Add parallel Print Page Options

ข้ามทะเลแดง

14 ครั้นแล้ว พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงบอกชาวอิสราเอลให้ย้อนกลับไปตั้งค่ายอยู่บริเวณหน้าปีหะหิโรธซึ่งอยู่ระหว่างมิกดลกับทะเล ตรงข้ามบาอัลเซโฟน จงตั้งค่ายที่ริมฝั่งทะเล ฟาโรห์จะพูดถึงชาวอิสราเอลว่า ‘พวกเขายังคงวนเวียนอยู่ในแผ่นดินด้วยความสับสน เหมือนถูกกักไว้ในถิ่นทุรกันดาร’ เราจะทำจิตใจของฟาโรห์ให้แข็งกระด้าง และเขาจะไล่ตามคนเหล่านั้นไป จากนั้นเราจะได้รับเกียรติที่มีชัยชนะเหนือฟาโรห์และกองทัพของเขา และชาวอียิปต์จะรู้ว่าเราคือพระผู้เป็นเจ้า” ชาวอิสราเอลจึงกระทำตามนั้น

เมื่อกษัตริย์แห่งอียิปต์ได้ทราบว่าประชาชนหนีไปแล้ว จิตใจของฟาโรห์และบรรดาข้าราชบริพารที่มีต่อประชาชนก็เปลี่ยนไป และพวกเขาพูดว่า “นี่เราทำอะไรลงไป ถึงได้ปล่อยให้ชาวอิสราเอลซึ่งเป็นทาสของพวกเราเป็นอิสระ” ท่านจึงเตรียมคนและรถศึกไปกับท่าน ท่านเลือกรถศึก 600 คันที่ดีที่สุด อีกทั้งรถศึกอื่นๆ ของอียิปต์โดยมีผู้บังคับการประจำรถแต่ละคัน พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ทำจิตใจของฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ให้แข็งกระด้าง ท่านไล่ตามชาวอิสราเอลซึ่งกำลังเดินทางไปอย่างมีชัย กองทัพของชาวอียิปต์พร้อมกับม้า รถศึก และทหารม้าไล่ตามพวกเขาไปจนทันชาวอิสราเอลซึ่งตั้งค่ายอยู่ที่ชายฝั่งทะเลใกล้ปีหะหิโรธที่อยู่ตรงข้ามบาอัลเซโฟน

10 เมื่อฟาโรห์เข้ามาใกล้ ชาวอิสราเอลเงยหน้าขึ้น ดูเถิด ชาวอียิปต์กำลังไล่ตามพวกเขามา ชาวอิสราเอลกลัวมากจึงร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า 11 พวกเขาพูดกับโมเสสว่า “นี่เป็นเพราะหลุมฝังศพในอียิปต์มีไม่พอหรือไง ท่านจึงพาพวกเราไปตายกันในถิ่นทุรกันดาร ท่านพาพวกเราออกไปจากอียิปต์เพื่ออะไรกัน 12 เราบอกท่านตอนอยู่ที่อียิปต์ไม่ใช่หรือว่า อย่ามายุ่งกับพวกเรา ปล่อยให้เรารับใช้ชาวอียิปต์ เพราะให้พวกเรารับใช้ชาวอียิปต์ก็ยังจะดีกว่าให้เราไปตายกันในถิ่นทุรกันดาร” 13 โมเสสตอบประชาชนว่า “อย่ากลัวเลย ท่านมั่นใจได้ แล้วท่านจะเห็นว่าพระผู้เป็นเจ้าจะช่วยท่านให้รอดพ้นในวันนี้ ท่านจะไม่มีวันเห็นชาวอียิปต์พวกนี้อีกต่อไป 14 พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นผู้ต่อสู้ให้ท่าน เพียงแต่ท่านสงบนิ่งเอาไว้”

15 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “ทำไมเจ้าจึงร้องเรียกถึงเรา จงบอกชาวอิสราเอลให้มุ่งหน้าต่อไป 16 จงยกไม้เท้าของเจ้าขึ้น ยื่นมือเจ้าออกไปสู่ทะเลและแหวกทะเลออก ชาวอิสราเอลก็จะเดินผ่านทะเลไปบนพื้นที่แห้งได้ 17 แล้วเราจะทำจิตใจของชาวอียิปต์ให้แข็งกระด้าง พวกเขาจะได้ตามลงไป แล้วเราจะมีชัยชนะเหนือฟาโรห์และกองทัพของเขา รถศึกและทหารม้าของเขา แล้วเราจะได้รับเกียรติ 18 และชาวอียิปต์จะรู้ว่าเราคือพระผู้เป็นเจ้าเมื่อเราได้รับเกียรติที่ได้มาจากชัยชนะเหนือฟาโรห์ รถศึก และทหารม้าของเขา”

19 แล้วทูตสวรรค์ของพระเจ้าที่นำหน้าค่ายอิสราเอลก็ย้ายไปอยู่ข้างหลัง เมฆก้อนมหึมาดั่งเสาหลักก็ย้ายจากข้างหน้าพวกเขาไปอยู่ข้างหลังพวกเขา 20 คืออยู่ระหว่างค่ายของอียิปต์และค่ายของชาวอิสราเอล เป็นเมฆให้ความมืดที่ด้านหนึ่งและส่องให้อีกด้านหนึ่งสว่าง ทำให้ทั้ง 2 ค่ายไม่สามารถเข้าใกล้กันตลอดคืน

21 แล้วโมเสสก็ยื่นมือออกไปที่ทะเล ตลอดทั้งคืนพระผู้เป็นเจ้าทำให้ลมตะวันออกพัดกระหน่ำอย่างแรงและดันน้ำในทะเล ทำให้ใจกลางทะเลกลายเป็นแผ่นดินแห้ง คือน้ำได้แหวกออกจากกัน 22 แล้วชาวอิสราเอลก็เดินบนดินแห้งที่กลางทะเล ทั้ง 2 ฟากเป็นดั่งกำแพงน้ำให้พวกเขา 23 ชาวอียิปต์ไล่ตามไปจนถึงใจกลางทะเล ทั้งม้าของฟาโรห์ รถศึกและทหารม้าของท่านด้วย 24 ก่อนฟ้าสาง พระผู้เป็นเจ้าในรูปลักษณ์ของเพลิงและเมฆก้อนมหึมาดั่งเสาหลักได้ปรากฏเหนือค่ายของชาวอียิปต์ซึ่งทำให้พวกเขาว้าวุ่นชุลมุน 25 พระองค์ทำให้ล้อรถศึกติดขัดหมุนลำบาก ชาวอียิปต์พูดว่า “หนีไปให้ไกลจากพวกอิสราเอลกันเถิด เพราะพระผู้เป็นเจ้ากำลังช่วยพวกเขาต่อสู้กับชาวอียิปต์”

26 แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “คราวนี้เจ้าจงยื่นมือออกไปสู่ทะเล น้ำจะได้ไหลกลับมาท่วมชาวอียิปต์ ท่วมรถศึกและทหารม้าของพวกเขา” 27 โมเสสจึงยื่นมือออกไปสู่ทะเล และน้ำก็ไหลกลับมาสู่ระดับเดิมเมื่อรุ่งอรุณ ชาวอียิปต์พยายามวิ่งหนีให้พ้นน้ำ พระผู้เป็นเจ้าทำให้ชาวอียิปต์ถูกซัดจมลงทะเล 28 น้ำไหลกลับมาท่วมรถศึก ทหารม้าและกองทัพของฟาโรห์ที่ไล่ตามชาวอิสราเอลลงไปในทะเล จึงไม่มีใครรอดตายสักคนเดียว 29 ขณะที่ชาวอิสราเอลได้เดินบนพื้นดินแห้งของทะเล ทั้ง 2 ฟากเป็นดั่งกำแพงน้ำให้พวกเขา

30 ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าช่วยอิสราเอลให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของชาวอียิปต์ และอิสราเอลก็ได้เห็นชาวอียิปต์ตายเกลื่อนกลาดอยู่ที่ริมฝั่งทะเล 31 อิสราเอลได้เห็นอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าที่สำแดงต่อชาวอียิปต์ ต่างก็เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า และพวกเขาก็เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า และในโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์

14 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้บอกกับชาวอิสราเอลว่า ให้หันกลับไปตั้งค่ายอยู่หน้าเมืองปิหะหิโรท ใกล้กับเมืองบาอัลเซโฟน ตรงนี้อยู่ระหว่างเมืองมิกดลกับทะเลแดง ฟาโรห์จะพูดเกี่ยวกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า ‘พวกนั้นกำลังหลงทางในแผ่นดิน และหาทางออกไม่เจอในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น’ เราจะทำให้จิตใจของฟาโรห์แข็งกระด้าง และเขาจะไล่ตามพวกนั้น เราจะทำให้ฟาโรห์และกองทัพของเขาพ่ายแพ้ และเราจะได้รับการสรรเสริญเหนือฟาโรห์และกองทัพของเขา แล้วประชาชนชาวอียิปต์จะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์” ชาวอิสราเอลทำตามที่พระองค์สั่ง

ฟาโรห์ไล่ตามชาวอิสราเอล

เมื่อมีคนมาบอกกษัตริย์อียิปต์ว่า ชาวอิสราเอลหนีไปแล้ว ฟาโรห์และพวกข้าราชการของเขาก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเกี่ยวกับคนอิสราเอลนั้น และพูดว่า “นี่เราทำอะไรลงไป เราปล่อยคนอิสราเอลไปจากการเป็นทาสของเราได้ยังไง”

ฟาโรห์จึงเตรียมรถรบของเขาและพากองทัพไปกับเขาด้วย ฟาโรห์ได้เอารถรบที่คัดมาเป็นพิเศษหกร้อยคัน รวมทั้งรถรบอื่นๆทั้งหมดในอียิปต์ โดยมีทหารประจำการอยู่บนรถรบทุกคัน พระยาห์เวห์ได้ทำให้จิตใจของฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์แข็งกระด้าง เพื่อฟาโรห์จะได้ไล่ตามชาวอิสราเอลไป ชาวอิสราเอลเดินทางออกจากอียิปต์โดยชูมือขึ้นอย่างมีชัย

ชาวอียิปต์ไล่ตามชาวอิสราเอลมา และตามมาทันตรงที่พวกเขาตั้งค่ายอยู่ข้างๆทะเลแดง รถม้าของฟาโรห์ทั้งหมด พร้อมคนขับ และกองทัพของเขา ก็ไล่ตามชาวอิสราเอลมาทันกันที่เมืองปิหะหิโรท ที่อยู่ตรงหน้าเมืองบาอัลเซโฟน

10 ขณะที่ฟาโรห์บุกใกล้เข้ามา พวกชาวอิสราเอลเงยหน้าขึ้น มองเห็นว่ามีชาวอียิปต์กำลังไล่ตามพวกเขามา พวกเขากลัวมาก จึงร้องขอความช่วยเหลือต่อพระยาห์เวห์ 11 พวกเขาพูดกับโมเสสว่า “ที่อียิปต์ไม่มีที่ที่จะฝังศพแล้วหรือยังไง เจ้าถึงได้พาให้พวกเรามาตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้ ดูสิว่าเจ้าได้ทำอะไรลงไป ที่เอาเราออกมาจากอียิปต์ 12 เราบอกเจ้าแล้ว ไม่ใช่หรือว่า ‘อย่ามายุ่งกับเรา ปล่อยให้เรารับใช้ชาวอียิปต์’ เพราะให้เรารับใช้อยู่ในอียิปต์ ก็ยังดีกว่ามาตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้”

13 โมเสสพูดกับประชาชนว่า “ไม่ต้องกลัว ให้ยืนดู พระยาห์เวห์จะช่วยเหลือพวกท่านในวันนี้ ส่วนชาวอียิปต์ที่ท่านเห็นในวันนี้ ท่านก็จะไม่ได้เห็นพวกเขาอีกตลอดกาล 14 พระยาห์เวห์จะต่อสู้ให้กับพวกท่านเอง ขอให้พวกท่านอยู่เฉยๆ”

15 พระยาห์เวห์บอกกับโมเสสว่า “เจ้าจะมามัวร้องขอความช่วยเหลือกับเราทำไม ไปบอกกับชาวอิสราเอลให้เดินทางต่อไป 16 ตอนนี้ให้เจ้าชูไม้เท้าขึ้น และยื่นมือออกไปเหนือทะเล[a] และแยกน้ำทะเลออก เพื่อลูกหลานชาวอิสราเอลจะได้เดินลงไปในทะเลบนพื้นแห้ง 17 เราจะทำให้จิตใจของชาวอียิปต์แข็งกระด้าง เพื่อพวกเขาจะได้ไล่ล่าพวกเจ้า เราจะได้รับการสรรเสริญเหนือฟาโรห์ และเหนือกองทัพทั้งหมดของเขา เหนือรถรบของเขาและเหนือกองทหารม้าของเขา 18 แล้วชาวอียิปต์จะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์ เมื่อเราได้รับการสรรเสริญ เหนือฟาโรห์ เหนือพวกรถรบของเขา และเหนือกองทหารม้าของเขา”

พระยาห์เวห์เอาชนะกองทัพอียิปต์

19 แล้วทูตสวรรค์ของพระเจ้า ผู้ที่อยู่หน้าค่ายของอิสราเอล ก็ได้เคลื่อนไปอยู่ด้านหลังของพวกเขา เสาเมฆได้เคลื่อนจากด้านหน้าไปอยู่ด้านหลังพวกเขา 20 เสาเมฆนั้นได้มาคั่นกลางระหว่างค่ายของอียิปต์กับค่ายของอิสราเอล เสาเมฆนั้นให้แสงสว่างกับคนอิสราเอล แต่ทำให้มืดสำหรับคนอียิปต์[b] ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้เข้าใกล้กันเลยตลอดคืนนั้น 21 โมเสสได้ยื่นมือเขาออกไปเหนือทะเล แล้วพระยาห์เวห์ได้ทำให้น้ำทะเลไหลกลับ ด้วยลมที่พัดอย่างแรงมาจากทางทิศตะวันออก พัดอยู่ตลอดทั้งคืน จนทำให้ทะเลเกิดเป็นพื้นดินแห้งขึ้น พระองค์ได้แยกน้ำออกจากกัน 22 แล้วประชาชนชาวอิสราเอลก็เดินผ่ากลางทะเลไปบนพื้นดินแห้ง น้ำเป็นกำแพงขึ้นมาทั้งด้านซ้ายและด้านขวา 23 แต่กองทัพอียิปต์ไล่ตามมา ม้าทุกตัวของฟาโรห์ และพวกรถรบและทหารม้าของเขาไล่ตามชาวอิสราเอลลงไปกลางทะเล 24 ในตอนเช้า พระยาห์เวห์ที่อยู่ในเสาเพลิงและเสาเมฆ มองเห็นค่ายของชาวอียิปต์ พระองค์ทำให้ค่ายอียิปต์ปั่นป่วนไปหมด

25 พระองค์ทำให้ล้อรถรบของฟาโรห์ฝืด จนต้องขับด้วยความยากลำบาก ชาวอียิปต์พูดว่า “พวกเราหนีไปจากคนอิสราเอลกันเถอะ เพราะพระยาห์เวห์กำลังสู้รบให้กับพวกเขาต่อต้านพวกอียิปต์”

26 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ยื่นมือของเจ้าออกไปเหนือทะเล เพื่อน้ำจะได้ไหลกลับมาท่วมชาวอียิปต์ รวมทั้งพวกรถรบและทหารม้าของพวกเขา”

27 โมเสสจึงยื่นมือของเขาออกไปเหนือทะเล และในตอนเช้า น้ำได้ไหลกลับคืนมาตามทางของมัน ชาวอียิปต์ต่างพากันหนีกระแสน้ำ พระยาห์เวห์ได้กวาดชาวอียิปต์ลงสู่ทะเล 28 น้ำได้ไหลกลับคืนมาท่วมพวกรถรบ และทหารม้าในกองทัพของฟาโรห์ ที่ไล่ตามพวกเขาลงไปในทะเล ไม่มีใครรอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว

29 แต่ประชาชนชาวอิสราเอลกลับเดินบนพื้นดินแห้งกลางทะเล น้ำตั้งขึ้นเป็นกำแพงทั้งซ้ายขวาให้กับพวกเขา 30 ในวันนั้นเอง พระยาห์เวห์ได้ช่วยชาวอิสราเอลให้พ้นจากอำนาจของชาวอียิปต์ ชาวอิสราเอลเห็นศพของชาวอียิปต์ตายเกลื่อนกลาดไปหมดบนฝั่งทะเล 31 ชาวอิสราเอลได้เห็นพระยาห์เวห์ใช้มือที่เต็มไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ต่อต้านชาวอียิปต์ พวกเขาจึงเกรงกลัวพระยาห์เวห์ และไว้วางใจในพระองค์ และในโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ด้วย

Footnotes

  1. 14:16 ทะเล หรือ “ทะเลต้นกก” ดูเพิ่มเติมได้จาก หนังสือ 1 พงศ์กษัตริย์ 9:26
  2. 14:20 เสาเมฆ … คนอียิปต์ ประโยคนี้แปลตามฉบับภาษาอารเมค แต่ฉบับฮีบรูเขียนว่า “มีเมฆและความมืด และมันทำให้กลางคืนสว่าง”

14 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสสว่า “จงบอกชนอิสราเอลให้วกไปตั้งค่ายใกล้ปีหะหิโรท ซึ่งอยู่ระหว่างมิกดลกับทะเลแดง ให้พวกเขาตั้งค่ายริมทะเลตรงข้ามบาอัลเซโฟน ฟาโรห์จะคิดว่า ‘ชาวอิสราเอลนั้นเร่ร่อนไปทั่วดินแดนด้วยความสับสน ติดกับอยู่ในทะเลทราย’ เราจะทำให้ฟาโรห์ใจแข็งกระด้าง เขาจะไล่ตามพวกเจ้า เพื่อเราจะได้รับเกียรติโดยทางฟาโรห์กับกองทัพทั้งสิ้นของเขา และชาวอียิปต์ทั้งหลายจะได้รู้ว่าเราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า” ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงตั้งค่ายพักแรมตามคำสั่ง

เมื่อกษัตริย์อียิปต์ทรงทราบว่าชาวอิสราเอลหนีไปแล้ว ฟาโรห์กับเหล่าข้าราชการก็เปลี่ยนใจ แล้วฟาโรห์ตรัสว่า “เราทำอะไรลงไป? ทำไมเราปล่อยชาวอิสราเอลไปและสูญเสียแรงงานของพวกเขา!” ดังนั้นฟาโรห์จึงเสด็จขึ้นรถม้าศึกและนำกองทัพไปด้วย พระองค์ทรงนำรถม้าศึกที่ดีที่สุดหกร้อยคันและรถม้าศึกอื่นๆ ทั้งปวงของอียิปต์พร้อมทั้งนายทหารบัญชาการ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้ฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์มีใจแข็งกระด้าง ฟาโรห์จึงไล่ตามชนอิสราเอลซึ่งยกขบวนออกมาอย่างกล้าหาญ กองทัพอียิปต์ได้แก่ กองม้า รถม้าศึก และพลม้า[a]และทหารของฟาโรห์ทั้งสิ้นออกติดตามชาวอิสราเอลมาทันพวกเขาซึ่งตั้งค่ายริมทะเล ใกล้ปีหะหิโรท ตรงข้ามกับบาอัลเซโฟน

10 เมื่อชนอิสราเอลมองเห็นกองทัพอียิปต์เข้ามาใกล้ก็ตกใจกลัวยิ่งนักและร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า 11 พวกเขากล่าวกับโมเสสว่า “ที่อียิปต์ไม่มีหลุมฝังศพพวกเราหรือ? ท่านจึงพาเรามาตายในถิ่นกันดารนี้ ทำไมหนอท่านจึงนำเราออกมาจากอียิปต์? 12 เราบอกท่านตั้งแต่อยู่ที่อียิปต์แล้วไม่ใช่หรือว่า ‘อย่ามายุ่งกับพวกเรา ปล่อยให้เรารับใช้ชาวอียิปต์’? ปล่อยให้เรารับใช้ชาวอียิปต์ก็ยังดีกว่าเอาชีวิตมาทิ้งในถิ่นกันดารนี้!”

13 โมเสสตอบประชากรว่า “อย่ากลัวเลย จงหนักแน่นเข้าไว้ ท่านจะได้เห็นการช่วยกู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนำมาให้ท่านในวันนี้ ท่านจะไม่ได้เห็นชาวอียิปต์ที่ท่านเห็นอยู่ในเวลานี้อีกเลย 14 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสู้รบแทนพวกท่านเอง ท่านเพียงแต่นิ่งไว้เถิด”

15 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสสว่า “เจ้ามัวร้องขอเราอยู่ทำไม? จงสั่งให้ชนอิสราเอลเคลื่อนไปข้างหน้าเถิด 16 จงยกไม้เท้าขึ้นและเหยียดมือของเจ้าออกเหนือทะเล เพื่อให้น้ำแยกออกเป็นทางให้ชนอิสราเอลเดินผ่านทะเลไปบนดินแห้ง 17 เราจะทำให้ชาวอียิปต์ใจแข็งกระด้างเพื่อพวกเขาจะรุกไล่พวกเจ้ามา แล้วเราจะได้รับเกียรติผ่านทางฟาโรห์ กองทัพ รถม้าศึก และพลม้าทั้งหมดของเขา 18 ชาวอียิปต์จะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์เมื่อเราได้รับเกียรติผ่านทางฟาโรห์และรถม้าศึกกับพลม้าของเขา”

19 จากนั้นทูตของพระเจ้าผู้ได้นำหน้ากองทัพอิสราเอลก็ถอยมาอยู่ข้างหลังพวกเขา เสาเมฆก็เคลื่อนจากข้างหน้ามาตั้งอยู่ข้างหลังพวกเขา 20 กั้นระหว่างกองทัพอียิปต์กับอิสราเอล ตลอดคืนนั้นด้านหนึ่งของเมฆให้แสงสว่างและอีกด้านหนึ่งเป็นความมืด ฉะนั้นทั้งสองฝ่ายไม่ได้เข้าใกล้กันเลยตลอดคืน

21 ฝ่ายโมเสสเหยียดมือออกเหนือทะเลแดง และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้มีลมตะวันออกพัดกล้าตลอดคืน ทำให้พื้นทะเลเป็นที่แห้ง น้ำถูกแยกออกจากกัน 22 ชาวอิสราเอลจึงเดินผ่านทะเลบนพื้นแห้ง สองข้างทางคือกำแพงน้ำ

23 กองทัพอียิปต์ ทั้งม้า รถม้าศึก และพลม้าของฟาโรห์ก็รุกไล่ตามพวกเขาเข้าไปในทะเล 24 ในเวลาเช้ามืดองค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรจากเสาเพลิงและเสาเมฆเห็นกองทัพอียิปต์จึงทรงกระทำให้พวกเขาสับสนวุ่นวาย 25 พระองค์ทรงทำให้ล้อรถของเขาหลุดออกมา[b] ทำให้ยากที่จะขับเคลื่อน ชาวอียิปต์ร้องว่า “หนีจากพวกอิสราเอลกันเถิด! องค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังต่อสู้กับอียิปต์แทนพวกเขา”

26 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงเหยียดมือของเจ้าออกไปเหนือทะเล น้ำจะได้ไหลกลับมาท่วมชาวอียิปต์ รถม้าศึก และพลม้าของเขา” 27 โมเสสปฏิบัติตาม ครั้นรุ่งสางน้ำทะเลก็ไหลกลับดังเดิม ชาวอียิปต์พากันตะเกียกตะกายหนีเอาชีวิตรอด แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกวาดพวกเขาลงทะเล 28 น้ำทะเลซัดกลับท่วมกองทัพทั้งหมดของฟาโรห์ ได้แก่รถม้าศึกและพลม้าซึ่งไล่ตามอิสราเอลเข้าไปในทะเล ไม่มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว

29 ส่วนชาวอิสราเอลเดินบนทางแห้งข้ามทะเล โดยมีน้ำเป็นกำแพงสองข้างทาง 30 ในวันนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกอบกู้อิสราเอลพ้นจากเงื้อมมือของชาวอียิปต์ อิสราเอลเห็นซากศพชาวอียิปต์เกลื่อนกลาดอยู่บนชายฝั่ง 31 เมื่อชนอิสราเอลได้เห็นฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงกระทำต่อชาวอียิปต์ ประชาชนก็เกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้าและวางใจในพระองค์และในตัวโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์

Footnotes

  1. 14:9 หรือพลรถรบเช่นเดียวกับข้อ 17,18,23,26 และ 28
  2. 14:25 หรือทำให้ล้อรถรบของเขาติดหล่ม