ผู้วินิจฉัย 11
Thai New Contemporary Bible
11 เยฟธาห์ชาวกิเลอาดเป็นนักรบเกรียงไกร บิดาของเขาคือกิเลอาด แต่มารดาของเขาเป็นหญิงโสเภณีคนหนึ่ง 2 ภรรยาของกิเลอาดมีบุตรชายหลายคน และเมื่อพวกเขาโตขึ้นก็ขับไล่ไสส่งเยฟธาห์ พวกเขากล่าวว่า “เจ้าจะไม่ได้กรรมสิทธิ์ใดๆ ในครอบครัวของเรา เพราะเจ้าเป็นลูกของหญิงอื่น” 3 ดังนั้นเยฟธาห์จึงหนีพี่น้องไปตั้งถิ่นฐานในแผ่นดินโทบ ซึ่งมีพวกนักเลงมาเข้าเป็นสมัครพรรคพวก
4 ต่อมาเมื่อชาวอัมโมนรบกับอิสราเอล 5 บรรดาผู้อาวุโสของกิเลอาดไปตามตัวเยฟธาห์มาจากแผ่นดินโทบ 6 พวกเขากล่าวว่า “ขอเชิญมาเป็นแม่ทัพของเรา เพื่อเราจะสู้รบกับชาวอัมโมนได้”
7 เยฟธาห์กล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านเกลียดข้าพเจ้าและไล่ข้าพเจ้าออกมาจากบ้านบิดาไม่ใช่หรือ? ทำไมตอนนี้เดือดร้อนก็มาหาข้าพเจ้า?”
8 เหล่าผู้อาวุโสของกิเลอาดตอบเขาว่า “ถึงอย่างไรตอนนี้เราก็กลับมาหาท่านแล้ว ไปสู้พวกอัมโมนร่วมกับเราเถิด แล้วท่านจะได้เป็นหัวหน้าของพวกเราทั้งหมดในกิเลอาด”
9 เยฟธาห์ตอบว่า “หากท่านพาข้าพเจ้ากลับไปสู้ชาวอัมโมน และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบพวกเขาแก่ข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะได้เป็นหัวหน้าของพวกท่านแน่หรือ?”
10 เหล่าผู้อาวุโสของกิเลอาดตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพยาน เราจะทำตามที่ท่านพูดแน่นอน” 11 ดังนั้นเยฟธาห์จึงไปกับพวกเขา และประชาชนก็ตั้งเขาให้เป็นหัวหน้าและแม่ทัพของพวกเขา แล้วเยฟธาห์จึงย้ำทุกถ้อยคำที่พูดกับเหล่าผู้อาวุโสของกิเลอาดต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าที่มิสปาห์
12 แล้วเยฟธาห์ส่งผู้สื่อสารไปพบกษัตริย์อัมโมนและถามว่า “ท่านขัดแย้งอะไรกับเราหรือ จึงมาโจมตีประเทศของเรา?”
13 กษัตริย์อัมโมนตอบกลับมาว่า “เมื่ออิสราเอลออกมาจากอียิปต์ พวกเขาได้ยึดดินแดนของเราไปตั้งแต่แม่น้ำอารโนนถึงแม่น้ำยับบอก ตลอดจนถึงแม่น้ำจอร์แดน บัดนี้จงคืนดินแดนมาแต่โดยดี”
14 เยฟธาห์ส่งผู้สื่อสารกลับไปยังกษัตริย์อัมโมน 15 พร้อมคำตอบว่า
“เยฟธาร์กล่าวดังนี้ว่า อิสราเอลไม่ได้ยึดดินแดนของโมอับหรือของอัมโมน 16 แต่เมื่ออิสราเอลออกมาจากอียิปต์ ผ่านถิ่นกันดารไปจนถึงทะเลแดง และมาถึงคาเดชแล้ว 17 จากนั้นอิสราเอลได้ส่งผู้สื่อสารไปพบกษัตริย์เอโดมและกล่าวว่า ‘ขอให้เราผ่านดินแดนของท่าน’ แต่กษัตริย์เอโดมไม่ยอม อิสราเอลส่งคนไปพบกษัตริย์โมอับด้วย แต่ก็ถูกปฏิเสธ ดังนั้นอิสราเอลจึงยังคงอยู่ที่คาเดช
18 “จากนั้นพวกเขาเดินทางผ่านถิ่นกันดาร และอ้อมดินแดนเอโดมและโมอับ ผ่านถิ่นกันดารไปตามแนวชายแดนฝั่งทิศตะวันออกของโมอับ และตั้งค่ายอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำอารโนน แต่ไม่เคยรุกล้ำเข้าไปในดินแดนโมอับเลย เพราะแม่น้ำอารโนนเป็นพรมแดนของดินแดนนั้น
19 “แล้วอิสราเอลก็ส่งผู้สื่อสารไปพบกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์ผู้ครอบครองอยู่ที่เฮชโบน และกล่าวกับเขาว่า ‘ขอให้เราผ่านแดนของท่านไปยังดินแดนของเรา’ 20 แต่กษัตริย์สิโหนก็ไม่เชื่อใจ[a]ที่จะให้อิสราเอลผ่านดินแดนของตน กลับยกทัพใหญ่มาที่ยาฮาสและสู้รบกับอิสราเอล
21 “แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลจึงทรงมอบกษัตริย์สิโหนกับไพร่พลทั้งปวงของเขาไว้ในมืออิสราเอล อิสราเอลจึงมีชัยเหนือพวกเขา และยึดครองดินแดนทั้งหมดของชาวอาโมไรต์ 22 จากแม่น้ำอารโนนจดแม่น้ำยับบอก และจากถิ่นกันดารจดแม่น้ำจอร์แดน
23 “ในเมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลทรงขับไล่ชาวอาโมไรต์ออกไปต่อหน้าอิสราเอลประชากรของพระองค์ บัดนี้ท่านมีสิทธิ์อะไรจะยึดคืน? 24 ท่านจะไม่รับสิ่งที่พระเคโมชของท่านยกให้ท่านหรือ? ถ้าท่านเองยังรับ เราก็จะครอบครองทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทรงประทานแก่เราเช่นกัน 25 ท่านเหนือกว่ากษัตริย์บาลาคแห่งโมอับบุตรของศิปโปร์หรือ? เขาเคยทะเลาะหรือสู้รบกับอิสราเอลหรือ? 26 ตลอดสามร้อยปีอิสราเอลครอบครองเฮชโบน อาโรเออร์ และดินแดนโดยรอบ และเมืองต่างๆ เลียบแม่น้ำอารโนน ทำไมท่านจึงไม่มาเอาคืนตั้งแต่ตอนนั้น? 27 ข้าพเจ้าไม่ได้ทำผิดต่อท่าน ท่านต่างหากเป็นฝ่ายผิดที่ยกทัพมารบกับข้าพเจ้า ขอให้พระยาห์เวห์องค์ตุลาการ[b]ทรงตัดสินกรณีพิพาทระหว่างชาวอิสราเอลกับชาวอัมโมนในวันนี้”
28 แต่กษัตริย์อัมโมนไม่ใส่ใจกับสาส์นของเยฟธาห์เลย
29 แล้วพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือเยฟธาห์ เขาข้ามกิเลอาดและมนัสเสห์ ผ่านมิสปาห์แห่งกิเลอาด และเข้าโจมตีกองทัพอัมโมนจากที่นั่น 30 เยฟธาห์ได้ถวายปฏิญาณต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “หากพระองค์ทรงมอบชาวอัมโมนไว้ในมือของข้าพระองค์แล้ว 31 อะไรก็ตามที่ออกจากประตูบ้านของข้าพระองค์มาต้อนรับข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์กลับไปพร้อมกับชัยชนะเหนือชาวอัมโมน สิ่งนั้นจะเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์จะถวายเป็นเครื่องเผาบูชา”
32 จากนั้นเยฟธาห์จึงไปสู้กับชาวอัมโมน และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของเขา 33 เขาบุกทำลายล้างยี่สิบเมือง ตั้งแต่อาโรเออร์จนจดเขตเมืองมินนิท ไปจนถึงเอเบลเครามิม เป็นอันว่าชาวอัมโมนพ่ายแพ้อิสราเอล
34 เมื่อเยฟธาห์กลับมาบ้านที่มิสปาห์ บุตรสาวของเขาร่ายรำตามเสียงรำมะนาออกมาต้อนรับเขา! นางเป็นลูกคนเดียว นอกจากนางแล้ว เขาไม่มีลูกชายลูกสาวคนอื่นอีก 35 เมื่อเห็นนาง เขาก็ฉีกเสื้อผ้าและร้องว่า “โธ่! ลูกสาวของพ่อเอ๋ย! เจ้าทำให้หัวใจของพ่อแตกสลาย เพราะพ่อได้ถวายสัตย์ปฏิญาณไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้าจะคืนคำก็ไม่ได้”
36 นางตอบว่า “พ่อทำกับลูกตามที่สัญญาไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ในเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะเหนืออัมโมนศัตรูของพ่อแล้ว 37 แต่ลูกขอร้องอย่างหนึ่งว่า ขอให้ลูกท่องไปตามเนินเขาต่างๆ ร้องไห้อยู่กับเพื่อนๆ สักสองเดือน เพราะลูกจะไม่มีวันได้แต่งงาน”
38 เขากล่าวว่า “ไปเถอะลูก” และเขาให้นางไปเป็นเวลาสองเดือน นางก็ไปที่เนินเขากับเพื่อนๆ และร่ำไห้คร่ำครวญเนื่องจากนางจะไม่มีวันได้แต่งงาน 39 หลังจากนั้นสองเดือน นางก็กลับมาหาบิดา เยฟธาห์ก็ทำกับนางตามที่ปฏิญาณไว้ทั้งๆ ที่นางยังเป็นหญิงพรหมจารี
นับแต่นั้นมากลายเป็นขนบประเพณีในอิสราเอล 40 คือทุกปีหญิงสาวอิสราเอลจะออกไปไว้อาลัยให้บุตรสาวของเยฟธาห์ชาวกิเลอาดเป็นเวลาสี่วัน
ผู้วินิจฉัย 11
Thai New Testament: Easy-to-Read Version
11 เยฟธาห์เป็นชาวกิเลอาด เขาเป็นนักรบที่เก่งกล้า แต่เขาเป็นลูกของโสเภณี กิเลอาดเป็นพ่อของเขา
2 เมียของกิเลอาดก็เกิดลูกชายหลายคนให้กับเขา เมื่อลูกชายพวกนั้นของนางโตขึ้น พวกเขาก็ไล่เยฟธาห์ออกไป พวกเขาพูดว่า “เจ้าไม่มีส่วนในมรดกของบ้านพ่อเรา เพราะเจ้าเป็นลูกของหญิงอื่น” 3 ดังนั้นเยฟธาห์จึงหนีไปจากพี่น้องของเขา และไปอาศัยอยู่ในแผ่นดินของโทบ พวกนักเลงหัวไม้มั่วสุมอยู่กับเยฟธาห์และติดตามเขา
4 ต่อมาภายหลัง ชาวอัมโมนไปทำสงครามกับชาวอิสราเอล 5 เมื่อชาวอัมโมนไปทำสงครามกับชาวอิสราเอล พวกผู้นำอาวุโสของกิเลอาดก็มาพาเยฟธาห์ไปจากแผ่นดินโทบ 6 พวกเขาพูดกับเยฟธาห์ว่า “มาเป็นแม่ทัพให้กับพวกเราหน่อย เพื่อเราจะไปต่อสู้กับชาวอัมโมน”
7 เยฟธาห์พูดกับพวกผู้นำอาวุโสของกิเลอาดว่า “พวกท่านไม่ได้รังเกียจข้าและขับไล่ข้าออกจากบ้านของพ่อข้าหรอกหรือ แล้วท่านจะมาหาข้าทำไมเวลาที่ท่านมีปัญหา”
8 พวกผู้นำอาวุโสของกิเลอาดพูดกับเยฟธาห์ว่า “สาเหตุที่พวกเรากลับมาหาท่านในขณะนี้ ก็เพื่อให้ท่านไปกับพวกเราและไปสู้รบกับชาวอัมโมน และกลายเป็นหัวหน้าพวกเราปกครองชาวกิเลอาดทั้งหมด”
9 เยฟธาห์พูดกับพวกผู้นำอาวุโสของกิเลอาดว่า “ถ้าข้ากลับไปเพื่อสู้รบกับชาวอัมโมน และถ้าพระยาห์เวห์ยอมมอบพวกมันให้กับข้า พวกท่านจะให้ข้าเป็นหัวหน้าพวกท่านจริงหรือ”
10 พวกผู้นำอาวุโสของกิเลอาดพูดกับเยฟธาห์ว่า “พระยาห์เวห์เป็นพยาน เราจะทำตามที่ท่านพูดแน่นอน” 11 ดังนั้นเยฟธาห์จึงไปกับพวกผู้นำอาวุโสของกิเลอาด และประชาชนก็ตั้งเขาเป็นหัวหน้าและเป็นแม่ทัพของพวกเขา แล้วเยฟธาห์ก็พูดซ้ำคำพูดของเขาต่อหน้าพระยาห์เวห์ที่มิสปาห์
12 เยฟธาห์ใช้คนส่งข่าวไปถึงกษัตริย์ของชาวอัมโมนว่า “ท่านมีเรื่องอะไรกับข้าหรือ ถึงได้ยกมาต่อสู้กับแผ่นดินของข้า”
13 กษัตริย์ของชาวอัมโมนตอบคนส่งข่าวของเยฟธาห์ว่า “เพราะชาวอิสราเอลได้ยึดครองแผ่นดินของข้าทั้งหมดจากแม่น้ำอารโนน ถึงแม่น้ำยับบอก ถึงแม่น้ำจอร์แดน เมื่อพวกเขาออกมาจากอียิปต์ บัดนี้ขอท่านคืนเมืองเหล่านั้นให้กับข้าซะดีๆ” 14 (ดังนั้นผู้ส่งข่าวกลับมาหาเยฟธาห์[a]) เยฟธาห์จึงส่งคนส่งข่าวกลับไปหากษัตริย์ของชาวอัมโมนใหม่
15 เยฟธาห์แจ้งกับเขาว่า
“นี่คือสิ่งที่เยฟธาห์พูด ‘อิสราเอลไม่ได้ยึดแผ่นดินโมอับหรือแผ่นดินของชาวอัมโมน 16 เมื่อพวกอิสราเอลออกจากอียิปต์ พวกเขาได้เข้าไปในถิ่นทุรกันดารถึงทะเลแดงและมาถึงคาเดช 17 แล้วชาวอิสราเอลจึงใช้คนส่งข่าวไปยังกษัตริย์เอโดมว่า “โปรดอนุญาตให้เราผ่านแผ่นดินของท่านด้วยเถิด” แต่กษัตริย์เอโดมไม่ยอมและชาวอิสราเอลก็ได้ใช้คนส่งข่าวไปถึงกษัตริย์โมอับด้วย แต่เขาก็ไม่ยอมเหมือนกัน อิสราเอลก็เลยต้องอาศัยอยู่ที่คาเดช
18 จากนั้นชาวอิสราเอลได้เดินทางในถิ่นทุรกันดารและอ้อมแผ่นดินเอโดม และแผ่นดินโมอับ พวกเขามาทางตะวันออกของแผ่นดินโมอับ และตั้งค่ายบนฝั่งแม่น้ำอารโนน พวกเขาไม่ได้เข้าไปในเขตแดนของโมอับ เพราะมีแม่น้ำอารโนนเป็นพรมแดนของโมอับ
19 ชาวอิสราเอลจึงใช้คนส่งข่าวไปถึงกษัตริย์สิโหนของคนอาโมไรต์ ผู้ครองเมืองเฮชโบนและแจ้งกับเขาว่า “โปรดอนุญาตให้เราผ่านแผ่นดินของท่านด้วยเถิด” 20 แต่สิโหนไม่ไว้ใจที่จะให้อิสราเอลผ่านเข้าไปในเขตแดนของเขา ดังนั้นเขาจึงรวบรวมประชาชนตั้งค่ายที่ยาฮาสสู้รบกับอิสราเอล
21 พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลได้มอบสิโหนและทหารทั้งหมดไว้ในมือของอิสราเอล แล้วพวกเขาก็พ่ายแพ้ ดังนั้นอิสราเอลจึงยึดครองแผ่นดินทั้งหมดที่ชาวอาโมไรต์อาศัยอยู่นั้น 22 พวกเขายึดเขตแดนทั้งหมดของอาโมไรต์ ตั้งแต่แม่น้ำอารโนนไปจนถึงแม่น้ำยับบอก และตั้งแต่ถิ่นทุรกันดารไปจนถึงแม่น้ำจอร์แดน
23 ในเมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของชาวอิสราเอลได้ขับไล่ชาวอาโมไรต์ออกไปต่อหน้าชาวอิสราเอลคนของพระองค์ แล้วท่านจะมาขับไล่ชาวอิสราเอลเพื่อยึดครองแทนหรือ 24 แน่นอนว่าท่านจะต้องครอบครองดินแดนที่พระเคโมชพระเจ้าของท่านมอบให้กับท่านแน่ อย่างนั้นพวกเราก็จะครอบครองดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้ยึดมาให้กับพวกเราเหมือนกัน
25 ตัวท่านจะดีกว่ากษัตริย์บาลาคลูกชายศิปโปร์[b]แห่งเมืองโมอับหรือ กษัตริย์องค์นั้นเคยโต้แย้งหรือเคยสู้รบกับชาวอิสราเอลอย่างนั้นหรือ 26 เมื่ออิสราเอลอาศัยอยู่ในเมืองเฮชโบนและชนบทของเมืองนั้น รวมทั้งเมืองอาโรเออร์และชนบทของเมืองนั้น และเมืองต่างๆที่อยู่บนฝั่งแม่น้ำอารโนนถึงสามร้อยปี ทำไมท่านไม่ยึดคืนเสียในเวลานั้น
27 ข้าไม่ได้ทำบาปต่อท่าน แต่ท่านได้ทำผิดกับข้า โดยการทำสงครามกับข้า ขอให้พระยาห์เวห์ พระผู้พิพากษาได้ตัดสินวันนี้ เรื่องระหว่างชาวอิสราเอลกับชาวอัมโมนด้วยเถิด’”
28 แต่กษัตริย์ของชาวอัมโมนไม่ฟังคำพูดของเยฟธาห์ที่เขาส่งไปให้
คำบนบานของเยฟธาห์
29 ดังนั้นพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ก็มาอยู่กับเยฟธาห์ เขาจึงยกพลผ่านกิเลอาดและมนัสเสห์ ผ่านมิสปาห์ในกิเลอาด และบุกไปถึงแผ่นดินของอัมโมน
30 เยฟธาห์สาบานต่อพระเจ้าว่า “ถ้าพระองค์ยอมให้ชาวอัมโมนตกอยู่ในกำมือของข้าพเจ้า 31 เมื่อข้าพเจ้ากลับมาอย่างมีชัยจากอัมโมนนั้น ข้าพเจ้าจะยกสิ่งแรกที่ออกมาจากประตูบ้านข้าพเจ้าเพื่อมาพบข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะถวายสิ่งนั้นให้กับพระยาห์เวห์เป็นเครื่องเผาบูชา”
32 แล้วเยฟธาห์ก็ยกไปสู้กับชาวอัมโมน และพระยาห์เวห์ก็มอบพวกอัมโมนไว้ในกำมือของเขา 33 เขาได้โจมตีพวกอัมโมน ตั้งแต่อาโรเออร์ ตลอดไปจนถึงเมืองมินนิท รวมยี่สิบเมือง และไกลไปจนถึงอาเบล-ครามิม ทำให้มีคนตายจำนวนมาก คนอัมโมนจึงอยู่ใต้การปกครองของอิสราเอล
34 เมื่อเยฟธาห์กลับมาที่บ้านในมิสปาห์ ลูกสาวเขาก็ออกมาต้อนรับด้วยการเล่นกลองรำมะนาและเต้นรำ นางเป็นลูกเพียงคนเดียวของเขา เขาไม่มีลูกชายหรือลูกสาวอื่นอีก 35 เมื่อเขาเห็นลูก เขาก็ฉีกเสื้อผ้าตัวเองและพูดว่า “ลูกพ่อ ลูกทำให้พ่อหมดแรง และลูกเป็นสาเหตุให้พ่อเดือดร้อน พ่อได้ให้คำมั่นสัญญาต่อพระยาห์เวห์และจะคืนคำไม่ได้”
36 เธอจึงพูดกับพ่อว่า “เมื่อพ่อสัญญาต่อพระยาห์เวห์ พ่อก็ทำกับลูกตามที่ได้สัญญาไว้เถอะ เพราะพระยาห์เวห์ช่วยกู้พ่อให้พ้นจากชาวอัมโมนพวกศัตรูของพ่อ”
37 เธอยังพูดต่อไปอีกว่า “แต่ขออย่างหนึ่ง ขอไว้ชีวิตลูกสักสองเดือน ปล่อยให้ลูกท่องไปบนภูเขาและร้องไห้กับพวกเพื่อนหญิงของลูก เพราะลูกจะไม่มีวันได้แต่งงาน”[c]
38 เขาจึงตอบว่า “ไปเถอะ” แล้วเขาก็ปล่อยให้นางไปสองเดือน เธอและเพื่อนๆก็ร้องไห้คร่ำครวญอยู่บนภูเขาเพราะเธอจะไม่มีวันได้แต่งงาน
39 เมื่อครบสองเดือนเธอก็กลับมาหาพ่อ และเขาก็ทำกับลูกสาวตามที่เขาได้สาบานไว้ ขณะนั้นลูกสาวเขายังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายคนไหนเลย และมันได้กลายเป็นธรรมเนียมในอิสราเอล 40 ที่พวกสาวๆในอิสราเอลจะออกไประลึกถึงเรื่องราวของลูกสาวเยฟธาห์ชาวกิเลอาดปีละสี่วัน
Judges 11
New International Version
11 Jephthah(A) the Gileadite was a mighty warrior.(B) His father was Gilead;(C) his mother was a prostitute.(D) 2 Gilead’s wife also bore him sons, and when they were grown up, they drove Jephthah away. “You are not going to get any inheritance in our family,” they said, “because you are the son of another woman.” 3 So Jephthah fled from his brothers and settled in the land of Tob,(E) where a gang of scoundrels(F) gathered around him and followed him.
4 Some time later, when the Ammonites(G) were fighting against Israel, 5 the elders of Gilead went to get Jephthah from the land of Tob. 6 “Come,” they said, “be our commander, so we can fight the Ammonites.”
7 Jephthah said to them, “Didn’t you hate me and drive me from my father’s house?(H) Why do you come to me now, when you’re in trouble?”
8 The elders of Gilead said to him, “Nevertheless, we are turning to you now; come with us to fight the Ammonites, and you will be head(I) over all of us who live in Gilead.”
9 Jephthah answered, “Suppose you take me back to fight the Ammonites and the Lord gives them to me—will I really be your head?”
10 The elders of Gilead replied, “The Lord is our witness;(J) we will certainly do as you say.” 11 So Jephthah went with the elders(K) of Gilead, and the people made him head and commander over them. And he repeated(L) all his words before the Lord in Mizpah.(M)
12 Then Jephthah sent messengers to the Ammonite king with the question: “What do you have against me that you have attacked my country?”
13 The king of the Ammonites answered Jephthah’s messengers, “When Israel came up out of Egypt, they took away my land from the Arnon(N) to the Jabbok,(O) all the way to the Jordan. Now give it back peaceably.”
14 Jephthah sent back messengers to the Ammonite king, 15 saying:
“This is what Jephthah says: Israel did not take the land of Moab(P) or the land of the Ammonites.(Q) 16 But when they came up out of Egypt, Israel went through the wilderness to the Red Sea[a](R) and on to Kadesh.(S) 17 Then Israel sent messengers(T) to the king of Edom, saying, ‘Give us permission to go through your country,’(U) but the king of Edom would not listen. They sent also to the king of Moab,(V) and he refused.(W) So Israel stayed at Kadesh.
18 “Next they traveled through the wilderness, skirted the lands of Edom(X) and Moab, passed along the eastern side(Y) of the country of Moab, and camped on the other side of the Arnon.(Z) They did not enter the territory of Moab, for the Arnon was its border.
19 “Then Israel sent messengers(AA) to Sihon king of the Amorites, who ruled in Heshbon,(AB) and said to him, ‘Let us pass through your country to our own place.’(AC) 20 Sihon, however, did not trust Israel[b] to pass through his territory. He mustered all his troops and encamped at Jahaz and fought with Israel.(AD)
21 “Then the Lord, the God of Israel, gave Sihon and his whole army into Israel’s hands, and they defeated them. Israel took over all the land of the Amorites who lived in that country, 22 capturing all of it from the Arnon to the Jabbok and from the desert to the Jordan.(AE)
23 “Now since the Lord, the God of Israel, has driven the Amorites out before his people Israel, what right have you to take it over? 24 Will you not take what your god Chemosh(AF) gives you? Likewise, whatever the Lord our God has given us,(AG) we will possess. 25 Are you any better than Balak son of Zippor,(AH) king of Moab? Did he ever quarrel with Israel or fight with them?(AI) 26 For three hundred years Israel occupied(AJ) Heshbon, Aroer,(AK) the surrounding settlements and all the towns along the Arnon. Why didn’t you retake them during that time? 27 I have not wronged you, but you are doing me wrong by waging war against me. Let the Lord, the Judge,(AL) decide(AM) the dispute this day between the Israelites and the Ammonites.(AN)”
28 The king of Ammon, however, paid no attention to the message Jephthah sent him.
29 Then the Spirit(AO) of the Lord came on Jephthah. He crossed Gilead and Manasseh, passed through Mizpah(AP) of Gilead, and from there he advanced against the Ammonites.(AQ) 30 And Jephthah made a vow(AR) to the Lord: “If you give the Ammonites into my hands, 31 whatever comes out of the door of my house to meet me when I return in triumph(AS) from the Ammonites will be the Lord’s, and I will sacrifice it as a burnt offering.(AT)”
32 Then Jephthah went over to fight the Ammonites, and the Lord gave them into his hands. 33 He devastated twenty towns from Aroer to the vicinity of Minnith,(AU) as far as Abel Keramim. Thus Israel subdued Ammon.
34 When Jephthah returned to his home in Mizpah, who should come out to meet him but his daughter, dancing(AV) to the sound of timbrels!(AW) She was an only child.(AX) Except for her he had neither son nor daughter. 35 When he saw her, he tore his clothes(AY) and cried, “Oh no, my daughter! You have brought me down and I am devastated. I have made a vow to the Lord that I cannot break.(AZ)”
36 “My father,” she replied, “you have given your word to the Lord. Do to me just as you promised,(BA) now that the Lord has avenged you(BB) of your enemies,(BC) the Ammonites. 37 But grant me this one request,” she said. “Give me two months to roam the hills and weep with my friends, because I will never marry.”
38 “You may go,” he said. And he let her go for two months. She and her friends went into the hills and wept because she would never marry. 39 After the two months, she returned to her father, and he did to her as he had vowed. And she was a virgin.
From this comes the Israelite tradition 40 that each year the young women of Israel go out for four days to commemorate the daughter of Jephthah the Gileadite.
Footnotes
- Judges 11:16 Or the Sea of Reeds
- Judges 11:20 Or however, would not make an agreement for Israel
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International
Holy Bible, New International Version®, NIV® Copyright ©1973, 1978, 1984, 2011 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.
NIV Reverse Interlinear Bible: English to Hebrew and English to Greek. Copyright © 2019 by Zondervan.