ผิงกาย
ไม่ใช่ไฟซึ่งทำให้อุ่นสบาย
15 คนเหล่านี้ที่เจ้าร่วมงาน
และติดต่อมาตั้งแต่เยาว์วัย
ก็ทำให้เจ้าได้แค่นี้เอง
พวกเขาแต่ละคนหลงไปตามความผิดพลาดของตน
ไม่มีสักคนเดียวที่สามารถช่วยเจ้าได้

อิสราเอลผู้ดื้อดึง

48 “จงฟังเถิด วงศ์วานของยาโคบเอ๋ย
เจ้าซึ่งได้ชื่อตามอิสราเอล
และสืบเชื้อสายจากยูดาห์
เจ้าผู้ปฏิญาณในพระนามของพระยาห์เวห์
และอ้างพระเจ้าแห่งอิสราเอล
แต่ไม่ใช่ด้วยความจริงหรือความชอบธรรม
เจ้าผู้อ้างตนเป็นพลเมืองของนครศักดิ์สิทธิ์
และพึ่งในพระเจ้าแห่งอิสราเอล
ผู้ทรงพระนามว่าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
เราได้กล่าวถึงสิ่งเก่าก่อนไว้ล่วงหน้านานมาแล้ว
เราเองได้พูดไว้และบอกให้รู้ทั่วกัน
แล้วเราก็ทำตามนั้นทันที มันก็เป็นไป
เพราะเรารู้ว่าเจ้าดื้อด้านหัวแข็งเพียงไร
เอ็นคอของเจ้าเป็นเหล็ก
หน้าผากของเจ้าคือทองสัมฤทธิ์
ฉะนั้นเราจึงบอกสิ่งเหล่านี้แก่เจ้าไว้ล่วงหน้านานแล้ว
ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น เราก็ได้แจ้งเจ้าแล้ว
เพื่อเจ้าจะไม่อาจพูดได้ว่า
‘รูปเคารพของข้าพเจ้าทำสิ่งเหล่านี้
เทวรูปไม้และพระโลหะของข้าพเจ้าบัญชาให้เกิดขึ้น’
เจ้าได้ยินถึงสิ่งเหล่านี้มาแล้ว จงพิเคราะห์ดูให้ถี่ถ้วน
เจ้าจะไม่ยอมรับหรือ?

“นับแต่นี้ไปเราจะแจ้งสิ่งใหม่ๆ
แจ้งสิ่งเร้นลับที่เจ้าไม่รู้นั้นแก่เจ้า
เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นใหม่ ไม่ใช่นานมาแล้ว
ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อน
เจ้าจึงไม่อาจพูดได้ว่า
‘เรารู้แล้ว’
เจ้าไม่เคยได้ยินหรือเข้าใจมาก่อน
แต่เดิมมาหูของเจ้าไม่ได้เปิดออก
เรารู้ดีว่าเจ้าคิดคดทรยศเพียงไร
เจ้าได้ชื่อว่ากบฏมาตั้งแต่เกิด
เพราะเห็นแก่นามของเรา เราจึงกลั้นโทสะไว้
เพราะเห็นแก่เราซึ่งเป็นที่สรรเสริญ เราจึงยับยั้งไว้
ไม่ตัดเจ้าออกไป
10 ดูเถิด เราได้ถลุงเจ้า แม้ไม่ใช่อย่างถลุงเงิน
เราทดสอบเจ้าในเตาหลอมแห่งความทุกข์ระทม
11 เพราะเห็นแก่เราเอง เราทำการนี้เพราะเห็นแก่เราเอง
เราจะปล่อยให้ตัวเองเสียชื่อได้อย่างไร?
เกียรติสิริของเรา เราไม่ยกให้ใครอื่น

อิสราเอลเป็นอิสระ

12 “ยาโคบเอ๋ย จงฟังเรา
อิสราเอลซึ่งเราเรียกมา
เราคือผู้นั้น
เราคือปฐมและอวสาน
13 มือของเราเองนี่แหละที่วางฐานรากของโลก
มือขวาของเราคลี่ฟ้าสวรรค์ออกมา
เมื่อเราเรียก
มันก็มาชุมนุมกัน

14 “เจ้าทุกคนจงมาชุมนุมกันและฟังเถิด
รูปเคารพไหนเล่าได้ทำนายสิ่งเหล่านี้ไว้?
พันธมิตรที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกสรรไว้
จะทำให้ความมุ่งหมายของพระองค์ต่อบาบิโลนสำเร็จ
พระกรของพระองค์จะลงโทษชาวบาบิโลน[d]
15 เราเองเป็นผู้ลั่นวาจาไว้
เราได้เรียกบุคคลผู้นั้น
เราจะนำเขามา
และเขาจะทำพันธกิจของเขาสำเร็จ

16 “จงเข้ามาใกล้เราและฟังเถิด

“นับตั้งแต่แรกที่เราลั่นวาจาไว้ เราไม่ได้พูดแบบลับๆ
เราอยู่ที่นั่นแล้วตั้งแต่มันเกิดขึ้น”

และบัดนี้พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต
ทรงใช้ข้าพเจ้ามาด้วยพระวิญญาณของพระองค์

17 องค์พระผู้เป็นเจ้าพระผู้ไถ่ของท่าน
องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลตรัสว่า
“เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
ผู้สอนเจ้าว่าอะไรดีที่สุดสำหรับเจ้า
ผู้นำเจ้าไปตามทางที่เจ้าควรไป
18 ถ้าเพียงแต่เจ้าใส่ใจในคำบัญชาของเรา
ป่านนี้เจ้าก็มีสันติสุขหลั่งไหลดั่งแม่น้ำ
มีความชอบธรรมเหมือนคลื่นในทะเล
19 ลูกหลานของเจ้าจะเป็นเหมือนเม็ดทราย
เหมือนเมล็ดข้าวนับไม่ถ้วน
ชื่อของพวกเขาจะไม่ถูกตัดออก
หรือถูกทำลายไปต่อหน้าเรา”

20 จงออกจากบาบิโลน
หนีให้พ้นจากชาวบาบิโลน!
จงประกาศเช่นนี้ด้วยเสียงโห่ร้องยินดี
จงป่าวร้องเถิด
จงแจ้งไปถึงสุดปลายแผ่นดินโลกว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่ยาโคบผู้รับใช้ของพระองค์แล้ว”
21 พวกเขาไม่กระหายเมื่อพระองค์ทรงนำพวกเขาผ่านทะเลทราย
พระองค์ทรงทำให้น้ำไหลออกจากศิลาเพื่อพวกเขา
พระองค์ทรงแยกศิลา
และน้ำก็พุ่งขึ้นมา

22 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ไม่มีสันติสุขสำหรับคนชั่ว”

ผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

49 จงฟังข้าพเจ้าเถิด บรรดาเกาะแก่งทั้งหลายเอ๋ย
ชนชาติไกลโพ้นทั้งหลาย ฟังทางนี้
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเรียกข้าพเจ้าตั้งแต่ข้าพเจ้ายังไม่เกิด
ทรงเอ่ยชื่อข้าพเจ้าตั้งแต่ข้าพเจ้าถือกำเนิด
พระองค์ทรงทำให้ปากของข้าพเจ้าเหมือนดาบคมกริบ
ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มเงาแห่งพระหัตถ์
ทรงทำให้ข้าพเจ้าเป็นลูกธนูคมปลาบ
และทรงเก็บข้าพเจ้าไว้ในแล่งธนูของพระองค์
พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อิสราเอล เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
เราจะสำแดงเกียรติบารมีของเราในตัวเจ้า”
แต่ข้าพเจ้ากล่าวว่า “ข้าพเจ้าตรากตรำไปอย่างไร้จุดหมาย
ลงแรงไปโดยเปล่าประโยชน์และไร้ค่า
ถึงกระนั้นสิ่งที่ข้าพเจ้าควรได้ก็อยู่ในพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
บำเหน็จของข้าพเจ้าอยู่ที่พระเจ้าของข้าพเจ้า”

และบัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
พระองค์ผู้ทรงสร้างข้าพเจ้าในครรภ์มารดา เพื่อให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์
เพื่อนำยาโคบกลับมายังพระองค์
และรวบรวมอิสราเอลมายังพระองค์เอง
เพราะข้าพเจ้ามีเกียรติในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และพระเจ้าทรงเป็นพละกำลังของข้าพเจ้า
พระองค์ตรัสว่า
“เป็นการเล็กน้อยเกินไปที่จะให้เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
เพื่อฟื้นฟูชนเผ่าต่างๆ ของยาโคบให้กลับสู่สภาพเดิม
และนำชนอิสราเอลเหล่านั้นซึ่งเราสงวนไว้กลับมาหาเรา
เราจะให้เจ้าเป็นแสงสว่างสำหรับชนต่างชาติด้วย
เพื่อเจ้าจะนำความรอดของเราไปจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก”

พระยาห์เวห์ พระผู้ไถ่
องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
ตรัสแก่ผู้นั้นซึ่งเป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์ของชาติ
ผู้เป็นคนรับใช้ของบรรดาผู้ครอบครองนั้นว่า
“กษัตริย์ทั้งหลายจะเห็นเจ้าแล้วยืนขึ้น
เจ้านายทั้งปวงจะเห็นเจ้าแล้วหมอบกราบ
เนื่องด้วยองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงซื่อสัตย์
องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลผู้ทรงเลือกสรรเจ้า”

การกอบกู้อิสราเอล

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“ในเวลาแห่งความโปรดปราน เราจะตอบเจ้า
และในวันแห่งความรอด เราจะช่วยเจ้า
เราจะปกป้องเจ้า
และทำให้เจ้าเป็นพันธสัญญาแก่เหล่าประชากร
เพื่อให้ดินแดนนั้นกลับคืนสู่ปกติสุข
และรื้อฟื้นกรรมสิทธิ์ซึ่งถูกทิ้งร้างขึ้นมาใหม่
เพื่อกล่าวแก่เชลยว่า ‘ออกมาเถิด’
และกล่าวแก่ผู้อยู่ในความมืดมนว่า ‘จงเป็นอิสระ!’

“พวกเขาจะเลี้ยงชีพอยู่ริมทาง
และพบทุ่งหญ้าบนเนินเขาแห้งแล้งทุกแห่ง
10 เขาจะไม่หิวหรือกระหาย
แสงอาทิตย์แรงกล้าและลมทะเลทรายอันร้อนระอุจะไม่แผดเผาเขาอีกต่อไป
พระองค์ผู้ทรงเอ็นดูสงสารเขาจะนำเขา
และพาเขามายังริมธารน้ำพุ
11 เราจะเปลี่ยนภูเขาทุกลูกของเราให้เป็นทางเรียบ
และทางหลวงของเราจะถูกยกขึ้น
12 ดูเถิด พวกเขาจะมาจากแดนไกล
บางคนมาจากทางเหนือ บางคนมาจากทางตะวันตก
บางคนก็มาจากอัสวาน[e]

13 ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงโห่ร้องยินดี
โลกเอ๋ย จงเปรมปรีดิ์
ภูเขาทั้งหลายเอ๋ย จงเปล่งเสียงร้องเพลง!
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลอบโยนประชากรของพระองค์
และจะทรงเอ็นดูสงสารผู้ที่ทุกข์ทรมานของพระองค์

14 แต่ศิโยนกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดทิ้งข้าแล้ว
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงลืมข้าไปแล้ว”

15 “แม่จะลืมลูกน้อยในอก
และจะไม่เอ็นดูสงสารลูกที่นางให้กำเนิดได้หรือ?
แม้นางอาจจะลืมได้
แต่เราจะไม่ลืมเจ้า!
16 ดูเถิด เราได้สลักชื่อของเจ้าไว้บนฝ่ามือของเรา
กำแพงของเจ้าอยู่ตรงหน้าเราเสมอ
17 ลูกๆ ของเจ้ารีบรุดมา
และบรรดาผู้ที่ทำให้เจ้าเริศร้างก็ไปจากเจ้า
18 เงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ เถิด
ลูกๆ ทั้งหมดของเจ้าพากันมาหาเจ้า”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด
พวกเขาจะเป็นเครื่องประดับตกแต่งของเจ้าฉันนั้น
เจ้าจะเหมือนเจ้าสาว มีพวกเขาเป็นอาภรณ์ประดับ

19 “ถึงแม้ว่าเจ้าถูกทำให้เป็นซากปรักหักพังและเริศร้าง
ดินแดนของเจ้าถูกทิ้งร้าง
แต่บัดนี้เจ้าจะกลับคับแคบเกินไปสำหรับประชากรของเจ้า
และผู้ที่ล้างผลาญเจ้าจะไปไกลลิบลับ
20 ลูกหลานซึ่งเกิดในช่วงที่เจ้าเป็นเชลย
จะพูดให้เจ้าได้ยินว่า
‘ที่นี่คับแคบเกินไปสำหรับเรา
ขอที่อาศัยกว้างขวางกว่านี้เถิด’
21 แล้วเจ้าจะรำพึงว่า
‘ใครหนอได้ให้กำเนิดคนทั้งหมดนี้แก่เรา?
เราถูกพลัดพรากและเป็นหมัน
ตกเป็นเชลยและถูกทอดทิ้ง
ใครหนอเลี้ยงดูคนเหล่านี้ขึ้นมา?
เราถูกทิ้งไว้เดียวดาย
แล้วคนเหล่านี้มาจากไหนกัน?’ ”

22 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า

“ดูเถิด เราจะส่งสัญญาณแก่บรรดาชนชาติต่างๆ
เราจะชูธงของเราให้ชนชาติทั้งหลาย
พวกเขาจะอุ้มลูกชายของเจ้าไว้ในอ้อมแขนพากลับมาหาเจ้า
ส่วนลูกสาวของเจ้าจะให้ขี่คอเขามา
23 กษัตริย์ทั้งหลายจะเป็นพ่อบุญธรรมของเจ้า
และราชินีทั้งหลายเป็นแม่ผู้เลี้ยงดูเจ้า
พวกเขาจะหมอบกราบซบหน้าลงที่พื้นตรงหน้าเจ้า
เขาจะเลียธุลีแทบเท้าเจ้า
เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์
ผู้ที่หวังในเราจะไม่ผิดหวัง”

24 จะแย่งชิงเหยื่อไปจากนักรบ
หรือจะช่วยเชลยจากบรรดาผู้ดุร้าย[f]ได้หรือ?

25 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“เชลยจะถูกริบคืนจากนักรบ
สิ่งที่ถูกปล้นจะถูกริบคืนจากผู้ดุร้าย
เราจะต่อสู้กับบรรดาผู้ที่ต่อสู้เจ้า
และเราจะช่วยลูกๆ ของเจ้าให้รอด
26 เราจะทำให้ผู้ที่กดขี่ข่มเหงเจ้ากินเนื้อของตนเอง
พวกเขาจะเมาด้วยเลือดของตนเองเหมือนเมาเหล้าองุ่น
และมวลมนุษยชาติจะรู้ว่า
เรา พระยาห์เวห์ คือพระผู้ช่วยให้รอดของเจ้า
เป็นพระผู้ไถ่ของเจ้า องค์ทรงฤทธิ์ของยาโคบ”

Footnotes

  1. 47:1 คือชาวบาบิโลน
  2. 47:1 คือชาวบาบิโลนเช่นเดียวกับข้อ 5
  3. 47:1 หรือธิดาแห่งชาวเคลเดียคือเคลเดียเช่นเดียวกับข้อ 5
  4. 48:14 หรือชาวเคลเดียเช่นเดียวกับข้อ 20
  5. 49:12 ฉบับ MT. ว่าสินิม
  6. 49:24 ฉบับ MT. ว่าผู้ชอบธรรม(ดูฉบับ LXX. และข้อ 25)

ดำเนินชีวิตเพื่อให้พระเจ้าพอพระทัย

สุดท้ายนี้พี่น้องทั้งหลาย เราได้สั่งสอนท่านแล้วว่าจะดำเนินชีวิตเพื่อให้พระเจ้าพอพระทัยได้อย่างไร อันที่จริงท่านก็ทำเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่บัดนี้เราขอวิงวอนท่านและหนุนใจท่านในองค์พระเยซูเจ้าให้ทำสิ่งนี้มากยิ่งๆ ขึ้น เพราะท่านทราบถึงคำสั่งสอนต่างๆ ที่เรามอบให้ท่านโดยสิทธิอำนาจขององค์พระเยซูเจ้า

พระเจ้าทรงประสงค์ให้ท่านได้รับการชำระให้บริสุทธิ์คือ ให้ท่านหลีกห่างจากการผิดศีลธรรมทางเพศ ให้ท่านแต่ละคนรู้จักควบคุมร่างกายของตน[a]ในทางที่บริสุทธิ์น่านับถือ ไม่ใช่มัวเมาในราคะตัณหาเหมือนคนนอกศาสนาซึ่งไม่รู้จักพระเจ้า อย่าให้ผู้ใดล่วงเกินหรือทำผิดต่อพี่น้องในเรื่องนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงลงโทษคนที่ทำบาปอย่างนั้นตามที่เราได้กล่าวเตือนท่านแล้ว เพราะพระเจ้าไม่ได้ทรงเรียกเราให้เป็นคนมีมลทิน แต่ทรงให้เราดำเนินชีวิตอันบริสุทธิ์ ฉะนั้นคนที่ละเลยคำสอนนี้ไม่ได้ปฏิเสธมนุษย์ แต่ปฏิเสธพระเจ้าผู้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์แก่ท่านทั้งหลาย

เราไม่จำเป็นต้องเขียนถึงท่านเกี่ยวกับความรักฉันพี่น้อง เพราะพระเจ้าทรงสอนท่านเองอยู่แล้วให้รักกัน 10 และที่จริงท่านก็รักพี่น้องทั้งปวงทั่วแคว้นมาซิโดเนีย ถึงกระนั้นพี่น้องทั้งหลาย เราขอให้ท่านรักพี่น้องยิ่งๆ ขึ้นอีก

11 ท่านจงมุ่งมาดว่าจะดำเนินชีวิตอันสงบ จะเอาใจใส่ธุรกิจของตน และจะลงมือทำงานเองเหมือนที่เราได้บอกท่านไว้ 12 เพื่อชีวิตประจำวันของท่านจะเป็นที่นับถือของคนภายนอกและไม่ต้องพึ่งพาใคร

การเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้า

13 พี่น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับคนที่ล่วงลับไปหรือทุกข์โศกเหมือนคนอื่นๆ ซึ่งไม่มีความหวัง 14 เราเชื่ออยู่ว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์และทรงเป็นขึ้นอีก เราจึงเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงให้ผู้ที่ล่วงลับไปในพระเยซูมากับพระเยซูอีก 15 เราขอบอกท่านตามพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเองว่า พวกเราผู้ที่ยังมีชีวิต ผู้ซึ่งเหลืออยู่จนองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะไม่นำหน้าไปก่อนผู้ที่ล่วงลับไปอย่างแน่นอน 16 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะเสด็จลงมาจากสวรรค์ด้วยพระบัญชากึกก้อง ด้วยเสียงแห่งเทพบดีและเสียงแตรของพระเจ้า และผู้ที่ตายในพระคริสต์จะเป็นขึ้นก่อน 17 จากนั้นพวกเราผู้ที่ยังมีชีวิตและเหลืออยู่ก็จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น เพื่อไปเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศและเราจะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดนิรันดร์ 18 ฉะนั้นจงให้กำลังใจกันและกันด้วยข้อความเหล่านี้เถิด

Footnotes

  1. 4:4 หรืออยู่กับภรรยาของตนหรือมีภรรยา