คำเตือนและคำให้กำลังใจ(A)

12 ขณะนั้นเมื่อประชาชนหลายพันคนมาชุมนุมเบียดเสียดกันอยู่ พระเยซูทรงเริ่มตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “จงระวัง เชื้อของพวกฟาริสี คือความหน้าซื่อใจคด ไม่มีสิ่งใดที่ถูกปิดบังไว้จะไม่ได้รับการเปิดเผย หรือที่ซ่อนไว้ซึ่งจะไม่ถูกทำให้ประจักษ์แจ้ง สิ่งที่ท่านกล่าวในที่มืดจะได้ยินในที่แจ้ง และสิ่งที่ท่านกระซิบใส่หูในห้องชั้นในจะถูกป่าวประกาศจากหลังคาบ้าน

“เพื่อนเอ๋ย เราบอกท่านว่า อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แล้วหลังจากนั้นก็ทำอะไรไม่ได้อีก แต่เราจะบอกให้ว่าท่านควรกลัวผู้ใด จงเกรงกลัวพระองค์ผู้ทรงมีฤทธิ์อำนาจที่จะโยนท่านลงนรกหลังจากได้ฆ่ากายของท่านแล้ว ใช่ เราบอกท่านว่าจงเกรงกลัวพระองค์ นกกระจาบขายกันห้าตัวสองบาท[a] ไม่ใช่หรือ? ถึงกระนั้นก็ไม่มีสักตัวที่พระเจ้าทรงลืม อันที่จริงผมทุกเส้นบนศีรษะของท่านก็ทรงนับทั้งหมดไว้แล้ว อย่ากลัวเลย ท่านมีค่ายิ่งกว่านกกระจาบหลายตัว

“เราบอกท่านว่าผู้ใดยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ บุตรมนุษย์จะยอมรับผู้นั้นต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าเช่นกัน แต่ผู้ที่ไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ ก็จะไม่ได้รับการยอมรับต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้า 10 และทุกคนที่กล่าวร้ายบุตรมนุษย์ จะทรงอภัยให้ แต่ผู้ใดหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะไม่ทรงอภัยให้

11 “เมื่อท่านถูกนำตัวไปไต่สวนในธรรมศาลาและถูกนำตัวไปอยู่ต่อหน้าผู้ปกครองและผู้ทรงอำนาจ อย่าวิตกกังวลว่าท่านจะแก้ต่างให้กับตนเองอย่างไรหรือจะพูดอะไร 12 เพราะในเวลานั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงสอนท่านว่าท่านควรพูดอะไร”

คำอุปมาเรื่องเศรษฐีโง่

13 คนหนึ่งในฝูงชนทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์เจ้าข้า ช่วยบอกพี่ชายของข้าพเจ้าให้แบ่งมรดกแก่ข้าพเจ้าด้วย”

14 พระเยซูตรัสตอบว่า “พ่อหนุ่มเอ๋ย ใครตั้งเราให้เป็นตุลาการหรือเป็นผู้แบ่งสมบัติให้เจ้า?” 15 แล้วพระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จงระวังให้ดี! จงระวังตนจากความโลภทุกชนิด ชีวิตคนเราไม่ได้อยู่ที่การมีทรัพย์สิ่งของเหลือเฟือ”

16 และพระองค์ตรัสคำอุปมานี้แก่พวกเขาว่า “ที่ดินของเศรษฐีคนหนึ่งให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ 17 เขาคิดในใจว่า ‘เราจะทำอย่างไรดี? เราไม่มีที่ที่จะเก็บพืชผล’

18 “แล้วเขากล่าวว่า ‘เราจะทำอย่างนี้ คือรื้อยุ้งฉางของเรา แล้วสร้างให้ใหญ่ขึ้นจะได้เอาไว้เก็บพืชผลและข้าวของทุกอย่าง 19 จากนั้นเราก็จะบอกตัวเองว่า “เจ้ามีของดีมากมายเก็บไว้พอสำหรับหลายปี ใช้ชีวิตให้สบาย กินดื่ม และรื่นเริงเถิด” ’

20 “แต่พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘เจ้าคนโง่! คืนนี้ชีวิตของเจ้าจะถูกเรียกคืนจากเจ้า แล้วใครเล่าจะเป็นผู้ที่ได้รับสิ่งที่เจ้าเตรียมไว้สำหรับตัวเอง?’

21 “ผู้ใดสะสมสิ่งของไว้สำหรับตนแต่ไม่ได้มั่งมีต่อหน้าพระเจ้าก็เป็นเช่นนี้”

อย่าวิตกกังวล(B)

22 แล้วพระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า “เพราะฉะนั้นเราบอกท่านว่า อย่าวิตกกังวลเกี่ยวกับชีวิตของท่านว่าจะเอาอะไรกิน หรือพะวงเกี่ยวกับร่างกายของท่านว่าจะเอาอะไรนุ่งห่ม 23 ชีวิตมีค่ายิ่งกว่าอาหาร และร่างกายมีค่ายิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่ม 24 จงพิจารณาดูนกกา มันไม่ได้หว่าน ไม่ได้เกี่ยว ไม่มีที่เก็บของ ไม่มียุ้งฉาง กระนั้นพระเจ้าก็ทรงเลี้ยงดูนกกาเหล่านี้ และท่านก็มีค่ายิ่งกว่านกมากนัก! 25 ใครบ้างในพวกท่านที่กังวลแล้วต่ออายุตัวเองให้ยืนยาวออกไปอีกสักชั่วโมงหนึ่งได้?[b] 26 ในเมื่อเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ท่านยังทำไม่ได้ แล้วท่านจะกังวลเรื่องอื่นๆ ไปทำไม?

27 “จงพิจารณาว่าดอกไม้เติบโตขึ้นอย่างไร มันไม่ได้ลงแรงหรือปั่นด้าย กระนั้นเราบอกท่านว่า แม้แต่กษัตริย์โซโลมอน เมื่อทรงบริบูรณ์ด้วยความโอ่อ่าตระการ ยังไม่ได้ทรงเครื่องงามสง่าเท่าดอกไม้เหล่านี้สักดอกหนึ่ง 28 ในเมื่อพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าในท้องทุ่งถึงเพียงนี้ หญ้าซึ่งอยู่ที่นี่วันนี้และพรุ่งนี้ก็จะถูกโยนลงในไฟ โอ ท่านผู้มีความเชื่อน้อย! พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ? 29 และอย่าใจจดใจจ่อว่าท่านจะเอาอะไรกินเอาอะไรดื่ม อย่ากังวลไปเลย 30 เพราะคนไม่มีพระเจ้าทั่วโลกต่างขวนขวายหาสิ่งเหล่านี้ และพระบิดาของท่านทรงทราบว่าท่านจำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้ 31 แต่จงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า แล้วพระองค์จะประทานสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้แก่ท่านด้วย

32 “แกะฝูงน้อยเอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะพระบิดาของท่านทรงพอพระทัยที่จะประทานอาณาจักรนั้นแก่ท่าน 33 จงขายทรัพย์สินของท่านและบริจาคแก่คนยากไร้ จงจัดเตรียมถุงเงินที่ไม่มีวันฉีกขาดไว้ให้ตนเอง คือทรัพย์สมบัติในสวรรค์ซึ่งไม่รู้จักหมดสิ้น ในที่ซึ่งไม่มีขโมยมาเฉียดใกล้ และไม่มีมอดแมลงมาทำลาย 34 เพราะทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย

จงเฝ้าระวังอยู่(C)

35 “จงแต่งกายให้พร้อมที่จะรับใช้ และดูแลให้บรรดาตะเกียงของท่านส่องสว่างอยู่ 36 เหมือนคนงานผู้คอยรับนายของตนซึ่งจะกลับจากงานเลี้ยงฉลองพิธีแต่งงาน เพื่อเมื่อนายกลับมาเคาะประตู เขาจะเปิดประตูรับนายได้ทันที 37 เป็นการดีสำหรับคนรับใช้เหล่านั้นที่นายกลับมาแล้วพบว่าพวกเขาเฝ้าคอยอยู่ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า นายจะแต่งกายของตนให้พร้อมที่จะรับใช้ และให้คนรับใช้เหล่านั้นนั่งรับประทานอาหารที่โต๊ะ แล้วนายจะมาคอยปรนนิบัติ 38 เป็นการดีสำหรับคนรับใช้เหล่านั้นที่นายพบว่าพวกเขาพร้อมอยู่ แม้ว่านายจะมาตอนสองยามหรือสามยามของคืนนั้น 39 แต่จงเข้าใจข้อนี้ คือหากเจ้าของบ้านล่วงรู้ว่าขโมยจะมาเวลาไหน เขาย่อมไม่ปล่อยให้ใครบุกเข้ามาในบ้านได้ 40 พวกท่านก็ต้องเตรียมพร้อมไว้เช่นกัน เพราะบุตรมนุษย์จะมาในยามที่ท่านไม่คาดคิด”

41 เปโตรทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ตรัสคำอุปมานี้กับพวกข้าพระองค์หรือกับทุกคน?”

42 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ใครเป็นคนต้นเรือนที่สัตย์ซื่อและฉลาด ซึ่งนายตั้งให้ดูแลคนรับใช้เพื่อคอยแจกจ่ายอาหารให้พวกเขาตามเวลา? 43 เป็นการดีสำหรับคนรับใช้ผู้นั้นเมื่อนายกลับมาพบว่าเขาทำตามหน้าที่ 44 เราบอกความจริงแก่ท่านว่า นายจะตั้งเขาให้ดูแลทรัพย์สินทั้งปวงของนาย 45 แต่ถ้าเขาคิดในใจว่า ‘อีกนานกว่านายของเราจะกลับมา’ เขาจึงเริ่มทุบตีเพื่อนคนรับใช้ชายหญิงและกินดื่มเมามาย 46 นายของคนรับใช้ผู้นั้นจะกลับมาในวันที่เขาไม่คาดคิด และในเวลาที่เขาไม่รู้ตัว นายจะสับเขาเป็นชิ้นๆ และส่งเขาไปอยู่ในที่ของคนที่ไม่เชื่อ

47 “คนรับใช้ที่รู้ใจนายแล้วไม่เตรียมพร้อมและทำตามความประสงค์ของนายจะถูกเฆี่ยนอย่างหนัก 48 ส่วนคนที่ไม่รู้และทำสิ่งที่ควรแก่การลงโทษย่อมจะถูกเฆี่ยนน้อย ทุกคนที่ได้รับมากจะถูกเรียกร้องมาก และคนที่ได้รับมอบหมายไว้มากจะถูกเรียกร้องมากยิ่งกว่า

ไม่ใช่สันติสุขแต่เป็นการแบ่งแยก(D)

49 “เรามาเพื่อนำไฟมาสู่โลก และเราปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้ไฟนั้นจุดขึ้นแล้ว! 50 แต่เราจะต้องผ่านบัพติศมาอย่างหนึ่ง และเราเป็นทุกข์ยิ่งนักจนกว่าบัพติศมานั้นจะสำเร็จครบถ้วน! 51 ท่านคิดว่าเรามาเพื่อนำสันติภาพมาสู่โลกหรือ? เปล่าเลย เราขอบอกว่าเรานำการแบ่งแยกมาต่างหาก 52 นับแต่นี้ไป ในครอบครัวหนึ่ง ห้าคนจะแตกแยกกัน สามต่อสองหรือสองต่อสาม 53 พวกเขาจะแตกแยกกัน พ่อจะแตกแยกกับลูกชาย และลูกชายจะแตกแยกกับพ่อ แม่จะแตกแยกกับลูกสาว และลูกสาวจะแตกแยกกับแม่ แม่สามีจะแตกแยกกับลูกสะใภ้ และลูกสะใภ้จะแตกแยกกับแม่สามี”

เข้าใจยุคสมัย

54 พระองค์ตรัสกับฝูงชนว่า “เมื่อท่านเห็นเมฆลอยขึ้นทางทิศตะวันตก ท่านก็บอกทันทีว่า ‘ฝนจะตก’ และฝนก็ตก 55 และเมื่อลมใต้พัดมา ท่านบอกว่า ‘อากาศจะร้อน’ และก็เป็นเช่นนั้น 56 เจ้าพวกหน้าซื่อใจคด! เจ้ารู้ว่าลักษณะของดินฟ้าอากาศหมายความว่าอย่างไร? แล้วทำไมเจ้าไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหมายความว่าอย่างไร?

57 “เหตุใดท่านจึงไม่ตัดสินเองว่าอะไรถูกต้อง? 58 ขณะท่านกับคู่ความไปพบผู้พิพากษา จงขวนขวายหาทางตกลงกับเขาให้ได้ระหว่างทาง มิฉะนั้น เขาจะลากท่านไปพบผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบตัวท่านแก่เจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่จะจับท่านเข้าคุก 59 เราบอกท่านว่า ท่านจะออกจากที่นั่นไม่ได้จนกว่าจะใช้หนี้ครบถ้วนทุกบาททุกสตางค์[c]

Notas al pie

  1. 12:6 ภาษากรีกว่า2 อัสซาริอัน
  2. 12:25 หรือเพิ่มความสูงของตนอีกสักศอกหนึ่งได้?
  3. 12:59 ภาษากรีกว่าเลฟตัน

อย่าเป็นคนหน้าซื่อใจคด

12 มีชาวบ้านหลายพันคนได้มายืนเบียดเสียดกันอยู่ พระเยซูพูดกับพวกศิษย์ก่อนว่า “ระวังเชื้อของพวกฟาริสีไว้ให้ดี นั่นคือความหน้าซื่อใจคด[a]ของพวกเขา ทุกอย่างที่ปิดบังไว้ก็จะถูกเปิดโปงออกมา และทุกอย่างที่เป็นความลับก็จะถูกเปิดเผย สิ่งที่พวกคุณแอบพูดกันในที่มืดจะได้ยินในที่แจ้ง และสิ่งที่คุณกระซิบข้างหูในห้องส่วนตัว ก็จะถูกประกาศจากบนดาดฟ้า”

ควรกลัวใคร

(มธ. 10:28-31)

“เพื่อนรัก อย่ากลัวมนุษย์เลย เพราะเขาฆ่าได้แต่เพียงร่างกายเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็ทำอะไรคุณไม่ได้อีกแล้ว แต่ให้เกรงกลัวพระองค์ ผู้ที่มีอำนาจที่นอกจากจะฆ่าแล้วยังโยนลงไปในนรกได้อีกด้วย ใช่แล้ว เราบอกให้เกรงกลัวผู้นี้แหละ

ขนาดนกกระจอกห้าตัว ขายแค่สองบาท พระเจ้าก็ยังไม่เคยลืมพวกมันสักตัว ขนาดผมทุกเส้นบนหัวคุณ พระองค์ก็นับไว้หมดแล้ว อย่ากลัวเลย เพราะคุณมีค่ามากกว่านกกระจอกทั้งฝูงมากนัก”

การยอมรับพระเยซูต่อหน้ามนุษย์

(มธ. 10:32-33; 12:32; 10:19-20)

“เราจะบอกให้รู้ว่า คนที่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ บุตรมนุษย์ก็จะยอมรับเขาต่อหน้าทูตของพระเจ้าเหมือนกัน แต่คนที่ไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราก็จะไม่ยอมรับเขาต่อหน้าพวกทูตสวรรค์ของพระเจ้าเหมือนกัน

10 พระเจ้าจะยกโทษให้กับคนที่ใส่ร้ายบุตรมนุษย์ แต่พระเจ้าจะไม่ยกโทษให้คนที่พูดหมิ่นประมาทต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์

11 เมื่อคุณถูกนำตัวไปสอบสวนในที่ประชุมชาวยิว และต้องยืนอยู่ต่อหน้าพวกผู้ปกครองบ้านเมืองและผู้มีอำนาจ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะพูดแก้ตัวยังไงดี 12 เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์จะสอนคุณว่าจะต้องพูดอะไรในเวลานั้น”

พระเยซูเตือนเรื่องความโลภ

13 มีชาวบ้านคนหนึ่งพูดว่า “อาจารย์ครับ ช่วยบอกให้พี่ชายผมแบ่งมรดกให้ผมด้วยครับ”

14 แต่พระเยซูตอบว่า “พ่อหนุ่ม ใครเป็นคนตั้งให้เราเป็นผู้แบ่งมรดกระหว่างคุณสองคน” 15 พระเยซูพูดอีกว่า “ระวังความโลภทุกชนิด เพราะชีวิตที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ที่การมีทรัพย์สมบัติมากมาย”

16 แล้วพระองค์เล่าเรื่องเปรียบเทียบนี้ให้ฟังว่า “มีชายที่ร่ำรวยคนหนึ่ง ไร่นาของเขาให้พืชผลดีมาก 17 เขาคิดในใจว่า ‘ข้าจะทำยังไงดี ไม่มีที่จะเก็บพืชผลพวกนี้ของข้าแล้ว’ 18 เขาจึงคิดว่า ‘อ๋อ รู้แล้ว ข้าจะรื้อยุ้งฉางพวกนี้ของข้าทิ้งแล้วสร้างขึ้นใหม่ให้ใหญ่กว่าเดิม เพื่อจะได้เก็บพืชผลและสิ่งของทั้งหมดของข้าไว้ที่นั่น’ 19 แล้วจะบอกกับตัวเองว่า ‘ข้าได้เก็บสะสมของดีๆไว้ตั้งมากมายแล้ว มีพอสำหรับหลายปี ไปกิน ดื่มและใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานดีกว่า’ 20 แต่พระเจ้าบอกกับเขาว่า ‘ไอ้โง่ คืนนี้เจ้าก็จะตายแล้ว แล้วของที่เจ้าสะสมไว้จะตกไปเป็นของใครกัน’

21 มันก็จะเป็นอย่างนี้แหละ สำหรับคนที่ชอบสะสมความร่ำรวยให้กับตัวเอง แต่ไม่ร่ำรวยในสายตาพระเจ้า”

แสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าก่อน

(มธ. 6:25-34, 19-21)

22 แล้วพระเยซูก็พูดกับพวกศิษย์ว่า “เพราะอย่างนี้ เราถึงขอบอกพวกคุณว่า ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับชีวิตนี้ ว่าจะมีอะไรกิน หรือเป็นห่วงร่างกายว่าจะมีอะไรสวมใส่ไหม 23 เพราะชีวิตนั้นสำคัญยิ่งกว่าอาหาร และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเสื้อผ้า 24 ดูอย่างอีกาสิ มันไม่ต้องหว่านหรือเก็บเกี่ยว ไม่มีห้องเก็บของหรือยุ้งฉาง แต่พระเจ้าก็เลี้ยงดูพวกมัน พวกคุณมีค่ามากกว่านกหลายเท่านัก 25 กังวลไปทำไม กังวลแล้วทำให้ชีวิตคุณยืดออกไปได้อีกสักชั่วโมงหรือเปล่าล่ะ 26 ถ้าแม้แต่เรื่องเล็กแค่นี้ ยังทำไม่ได้เลย แล้วยังจะไปกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นเรื่องนี้อีกทำไม 27 ดูอย่างดอกไม้ป่าสิว่ามันโตได้ยังไง มันไม่ได้ทำงาน และไม่ได้ปั่นด้ายเอง แต่ก็ยังสวยกว่ากษัตริย์ซาโลมอนในชุดเต็มยศเสียอีก 28 ขนาดหญ้าในทุ่งซึ่งอยู่แค่วันนี้ แล้วพรุ่งนี้ถูกเผา พระเจ้ายังรู้จักที่จะตกแต่งให้สวยแบบนี้ แล้วนับประสาอะไรกับพวกคุณเล่า พระองค์จะไม่ยิ่งตกแต่งให้มากกว่าทุ่งหญ้าหรือ พวกคุณนี่ช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริงๆ 29 เลิกกังวลเกี่ยวกับอาหารได้แล้ว ว่าจะมีอะไรกินหรือดื่ม 30 ชนชาติทั้งหลายในโลกนี้ที่ไม่รู้จักพระเจ้าก็ดิ้นรนหาสิ่งเหล่านี้กัน แต่พระบิดาของคุณรู้อยู่แล้วว่าสิ่งเหล่านี้จำเป็นสำหรับคุณ 31 แต่ให้ดิ้นรนหาอาณาจักรของพระเจ้าแทน แล้วพระองค์จะให้สิ่งที่จำเป็นทั้งหมดนี้กับคุณ”

อย่าไว้วางใจเงิน

32 “ฝูงแกะเล็กๆเอ๋ย ไม่ต้องกลัวนะ เพราะพระบิดาของคุณยินดีที่จะมอบอาณาจักรให้กับคุณ 33 ให้ไปขายทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ เอาเงินไปแจกให้กับคนจน แล้วจัดหาถุงเงินที่ไม่มีวันเก่าหรือขาดให้กับตัวเอง คือทรัพย์สมบัติบนสวรรค์ที่ไม่มีวันหมด ขโมยก็ลักเอาไปไม่ได้ และตัวมอดก็กัดกินไม่ได้ด้วย 34 เพราะทรัพย์สมบัติของคุณอยู่ที่ไหน ใจของคุณก็อยู่ที่นั่นด้วย”

เตรียมตัวให้พร้อมเสมอ

(มธ. 24:45-51)

35 “แต่งตัวเตรียมพร้อมที่จะรับใช้อยู่เสมอ และจุดตะเกียงให้ส่องสว่างอยู่เสมอ 36 เหมือนกับคนที่กำลังคอยเจ้านายของตนกลับมาจากงานแต่งงาน เมื่อเขามาเคาะประตูเรียก ก็จะได้เปิดให้ทันที 37 พวกคนใช้ที่เจ้านายกลับมาพบว่ายังคงตื่นคอยเขาอยู่ ก็ถือว่ามีเกียรติจริงๆ เราจะบอกให้รู้ว่า นายคนนั้นจะพาพวกคนใช้ไปนั่งที่โต๊ะ และเขาก็จะใส่ผ้ากันเปื้อน มาคอยให้บริการพวกคนใช้ที่นั่งกินอยู่ 38 ถ้านายกลับมาตอนเที่ยงคืนหรือดึกกว่านั้น แล้วพบว่าคนใช้ยังอยู่เตรียมพร้อมอย่างนั้น พวกเขาก็มีเกียรติจริงๆ 39 แต่ให้รู้นะว่า ถ้าเจ้าของบ้านรู้ตัวว่า ขโมยจะมาเวลาไหน เขาคงไม่ปล่อยให้ขโมยงัดเข้ามาในบ้านแน่ 40 พวกคุณก็เหมือนกัน ให้เตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพราะบุตรมนุษย์จะมาตอนที่คุณคาดไม่ถึง”

ใครคือผู้รับใช้ที่ไว้ใจได้

(มธ. 24:45-51)

41 เปโตรได้ถามว่า “อาจารย์ครับ เรื่องเปรียบเทียบนี้ อาจารย์เล่าให้แต่พวกเราฟังเท่านั้น หรือเล่าให้กับทุกคนฟัง”

42 องค์เจ้าชีวิตจึงตอบว่า “ใครคือพ่อบ้านที่ซื่อสัตย์และฉลาด ที่เจ้านายมอบหมายให้ดูแลและจัดหาอาหารให้กับทาสอื่นๆตามเวลา 43 เมื่อนายกลับมาเห็นทาสคนนั้นทำงานอย่างดี ทาสคนนั้นก็จะได้รับเกียรติจริงๆ 44 เราจะบอกให้รู้ว่า เจ้านายจะแต่งตั้งทาสคนนั้นให้ดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขา 45 แต่ถ้าทาสคนนั้นคิดในใจว่า ‘นายของข้ายังไม่กลับมาหรอก’ ก็เลยเริ่มทุบตีพวกทาสชายหญิงคนอื่นๆและกินดื่มจนเมามาย 46 เจ้านายจะกลับมาในวันและเวลาที่เขาไม่คาดคิด แล้วเขาก็จะถูกตัดเป็นชิ้นๆพร้อมกับทาสคนอื่นๆที่ไม่เชื่อฟัง

47 ทาสที่ไม่ยอมเตรียมตัว หรือไม่ทำตามสิ่งที่เจ้านายสั่งให้ทำ จะถูกเฆี่ยนอย่างหนัก 48 แต่ถ้าทาสไม่รู้ว่าเจ้านายสั่งให้ทำอะไร ก็จะถูกเฆี่ยนน้อยหน่อยเมื่อทำผิด พระเจ้าให้พระพรกับใครมาก คนนั้นก็ต้องคืนมาก พระเจ้าฝากความรับผิดชอบให้กับใครมาก พระองค์ก็จะคาดหวังมากจากคนนั้น”

ความแตกแยกกันเรื่องพระเยซู

(มธ. 10:34-36)

49 “เรามาเพื่อทำให้โลกนี้ลุกเป็นไฟ เราอยากให้มันลุกเป็นไฟเดี๋ยวนี้เลย 50 แต่เราต้องได้รับการจุ่มลงไปในความทุกข์เสียก่อน เราเองก็รู้สึกทุกข์ใจมากจนกว่ามันจะสำเร็จ 51 อย่าคิดว่าเรามาเพื่อนำความสงบสุขมาให้กับโลกนี้ แต่เรามาเพื่อทำให้เกิดการแตกแยกต่างหาก 52 ต่อไปนี้ครอบครัวที่มีห้าคนจะแตกแยกกันเป็นสองฝ่าย สามต่อสอง หรือสองต่อสาม 53 จะเกิดการแตกแยกกันระหว่างพ่อกับลูกชาย แม่กับลูกสาว และแม่ผัวกับลูกสะใภ้”

ให้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวนี้

(มธ. 16:2-3)

54 แล้วพระเยซูหันไปพูดกับชาวบ้านว่า “เมื่อคุณเห็นก้อนเมฆมืดครึ้มลอยมาจากทิศตะวันตก คุณก็พูดว่า ‘ฝนจะตกแล้ว’ แล้วมันก็ตกจริงๆ 55 เมื่อคุณเห็นลมพัดมาจากทิศใต้ คุณก็บอกว่า ‘อากาศจะร้อนแน่ๆ’ และมันก็เป็นอย่างนั้น 56 ไอ้พวกหน้าซื่อใจคด พวกคุณรู้จักที่จะตีความหมายของดินฟ้าอากาศ แต่กลับไม่รู้จักความหมายของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้

ไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี

(มธ. 5:25-26)

57 คุณตัดสินใจเอาเองไม่ได้หรือ ว่าคุณควรจะทำยังไง 58 เมื่อคุณกำลังไปศาลกับคนที่ฟ้องร้องคุณ พยายามไกล่เกลี่ยกับเขาซะในระหว่างทาง ไม่อย่างนั้นเขาจะลากตัวคุณไปพบผู้พิพากษา และผู้พิพากษาก็จะส่งตัวคุณให้กับผู้คุมเพื่อจับเข้าคุก 59 เราจะบอกให้รู้ว่าคุณจะถูกขังจนกว่าจะใช้หนี้ครบทุกบาททุกสตางค์”

Notas al pie

  1. 12:1 หน้าซื่อใจคด หรือหน้าไหว้หลังหลอก คำนี้แปลตรงๆจากภาษากรีกว่า การแสดงหรือการเล่นละคร