เอื้อเฟื้อแก่คนขัดสน

“จงระวัง อย่าทำดีเพื่อเอาหน้า ถ้าทำเช่นนั้นท่านจะไม่ได้รับบำเหน็จจากพระบิดาของท่านในสวรรค์

“ดังนั้นเมื่อท่านให้ทานแก่คนขัดสน อย่าตีฆ้องร้องป่าวเหมือนที่คนหน้าซื่อใจคดทำในธรรมศาลาและตามถนนหนทางเพื่อให้ผู้คนยกย่องชมเชย เราบอกความจริงแก่ท่านว่าเขาได้รับบำเหน็จของตนเต็มที่แล้ว แต่เมื่อท่านหยิบยื่นแก่คนขัดสน อย่าให้มือซ้ายรู้สิ่งที่มือขวาทำ เพื่อการให้ของท่านเป็นความลับ แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นสิ่งที่ทำเป็นการลับจะประทานบำเหน็จแก่ท่าน

การอธิษฐาน(A)

“และเมื่อท่านอธิษฐาน อย่าเป็นเหมือนคนหน้าซื่อใจคดเพราะพวกเขาชอบยืนอธิษฐานในธรรมศาลาและตามมุมถนนเพื่อให้คนเห็น เราบอกความจริงแก่ท่านว่าพวกเขาได้รับบำเหน็จของตนเต็มที่แล้ว เมื่อท่านอธิษฐาน จงเข้าไปในห้อง ปิดประตู และอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้ไม่ปรากฏแก่ตา แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นสิ่งที่ทำอย่างลับๆ จะประทานบำเหน็จแก่ท่าน และเมื่อท่านอธิษฐาน ไม่ต้องพูดพร่ำซ้ำซากเหมือนคนต่างศาสนา เพราะเขาคิดว่าพูดมากๆ พระจึงจะได้ยิน อย่าทำอย่างเขาเลยเพราะพระบิดาของท่านทรงทราบว่าท่านต้องการอะไรก่อนที่ท่านจะทูลขอต่อพระองค์

“ฉะนั้น ท่านควรจะอธิษฐานดังนี้ว่า

“ ‘ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลายผู้สถิตในสวรรค์
ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เทิดทูนสักการะ
10 ขอให้อาณาจักรของพระองค์ได้รับการสถาปนาไว้
ขอให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จในโลกเช่นเดียวกับในสวรรค์
11 ขอโปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายในวันนี้
12 ขอทรงยกหนี้ให้ข้าพระองค์ทั้งหลาย
เหมือนที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ยกหนี้ให้ผู้ที่เป็นหนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายเช่นกัน
13 และขออย่าให้ข้าพระองค์ทั้งหลายล้มลงเมื่อถูกทดลอง
แต่ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้พ้นจากมารร้าย[a]

14 เพราะถ้าท่านอภัยให้ผู้ที่ทำผิดต่อท่าน พระบิดาของท่านในสวรรค์จะทรงอภัยให้ท่านด้วย 15 แต่ถ้าท่านไม่ยอมอภัยบาปผิดของผู้อื่นพระบิดาก็จะไม่อภัยบาปผิดของท่านเช่นกัน

การถืออดอาหาร

16 “เมื่อท่านถืออดอาหาร อย่าทำหน้าเศร้าเหมือนคนหน้าซื่อใจคด เพราะเขาปั้นหน้าเพื่อให้คนเห็นว่าพวกเขากำลังถืออดอาหาร เราบอกความจริงแก่ท่านว่าเขาได้รับบำเหน็จของตนเต็มที่แล้ว 17 ส่วนท่านเมื่อถืออดอาหาร จงล้างหน้า เอาน้ำมันชโลมศีรษะ 18 เพื่อจะไม่เป็นที่สะดุดตาใครว่าท่านกำลังถืออดอาหารนอกจากพระบิดาของท่านผู้ไม่ปรากฏแก่ตา และพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นสิ่งที่ทำเป็นการลับจะประทานบำเหน็จแก่ท่าน

ทรัพย์สมบัติในสวรรค์(B)

19 “อย่าสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนในโลกที่ซึ่งแมลงและสนิมอาจทำลายได้และที่ซึ่งโจรอาจงัดแงะเข้าไปขโมยได้ 20 แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนในสวรรค์ที่ซึ่งแมลงและสนิมไม่อาจทำลายได้และที่ซึ่งโจรไม่อาจงัดแงะเข้าไปขโมยได้ 21 เพราะทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย

22 “ดวงตาคือประทีปของกาย หากตาของท่านดี ทั้งกายของท่านก็จะเต็มไปด้วยความสว่าง 23 แต่ถ้าตาของท่านเสีย ทั้งกายของท่านก็จะเต็มไปด้วยความมืด หากความสว่างในท่านเป็นความมืดมน ความมืดนั้นจะหนาทึบสักเพียงใด!

24 “ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เขาย่อมเกลียดนายคนหนึ่งและรักนายอีกคนหนึ่ง หรือภักดีต่อนายคนหนึ่งและดูหมิ่นนายอีกคนหนึ่ง ท่านจะรับใช้ทั้งพระเจ้าและเงินทองไม่ได้

อย่าวิตกกังวล(C)

25 “เพราะฉะนั้นเราบอกท่านว่าอย่าวิตกกังวลเกี่ยวกับชีวิตของท่านว่าจะเอาอะไรกินหรือเอาอะไรดื่ม หรือพะวงเกี่ยวกับร่างกายของท่านว่าจะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารและร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มไม่ใช่หรือ? 26 จงดูนกในอากาศ มันไม่ได้หว่านหรือเก็บเกี่ยวหรือสะสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านในสวรรค์ทรงเลี้ยงดูหมู่นก ท่านไม่ล้ำค่ายิ่งกว่านกเหล่านั้นหรือ? 27 ใครบ้างในพวกท่านที่กังวลแล้วต่ออายุตัวเองให้ยืนยาวออกไปอีกสักชั่วโมงหนึ่งได้?[b]

28 “แล้วทำไมท่านจึงกังวลเรื่องเครื่องนุ่งห่ม? จงดูว่าดอกไม้ในท้องทุ่งงอกงามขึ้นอย่างไร มันไม่ได้ลงแรงหรือปั่นด้าย 29 กระนั้นเราบอกท่านว่าแม้แต่กษัตริย์โซโลมอนเมื่อทรงบริบูรณ์ด้วยความโอ่อ่าตระการ ก็ยังไม่ได้ทรงเครื่องงามสง่าเท่าดอกไม้เหล่านี้สักดอกหนึ่ง 30 ในเมื่อพระเจ้าทรงตกแต่งต้นหญ้าในท้องทุ่งถึงเพียงนั้น ต้นหญ้าซึ่งอยู่ที่นี่วันนี้และพรุ่งนี้ก็จะถูกโยนลงในไฟ โอ ท่านผู้มีความเชื่อน้อย พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ? 31 ฉะนั้นอย่ากังวลว่า ‘เราจะเอาอะไรกิน?’ หรือ ‘เราจะเอาอะไรดื่ม?’ หรือ ‘เราจะเอาอะไรนุ่งห่ม?’ 32 เพราะคนที่ไม่มีพระเจ้าขวนขวายหาสิ่งเหล่านี้ และพระบิดาของท่านในสวรรค์ทรงทราบว่าท่านจำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้ 33 แต่จงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน และพระองค์จะประทานสิ่งทั้งปวงเหล่านี้แก่ท่านด้วย 34 เพราะฉะนั้นอย่าวิตกกังวลเกี่ยวกับพรุ่งนี้เพราะพรุ่งนี้ก็จะมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีความเดือดร้อนของมันพออยู่แล้ว

Footnotes

  1. 6:13 หรือสิ่งชั่วร้ายสำเนาต้นฉบับบางสำเนามีข้อความว่าเหตุว่าราชอาณาจักร เดชานุภาพ และพระเกียรติสิริเป็นของพระองค์ตลอดนิรันดร์ อาเมน
  2. 6:27 หรือเพิ่มความสูงอีกสักศอกหนึ่งได้?

เรื่องการให้

ระวังให้ดี อย่าทำความดีเพื่ออวดคนอื่น เพราะคุณจะไม่ได้รับรางวัลจากพระบิดาของคุณที่อยู่บนสวรรค์ เวลาที่คุณช่วยเหลือคนจน ก็อย่าไปทำเหมือนกับพวกหน้าซื่อใจคด[a] ที่ชอบเป่าแตรในที่ประชุม หรือตามท้องถนนเพื่อให้คนมาดูและชมเชยเขา เพราะจริงๆแล้ว เราจะบอกให้รู้ว่า พวกเขาก็ได้รับคำชมนั้นเป็นรางวัลไปเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อช่วยเหลือคนจน ก็อย่าให้มือซ้ายรู้ว่ามือขวาทำอะไร ดังนั้นเมื่อคุณช่วยเหลือคนจน ก็ให้ทำเป็นความลับ และพระบิดาของคุณผู้เห็นสิ่งที่คุณทำเป็นความลับนี้ ก็จะให้รางวัลกับคุณ

เรื่องการอธิษฐาน

(ลก. 11:2-4)

เวลาที่คุณอธิษฐาน ก็อย่าทำเหมือนพวกหน้าซื่อใจคดพวกนั้น ที่ชอบยืนอธิษฐานในที่ประชุม หรือตามท้องถนนเพื่ออวดให้คนอื่นเห็น เราจะบอกให้รู้ว่า พวกเขาได้รับรางวัลไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนคุณ เมื่ออธิษฐานก็ให้เข้าไปในห้อง ปิดประตูและอธิษฐานต่อพระบิดาที่มองไม่เห็นด้วยตา และพระองค์จะมองเห็นสิ่งที่คุณทำเป็นความลับนี้ และให้รางวัลกับคุณ

เมื่อคุณอธิษฐาน ก็อย่าพูดซ้ำซากไร้สาระเหมือนคนที่ไม่รู้จักพระเจ้าทำกัน เพราะพวกเขาคิดว่า ถ้าเขาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก พวกเขาจะได้รับคำตอบจากการอธิษฐานนั้น อย่าทำเหมือนคนพวกนั้น เพราะพระบิดารู้ว่าคุณขาดอะไรก่อนที่คุณจะขอเสียอีก คุณควรจะอธิษฐานอย่างนี้ว่า

‘พระบิดาของเราที่อยู่บนสวรรค์
    ขอให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ
10 ขอให้อาณาจักรของพระองค์มาตั้งอยู่ในโลกนี้
    ขอให้คนในโลกนี้ทำตามใจพระองค์ เหมือนอย่างที่เป็นในสวรรค์
11 โปรดให้พวกเรามีอาหารกินในทุกๆวัน
12 และโปรดยกโทษให้กับความบาปของพวกเรา
    เหมือนกับที่พวกเรายกโทษให้กับคนอื่นที่ทำบาปต่อเรา
13 อย่าปล่อยให้เราแพ้ต่อการยั่วยวน
    แต่ขอช่วยเหลือพวกเราให้พ้นจากสิ่งชั่วร้าย[b][c]

14 ถ้าคุณยกโทษให้กับคนที่ทำบาปต่อคุณ พระบิดาของคุณที่อยู่บนสวรรค์ ก็จะยกโทษให้คุณด้วย 15 แต่ถ้าคุณไม่ยอมยกโทษให้คนอื่น พระบิดาของคุณก็จะไม่ยกโทษให้กับบาปของคุณเหมือนกัน

เรื่องการอดอาหาร

16 เมื่อคุณอดอาหารก็ไม่ต้องทำหน้าเศร้าเหมือนไอ้พวกหน้าซื่อใจคดทำกัน เพื่อให้คนเห็นว่าเขาอดอาหารอยู่ เราจะบอกให้รู้ว่า พวกเขาได้รับรางวัลของพวกเขาอย่างครบถ้วนแล้ว 17 แต่เมื่อคุณอดอาหาร ขอให้ล้างหน้าล้างตาให้แจ่มใส และใส่น้ำมันผม 18 จะได้ไม่มีใครรู้ว่าคุณกำลังอดอาหารอยู่ แต่พระบิดาของคุณที่มนุษย์มองไม่เห็น จะเห็นคุณโดยที่คุณไม่รู้และให้รางวัลกับคุณ

พระเจ้าสำคัญกว่าทรัพย์สินเงินทอง

(ลก. 12:33-34; 11:34-36; 16:13)

19 อย่าเก็บสะสมของมีค่าไว้ในโลกนี้ ซึ่งสนิมหรือแมลงทำลายได้ หรือที่ขโมยลักไปได้ 20 แต่ให้เก็บสะสมทรัพย์สมบัติไว้บนสวรรค์ ที่สนิมและแมลงไม่มีวันทำลายได้ หรือขโมยก็ลักเอาไปไม่ได้ 21 เพราะทรัพย์สมบัติของคุณอยู่ที่ไหน ใจของคุณก็จะอยู่ที่นั่นด้วย

22 ดวงตาเป็นตะเกียงของร่างกาย ถ้าดวงตาของคุณดี ร่างกายของคุณก็จะเต็มไปด้วยแสงสว่าง 23 แต่ถ้าดวงตาของคุณไม่ดี[d] ร่างกายของคุณก็จะเต็มไปด้วยความมืด และถ้าแสงสว่างในร่างกายของคุณกลายมาเป็นความมืด ความมืดนั้นจะน่ากลัวขนาดไหน

24 ไม่มีใครรับใช้นายสองนายได้ เพราะเขาจะเกลียดนายคนหนึ่ง และรักอีกคนหนึ่ง หรือไม่ก็จะทุ่มเทให้กับนายคนหนึ่ง และจะดูถูกนายอีกคนหนึ่ง คุณจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมๆกันไม่ได้หรอก

อย่ากังวล

(ลก. 12:22-34)

25 ดังนั้นเราขอบอกคุณว่า ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับชีวิตนี้ว่าจะมีอะไรกินอะไรดื่มไหม หรือเป็นห่วงร่างกายว่าจะมีอะไรสวมใส่ไหม เพราะชีวิตนั้นสำคัญยิ่งกว่าอาหารและร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเสื้อผ้า 26 ดูนกที่บินอยู่ในอากาศสิ มันไม่ต้องหว่านหรือเก็บเกี่ยว หรือสะสมเมล็ดพืชไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของคุณที่อยู่บนสวรรค์ก็ยังเลี้ยงดูพวกมันเลย แล้วพวกคุณมีค่ามากกว่านกพวกนั้นไม่ใช่หรือ 27 กังวลไปทำไม กังวลแล้วทำให้ชีวิตคุณยืดออกไปได้อีกสักชั่วโมงหรือเปล่าล่ะ 28 ถ้าอย่างนั้นจะไปกังวลเรื่องเสื้อผ้าทำไม ดูอย่างดอกไม้ป่าสิว่ามันโตได้ยังไง มันไม่ได้ทำงานและไม่ได้ปั่นด้ายเองแต่ก็ยังสวยกว่ากษัตริย์ซาโลมอนในชุดเต็มยศเสียอีก 29 เราจะบอกให้รู้ว่า แม้แต่กษัตริย์ซาโลมอนที่ร่ำรวยที่สุด ก็ยังแต่งตัวงดงามไม่เท่าดอกไม้พวกนี้สักดอก 30 ดูอย่างหญ้าในทุ่งสิ มันอยู่แค่วันนี้ พรุ่งนี้ก็ถูกเผาไฟแล้ว แต่พระเจ้ายังตกแต่งให้สวยถึงขนาดนี้ แล้วนับประสาอะไรกับพวกคุณเล่า พระองค์จะไม่ยิ่งตกแต่งให้มากกว่าทุ่งหญ้าหรือ พวกคุณนี่ช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริงๆ 31 ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่า ‘จะมีอะไรกินไหม’ หรือ ‘จะมีอะไรดื่มไหม’ หรือ ‘จะมีอะไรใส่ไหม’ 32 พวกที่ไม่รู้จักพระเจ้าก็ดิ้นรนหาสิ่งเหล่านี้กัน แต่พระบิดาของคุณที่อยู่บนสวรรค์รู้อยู่แล้วว่าสิ่งเหล่านี้จำเป็นสำหรับคุณ 33 แต่ให้ดิ้นรนหาอาณาจักรของพระเจ้าและชีวิตที่ทำตามใจพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะให้สิ่งที่จำเป็นทั้งหมดนี้กับพวกคุณเอง 34 ดังนั้นไม่ต้องกังวลถึงวันพรุ่งนี้ เพราะพรุ่งนี้ก็มีเรื่องกังวลของมันอยู่แล้ว แต่ละวันก็มีปัญหามากพออยู่แล้วสำหรับวันนั้น

Footnotes

  1. 6:2 พวกหน้าซื่อใจคด คำนี้แปลตรงๆจากภาษากรีกว่า “พวกนักแสดง”
  2. 6:13 สิ่งชั่วร้าย หรือ แปลได้อีกอย่างหนึ่งว่า “ผู้ชั่วร้าย” คือ ซาตาน หัวหน้ามาร และศัตรูของพระเจ้า
  3. 6:13 อย่าปล่อยให้เรา … จากสิ่งชั่วร้าย ข้อนี้ สำเนากรีกบางฉบับมีข้อความเพิ่มเติมว่า “เพราะอาณาจักร ฤทธิ์อำนาจและเกียรติยศเป็นของพระองค์ตลอดไป อาเมน”
  4. 6:23 ดวงตาของคุณไม่ดี หรืออาจจะแปลได้ว่า “ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโลภ” หรือ “อิจฉาตาร้อน” หรือ “ขี้เหนียว” หรือ “เป็นโรค”

การให้ทานสงเคราะห์

จงระวัง อย่าทำดีต่อหน้าผู้คนเพื่อหวังให้เขาเห็นว่าท่านมีความชอบธรรม เพราะถ้าทำอย่างนั้น ท่านจะไม่ได้รับรางวัลจากพระบิดาของท่านผู้อยู่ในสวรรค์

ฉะนั้น เมื่อท่านให้ทานสงเคราะห์ ก็อย่าเป่าแตรนำหน้าไปอย่างเช่นพวกหน้าไหว้หลังหลอกกระทำกันในศาลาที่ประชุมและตามถนนเพื่อรับการเยินยอจากคน เราขอบอกความจริงกับท่านว่า พวกเขาได้รับรางวัลเต็มที่แล้ว เมื่อท่านให้ทานสงเคราะห์ ก็อย่าให้มือซ้ายรู้ว่ามือขวาทำอะไร เพื่อว่าทานสงเคราะห์จะได้เป็นทานลับ และพระบิดาผู้เห็นสิ่งที่ท่านทำเป็นการลับก็จะให้รางวัลแก่ท่าน

การอธิษฐาน

เวลาที่ท่านอธิษฐาน ก็อย่าเป็นเช่นพวกหน้าไหว้หลังหลอก เพราะเขาเหล่านั้นชอบยืนอธิษฐานในศาลาที่ประชุมและตามมุมถนนเพื่อให้ผู้คนเห็น เราขอบอกความจริงกับท่านว่า พวกเขาได้รับรางวัลเต็มที่แล้ว แต่ท่านเอง เวลาอธิษฐานก็จงอยู่ในห้องชั้นใน ปิดประตูแล้วอธิษฐานต่อพระบิดาของท่าน ซึ่งเรามองไม่เห็น แล้วพระบิดาผู้เห็นสิ่งที่ท่านทำเป็นการลับจะให้รางวัลแก่ท่าน

เวลาที่ท่านอธิษฐาน ก็อย่าใช้คำพูดยืดยาวที่ไม่มีความหมายดังเช่นบรรดาคนนอกกระทำกัน เพราะเขาเหล่านั้นคิดว่าคำอธิษฐานอันยืดยาวจะเป็นที่ได้ยิน ฉะนั้นอย่าเป็นเช่นพวกเขา เพราะพระบิดาทราบว่าท่านมีความจำเป็นในสิ่งใด ก่อนที่ท่านจะขอจากพระองค์

ฉะนั้น จงอธิษฐานดังนี้

‘ข้าแต่พระบิดาของเราในสวรรค์
    ขอพระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ
10 ขอให้อาณาจักรของพระองค์มาสถิตเถิด
    ขอให้ความประสงค์ของพระองค์
    ลุล่วงบนแผ่นดินโลกดังที่เป็นไปในสวรรค์
11 ขอพระองค์ให้อาหารประจำวันแก่พวกเราในวันนี้
12 ขอพระองค์ยกโทษการกระทำผิดทั้งปวงให้แก่พวกเรา
    ด้วยว่าพวกเรายกโทษให้แก่ทุกคนที่กระทำผิดต่อเรา
13 ขอพระองค์นำเราไปให้พ้นจากสิ่งยั่วยุ
    และช่วยพวกเราให้พ้นจากมารร้าย’[a]

14 ถ้าหากว่าพวกท่านยกโทษบาปให้แก่มนุษย์แล้ว พระบิดาในสวรรค์ของท่านก็จะยกโทษบาปให้แก่พวกท่านด้วย 15 แต่ถ้าท่านไม่ยกโทษบาปให้แก่มนุษย์ พระบิดาก็จะไม่ยกโทษบาปของท่านเช่นกัน

การอดอาหาร

16 เวลาที่ท่านอดอาหาร ก็อย่าทำหน้าเศร้าหมองดังเช่นที่พวกหน้าไหว้หลังหลอกกระทำกัน เพราะว่าเขาเหล่านั้นแสร้งทำสีหน้าให้คนเห็นว่ากำลังอดอาหารอยู่ เราขอบอกความจริงกับท่านว่า พวกเขาได้รับรางวัลเต็มที่แล้ว 17 แต่ท่านเอง เวลาที่อดอาหารก็จงใส่น้ำมันบนศีรษะของท่าน และล้างหน้าเสีย 18 เพื่อว่าคนจะได้ไม่เห็นว่าท่านกำลังอดอาหารอยู่ แต่เป็นเพียงพระบิดาของท่าน ซึ่งเรามองไม่เห็น แล้วพระบิดาผู้เห็นสิ่งที่ท่านทำเป็นการลับจะให้รางวัลแก่ท่าน

การสะสมทรัพย์สมบัติ

19 อย่าสะสมทรัพย์สมบัติไว้เพื่อตนเองในโลก อันเป็นที่ที่มีแมลงกัด สนิมกิน และโจรบุกชิงเอาไปได้ 20 แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์ซึ่งแมลงและสนิมกัดกินไม่ได้ และโจรบุกชิงเอาไปไม่ได้ 21 เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย

22 ดวงตาเป็นเสมือนตะเกียงของร่างกาย ฉะนั้นถ้าดวงตาของท่านดี ทั่วทั้งร่างกายของท่านจะเต็มด้วยความสว่าง 23 แต่ถ้าดวงตาของท่านไม่ดี ทั่วทั้งร่างกายของท่านจะมีแต่ความมืด ฉะนั้นถ้าความสว่างในตัวท่านคือความมืดแล้ว มันจะมืดมากเพียงไร

24 ไม่มีผู้รับใช้คนใดจะรับใช้นาย 2 คนได้ เขาจะเกลียดคนหนึ่งและรักอีกคนหนึ่ง หรือไม่ก็จะทุ่มเทให้คนหนึ่งและดูหมิ่นอีกคนหนึ่ง ท่านจะรับใช้ทั้งพระเจ้าและเงินทองด้วยกันไม่ได้

ความกังวล

25 ด้วยเหตุนี้ เราขอบอกท่านว่า อย่ากังวลกับชีวิตว่าจะกินหรือดื่มอะไร หรือกับร่างกายของท่านว่าจะนุ่งห่มอะไร ชีวิตไม่มีค่ายิ่งกว่าอาหาร และร่างกายไม่มีค่ายิ่งกว่าเสื้อผ้าหรือ 26 จงดูนกในอากาศเถิด มันไม่หว่านไม่เก็บเกี่ยว มันไม่มีห้องหรือยุ้งฉางเก็บ พระบิดาของท่านในสวรรค์ก็ยังเลี้ยงมัน ท่านไม่มีคุณค่ายิ่งกว่านกหรือ 27 มีใครในพวกท่านบ้างที่สามารถยืดชีวิตให้ยาวได้ด้วยความวิตกกังวล 28 แล้วทำไมท่านจึงวิตกกังวลเรื่องเสื้อผ้า จงพิจารณาดูว่าดอกไม้ป่าในทุ่งเติบโตขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อมันไม่ทำงานหรือปั่นด้าย 29 แต่เราขอบอกท่านว่า แม้แต่กษัตริย์ซาโลมอนผู้พร้อมด้วยสง่าราศีอันยิ่งใหญ่ยังทรงเครื่องไม่งามเท่าดอกไม้ดอกหนึ่ง 30 แต่ถ้าพระเจ้าตกแต่งทุ่งหญ้าซึ่งยังอยู่ในวันนี้ และพรุ่งนี้ถูกโยนลงในเตาไฟ แล้วพระองค์จะไม่ตกแต่งท่านให้มากกว่านั้นอีกหรือ ท่านนี่ช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริง 31 ดังนั้นอย่าวิตกกังวลเลยว่า ‘พวกเราจะกินหรือดื่มอะไร’ หรือว่า ‘พวกเราจะสวมใส่อะไร’ 32 เพราะบรรดาคนนอกเสาะหาสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ พระบิดาของท่านในสวรรค์ทราบว่าท่านมีความจำเป็นในสิ่งเหล่านี้ 33 แต่จงแสวงหาอาณาจักรและความชอบธรรมของพระองค์เสียก่อน แล้วพระองค์จะเพิ่มเติมสิ่งเหล่านี้ให้แก่ท่านเอง

34 ฉะนั้นอย่าวิตกกังวลถึงวันพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้มีเรื่องวิตกกังวลสำหรับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว

Footnotes

  1. 6:13 หรือ พ้นจากความชั่ว และมีหนังสือฉบับแรกๆ บางฉบับที่บันทึกไว้ครั้งโบราณ มีข้อความเพิ่มคือ “ด้วยว่าอาณาจักร อานุภาพ และพระบารมีเป็นของพระองค์ตลอดกาล อาเมน”