อิสยาห์ 43-44
Thai New Contemporary Bible
พระผู้ช่วยให้รอดองค์เดียวของอิสราเอล
43 แต่บัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า
ยาโคบเอ๋ย พระองค์ผู้ทรงสร้างท่าน
อิสราเอลเอ๋ย พระองค์ผู้ทรงปั้นท่าน
“อย่ากลัวเลย เพราะเราได้ไถ่เจ้าไว้แล้ว
เราได้เรียกชื่อเจ้า เจ้าเป็นของเรา
2 เมื่อเจ้าลุยน้ำ
เราจะอยู่กับเจ้า
เมื่อเจ้าลุยข้ามแม่น้ำ
น้ำจะไม่ซัดท่วมเจ้า
เมื่อเจ้าลุยไฟ
ไฟจะไม่เผาไหม้
เปลวไฟจะไม่เผาผลาญเจ้า
3 เพราะเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
เป็นองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล พระผู้ช่วยให้รอดของเจ้า
เราให้อียิปต์เป็นค่าไถ่ของเจ้า
เอาคูช[a]และเสบาแลกกับเจ้า
4 เพราะเจ้าล้ำค่าและมีเกียรติในสายตาของเรา
และเพราะเรารักเจ้า
เราจึงยอมเอาผู้คนแลกกับเจ้า
เอาประชากรแลกกับชีวิตของเจ้า
5 อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า
เราจะนำลูกหลานของเจ้ามาจากตะวันออก
และรวบรวมเจ้ามาจากตะวันตก
6 เราจะบอกกับทางเหนือว่า ‘ปล่อยพวกเขามา!’
บอกกับทางใต้ว่า ‘อย่ารั้งพวกเขาไว้’
จงพาลูกชายของเรามาจากที่ไกลโพ้น
และพาลูกสาวของเรามาจากสุดปลายแผ่นดินโลก
7 คือทุกคนที่ได้ชื่อตามชื่อของเรา
ผู้ที่เราได้สร้างขึ้นเพื่อเกียรติสิริของเรา
ผู้ที่เราได้ปั้นและสร้างขึ้นมา”
8 จงนำบรรดาผู้ที่มีตาแต่ตาบอด
ผู้ที่มีหูแต่หูหนวกมา
9 มวลประชาชาติประชุมกัน
ชนชาติทั้งหลายชุมนุมกัน
มีใครบ้างทำนายสิ่งนี้
และประกาศสิ่งที่ผ่านมาแล้วแก่พวกเรา?
ให้เขาเบิกพยานมายืนยันว่าเขาถูก
เพื่อคนอื่นจะได้ยินแล้วบอกว่า “เป็นความจริง”
10 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เจ้าเป็นพยานของเรา
เป็นผู้รับใช้ซึ่งเราได้เลือกสรรไว้แล้ว
เพื่อเจ้าจะรู้จักเราและเชื่อเรา
และเข้าใจว่าเราคือผู้นั้น
ก่อนหน้าเราไม่มีพระเจ้าอื่นใดถูกปั้นขึ้น
และหลังจากเราก็ไม่มีพระใดอีก
11 เรานี่แหละคือพระยาห์เวห์
นอกเหนือจากเราแล้ว ไม่มีพระผู้ช่วยให้รอดอื่นใดอีก
12 เราได้สำแดงแก่เจ้าแล้ว ช่วยเจ้าให้รอดแล้วและประกาศแก่เจ้าแล้ว
เราเอง ไม่ใช่พระต่างด้าวอื่นใดท่ามกลางพวกเจ้า”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เจ้าเป็นพยานของเราว่า เราเป็นพระเจ้า
13 เราคือพระเจ้าองค์นั้นตั้งแต่อดีตกาล
ไม่มีผู้ใดช่วยกู้จากมือของเราได้
เมื่อเราลงมือทำ ใครจะขัดขวางได้?”
พระเมตตาของพระเจ้า
และความไม่ซื่อสัตย์ของอิสราเอล
14 องค์พระผู้เป็นเจ้า พระผู้ไถ่ของเจ้า
องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลตรัสว่า
“เพื่อเห็นแก่เจ้า เราจะส่งกองทัพไปยังบาบิโลน
ทำให้ชาวบาบิโลน[b]ทั้งหลายกลายเป็นเชลย
ในเรือซึ่งพวกเขาเคยภาคภูมิใจ
15 เราคือพระยาห์เวห์องค์บริสุทธิ์ของเจ้า
พระผู้สร้างของอิสราเอลและกษัตริย์ของเจ้า”
16 องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างทางผ่านทะเล
ทำทางผ่านห้วงน้ำอันทรงพลัง
17 ผู้ทรงนำรถม้าศึกและม้า
นำกองทัพและแสนยานุภาพต่างๆ มาด้วยกัน
ทำให้พวกเขานอนจมอยู่ที่นั่น ไม่ได้ลุกขึ้นมาอีก
สูญสิ้นดับไปเหมือนไส้ตะเกียง
18 ตรัสว่า “จงลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้ว
อย่าฝังใจกับอดีต
19 ดูเถิด เรากำลังทำสิ่งใหม่!
มันเริ่มขึ้นแล้ว เจ้าไม่เห็นหรอกหรือ?
เรากำลังสร้างทางในถิ่นกันดาร
และสายธารต่างๆ ในที่แห้งแล้ง
20 สัตว์ป่าทั้งหลายเช่นหมาใน นกเค้าแมว
ต่างยกย่องเรา
เพราะเราให้น้ำในถิ่นกันดาร
ให้สายธารในที่แห้งแล้ง
เพื่อจะให้น้ำดื่มแก่ประชากรที่เราเลือกสรรไว้
21 ประชากรที่เราได้ปั้นไว้สำหรับเรา
เพื่อพวกเขาจะประกาศเกียรติภูมิของเรา
22 “ถึงกระนั้นยาโคบเอ๋ย เจ้าก็ไม่ได้เรียกหาเรา
อิสราเอลเอ๋ย เจ้าไม่ยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อเรา
23 เจ้าไม่ได้ถวายแกะเป็นเครื่องเผาบูชาแก่เรา
เจ้าไม่ได้ให้เกียรติเราด้วยเครื่องบูชาของเจ้า
เราไม่ได้วางภาระเรื่องธัญบูชาแก่เจ้า
หรือให้เจ้าเหน็ดเหนื่อยเพราะเรื่องเครื่องหอม
24 เจ้าไม่ได้ซื้อเครื่องหอมมาให้เรา
ทั้งไม่ได้ทำให้เราพอใจด้วยไขมันเผาบูชา
แต่เจ้าได้วางภาระเรื่องบาปของเจ้าแก่เรา
และทำให้เราเอือมระอาด้วยการละเมิดทั้งหลายของเจ้า
25 “เรานี่แหละ
คือผู้ที่ลบล้างการล่วงละเมิดของเจ้าเพื่อเห็นแก่เราเอง
และจะไม่จดจำบาปของเจ้าอีกต่อไป
26 จงรื้อฟื้นอดีตเพื่อเรา ให้เรามาโต้กันเถิด
จงแถลงความมา เพื่อจะพิสูจน์ว่าเจ้าพ้นข้อกล่าวหา
27 ต้นตระกูลของเจ้าทำบาป
ผู้นำของเจ้าทรยศเรา
28 ฉะนั้นเราจะหยามผู้สูงศักดิ์ประจำวิหารของเจ้า
เราจะมอบยาโคบให้ถูกทำลายย่อยยับ[c]
และปล่อยอิสราเอลให้เป็นที่ดูหมิ่น
อิสราเอลที่ทรงเลือกสรรไว้
44 “แต่บัดนี้ จงฟังเถิด ยาโคบ ผู้รับใช้ของเราเอ๋ย
อิสราเอลผู้ซึ่งเราได้เลือกสรรไว้
2 นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ทรงปั้นเจ้า ผู้ทรงสร้างเจ้าไว้ในครรภ์
ผู้จะทรงช่วยเหลือเจ้า ตรัสดังนี้ว่า
อย่ากลัวเลย ยาโคบผู้รับใช้ของเรา
เยชูรูนซึ่งเราได้เลือกสรรไว้
3 เพราะเราจะเทน้ำลงบนดินที่แตกระแหง
ให้มีธารน้ำบนพื้นดินที่แห้งผาก
เราจะเทวิญญาณของเราลงเหนือวงศ์วานของเจ้า
และเทพรของเราให้ลูกหลานของเจ้า
4 พวกเขาจะงอกงามเหมือนหญ้าในทุ่งกว้าง
เหมือนต้นปอปลาร์ริมธารน้ำ
5 คนหนึ่งจะพูดขึ้นว่า ‘ฉันเป็นกรรมสิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า’
อีกคนหนึ่งจะเรียกตัวเองตามชื่อของยาโคบ
ส่วนอีกคนจะเขียนที่มือของตนว่า ‘เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า’
และจะใช้ชื่ออิสราเอล
องค์พระผู้เป็นเจ้า
6 “พระยาห์เวห์ผู้ทรงเป็นองค์กษัตริย์และพระผู้ไถ่ของอิสราเอล
พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนี้ว่า
เราเป็นปฐมและอวสาน
นอกเหนือจากเราแล้วไม่มีพระเจ้าอื่นใด
7 ใครเล่าเสมอเหมือนเรา? ให้เขาประกาศออกมา
ให้เขาประกาศและแจกแจงต่อหน้าเรา
ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างนับตั้งแต่เราสถาปนาประชากรเก่าแก่ของเรา
และจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ให้เขาพยากรณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
8 อย่ากลัวเลย อย่าสั่นสะท้าน
เราไม่ได้ประกาศเรื่องนี้และทำนายไว้เมื่อนานมาแล้วหรอกหรือ?
เจ้าเป็นพยานของเรา มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเราหรือ?
ไม่มีเลย ไม่มีพระศิลาอื่นใดอีก เราไม่รู้จักสักองค์เดียว”
9 บรรดาผู้ที่ทำรูปเคารพก็ไร้ค่า
สิ่งต่างๆ ที่เขาเทิดทูนก็เปล่าประโยชน์
บรรดาผู้ออกรับแทนพวกเขาก็ตาบอด
พวกเขาโง่เง่าและต้องอับอาย
10 ใครปั้นเทวรูป ใครหล่อรูปเคารพ
ซึ่งไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่ตน?
11 เขากับพรรคพวกจะต้องอัปยศอดสู
ช่างฝีมือก็เป็นแค่มนุษย์
ให้พวกเขามาชุมนุมกัน ยืนอยู่ในที่ของตน
พวกเขาจะถูกทำให้ตกลงไปในความสยดสยองและความเสื่อมเสีย
12 ช่างเหล็กหยิบเครื่องมือ
ง่วนอยู่กับรูปเคารพในเตาเผา
เขาใช้ค้อนแต่งเทวรูป
ทุบสุดกำลังแขน
เขาหิวและหมดกำลัง
เขาไม่ได้ดื่มน้ำและหมดแรง
13 ช่างไม้ขึงเชือกวัด
ทำโครงสร้างหยาบๆ
ใช้กบไส
เอาวงเวียนขีด
แต่งให้เป็นรูปคน
มีลักษณะงามครบถ้วนอย่างมนุษย์
ให้อยู่ในสถานบูชา
14 เขาโค่นสนซีดาร์ลง
บางทีก็ใช้สนไซเปรสหรือต้นโอ๊ก
เขาปล่อยให้มันโตขึ้นท่ามกลางต้นไม้ในป่า
บางทีก็ปลูกสน และฝนทำให้มันเติบโตขึ้น
15 มันเป็นฟืนให้คนเผา
บางส่วนเขานำมาใช้ผิงกาย
เขาจุดไฟปิ้งขนมปัง
แต่ที่เหลือจากนั้นก็เอามาตกแต่งเป็นเทพเจ้าและนมัสการมัน
เขาสร้างให้เป็นรูปเคารพและก้มกราบมัน
16 เขาใช้ไม้ครึ่งหนึ่งก่อไฟ
เตรียมอาหารย่างเนื้อกินจนอิ่ม
ทั้งใช้ผิงกายและพูดว่า
“เออ! อุ่นดี ข้าเห็นไฟแล้ว”
17 ส่วนที่เหลือเขาใช้ทำเทวรูป เป็นรูปเคารพของเขา
แล้วเขาก็หมอบกราบนมัสการมัน
เขาอธิษฐานต่อมันว่า
“ช่วยลูกด้วย เทพเจ้าของลูก”
18 พวกเขาไม่รู้ประสีประสา ไม่เข้าใจอะไร
ตาของเขาถูกปิดจึงมองไม่เห็น
ใจของเขาก็ถูกบังจึงไม่อาจเข้าใจ
19 ไม่มีใครหยุดเพื่อคิด
ไม่มีใครรู้หรือเข้าใจที่จะพิเคราะห์ว่า
“เราใช้ไม้ครึ่งหนึ่งทำฟืน
เราปิ้งขนมปังบนถ่านไม้
เราย่างเนื้อกิน
ควรหรือที่เราจะเอาไม้ส่วนที่เหลือมาทำสิ่งที่น่าเกลียดชัง?
ควรหรือที่เราจะหมอบกราบลงตรงหน้าท่อนไม้?”
20 เขายังชีพด้วยขี้เถ้า จิตใจที่ลุ่มหลงนำเขาหลงเจิ่นไป
เขาไม่อาจช่วยเหลือตัวเองหรือพูดว่า
“สิ่งที่อยู่ในมือขวาของเรานี้เป็นสิ่งหลอกลวงไม่ใช่หรือ?”
21 “ยาโคบเอ๋ย จงจดจำสิ่งเหล่านี้
อิสราเอลเอ๋ย เพราะเจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
เราได้สร้างเจ้ามา เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
อิสราเอลเอ๋ย เราจะไม่ลืมเจ้า
22 เราได้กวาดล้างการละเมิดของเจ้าออกไปเหมือนเมฆ
ได้ลบล้างบาปของเจ้าเหมือนหมอกยามเช้า
จงกลับมาหาเรา
เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว”
23 ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงร้องเพลงด้วยความยินดีเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทำการนี้
โลกเอ๋ย จงโห่ร้องให้กึกก้อง
จงร้องเพลงเถิด ภูเขาทั้งหลาย
ทั้งป่าไม้และพฤกษ์ไพรทั้งปวง
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่ยาโคบแล้ว
พระองค์ทรงสำแดงพระเกียรติสิริในอิสราเอล
เยรูซาเล็มจะมีผู้อยู่อาศัย
24 “พระยาห์เวห์พระผู้ไถ่ของเจ้า
ผู้ได้ทรงปั้นเจ้าในครรภ์มารดาตรัสดังนี้ว่า
“เราคือพระยาห์เวห์
ผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง
เราแต่ผู้เดียวคลี่ฟ้าสวรรค์ออกมา
เราเองเป็นผู้กางแผ่นดินโลกออก
25 ผู้ทรงทำลายหมายสำคัญของผู้เผยพระวจนะเท็จ
และทำให้นักทำนายกลายเป็นคนโง่เง่า
ผู้ทรงคว่ำความรอบรู้ของคนฉลาด
และทรงเปลี่ยนมันเป็นสิ่งไร้สาระ
26 ผู้ประทานถ้อยคำแก่ผู้รับใช้ของพระองค์
และให้การคาดคะเนต่างๆ ของทูตของพระองค์กลายเป็นจริง
“ผู้ทรงกล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ‘จะมีผู้อยู่อาศัย’
ทรงกล่าวถึงเมืองต่างๆ ของยูดาห์ว่า ‘จะถูกสร้างขึ้น’
และทรงกล่าวถึงความหายนะของพวกเขาว่า ‘เราจะฟื้นฟูขึ้นใหม่’
27 ผู้ทรงกล่าวกับห้วงน้ำลึกว่า ‘จงแห้งไป
และเราจะทำให้สายธารทั้งหลายของเจ้าแห้งเหือด’
28 ผู้ทรงกล่าวถึงไซรัสว่า ‘เขาเป็นคนเลี้ยงแกะของเรา
และจะทำทุกสิ่งให้สำเร็จตามที่เราพอใจ
เขาจะกล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า “ให้สร้างมันขึ้นใหม่”
และกล่าวถึงพระวิหารว่า “ให้วางฐานรากของมัน” ’
1 เธสะโลนิกา 2
Thai New Contemporary Bible
พันธกิจของเปาโลที่เมืองเธสะโลนิกา
2 พี่น้องทั้งหลาย ท่านทราบอยู่ว่าการที่เรามาเยี่ยมท่านทั้งหลายนั้นก็ไม่ได้สูญเปล่า 2 ก่อนหน้านี้เราเผชิญความทุกข์ยากและถูกสบประมาทที่เมืองฟีลิปปีตามที่ท่านทราบอยู่ แต่โดยการทรงช่วยของพระเจ้าของเรา เราจึงกล้าประกาศข่าวประเสริฐของพระองค์แก่ท่านทั้งๆ ที่ถูกต่อต้านอย่างหนัก 3 เพราะคำสอนของเราไม่ได้มาจากแรงจูงใจผิดๆ หรือเสื่อมทราม ทั้งเราไม่พยายามหลอกล่อท่าน 4 แต่ในทางตรงกันข้ามเราประกาศในฐานะผู้ที่พระเจ้าทรงเห็นชอบที่จะมอบหมายข่าวประเสริฐให้ เราไม่ได้พยายามเอาใจมนุษย์ แต่มุ่งให้พระเจ้าผู้ทรงตรวจสอบจิตใจเรานั้นพอพระทัย 5 ท่านทราบว่าเราไม่เคยประจบเอาใจหรือใส่หน้ากากกลบเกลื่อนความโลภ พระเจ้าทรงเป็นพยานให้เราได้ 6 เราไม่ได้ใฝ่หาการยกย่องจากมนุษย์ไม่ว่าจากพวกท่านหรือใครอื่น
ในฐานะอัครทูตของพระคริสต์เราอาจจะเป็นภาระแก่ท่านก็ได้ 7 แต่เราก็อ่อนโยนเมื่ออยู่ท่ามกลางพวกท่าน เหมือนแม่ถนอมดูแลลูกน้อย 8 เรารักท่านทั้งหลายมากจนเรายินดีที่จะแบ่งปันกับท่านไม่เฉพาะข่าวประเสริฐของพระเจ้าเท่านั้น แม้ชีวิตของเราเองก็ยังพลีให้ได้ ในเมื่อท่านเป็นที่รักของเรายิ่งนัก 9 พี่น้องทั้งหลาย เรามั่นใจว่าท่านจดจำความลำบากตรากตรำของเราได้ เราทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อจะไม่ต้องเป็นภาระแก่ผู้ใดเลยขณะประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าแก่ท่าน
10 ท่านและพระเจ้าเป็นพยานได้ว่าเราบริสุทธิ์ เที่ยงธรรมและไม่มีที่ติเพียงไรเมื่ออยู่ท่ามกลางพวกท่านที่เชื่อ 11 เพราะท่านรู้ว่าเราได้ปฏิบัติต่อท่านแต่ละคนเหมือนพ่อปฏิบัติต่อลูกของตนเอง 12 เราให้กำลังใจ ปลอบใจ และกำชับท่านให้ดำเนินชีวิตที่คู่ควรต่อพระเจ้าผู้ทรงเรียกท่านมาสู่อาณาจักรและพระเกียรติสิริของพระองค์
13 และเราขอบพระคุณพระเจ้าอยู่เสมอเพราะเมื่อท่านรับพระวจนะของพระเจ้าซึ่งได้ยินจากเรา ท่านไม่ได้รับไว้อย่างถ้อยคำของมนุษย์ แต่รับไว้ตามที่เป็นจริงคือ เป็นพระวจนะของพระเจ้าซึ่งกำลังทำกิจอยู่ภายในท่านทั้งหลายที่เชื่อ 14 พี่น้องทั้งหลาย ท่านก็เหมือนกับคริสตจักรของพระเจ้าที่แคว้นยูเดียซึ่งอยู่ในพระเยซูคริสต์ คือท่านต้องเผชิญความทุกข์ยากจากพี่น้องร่วมถิ่นของตนเองเหมือนที่คริสตจักรเหล่านั้นได้รับจากพวกยิว 15 พวกเขาได้ประหารองค์พระเยซูเจ้า เข่นฆ่าเหล่าผู้เผยพระวจนะและขับไล่พวกเราออกมา เขาทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัยและเป็นศัตรูกับคนทั้งปวง 16 โดยการพยายามขัดขวางไม่ให้เราประกาศแก่คนต่างชาติเพื่อให้คนเหล่านั้นได้รับความรอด ด้วยการกระทำเหล่านี้พวกเขาได้พอกพูนบาปผิดให้เต็มพิกัด พระพิโรธของพระเจ้าจึงมาถึงพวกเขาในที่สุด[a]
เปาโลอยากมาเยี่ยมพี่น้องชาวเธสะโลนิกา
17 พี่น้องทั้งหลาย เมื่อเราต้องพรากจากท่านไปชั่วระยะหนึ่ง (ตัวไปแต่ใจยังอยู่) ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะพบท่าน เราจึงพยายามทำทุกวิถีทางที่จะมาพบกับท่านอีก 18 เพราะเราอยากมาหาท่านจริงๆ ข้าพเจ้าเปาโลอยากจะมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ซาตานได้ขัดขวางเราไว้ 19 เพราะอะไรเล่าเป็นความหวังของเรา? อะไรเล่าเป็นความชื่นชมยินดีของเรา หรือเป็นมงกุฎซึ่งเราจะภาคภูมิใจต่อหน้าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเมื่อพระองค์เสด็จมา? ไม่ใช่พวกท่านหรอกหรือ? 20 เพราะท่านเป็นความภาคภูมิใจและเป็นความชื่นชมยินดีของเราอย่างแท้จริง
Footnotes
- 2:16 หรืออย่างเต็มขนาด
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.