ข้อดีอื่นๆ ของปัญญา

ลูกเอ๋ย อย่าลืมคำสอนของเรา
แต่จงรักษาคำบัญชาของเราไว้ในใจของเจ้า
เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยต่ออายุของเจ้าให้ยืนยาว
และนำสันติสุขกับความเจริญรุ่งเรืองมาให้

อย่าให้ความรักและความซื่อสัตย์ละจากเจ้าไป
จงผูกมันไว้รอบคอ
จงจารึกไว้บนแผ่นดวงใจของเจ้า
แล้วเจ้าจะได้รับความโปรดปรานและมีชื่อเสียงดี
ทั้งในสายพระเนตรพระเจ้าและในสายตามนุษย์

จงวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างหมดใจ
อย่าพึ่งความเข้าใจของตนเอง
จงยอมรับพระองค์ในทุกวิถีทางของเจ้า
แล้วพระองค์จะทรงทำทางของเจ้าให้ราบเรียบ[a]

อย่าคิดว่าตนฉลาด
จงยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าและหลีกหนีจากความชั่ว
เพราะสิ่งนี้จะรักษาร่างกายของเจ้า
และหล่อเลี้ยงกระดูกของเจ้า

จงถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยทรัพย์สมบัติของเจ้า
ด้วยผลแรกจากผลผลิตทั้งปวงของเจ้า
10 แล้วยุ้งฉางของเจ้าจะเต็มล้น
และถังของเจ้าจะเปี่ยมล้นด้วยเหล้าองุ่นใหม่

11 ลูกเอ๋ย อย่าดูหมิ่นการตีสั่งสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า
อย่าขุ่นข้องหมองใจเมื่อพระองค์ทรงว่ากล่าวตักเตือน
12 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสั่งสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก
ดั่งพ่อตีสั่งสอนลูกที่ตนชื่นชม[b]

13 ความสุขมีแก่ผู้ที่พบปัญญา
ผู้ที่ได้รับความเข้าใจ
14 เพราะปัญญาให้ประโยชน์ยิ่งกว่าเงิน
และให้ผลตอบแทนยิ่งกว่าทองคำ
15 ปัญญาล้ำค่ายิ่งกว่าทับทิม
สิ่งใดๆ ที่เจ้าปรารถนาก็ไม่สามารถเทียบได้
16 ในมือขวาของปัญญามีชีวิตอันยืนยาว
ในมือซ้ายมีความมั่งคั่งและเกียรติ
17 หนทางของปัญญาคือทางอันรื่นรมย์
วิถีทั้งสิ้นของปัญญาคือสันติสุข
18 ปัญญาเป็นต้นไม้แห่งชีวิตแก่ผู้ที่กอดนางไว้
ความสุขมีแก่ผู้ที่ยึดนางไว้มั่น

19 โดยปัญญา องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงวางฐานรากของโลก
โดยความเข้าใจ ทรงสถาปนาฟ้าสวรรค์
20 โดยความรู้ของพระองค์ ห้วงลึกก็แยกออก
และเมฆก็หยาดน้ำค้างลงมา

21 ลูกเอ๋ย อย่าให้สิ่งเหล่านี้คลาดไปจากสายตาของเจ้า
จงรักษาดุลยพินิจและความสุขุมรอบคอบไว้
22 สิ่งเหล่านี้จะเป็นชีวิตสำหรับเจ้า
และเป็นอาภรณ์ประดับคอของเจ้า
23 แล้วเจ้าจะดำเนินไปตามทางของตนอย่างปลอดภัย
และเท้าของเจ้าจะไม่สะดุด
24 เมื่อเจ้าเอนกายลง เจ้าจะไม่กลัว
เมื่อเจ้านอนลง เจ้าจะหลับสบาย
25 ไม่ต้องหวั่นเกรงภัยพิบัติฉับพลัน
หรือหายนะซึ่งจู่โจมคนชั่ว
26 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า[c]
และจะทรงป้องกันไม่ให้เท้าของเจ้าติดกับ

27 อย่าหน่วงเหนี่ยวสิ่งดีไว้จากผู้ที่สมควรได้รับ
เมื่ออยู่ในอำนาจของเจ้าที่จะจัดการได้
28 อย่าพูดกับเพื่อนบ้านว่า
“กลับมาพรุ่งนี้แล้วกัน แล้วฉันจะให้”
ในเมื่อเจ้าสามารถให้ได้ทันที
29 อย่าคิดปองร้ายเพื่อนบ้านของเจ้า
ผู้อาศัยอยู่ใกล้ๆ เจ้าอย่างไว้เนื้อเชื่อใจ
30 อย่ากล่าวหาผู้ใดโดยไม่มีมูลเหตุ
ในเมื่อเขาไม่ได้ทำร้ายเจ้า

31 อย่าอิจฉาคนโหดเหี้ยม
หรือเลือกวิถีทางใดๆ ของเขา

32 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชิงชังคนคดในข้องอในกระดูก
แต่ทรงเชื่อใจคนเที่ยงธรรม
33 คำสาปแช่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าตกอยู่บนบ้านของคนชั่ว
แต่พระองค์ทรงอวยพรครัวเรือนของคนชอบธรรม
34 พระองค์ทรงเยาะเย้ยคนที่ชอบเยาะเย้ย
แต่สำแดงพระคุณแก่คนถ่อมใจที่ถูกรังแก
35 คนฉลาดได้รับเกียรติยศเป็นมรดก
ส่วนคนโง่จะได้รับแต่ความอัปยศ

สละทุกอย่างเพื่อปัญญา

ลูกทั้งหลายเอ๋ย จงตั้งใจฟังคำสั่งสอนของพ่อเจ้า
จงใส่ใจเพื่อจะได้ความเข้าใจ
เพราะเราให้คำสอนที่ดีแก่เจ้า
ดังนั้นอย่าละทิ้งคำสอนของเรา
เมื่อเราเป็นเด็กอยู่ในบ้านของพ่อ
ยังอ่อนเยาว์เป็นลูกรักของแม่
พ่อสอนเราว่า
“จงยึดคำสอนของพ่อด้วยสุดใจของเจ้า
ทำตามคำสั่งของพ่อ แล้วเจ้าจะมีชีวิตอยู่
จงรับปัญญาและความเข้าใจ
อย่าลืม อย่าหันเหจากคำสอนของพ่อ
อย่าทอดทิ้งปัญญา แล้วนางจะช่วยปกปักรักษาเจ้า
จงรักนางแล้วนางจะคอยปกป้องเจ้า
จุดเริ่มต้นของปัญญาคือให้ยึดปัญญาไว้
แม้ต้องลงทุนหมดตัวก็จงยึดความเข้าใจไว้
จงเทิดทูนนาง และนางจะเชิดชูเจ้า
จงโอบกอดปัญญาไว้ และนางจะให้เกียรติเจ้า
นางจะสวมมงคลงามบนศีรษะของเจ้า
มงกุฎงดงามจะเป็นของเจ้า”

10 ลูกเอ๋ย จงฟังและรับถ้อยคำของเรา
เพื่อเจ้าจะมีชีวิตยืนยาว
11 เราชี้แนะเจ้าไปในทางแห่งสติปัญญา
และนำเจ้าไปในทางตรง
12 ยามเจ้าเดิน ย่างก้าวของเจ้าจะไม่ถูกขวางกั้น
ยามเจ้าวิ่ง เจ้าจะไม่สะดุด
13 จงยึดคำสอนไว้ให้มั่น อย่าให้หลุดมือไป
จงรักษาไว้ให้ดี เพราะมันเป็นชีวิตของเจ้า
14 อย่าย่างกรายเข้าไปในทางของคนชั่ว
หรือเดินในทางของคนเลว
15 จงหลีกห่าง อย่าเดินไปบนทางนั้น
จงหันหนีและเลี่ยงไปทางอื่น
16 เพราะสำหรับคนชั่วนั้น วันไหนไม่ได้ทำชั่วเขานอนไม่หลับ
เขาจะหลับตาไม่ลงจนกว่าจะได้ทำให้ใครล้มลงเสียก่อน
17 เขาบริโภคความชั่วเป็นอาหาร
และดื่มเหล้าองุ่นแห่งความโหดเหี้ยมทารุณ

18 ทางของคนชอบธรรมเป็นดั่งดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ
ซึ่งส่องแสงเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ จนเต็มวัน
19 แต่ทางของคนชั่วดั่งความมืดมิด
เขาไม่รู้ว่าตัวเองสะดุดอะไร

20 ลูกเอ๋ย จงตั้งใจฟังสิ่งที่เรากล่าว
เงี่ยหูฟังถ้อยคำของเรา
21 อย่าให้มันคลาดสายตาของเจ้า
จงรักษามันไว้ในใจของเจ้า
22 เพราะมันเป็นชีวิตแก่ผู้ที่ค้นพบ
เป็นพลานามัยแก่ร่างกายทั้งหมดของเขา
23 ที่สำคัญที่สุด จงระแวดระวังใจของเจ้า
เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำล้วนไหลออกมาจากใจ
24 ให้ปากของเจ้าปราศจากคำตลบตะแลง
ให้ริมฝีปากของเจ้าห่างไกลจากคำหลอกลวง
25 จงให้ตาของเจ้ามองตรงไปข้างหน้า
จดจ่อแน่วแน่ไม่หันเห
26 จงเฝ้าระวังทุกย่างก้าวของเจ้า[d]
และเดินอยู่ในทางนั้นอย่างมั่นคง
27 อย่าหันไปทางขวาหรือทางซ้าย
จงยั้งเท้าของเจ้าไว้จากความชั่วร้าย

อย่าสำส่อน

ลูกเอ๋ย จงตั้งใจฟังปัญญาของเรา
จงเงี่ยหูฟังถ้อยคำแห่งความเข้าใจอันลึกซึ้งของเรา
เพื่อเจ้าจะได้รักษาความสุขุมรอบคอบ
และริมฝีปากของเจ้าจะสงวนความรู้ไว้
เพราะริมฝีปากของหญิงแพศยาหวานปานน้ำผึ้ง
และคำพูดของนางก็ลื่นยิ่งกว่าน้ำมัน
แต่ท้ายที่สุด นางขมยิ่งกว่าบอระเพ็ด
คมยิ่งกว่าดาบสองคม
เท้าของนางนำไปสู่ความตาย
ย่างก้าวของนางตรงดิ่งไปยังหลุมฝังศพ
นางไม่สนใจทางแห่งชีวิต
วิถีของนางวกวนไร้จุดหมาย แต่นางไม่รู้เลย

ลูกทั้งหลายเอ๋ย บัดนี้จงฟังเรา
และอย่าหันหนีจากถ้อยคำของเรา
จงให้วิถีของเจ้าห่างไกลจากนาง
อย่าเฉียดกรายไปใกล้ประตูบ้านของนาง
เกรงว่าเจ้าจะสูญเสียเกียรติให้แก่คนอื่น
และให้ศักดิ์ศรี[e]ของเจ้าแก่คนโหดร้าย
10 เกรงว่าคนแปลกหน้าจะมาเสวยสุขอยู่บนทรัพย์สินความสามารถของเจ้า
และน้ำพักน้ำแรงของเจ้าจะตกแก่บ้านของคนอื่น
11 ในบั้นปลายชีวิต เจ้าจะร้องโอดครวญ
เมื่อกำลังและร่างกายของเจ้าถูกกัดกินจนเสื่อมโทรมไป
12 เจ้าจะกล่าวว่า “เราเคยเกลียดการตีสั่งสอนยิ่งนัก!
และไม่แยแสคำตักเตือน!
13 เราไม่ยอมเชื่อฟังครูอาจารย์
หรือรับฟังผู้สั่งสอนของเรา
14 เราจวนเจียนจะถลำสู่หายนะ
ต่อหน้าสาธารณชน”

15 จงดื่มน้ำจากบ่อเก็บของเจ้า
น้ำที่ไหลจากบ่อของเจ้าเอง
16 ควรหรือที่จะให้น้ำพุของเจ้าไหลล้นออกไปตามถนน
หรือให้ธารน้ำของเจ้าไหลไปยังย่านชุมชน?
17 จงให้มันเป็นของเจ้าแต่ผู้เดียว
ไม่ใช่แบ่งปันกับคนแปลกหน้า
18 จงให้ธารน้ำพุของเจ้าได้รับพร
จงปีติยินดีในภรรยาคู่ชีวิตที่ได้มาในวัยหนุ่ม
19 ดั่งนางกวางที่น่ารัก เลียงผาที่น่าชม
จงให้อ้อมอกของนางเป็นที่หนำใจเจ้าเสมอ
จงหลงใหลในความรักของนางตลอดไป
20 ลูกเอ๋ย เหตุใดเจ้าจึงไปหลงใหลภรรยาของชายอื่น?
เหตุใดเจ้าจึงไปซบอกหญิงแพศยา?

21 เพราะว่าทางทั้งสิ้นของมนุษย์อยู่ในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์ทรงพิเคราะห์ดูทุกวิถีของเขา
22 คนชั่วติดกับเพราะบาปของตน
และบาปนั้นก็เป็นบ่วงรัดเขาไว้แน่น
23 เขาจะตายเพราะขาดวินัย
และหลงเตลิดไปเพราะความโง่มหันต์ของตน

Footnotes

  1. 3:6 หรือจะทรงชี้ทางให้
  2. 3:12 ฉบับ LXX. ว่าและพระองค์ทรงลงโทษบุตรที่พระองค์ทรงชื่นชม
  3. 3:26 หรือเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นความมั่นใจของเจ้า
  4. 4:26 หรือจงทำทางที่ราบเรียบให้เท้าของเจ้า
  5. 5:9 หรือปีเดือน

ข้อดีอื่นๆ ของปัญญา

ลูกเอ๋ย อย่าลืมคำสอนของเรา
แต่จงรักษาคำบัญชาของเราไว้ในใจของเจ้า
เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยต่ออายุของเจ้าให้ยืนยาว
และนำสันติสุขกับความเจริญรุ่งเรืองมาให้

อย่าให้ความรักและความซื่อสัตย์ละจากเจ้าไป
จงผูกมันไว้รอบคอ
จงจารึกไว้บนแผ่นดวงใจของเจ้า
แล้วเจ้าจะได้รับความโปรดปรานและมีชื่อเสียงดี
ทั้งในสายพระเนตรพระเจ้าและในสายตามนุษย์

จงวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างหมดใจ
อย่าพึ่งความเข้าใจของตนเอง
จงยอมรับพระองค์ในทุกวิถีทางของเจ้า
แล้วพระองค์จะทรงทำทางของเจ้าให้ราบเรียบ[a]

อย่าคิดว่าตนฉลาด
จงยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าและหลีกหนีจากความชั่ว
เพราะสิ่งนี้จะรักษาร่างกายของเจ้า
และหล่อเลี้ยงกระดูกของเจ้า

จงถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยทรัพย์สมบัติของเจ้า
ด้วยผลแรกจากผลผลิตทั้งปวงของเจ้า
10 แล้วยุ้งฉางของเจ้าจะเต็มล้น
และถังของเจ้าจะเปี่ยมล้นด้วยเหล้าองุ่นใหม่

11 ลูกเอ๋ย อย่าดูหมิ่นการตีสั่งสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า
อย่าขุ่นข้องหมองใจเมื่อพระองค์ทรงว่ากล่าวตักเตือน
12 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสั่งสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก
ดั่งพ่อตีสั่งสอนลูกที่ตนชื่นชม[b]

13 ความสุขมีแก่ผู้ที่พบปัญญา
ผู้ที่ได้รับความเข้าใจ
14 เพราะปัญญาให้ประโยชน์ยิ่งกว่าเงิน
และให้ผลตอบแทนยิ่งกว่าทองคำ
15 ปัญญาล้ำค่ายิ่งกว่าทับทิม
สิ่งใดๆ ที่เจ้าปรารถนาก็ไม่สามารถเทียบได้
16 ในมือขวาของปัญญามีชีวิตอันยืนยาว
ในมือซ้ายมีความมั่งคั่งและเกียรติ
17 หนทางของปัญญาคือทางอันรื่นรมย์
วิถีทั้งสิ้นของปัญญาคือสันติสุข
18 ปัญญาเป็นต้นไม้แห่งชีวิตแก่ผู้ที่กอดนางไว้
ความสุขมีแก่ผู้ที่ยึดนางไว้มั่น

19 โดยปัญญา องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงวางฐานรากของโลก
โดยความเข้าใจ ทรงสถาปนาฟ้าสวรรค์
20 โดยความรู้ของพระองค์ ห้วงลึกก็แยกออก
และเมฆก็หยาดน้ำค้างลงมา

21 ลูกเอ๋ย อย่าให้สิ่งเหล่านี้คลาดไปจากสายตาของเจ้า
จงรักษาดุลยพินิจและความสุขุมรอบคอบไว้
22 สิ่งเหล่านี้จะเป็นชีวิตสำหรับเจ้า
และเป็นอาภรณ์ประดับคอของเจ้า
23 แล้วเจ้าจะดำเนินไปตามทางของตนอย่างปลอดภัย
และเท้าของเจ้าจะไม่สะดุด
24 เมื่อเจ้าเอนกายลง เจ้าจะไม่กลัว
เมื่อเจ้านอนลง เจ้าจะหลับสบาย
25 ไม่ต้องหวั่นเกรงภัยพิบัติฉับพลัน
หรือหายนะซึ่งจู่โจมคนชั่ว
26 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า[c]
และจะทรงป้องกันไม่ให้เท้าของเจ้าติดกับ

27 อย่าหน่วงเหนี่ยวสิ่งดีไว้จากผู้ที่สมควรได้รับ
เมื่ออยู่ในอำนาจของเจ้าที่จะจัดการได้
28 อย่าพูดกับเพื่อนบ้านว่า
“กลับมาพรุ่งนี้แล้วกัน แล้วฉันจะให้”
ในเมื่อเจ้าสามารถให้ได้ทันที
29 อย่าคิดปองร้ายเพื่อนบ้านของเจ้า
ผู้อาศัยอยู่ใกล้ๆ เจ้าอย่างไว้เนื้อเชื่อใจ
30 อย่ากล่าวหาผู้ใดโดยไม่มีมูลเหตุ
ในเมื่อเขาไม่ได้ทำร้ายเจ้า

31 อย่าอิจฉาคนโหดเหี้ยม
หรือเลือกวิถีทางใดๆ ของเขา

32 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชิงชังคนคดในข้องอในกระดูก
แต่ทรงเชื่อใจคนเที่ยงธรรม
33 คำสาปแช่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าตกอยู่บนบ้านของคนชั่ว
แต่พระองค์ทรงอวยพรครัวเรือนของคนชอบธรรม
34 พระองค์ทรงเยาะเย้ยคนที่ชอบเยาะเย้ย
แต่สำแดงพระคุณแก่คนถ่อมใจที่ถูกรังแก
35 คนฉลาดได้รับเกียรติยศเป็นมรดก
ส่วนคนโง่จะได้รับแต่ความอัปยศ

สละทุกอย่างเพื่อปัญญา

ลูกทั้งหลายเอ๋ย จงตั้งใจฟังคำสั่งสอนของพ่อเจ้า
จงใส่ใจเพื่อจะได้ความเข้าใจ
เพราะเราให้คำสอนที่ดีแก่เจ้า
ดังนั้นอย่าละทิ้งคำสอนของเรา
เมื่อเราเป็นเด็กอยู่ในบ้านของพ่อ
ยังอ่อนเยาว์เป็นลูกรักของแม่
พ่อสอนเราว่า
“จงยึดคำสอนของพ่อด้วยสุดใจของเจ้า
ทำตามคำสั่งของพ่อ แล้วเจ้าจะมีชีวิตอยู่
จงรับปัญญาและความเข้าใจ
อย่าลืม อย่าหันเหจากคำสอนของพ่อ
อย่าทอดทิ้งปัญญา แล้วนางจะช่วยปกปักรักษาเจ้า
จงรักนางแล้วนางจะคอยปกป้องเจ้า
จุดเริ่มต้นของปัญญาคือให้ยึดปัญญาไว้
แม้ต้องลงทุนหมดตัวก็จงยึดความเข้าใจไว้
จงเทิดทูนนาง และนางจะเชิดชูเจ้า
จงโอบกอดปัญญาไว้ และนางจะให้เกียรติเจ้า
นางจะสวมมงคลงามบนศีรษะของเจ้า
มงกุฎงดงามจะเป็นของเจ้า”

10 ลูกเอ๋ย จงฟังและรับถ้อยคำของเรา
เพื่อเจ้าจะมีชีวิตยืนยาว
11 เราชี้แนะเจ้าไปในทางแห่งสติปัญญา
และนำเจ้าไปในทางตรง
12 ยามเจ้าเดิน ย่างก้าวของเจ้าจะไม่ถูกขวางกั้น
ยามเจ้าวิ่ง เจ้าจะไม่สะดุด
13 จงยึดคำสอนไว้ให้มั่น อย่าให้หลุดมือไป
จงรักษาไว้ให้ดี เพราะมันเป็นชีวิตของเจ้า
14 อย่าย่างกรายเข้าไปในทางของคนชั่ว
หรือเดินในทางของคนเลว
15 จงหลีกห่าง อย่าเดินไปบนทางนั้น
จงหันหนีและเลี่ยงไปทางอื่น
16 เพราะสำหรับคนชั่วนั้น วันไหนไม่ได้ทำชั่วเขานอนไม่หลับ
เขาจะหลับตาไม่ลงจนกว่าจะได้ทำให้ใครล้มลงเสียก่อน
17 เขาบริโภคความชั่วเป็นอาหาร
และดื่มเหล้าองุ่นแห่งความโหดเหี้ยมทารุณ

18 ทางของคนชอบธรรมเป็นดั่งดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ
ซึ่งส่องแสงเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ จนเต็มวัน
19 แต่ทางของคนชั่วดั่งความมืดมิด
เขาไม่รู้ว่าตัวเองสะดุดอะไร

20 ลูกเอ๋ย จงตั้งใจฟังสิ่งที่เรากล่าว
เงี่ยหูฟังถ้อยคำของเรา
21 อย่าให้มันคลาดสายตาของเจ้า
จงรักษามันไว้ในใจของเจ้า
22 เพราะมันเป็นชีวิตแก่ผู้ที่ค้นพบ
เป็นพลานามัยแก่ร่างกายทั้งหมดของเขา
23 ที่สำคัญที่สุด จงระแวดระวังใจของเจ้า
เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำล้วนไหลออกมาจากใจ
24 ให้ปากของเจ้าปราศจากคำตลบตะแลง
ให้ริมฝีปากของเจ้าห่างไกลจากคำหลอกลวง
25 จงให้ตาของเจ้ามองตรงไปข้างหน้า
จดจ่อแน่วแน่ไม่หันเห
26 จงเฝ้าระวังทุกย่างก้าวของเจ้า[d]
และเดินอยู่ในทางนั้นอย่างมั่นคง
27 อย่าหันไปทางขวาหรือทางซ้าย
จงยั้งเท้าของเจ้าไว้จากความชั่วร้าย

อย่าสำส่อน

ลูกเอ๋ย จงตั้งใจฟังปัญญาของเรา
จงเงี่ยหูฟังถ้อยคำแห่งความเข้าใจอันลึกซึ้งของเรา
เพื่อเจ้าจะได้รักษาความสุขุมรอบคอบ
และริมฝีปากของเจ้าจะสงวนความรู้ไว้
เพราะริมฝีปากของหญิงแพศยาหวานปานน้ำผึ้ง
และคำพูดของนางก็ลื่นยิ่งกว่าน้ำมัน
แต่ท้ายที่สุด นางขมยิ่งกว่าบอระเพ็ด
คมยิ่งกว่าดาบสองคม
เท้าของนางนำไปสู่ความตาย
ย่างก้าวของนางตรงดิ่งไปยังหลุมฝังศพ
นางไม่สนใจทางแห่งชีวิต
วิถีของนางวกวนไร้จุดหมาย แต่นางไม่รู้เลย

ลูกทั้งหลายเอ๋ย บัดนี้จงฟังเรา
และอย่าหันหนีจากถ้อยคำของเรา
จงให้วิถีของเจ้าห่างไกลจากนาง
อย่าเฉียดกรายไปใกล้ประตูบ้านของนาง
เกรงว่าเจ้าจะสูญเสียเกียรติให้แก่คนอื่น
และให้ศักดิ์ศรี[e]ของเจ้าแก่คนโหดร้าย
10 เกรงว่าคนแปลกหน้าจะมาเสวยสุขอยู่บนทรัพย์สินความสามารถของเจ้า
และน้ำพักน้ำแรงของเจ้าจะตกแก่บ้านของคนอื่น
11 ในบั้นปลายชีวิต เจ้าจะร้องโอดครวญ
เมื่อกำลังและร่างกายของเจ้าถูกกัดกินจนเสื่อมโทรมไป
12 เจ้าจะกล่าวว่า “เราเคยเกลียดการตีสั่งสอนยิ่งนัก!
และไม่แยแสคำตักเตือน!
13 เราไม่ยอมเชื่อฟังครูอาจารย์
หรือรับฟังผู้สั่งสอนของเรา
14 เราจวนเจียนจะถลำสู่หายนะ
ต่อหน้าสาธารณชน”

15 จงดื่มน้ำจากบ่อเก็บของเจ้า
น้ำที่ไหลจากบ่อของเจ้าเอง
16 ควรหรือที่จะให้น้ำพุของเจ้าไหลล้นออกไปตามถนน
หรือให้ธารน้ำของเจ้าไหลไปยังย่านชุมชน?
17 จงให้มันเป็นของเจ้าแต่ผู้เดียว
ไม่ใช่แบ่งปันกับคนแปลกหน้า
18 จงให้ธารน้ำพุของเจ้าได้รับพร
จงปีติยินดีในภรรยาคู่ชีวิตที่ได้มาในวัยหนุ่ม
19 ดั่งนางกวางที่น่ารัก เลียงผาที่น่าชม
จงให้อ้อมอกของนางเป็นที่หนำใจเจ้าเสมอ
จงหลงใหลในความรักของนางตลอดไป
20 ลูกเอ๋ย เหตุใดเจ้าจึงไปหลงใหลภรรยาของชายอื่น?
เหตุใดเจ้าจึงไปซบอกหญิงแพศยา?

21 เพราะว่าทางทั้งสิ้นของมนุษย์อยู่ในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์ทรงพิเคราะห์ดูทุกวิถีของเขา
22 คนชั่วติดกับเพราะบาปของตน
และบาปนั้นก็เป็นบ่วงรัดเขาไว้แน่น
23 เขาจะตายเพราะขาดวินัย
และหลงเตลิดไปเพราะความโง่มหันต์ของตน

Footnotes

  1. 3:6 หรือจะทรงชี้ทางให้
  2. 3:12 ฉบับ LXX. ว่าและพระองค์ทรงลงโทษบุตรที่พระองค์ทรงชื่นชม
  3. 3:26 หรือเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นความมั่นใจของเจ้า
  4. 4:26 หรือจงทำทางที่ราบเรียบให้เท้าของเจ้า
  5. 5:9 หรือปีเดือน

จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์ของพระเจ้ากับทิโมธีน้องของเรา

ถึงคริสตจักรของพระเจ้าที่เมืองโครินธ์และประชากรของพระเจ้าทุกคนทั่วแคว้นอาคายา

ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเราและจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้ามีแก่ท่านทั้งหลาย

พระเจ้าแห่งการปลอบประโลมใจทั้งปวง

สรรเสริญพระเจ้าและพระบิดาแห่งพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา พระบิดาแห่งความเมตตาเอ็นดู และพระเจ้าแห่งการปลอบประโลมใจทั้งปวง ผู้ทรงปลอบประโลมใจเราในความทุกข์ร้อนทั้งสิ้นของเรา เพื่อเราจะสามารถปลอบประโลมใจบรรดาผู้ทุกข์ร้อนในเรื่องใดๆ ด้วยการปลอบประโลมใจซึ่งเราเองได้รับจากพระเจ้า เพราะการทนทุกข์ของพระคริสต์หลั่งล้นเข้ามาในชีวิตของเราฉันใด การปลอบประโลมใจของเราก็ท่วมท้นโดยทางพระคริสต์ฉันนั้น หากเราทนทุกข์ ก็เพื่อการปลอบประโลมใจและเพื่อความรอดของท่าน หากเราได้รับการปลอบประโลมใจ ก็เพื่อให้ท่านได้รับการปลอบประโลมใจ ซึ่งส่งผลให้ท่านมีความอดทนอดกลั้นในความทุกข์ยากเดียวกันกับที่เราทนทุกข์อยู่ และเราหวังใจมั่นคงในท่านเพราะรู้ว่าท่านร่วมในความทุกข์ยากกับเราฉันใด ท่านย่อมร่วมในการปลอบประโลมใจกับเราด้วยฉันนั้น

พี่น้องทั้งหลาย เราอยากให้ท่านทราบถึงความยากลำบากที่เราได้เผชิญในแคว้นเอเชีย เราถูกบีบคั้นหนักหน่วงสุดจะทานทนจนหมดหวังที่จะเอาชีวิตรอด อันที่จริงเรารู้สึกในใจประหนึ่งว่าได้ถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อเราจะไม่พึ่งตัวเอง แต่พึ่งพระเจ้าผู้ทรงให้คนตายเป็นขึ้น 10 พระองค์ได้ทรงช่วยเราพ้นจากมรณภัยและจะทรงช่วยเราอีก เราตั้งความหวังในพระองค์ว่าจะทรงช่วยเราต่อไป 11 เช่นเดียวกับที่ท่านช่วยเราโดยคำอธิษฐานของท่าน แล้วคนมากมายก็จะขอบพระคุณพระเจ้าเนื่องจากเรา[a] สำหรับความกรุณาที่ประทานแก่เราอันเป็นการตอบคำอธิษฐานของคนมากมาย

เปาโลเปลี่ยนแผน

12 สิ่งที่เราโอ้อวดได้ คือจิตสำนึกของเรายืนยันว่าเราประพฤติตนในโลกโดยเฉพาะในความสัมพันธ์กับท่านด้วยความบริสุทธิ์และความจริงใจซึ่งมาจากพระเจ้า เราไม่ได้ประพฤติตามปัญญาฝ่ายโลก แต่ตามพระคุณของพระเจ้า 13 เพราะเราไม่ได้เขียนถึงท่านในสิ่งที่ท่านไม่สามารถอ่านหรือเข้าใจได้ และข้าพเจ้าหวังว่า 14 ในเมื่อท่านเข้าใจเราบางส่วนแล้ว ท่านจะได้เข้าใจโดยตลอดว่าท่านก็สามารถโอ้อวดเกี่ยวกับเราเหมือนที่เราจะโอ้อวดเกี่ยวกับท่านในวันแห่งองค์พระเยซูเจ้า

15 เนื่องจากข้าพเจ้ามั่นใจในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าจึงวางแผนว่าจะมาเยี่ยมท่านก่อนเพื่อให้ท่านได้ประโยชน์สองต่อ 16 คือข้าพเจ้าได้วางแผนมาเยี่ยมพวกท่านเมื่อจะไปแคว้นมาซิโดเนีย และขากลับจากแคว้นมาซิโดเนียก็แวะมาเยี่ยมท่านอีก จากนั้นให้ท่านส่งข้าพเจ้าเดินทางไปยังแคว้นยูเดีย 17 เมื่อข้าพเจ้าได้วางแผนเช่นนี้ ข้าพเจ้าทำไปอย่างไม่จริงจังหรือ? ข้าพเจ้าวางแผนแบบชาวโลกที่พร้อมจะรับปากส่งๆ ไปว่า “มา” และ “ไม่มา” หรือ?

18 แต่พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อแน่นอนฉันใด คำของเราถึงท่านก็ไม่ใช่ “มา” และ “ไม่มา” ส่งๆ ไปแน่ฉันนั้น 19 เพราะพระบุตรของพระเจ้าคือพระเยซูคริสต์ซึ่งข้าพเจ้ากับสิลาส[b]และทิโมธีประกาศแก่พวกท่านนั้นไม่ใช่ทั้ง “จริง” และ “ไม่จริง” ในเวลาเดียวกัน แต่ในพระองค์เป็น “จริง” เสมอ 20 เพราะไม่ว่าพระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้มากมายเท่าใด สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็น “จริง” ในพระคริสต์ ดัง

นั้นโดยทางพระองค์เราจึงขานรับว่า “อาเมน” เพื่อเทิดพระเกียรติสิริของพระเจ้า 21 พระเจ้านี่แหละทรงให้ทั้งเราและท่านยืนหยัดมั่นคงในพระคริสต์ พระองค์ได้ทรงเจิมเรา 22 ทรงประทับตราแสดงความเป็นเจ้าของบนเรา และประทานพระวิญญาณของพระองค์ไว้ในใจเราเป็นมัดจำค้ำประกันในสิ่งที่จะมาถึง

23 ข้าพเจ้าขออ้างพระเจ้าให้ทรงเป็นพยานแก่ข้าพเจ้าว่า ที่ขากลับข้าพเจ้าไม่ได้มาเมืองโครินธ์ก็เพื่องดเว้นโทษพวกท่านไว้ก่อน 24 เราไม่ใช่นายควบคุมความเชื่อของท่าน แต่เราทำงานร่วมกับท่านเพื่อความชื่นชมยินดีของท่าน เพราะโดยความเชื่อท่านจึงยืนหยัดมั่นคง

Footnotes

  1. 1:11 สำเนาต้นฉบับหลายสำเนาว่าท่าน
  2. 1:19 หรือสิลวานัส

จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์ของพระเจ้ากับทิโมธีน้องของเรา

ถึงคริสตจักรของพระเจ้าที่เมืองโครินธ์และประชากรของพระเจ้าทุกคนทั่วแคว้นอาคายา

ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเราและจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้ามีแก่ท่านทั้งหลาย

พระเจ้าแห่งการปลอบประโลมใจทั้งปวง

สรรเสริญพระเจ้าและพระบิดาแห่งพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา พระบิดาแห่งความเมตตาเอ็นดู และพระเจ้าแห่งการปลอบประโลมใจทั้งปวง ผู้ทรงปลอบประโลมใจเราในความทุกข์ร้อนทั้งสิ้นของเรา เพื่อเราจะสามารถปลอบประโลมใจบรรดาผู้ทุกข์ร้อนในเรื่องใดๆ ด้วยการปลอบประโลมใจซึ่งเราเองได้รับจากพระเจ้า เพราะการทนทุกข์ของพระคริสต์หลั่งล้นเข้ามาในชีวิตของเราฉันใด การปลอบประโลมใจของเราก็ท่วมท้นโดยทางพระคริสต์ฉันนั้น หากเราทนทุกข์ ก็เพื่อการปลอบประโลมใจและเพื่อความรอดของท่าน หากเราได้รับการปลอบประโลมใจ ก็เพื่อให้ท่านได้รับการปลอบประโลมใจ ซึ่งส่งผลให้ท่านมีความอดทนอดกลั้นในความทุกข์ยากเดียวกันกับที่เราทนทุกข์อยู่ และเราหวังใจมั่นคงในท่านเพราะรู้ว่าท่านร่วมในความทุกข์ยากกับเราฉันใด ท่านย่อมร่วมในการปลอบประโลมใจกับเราด้วยฉันนั้น

พี่น้องทั้งหลาย เราอยากให้ท่านทราบถึงความยากลำบากที่เราได้เผชิญในแคว้นเอเชีย เราถูกบีบคั้นหนักหน่วงสุดจะทานทนจนหมดหวังที่จะเอาชีวิตรอด อันที่จริงเรารู้สึกในใจประหนึ่งว่าได้ถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อเราจะไม่พึ่งตัวเอง แต่พึ่งพระเจ้าผู้ทรงให้คนตายเป็นขึ้น 10 พระองค์ได้ทรงช่วยเราพ้นจากมรณภัยและจะทรงช่วยเราอีก เราตั้งความหวังในพระองค์ว่าจะทรงช่วยเราต่อไป 11 เช่นเดียวกับที่ท่านช่วยเราโดยคำอธิษฐานของท่าน แล้วคนมากมายก็จะขอบพระคุณพระเจ้าเนื่องจากเรา[a] สำหรับความกรุณาที่ประทานแก่เราอันเป็นการตอบคำอธิษฐานของคนมากมาย

เปาโลเปลี่ยนแผน

12 สิ่งที่เราโอ้อวดได้ คือจิตสำนึกของเรายืนยันว่าเราประพฤติตนในโลกโดยเฉพาะในความสัมพันธ์กับท่านด้วยความบริสุทธิ์และความจริงใจซึ่งมาจากพระเจ้า เราไม่ได้ประพฤติตามปัญญาฝ่ายโลก แต่ตามพระคุณของพระเจ้า 13 เพราะเราไม่ได้เขียนถึงท่านในสิ่งที่ท่านไม่สามารถอ่านหรือเข้าใจได้ และข้าพเจ้าหวังว่า 14 ในเมื่อท่านเข้าใจเราบางส่วนแล้ว ท่านจะได้เข้าใจโดยตลอดว่าท่านก็สามารถโอ้อวดเกี่ยวกับเราเหมือนที่เราจะโอ้อวดเกี่ยวกับท่านในวันแห่งองค์พระเยซูเจ้า

15 เนื่องจากข้าพเจ้ามั่นใจในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าจึงวางแผนว่าจะมาเยี่ยมท่านก่อนเพื่อให้ท่านได้ประโยชน์สองต่อ 16 คือข้าพเจ้าได้วางแผนมาเยี่ยมพวกท่านเมื่อจะไปแคว้นมาซิโดเนีย และขากลับจากแคว้นมาซิโดเนียก็แวะมาเยี่ยมท่านอีก จากนั้นให้ท่านส่งข้าพเจ้าเดินทางไปยังแคว้นยูเดีย 17 เมื่อข้าพเจ้าได้วางแผนเช่นนี้ ข้าพเจ้าทำไปอย่างไม่จริงจังหรือ? ข้าพเจ้าวางแผนแบบชาวโลกที่พร้อมจะรับปากส่งๆ ไปว่า “มา” และ “ไม่มา” หรือ?

18 แต่พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อแน่นอนฉันใด คำของเราถึงท่านก็ไม่ใช่ “มา” และ “ไม่มา” ส่งๆ ไปแน่ฉันนั้น 19 เพราะพระบุตรของพระเจ้าคือพระเยซูคริสต์ซึ่งข้าพเจ้ากับสิลาส[b]และทิโมธีประกาศแก่พวกท่านนั้นไม่ใช่ทั้ง “จริง” และ “ไม่จริง” ในเวลาเดียวกัน แต่ในพระองค์เป็น “จริง” เสมอ 20 เพราะไม่ว่าพระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้มากมายเท่าใด สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็น “จริง” ในพระคริสต์ ดัง

นั้นโดยทางพระองค์เราจึงขานรับว่า “อาเมน” เพื่อเทิดพระเกียรติสิริของพระเจ้า 21 พระเจ้านี่แหละทรงให้ทั้งเราและท่านยืนหยัดมั่นคงในพระคริสต์ พระองค์ได้ทรงเจิมเรา 22 ทรงประทับตราแสดงความเป็นเจ้าของบนเรา และประทานพระวิญญาณของพระองค์ไว้ในใจเราเป็นมัดจำค้ำประกันในสิ่งที่จะมาถึง

23 ข้าพเจ้าขออ้างพระเจ้าให้ทรงเป็นพยานแก่ข้าพเจ้าว่า ที่ขากลับข้าพเจ้าไม่ได้มาเมืองโครินธ์ก็เพื่องดเว้นโทษพวกท่านไว้ก่อน 24 เราไม่ใช่นายควบคุมความเชื่อของท่าน แต่เราทำงานร่วมกับท่านเพื่อความชื่นชมยินดีของท่าน เพราะโดยความเชื่อท่านจึงยืนหยัดมั่นคง

Footnotes

  1. 1:11 สำเนาต้นฉบับหลายสำเนาว่าท่าน
  2. 1:19 หรือสิลวานัส