Add parallel Print Page Options

บทเรียนที่ได้รับจากประวัติของอิสราเอล

บทเพลงมัสคิลของอาสาฟ

คนของเราเอ๋ย ให้ฟังคำสั่งสอนของเรา
    เอียงหูของเจ้ามาฟังคำพูดต่างๆที่ออกมาจากปากของเรา
เราจะอ้าปากร้องเพลงที่ก่อให้เกิดสติปัญญา
    เราจะอธิบายบทเรียนต่างๆที่ได้จากเหตุการณ์ทั้งหลายในอดีต
ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเราเคยได้ยินและรู้จักกันดี
    เพราะพ่อแม่และคนรุ่นก่อนๆได้เล่าให้พวกเราฟัง
พวกเราจะไม่ซ่อนเรื่องเหล่านี้ไปจากลูกหลานของพวกเขา
    พวกเราจะเล่าให้กับคนรุ่นต่อไปฟัง
ถึงการกระทำอันน่าสรรเสริญของพระยาห์เวห์
    ถึงพลังอำนาจของพระองค์และถึงสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ได้ทำ

พระเจ้าทำข้อตกลงไว้กับยาโคบ
    พระองค์ให้กฎกับชาวอิสราเอลทำตาม
และพระองค์สั่งบรรพบุรุษของพวกเรา
    ให้สั่งสอนสิ่งเหล่านี้กับลูกๆของพวกเขา
เพื่อว่าคนรุ่นต่อไป คือเด็กที่ยังไม่ได้เกิดมาจะได้รู้ถึงสิ่งเหล่านี้
    และเมื่อพวกเขาโตขึ้น พวกเขาจะได้เล่าเรื่องเหล่านี้ให้กับลูกๆของพวกเขาฟัง
แล้วพวกเขาจะได้ไว้วางใจในพระเจ้า
    และไม่ลืมสิ่งต่างๆที่พระเจ้าทำ
    แต่จะรักษาคำสั่งต่างๆของพระองค์ไว้
พวกเขาจะได้ไม่เป็นเหมือนบรรพบุรุษของพวกเขา
    ซึ่งเป็นรุ่นที่กบฏและไม่เชื่อฟัง
ซึ่งใจของพวกเขาไม่ได้มั่นคงในพระเจ้า
    และจิตวิญญาณของพวกเขาไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อพระองค์

เช่น คนเอฟราอิมที่มีธนู[a]พร้อมมือ
    แต่กลับวิ่งหนีในวันที่การสู้รบมาถึง
10 พวกเขาไม่ได้รักษาข้อตกลงที่ทำไว้กับพระเจ้า
    พวกเขาไม่ยอมทำตามกฎต่างๆของพระองค์
11 พวกเขาลืมสิ่งต่างๆที่พระองค์ทำไป
    คือสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ทำให้พวกเขาเห็น
12 พระเจ้าทำสิ่งน่าทึ่งต่างๆต่อหน้าต่อตาบรรพบุรุษของพวกเขา
    ในแคว้นโศอันในแผ่นดินอียิปต์
13 พระเจ้าแหวกทะเลออกและนำพวกเขาเดินทะลุไป
    พระองค์ทำให้น้ำตั้งขึ้นเหมือนกำแพงทั้งสองข้าง
14 พระองค์นำทางพวกเขาด้วยเมฆในตอนกลางวัน
    และนำด้วยแสงไฟตลอดคืน
15 พระองค์ทุบหินในทะเลทรายแยกออก
    และน้ำก็ไหลพุ่งออกมามากมายให้พวกเขาดื่มเหมือนกับมาจากทะเลลึก
16 พระองค์ทำให้พวกลำธารไหลออกมาจากหินผา
    พระองค์ทำให้น้ำไหลเหมือนพวกแม่น้ำ

17 แต่พวกบรรพบุรุษยังคงทำบาปต่อพระองค์ต่อไป
    และกบฏต่อพระองค์ผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดในแผ่นดินที่แห้งแล้งนั้น
18 แล้วพวกเขาตั้งใจลองดีพระเจ้า
    พวกเขาขออาหารเพื่อสนองความอยากของตน
19 พวกเขาพูดต่อว่าพระเจ้าว่า
    “ในที่เปล่าเปลี่ยวอย่างนี้ พระเจ้าสามารถหาอาหารให้กับพวกเราได้หรือ
20 ถึงแม้พระองค์ทุบหินให้น้ำไหลออกมาจนล้นหุบเหวลึกได้
    แต่พระองค์จะมีปัญญาหาอาหารมาให้ได้จริงๆหรือ
    พระองค์จะเอาเนื้อมาให้คนของพระองค์กินด้วยได้หรือ”

21 เมื่อพระยาห์เวห์ได้ยินอย่างนั้น พระองค์ก็โกรธ
    และไฟก็ปะทุขึ้นใส่คนของยาโคบ
    ความโกรธของพระองค์เผาอิสราเอล
22 เพราะพวกเขาไม่ได้ไว้วางใจในพระเจ้า
    และไม่เชื่อว่า พระองค์มีฤทธิ์ที่จะช่วยพวกเขาให้รอดได้
23 แล้วพระเจ้าก็ประกาศสั่งเมฆบนฟ้าเบื้องบน
    และพระองค์เปิดประตูท้องฟ้า
24 แล้วพระองค์ก็เทมานาลงมาให้พวกเขากิน
    พระองค์ให้อาหารทิพย์จากสวรรค์กับพวกเขา
25 คนพวกนี้พากันกินขนมปังของพวกเทพเจ้า[b]
    พระองค์ให้อาหารพวกเขากินอย่างอิ่มหมีพีมัน
26 แล้วพระเจ้าก็ทำให้ลมจากทิศ-ตะวันออกเฉียงใต้พัดมาตรงที่พวกเขาอยู่
    และให้ฝูงนกตกลงมาจากท้องฟ้า
27 พระองค์เทเนื้อลงบนพวกเขาอย่างพายุฝุ่น
    มีนกมากมายเหมือนเม็ดทรายที่ชายทะเล
28 นกพวกนี้ตกลงไปในค่าย
    รอบๆเต็นท์ของพวกเขา
29 พระเจ้าให้สิ่งที่พวกเขาอยากได้
    และพวกเขาก็กินจนอิ่มตื้อ
30 แต่ในระหว่างที่เขายังกินอาหารที่อยากกินอยู่นั้น
    ขณะที่มันยังคาอยู่ในปาก
31 จู่ๆความโกรธของพระเจ้าก็พลุ่งขึ้นใส่พวกเขา
    พระองค์ฆ่าคนที่แข็งแรงที่สุดของพวกเขาบางคน
    พระองค์โค่นพวกคนหนุ่มที่ดีที่สุดของอิสราเอล

32 ขนาดเกิดเรื่องอย่างนี้แล้ว พวกเขาก็ยังคงทำบาป
    และยังไม่ยอมเชื่อในฤทธิ์อันน่าทึ่งของพระเจ้า
33 พระองค์ทำให้ชีวิตของพวกเขาจบลงอย่างล้มเหลว
    เดือนปีของเขาจบลงด้วยความหวาดกลัวและสั่นเทิ้ม
34 เมื่อไหร่ก็ตามที่พระเจ้าฆ่าคนเหล่านั้น คนที่เหลือก็จะมาขอความช่วยเหลือจากพระองค์
    พวกเขาจะกลับมาหาพระองค์และแสวงหาพระเจ้าด้วยใจร้อนรน
35 พวกเขาจะระลึกได้ว่าพระเจ้าเป็นหินกำบังของพวกเขา
    พระเจ้าผู้สูงสุดเป็นผู้ที่ไถ่ชีวิตของพวกเขา
36 พวกเขาพยายามหลอกพระองค์ด้วยปาก
    และโกหกพระองค์ด้วยลิ้น
37 พวกเขาไม่จริงใจต่อพระเจ้า
    และไม่สัตย์ซื่อต่อข้อตกลงที่ทำไว้กับพระองค์
38 แต่พระเจ้านั้นมีความเมตตา
    พระองค์ลบความผิดของพวกเขาออกไป
    พระองค์ไม่ได้ทำลายล้างพวกเขา
พระองค์ระงับความโกรธของพระองค์ไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า
    พระองค์ไม่ยอมกวนความโกรธของพระองค์ให้พลุ่งขึ้นมา
39 พระเจ้าระลึกอยู่เสมอว่าพวกเขาเป็นแค่มนุษย์
    พวกเขาเป็นเหมือนกับลมที่พัดผ่านไปและไม่หวนกลับมาอีก
40 พวกเขากบฏต่อพระองค์หลายครั้งหลายคราในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น
    พวกเขาทำให้พระองค์เสียใจในดินแดนนั้น
41 พวกเขาลองดีกับพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า
    และทำให้องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลต้องเจ็บปวดใจ
42 พวกเขาไม่เคยจดจำฤทธิ์อำนาจของพระองค์
    หรือจดจำวันที่พระองค์ช่วยกู้พวกเขาให้รอดพ้นจากศัตรู
43 หรือเวลาที่พระองค์ได้ทำการอัศจรรย์ในประเทศอียิปต์
    หรือที่พระองค์ได้แสดงสิ่งน่าทึ่งต่างๆในแคว้นโศอัน
44 พระองค์เปลี่ยนแม่น้ำให้กลายเป็นเลือด
    พวกเขาจึงไม่สามารถดื่มน้ำจากลำธารได้
45 พระองค์ให้เหลือบมากัดพวกเขา
    และส่งกบทั้งหลายมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง
46 พระองค์ยกพืชผลของพวกเขาให้กับตั๊กแตนวัยคลาน
    และยกผลผลิตของพวกเขาให้กับตั๊กแตนวัยบิน
47 พระองค์ทำให้ลูกเห็บตกลงมาทำลายเถาองุ่นของชาวอียิปต์
    พระองค์ทำให้ฝนตกห่าใหญ่ทำลายผลมะเดื่อของพวกเขา
48 พระองค์ส่งลูกเห็บลงมาฆ่าฝูงวัวของพวกเขา
    และให้ฟ้าผ่าฝูงสัตว์ของเขา
49 พระองค์แสดงความเคืองแค้นอันร้อนแรงของพระองค์ต่อชนชาวอียิปต์
    พระองค์ส่ง ความเกรี้ยวโกรธ ความเดือดดาล และความอาฆาตแค้นเป็นคณะทูตมาทำลายล้างพวกเขา
50 พระองค์ระบายความโกรธของพระองค์ออกมาอย่างเต็มที่
    พระองค์ไม่ได้ไว้ชีวิตของชาวอียิปต์แต่กลับยกพวกเขาให้ตายด้วยโรคระบาด
51 พระเจ้าฆ่าลูกชายหัวปีทั้งหมดในอียิปต์
    พระองค์ทำลายสิ่งที่พิสูจน์ถึงความเป็นชายของครอบครัวทั้งหลายของฮาม[c]
52 แต่พระเจ้านำทางคนของพระองค์ออกจากที่นั่นเหมือนนำแกะ
    และพระองค์นำทางพวกเขาในที่เปล่าเปลี่ยวเหมือนนำฝูงสัตว์
53 พระเจ้านำพวกเขาสู่ความปลอดภัย พวกเขาจึงไม่ต้องหวาดกลัว
    เพราะพระเจ้าทำให้ศัตรูของพวกเขาถูกน้ำทะเลซัดกลบตายหมด
54 แล้วพระเจ้าก็นำพวกเขาไปถึงพรมแดนของแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
    คือดินแดนแห่งเนินเขาที่พระองค์ยึดมาด้วยมือขวาอันทรงฤทธิ์ของพระองค์
55 แล้วพระองค์ก็ขับไล่ชนชาติต่างๆออกไปต่อหน้าคนของพระองค์
    พระองค์แบ่งปันดินแดนนั้นให้กับเผ่าต่างๆของอิสราเอลและให้พวกเขาตั้งถิ่นฐานอยู่ในบ้านทั้งหลายของศัตรู

56 แต่พวกอิสราเอลก็ยังลองดีกับพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด
    กบฏต่อพระองค์และไม่ได้เชื่อฟังกฎทั้งหลายของพระองค์
57 ชาวอิสราเอลไม่จงรักภักดีและทรยศต่อพระเจ้า เหมือนกับที่บรรพบุรุษของพวกเขาเคยทำ
    พวกเขาเชื่อถือไม่ได้เหมือนคันธนูที่ใช้การไม่ได้
58 พวกเขาทำให้พระองค์โกรธด้วยการสร้างสถานศักดิ์สิทธิ์มากมาย
    และทำให้พระองค์หึงหวงด้วยการสร้างรูปเคารพมากมาย
59 เมื่อพระเจ้าได้ยินเรื่องเหล่านี้ พระองค์โกรธ
    และพระองค์ทอดทิ้งอิสราเอลอย่างสิ้นเชิง
60 พระองค์ละทิ้งเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ในเมืองชิโลห์ไป
    ซึ่งเคยเป็นที่สถิตของพระองค์ท่ามกลางมนุษย์
61 พระองค์ยอมปล่อยให้หีบอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ถูกยึดไป
    พระองค์ยอมปล่อยให้ศัตรูยึดเอาสัญลักษณ์แห่งฤทธิ์อำนาจและสง่าราศีของพระองค์ไป
62 พระองค์เกรี้ยวโกรธคนของพระองค์
    และปล่อยให้คนของพระองค์ตายด้วยคมดาบ
63 พวกทหารหนุ่มถูกไฟเผาตายหมด
    และพวกสาวบริสุทธิ์ยังคงไม่ได้แต่งงาน[d]
64 พวกนักบวชล้มตายด้วยคมดาบ
    แต่ภรรยาหม้ายของพวกเขาไม่สามารถไว้ทุกข์ได้ตามปกติ
65 แล้วองค์เจ้าชีวิตก็ตื่นขึ้นมาเหมือนคนที่เพิ่งตื่นนอน
    เหมือนกับนักรบที่เพิ่งตื่นขึ้นจากการเมาเหล้าองุ่น
66 พระองค์ตีเหล่าศัตรู ขับไล่พวกเขากลับไป
    และทำให้พวกเขาอับอายขายหน้าตลอดไป

67 แล้วพระองค์ทอดทิ้งครอบครัวของโยเซฟ
    และไม่ได้เลือกเผ่าของเอฟราอิม
68 แล้วพระองค์ก็เลือกเผ่ายูดาห์ขึ้นปกครอง
    และเลือกภูเขาศิโยนที่พระองค์รัก เป็นที่ตั้งของวิหาร
69 พระองค์สร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เหมือนกับภูเขาสูงต่างๆ
    เหมือนโลกนี้ที่พระองค์ตั้งให้อยู่ตลอดไป
70 พระองค์เลือกดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์
    และเอาเขาออกมาจากคอกแกะทั้งหลาย
71 พระองค์เอาดาวิดมาจากการติดตามดูแลแม่แกะและลูกของมัน
    มาเป็นผู้เลี้ยงยาโคบคนของพระองค์
    และเป็นผู้เลี้ยงอิสราเอลสมบัติของพระองค์
72 ดาวิดดูแลพวกเขาด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์
    และนำพวกเขาด้วยมือที่ชำนาญยิ่ง

Footnotes

  1. 78:9 ธนู หรืออาจแปลได้อีกอย่างหนึ่งว่า “บูมเมอแรง” ซึ่งเป็นวัตถุรูปโค้งใช้ขว้างออกไป และมันจะวกกลับมาหาคนขว้าง
  2. 78:25 พวกเทพเจ้า แปลตรงๆได้ว่า “พวกผู้มีอิทธิฤทธิ์”
  3. 78:51 ฮาม ตามหนังสือปฐมกาล 10:6-10 ชาวอียิปต์สืบเชื้อสายมาจากคนที่ชื่อฮาม
  4. 78:63 ยังคงไม่ได้แต่งงาน แปลตรงๆได้ว่า “ไม่ได้รับการสรรเสริญ” หมายถึงไม่มีใครร้องเพลงสรรเสริญให้กับพวกเขาในงานแต่งงาน เพราะพวกหนุ่มๆถูกฆ่าตายหมดแล้ว