Add parallel Print Page Options

อาบีเมเลคขึ้นเป็นกษัตริย์

อาบีเมเลคลูกชายของเยรุบบาอัล[a] ขึ้นไปเมืองเชเคม เขาไปหาพี่น้องของแม่เขา และพูดกับพวกเขาและคนทั้งตระกูลของแม่เขาว่า “ช่วยไปถามพวกผู้นำทั้งหมดของเชเคมให้หน่อยว่า ‘แบบไหนจะดีกว่าสำหรับพวกท่าน ระหว่างมีลูกชายทั้งเจ็ดสิบคนของเยรุบบาอัลปกครองเหนือพวกท่าน หรือมีแค่คนคนเดียวปกครองพวกท่าน’ พวกท่านอย่าลืมนะว่า ผมเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกท่านเอง”

แล้วพวกพี่น้องฝ่ายแม่ของเขาก็ไปพูดเรื่องพวกนี้ทั้งหมดต่อพวกผู้นำเมืองเชเคมแทนเขา แล้วพวกผู้นำเมืองเชเคมก็ได้ตัดสินใจติดตามอาบีเมเลค เพราะพวกเขาพูดว่า “เขาเป็นญาติของพวกเรา”

พวกเขาจึงเอาเงินเจ็ดสิบแผ่นจากวิหารของพระบาอัล-เบรีท แล้วเอามาให้อาบีเมเลค แล้วอาบีเมเลคก็เอาเงินพวกนี้ไปจ้างพวกนักเลงให้ติดตามเขาไป เขาไปบ้านพ่อเขาที่โอฟราห์ และฆ่าพี่น้องของเขาซึ่งเป็นลูกชายของเยรุบบาอัลทั้งเจ็ดสิบคนบนหินก้อนเดียว แต่โยธามลูกชายคนสุดท้องของเยรุบบาอัลรอดชีวิตไปได้ เพราะเขาไปแอบอยู่ ดังนั้นพวกผู้นำทั้งหมดของเชเคมและของเบธ-มิลโลต่างก็มารวมตัวกัน และไปหาอาบีเมเลค และแต่งตั้งให้เขาเป็นกษัตริย์ ที่ต้นโอ๊กข้างเสาหินในเชเคม

เรื่องของโยธาม

เมื่อมีคนไปบอกโยธาม เขาก็ขึ้นไปยืนบนภูเขาเกริซิม[b] และร้องตะโกนเรียกพวกเขาและพูดว่า

“ท่านผู้นำของเมืองเชเคมทั้งหลาย ฟังผมหน่อย แล้วพระเจ้าจะฟังเสียงของพวกท่าน วันหนึ่ง พวกต้นไม้ต่างๆตัดสินใจที่จะเลือกพระราชามาปกครองเหนือพวกเขา ดังนั้นพวกต้นไม้เหล่านั้น จึงไปเชิญต้นมะกอกเทศว่า ‘เชิญท่านมาเป็นพระราชาปกครองพวกเราหน่อย’ แล้วต้นมะกอกเทศ ก็ตอบต้นไม้พวกนั้นไปว่า ‘จะให้ข้าหยุดผลิตน้ำมันที่มีค่า ที่พระต่างๆและมนุษย์ต่างพากันยกย่องสรรเสริญ เพื่อไปกวัดแกว่งอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆหรือ’

10 ดังนั้นต้นไม้เหล่านั้นจึงไปเชิญต้นมะเดื่อว่า ‘เชิญท่านมาเป็นพระราชาปกครองพวกเราหน่อย’ 11 แต่ต้นมะเดื่อตอบต้นไม้เหล่านั้นว่า ‘จะให้ข้าหยุดผลิตผลที่มีรสหวานและแสนดีของข้า เพื่อไปกวัดแกว่งอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆหรือ’

12 ต้นไม้เหล่านั้นจึงไปเชิญเถาองุ่นว่า ‘เชิญท่านมาเป็นพระราชาปกครองพวกเราหน่อยเถิด’ 13 แต่เถาองุ่นตอบไปว่า ‘จะให้ข้าหยุดผลิตเหล้าองุ่นของข้า ที่ทั้งพระต่างๆและมนุษย์ต่างก็ชื่นชอบ เพื่อไปกวัดแกว่งอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆหรือ’

14 ต้นไม้เหล่านั้นจึงไปเชิญต้นหนามว่า ‘เชิญท่านมาเป็นพระราชาปกครองพวกเราด้วยเถิด’ 15 ต้นไม้หนามตอบต้นไม้ต่างๆว่า ‘ถ้าพวกท่านต้องการจะแต่งตั้งข้าให้เป็นพระราชาปกครองเหนือพวกท่านจริงๆก็ให้พวกท่านเข้ามาหาที่กำบังใต้ร่มเงาของข้าเถิด แต่ถ้าพวกท่านไม่ทำอย่างนั้น ก็ขอให้ไฟออกมาจากพงหนาม เผาผลาญแม้แต่ต้นสนซีดาร์จากเลบานอน’

16 ตอนที่พวกท่านตั้งอาบีเมเลคเป็นกษัตริย์นั้น ท่านได้ทำไปด้วยความจริงใจและซื่อสัตย์หรือ สิ่งที่พวกท่านทำนั้นมันยุติธรรมกับเยรุบบาอัลและครอบครัวของเขาหรือ และพวกท่านได้ทำกับเขาสมกับความดีที่เขาได้ทำไว้หรือ 17 (เพราะพ่อของข้าได้สู้รบเพื่อพวกท่าน และเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยพวกท่านจากเงื้อมมือของชาวมีเดียน 18 แต่ในวันนี้พวกท่านได้ลุกขึ้นมาทำลายครอบครัวของพ่อข้า และได้ฆ่าลูกชายทั้งเจ็ดสิบคนของเขาบนหินก้อนเดียว และตั้งอาบีเมเลคลูกชายของทาสหญิงเป็นกษัตริย์ปกครองเหนือพวกผู้นำชาวเชเคม เพราะเขาเป็นญาติของพวกท่าน)

19 ถ้าท่านได้ทำไปด้วยความจริงใจและซื่อสัตย์ต่อเยรุบบาอัลและครอบครัวของเขาในวันนี้ ก็ขอให้มีความสุขกับอาบีเมเลค และขอให้เขามีความสุขกับพวกท่านด้วย 20 แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ขอให้ไฟออกมาจากอาบีเมเลค และเผาผลาญพวกผู้นำเมืองเชเคมและเบธ-มิลโล และขอให้ไฟออกมาจากผู้นำเชเคมและเบธ-มิลโลเผาผลาญอาบีเมเลค”

21 แล้วโยธามก็วิ่งหนีไป เขาได้ไปที่เมืองเบเออร์และอาศัยอยู่ที่นั่น เพราะเขากลัวอาบีเมเลคพี่ชายของเขา

อาบีเมเลคสู้กับชาวเชเคม

22 อาบีเมเลคปกครองชาวอิสราเอลอยู่สามปี 23 แต่พระเจ้าได้ส่งวิญญาณชั่วมาทำให้อาบีเมเลคกับพวกผู้นำชาวเชเคมเกลียดกัน และพวกผู้นำเชเคมก็ก่อการกบฏต่อเขา 24 ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะพระเจ้าต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้นกับพวกเขา เหมือนที่เขาทำกับลูกของเยรุบบาอัลทั้งเจ็ดสิบคนนั้น และพระเจ้าต้องการให้เลือดของทั้งเจ็ดสิบคนนั้นตกลงบนอาบีเมเลคพี่น้องของพวกเขา เพราะอาบีเมเลคเป็นคนฆ่าพี่น้องพวกนั้นของเขา และพระเจ้าต้องการให้เลือดนั้นตกกับพวกผู้นำของเชเคมด้วย เพราะมีส่วนสนับสนุนให้อาบีเมเลคฆ่าพวกพี่น้องของตัวเอง

25 ดังนั้นพวกผู้นำของเชเคม จึงได้วางคนไว้ซุ่มโจมตีอาบีเมเลคบนพวกยอดเขา และพวกเขาก็ปล้นทุกคนที่ผ่านมาทางนั้น และมีคนไปแจ้งเรื่องนี้ให้อาบีเมเลครู้ 26 เมื่อกาอัลลูกชายของเอเบคกับญาติๆของเขาย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเชเคม พวกผู้นำของเชเคมก็ไว้ใจเขา 27 วันหนึ่งชาวเชเคมก็ออกไปในทุ่งนา แล้วไปเก็บผลองุ่นจากสวนองุ่นของพวกเขาและย่ำองุ่นเพื่อทำเหล้าองุ่น และพวกเขาก็เฉลิมฉลองกัน พวกเขาเข้าไปในวิหารของพระของพวกเขาและดื่มกินกัน และสาปแช่งอาบีเมเลค

28 กาอัลลูกชายเอเบคพูดว่า “อาบีเมเลคเป็นใครกัน เราชาวเชเคมถึงต้องไปรับใช้มัน มันเป็นลูกของเยรุบบาอัลไม่ใช่หรือ และเศบุลก็เป็นเจ้าหน้าที่ของมัน มารับใช้คนของฮาโมร์[c] พ่อของเชเคมกันดีกว่า ทำไมเราต้องไปรับใช้อาบีเมเลคด้วย 29 ถ้าคนเมืองนี้อยู่ใต้การปกครองของข้า ข้าจะถอดอาบีเมเลค” แล้วเขาก็ท้าอาบีเมเลคว่า “เตรียมกองทัพของเจ้า แล้วออกมาสู้กับข้า”

30 เศบุล เจ้าเมืองได้ยินสิ่งที่กาอัลลูกชายเอเบคพูดก็โกรธ 31 เขาจึงส่งพวกผู้ส่งข่าวไปหาอาบีเมเลคที่เมืองอารูมาห์[d] พวกเขาบอกว่า

“ดูสิ กาอัลลูกชายเอเบคและพวกญาติๆของเขาได้มาเมืองเชเคม และฟังให้ดีนะ พวกเขาได้ยุแหย่ให้ชาวเมืองต่อต้านท่าน 32 ดังนั้น ตอนนี้ ให้ท่านและกองทัพที่อยู่กับท่าน ลุกขึ้นในตอนกลางคืน และให้มานอนคอยดักซุ่มอยู่ในท้องทุ่ง 33 พอถึงตอนเช้า ทันทีที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ก็ให้ท่านจัดแจงรีบบุกเข้าไปในเมือง และเมื่อกาอัลกับกองทัพที่อยู่กับเขา ออกมาต่อสู้กับท่าน ก็จัดการกับเขาได้ตามใจชอบเลย”

34 ดังนั้นอาบีเมเลคและกองทัพของเขาจึงลุกขึ้นในตอนกลางคืน และแบ่งออกเป็นสี่กอง ไปคอยดักซุ่มชาวเชเคมอยู่ 35 เมื่อกาอัลลูกชายเอเบคออกมายืนที่ประตูทางเข้าเมือง อาบีเมเลคและกองทัพของเขาก็ลุกขึ้นจากที่ซ่อน

36 เมื่อกาอัลเห็นกองทัพ เขาพูดกับเศบุลว่า “ดูสิ มีคนกำลังวิ่งลงมาจากยอดเขา”

เศบุลตอบเขาว่า “ท่านเห็นเงาของภูเขาเป็นคน”

37 กาอัลพูดอีกว่า “ดูสิ มีคนกำลังวิ่งลงมาจากสะดือแผ่นดิน[e] และอีกกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งมาจากต้นโอ๊กของพวกหมอดู”

38 เศบุลพูดกับเขาว่า “ปากที่ขี้คุยของท่านหายไปไหนแล้ว ท่านพูดว่าอาบีเมเลคเป็นใคร เราถึงจะต้องไปรับใช้มัน คนพวกนี้ไม่ใช่หรือ ที่ท่านเยาะเย้ย ออกไปสู้กับพวกเขาสิ”

39 ดังนั้นกาอัลจึงนำหน้าพวกผู้นำของเชเคม ออกไปต่อสู้กับอาบีเมเลค 40 อาบีเมเลคไล่ตามกาอัล และกาอัลก็หนีไปต่อหน้าเขา มีคนล้มตายเป็นจำนวนมาก ตลอดไปจนถึงประตูทางเข้าเมือง 41 ดังนั้นอาบีเมเลคจึงนั่งปกครองอยู่ที่เมืองอารูมาห์ และเศบุลก็ขับไล่กาอัลกับพวกญาติๆของเขาออกไปจากเชเคม

42 วันต่อมาชาวเมืองได้ออกไปที่ท้องทุ่ง และมีคนเอาเรื่องนี้มาบอกอาบีเมเลค 43 เขาจึงแบ่งกองทัพของเขาออกเป็นสามกลุ่ม ไปคอยแอบซุ่มอยู่ในท้องทุ่ง เมื่อเขามองเห็นชาวเมืองออกมาจากเมือง เขาก็ลุกขึ้นมาโจมตีพวกเขา 44 อาบีเมเลคกับทหารอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่กับเขาก็รีบบุกเข้าไป และยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าเมือง ส่วนทหารอีกสองกลุ่มก็รุกเข้าโจมตีคนทั้งหมดที่อยู่ในท้องทุ่ง

45 อาบีเมเลคได้ต่อสู้กับเมืองเชเคมตลอดทั้งวัน ในที่สุดเขาก็ยึดเมืองได้ และฆ่าคนที่อยู่ในเมืองนั้น พร้อมกับทำลายเมืองทิ้งไป และโปรยเกลือลงไป 46 เมื่อผู้นำที่อยู่ในหอคอยเชเคมได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็หนีเข้าไปอยู่ในส่วนที่แข็งแรงกว่าในวิหารของเอลเบรีท[f] 47 มีคนมาบอกอาบีเมเลคว่าพวกผู้นำของหอคอยเชเคมรวมตัวกันอยู่

48 ดังนั้นอาบีเมเลคพร้อมกับทหารที่อยู่กับเขา จึงขึ้นไปบนภูเขาศัลโมน เขาเอาพวกขวานไปด้วย และเขาก็ตัดไม้มากองหนึ่ง แล้วแบกไว้บนบ่ากลับมา เขาบอกกับทหารที่อยู่กับเขาว่า “รีบๆทำตามอย่างข้า” 49 แล้วทหารทุกคนก็ตัดไม้มาคนละกอง และตามอาบีเมเลคไป แล้วพวกเขาก็เอาไม้ไปวางพิงไว้ตรงห้องที่แข็งแรงที่สุดของวิหารของเอลเบรีท แล้วจุดไฟเผา ทำให้คนเชเคมที่อยู่ในห้องที่แข็งแรงนั้นตายกันหมด ทั้งชายและหญิงประมาณหนึ่งพันคน

50 จากนั้นอาบีเมเลคก็ไปเมืองเธเบศ และล้อมเมืองและยึดเมืองเอาไว้ได้ 51 แต่ในเมืองมีป้อมที่แข็งแรงอยู่ ชาวเมืองทั้งชายและหญิงรวมทั้งผู้นำของเมืองนั้นก็หนีกันไปอยู่ที่นั่น และปิดประตูขังตัวเองอยู่ข้างใน และพวกเขาก็ขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้าของป้อม 52 อาบีเมเลคมาถึงป้อมและต่อสู้กัน และเข้าปะชิดทางเข้าของป้อมเพื่อเอาไฟเผามัน 53 แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งโยนโม่หินลงมาบนหัวของอาบีเมเลคและทำให้กะโหลกของเขาแตก

54 อาบีเมเลครีบเรียกชายหนุ่มที่ถืออาวุธของเขาเข้ามาและบอกกับชายหนุ่มนั้นว่า “ชักดาบของเจ้าออกมาฆ่าเราซะ เพื่อคนจะได้ไม่พูดถึงเราว่า ‘เขาถูกผู้หญิงฆ่าตาย’” ดังนั้นคนรับใช้หนุ่มคนนั้นของเขาก็แทงเขาและเขาก็ตาย

55 เมื่อชาวอิสราเอลเห็นว่าอาบีเมเลคตายแล้ว พวกเขาต่างก็พากันแยกย้ายกลับไปที่อยู่ของตน 56 ดังนั้นพระเจ้าได้ตอบแทนความชั่วร้ายของอาบีเมเลคที่เขาทำต่อพ่อของเขา ตอนที่ฆ่าพี่น้องทั้งเจ็ดสิบคนของเขาเอง 57 และพระเจ้าได้ตอบแทนความชั่วร้ายทั้งหมดของชาวเชเคม คำสาปแช่งของโยธามบุตรเยรุบบาอัลก็เกิดขึ้นจริง

Footnotes

  1. 9:1 เยรุบบาอัล คือ กิเดโอน
  2. 9:7 ภูเขาเกริซิม เป็นภูเขาที่อยู่ทางขวาของเมืองเชเคม
  3. 9:28 ฮาโมร์ เป็นการอ้างอิงถึงการกำเนิดพลเมืองของเชเคม ฮาโมร์เป็นพ่อของเชเคมในหนังสือปฐมกาล บทที่ 34 เมืองเชเคม ตั้งตามชื่อของลูกชายของฮาโมร์
  4. 9:31 อารูมาห์ หรือแปลได้ว่า “อย่างลับๆ” หรือ “ในเมืองโธมาร์” เป็นเมืองที่อาบีเมเลคปกครองอยู่ ห่างจากเชเคมประมาณสิบสี่กิโลเมตร
  5. 9:37 สะดือแผ่นดิน เป็นสถานที่ในหุบเขาใกล้เมืองเชเคม
  6. 9:46 เอลเบรีท ชื่อนี้หมายถึงพระแห่งคำมั่นสัญญา

อาบีเมเลค

อาบีเมเลคบุตรของเยรุบบาอัลไปหาญาติฝ่ายมารดาของเขาที่เมืองเชเคม และพูดกับพวกเขาและทั้งตระกูลฝ่ายครอบครัวของมารดาว่า “พูดใส่หูบรรดาผู้นำของเมืองเชเคมทั้งปวงว่า ‘อะไรดีกว่าสำหรับท่าน จะให้บุตร 70 คนของเยรุบบาอัลปกครองพวกท่าน หรือให้เพียงคนเดียวปกครองท่าน’ จงจำไว้ว่า เราเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านทั้งหลาย”

ญาติฝ่ายมารดาของเขาจึงเอาสิ่งที่เขาพูดไปบอกให้บรรดาผู้นำของเชเคมทราบ และใจของพวกเขาก็โน้มเอียงตามอาบีเมเลค เพราะพวกเขาพูดว่า “เขาเป็นพี่น้องของเราเอง” แล้วพวกเขาก็มอบ 70 เหรียญเงินจากวิหารเทพเจ้าบาอัลเบรีทให้เขา ซึ่งอาบีเมเลคใช้เป็นค่าจ้างพวกนักเลงใจคะนองที่ติดตามเขาไป และเขาไปยังบ้านของบิดาที่โอฟราห์ ฆ่าพี่น้องที่เป็นชายบุตรของเยรุบบาอัลทั้ง 70 คนบนศิลาแผ่นเดียว แต่โยธามบุตรคนสุดท้องของเยรุบบาอัลแอบซ่อนตัว จึงหนีรอดไปได้ ส่วนบรรดาผู้นำของเมืองเชเคมกับชาวเมืองเบธมิลโลก็มารวมตัวกันอยู่ที่ข้างต้นโอ๊กแห่งเสาอนุสรณ์ที่เมืองเชเคม และให้อาบีเมเลคเป็นกษัตริย์

เมื่อมีคนมาบอกโยธาม เขาจึงขึ้นไปยืนอยู่บนยอดภูเขาเกริซิม และตะโกนร้องบอกพวกเขาว่า “ผู้นำของเชเคมทั้งหลายจงฟังเรา เพื่อพระเจ้าจะได้ฟังพวกท่าน วันหนึ่งต้นไม้หลายต้นออกไปแต่งตั้งกษัตริย์ให้มาปกครองพวกตน และพูดกับต้นมะกอกว่า ‘มาปกครองพวกเราเถิด’ แต่ต้นมะกอกพูดกับต้นไม้อื่นๆ ว่า ‘เราควรจะทิ้งความอุดมสมบูรณ์ของเราไปอย่างนั้นหรือ ทั้งบรรดาเทพเจ้าและคนทั้งหลายก็ใช้เราในการถวายเกียรติ แล้วจะให้เราเอนไปเอนมาอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆ งั้นหรือ’ 10 แล้วพวกต้นไม้ก็ไปพูดกับต้นมะเดื่อว่า ‘ท่านมาปกครองพวกเราเถิด’ 11 แต่ต้นมะเดื่อพูดตอบว่า ‘เราควรจะทิ้งความหวานของเรากับผลอันงามของเรา แล้วจะให้เราเอนไปเอนมาอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆ งั้นหรือ’ 12 แล้วพวกต้นไม้ก็ไปพูดกับเถาองุ่นว่า ‘ท่านมาปกครองพวกเราเถิด’ 13 แต่เถาองุ่นพูดตอบว่า ‘เราควรจะทิ้งเหล้าองุ่นของเราที่ทำให้พระเจ้าและมนุษย์ยินดี แล้วให้เราเอนไปเอนมาอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆ งั้นหรือ’ 14 แล้วพวกต้นไม้ก็ไปพูดกับพืชพันธุ์ไม้มีหนามว่า ‘ท่านมาปกครองพวกเราเถิด’ 15 พืชพันธุ์ไม้มีหนามพูดตอบว่า ‘ถ้าท่านต้องการเจิมเราให้เป็นกษัตริย์ปกครองพวกท่าน ก็จงมาพักพิงในที่ร่มของเราเถิด มิฉะนั้นก็ให้ไฟลุกขึ้นจากพืชพันธุ์ไม่มีหนาม และเผาผลาญต้นไม้ซีดาร์ในเลบานอนเถิด’

16 ฉะนั้น ถ้าท่านตั้งอาบีเมเลคให้เป็นกษัตริย์ด้วยความจริงใจอย่างแท้จริง และถ้าท่านได้กระทำต่อเยรุบบาอัลและครอบครัวของท่านดีแล้ว และกระทำต่อท่านตามที่ท่านควรได้รับ 17 ด้วยเหตุว่า บิดาของเราได้ต่อสู้เพื่อท่าน อีกทั้งเสี่ยงชีวิตและช่วยท่านให้รอดพ้นจากมือของชาวมีเดียน 18 และท่านได้ลุกขึ้นต่อต้านครอบครัวของบิดาของเราในวันนี้ และได้ฆ่าบรรดาบุตรของท่าน คือ 70 คนบนศิลาแผ่นเดียว และได้ตั้งอาบีเมเลคบุตรของหญิงผู้รับใช้ของท่านให้เป็นกษัตริย์เหนือบรรดาผู้นำของเชเคม เพราะว่าเขาเป็นญาติของพวกท่าน 19 ถ้าท่านกระทำด้วยความจริงใจอย่างแท้จริงต่อเยรุบบาอัลและครอบครัวของท่านในวันนี้ ก็จงยินดีในตัวอาบีเมเลคเถิด และให้เขายินดีในตัวท่านด้วย 20 แต่ถ้าท่านไม่ได้กระทำเช่นนั้น ก็ขอให้ไฟออกมาจากอาบีเมเลค และเผาผลาญบรรดาผู้นำของเชเคมและเบธมิลโล และให้ไฟออกมาจากบรรดาผู้นำของเชเคมและเบธมิลโลเผาผลาญอาบีเมเลคด้วย” 21 แล้วโยธามก็หลบหนีไปยังเบเออร์ และอาศัยอยู่ที่นั่น เพราะกลัวอาบีเมเลคพี่ชายของตน

22 อาบีเมเลคปกครองอิสราเอลได้ 3 ปี 23 พระเจ้าให้วิญญาณร้ายก่อปัญหาระหว่างอาบีเมเลคกับบรรดาผู้นำของเชเคม บรรดาผู้นำของเชเคมจึงทรยศต่ออาบีเมเลค 24 เพื่อว่าสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับบุตรชายของเยรุบบาอัล 70 คนจะสนองกลับคืน และโลหิตของพวกเขาจะตกอยู่กับอาบีเมเลคตัวฆาตกรผู้เป็นพี่น้องของเขาเอง และกับชาวเมืองเชเคมที่ช่วยอาบีเมเลคในการฆ่าพี่น้องของเขา 25 บรรดาผู้นำของเชเคมให้คนดักซุ่มบนยอดภูเขาเพื่อต่อต้านเขา และได้ปล้นคนที่เดินผ่านไปทางนั้น และมีคนเอาเรื่องนี้ไปบอกอาบีเมเลค

26 กาอัลบุตรของเอเบดกับญาติของเขาย้ายไปอยู่ในเมืองเชเคม บรรดาผู้นำของเมืองเชเคมก็เชื่อมั่นในตัวเขา 27 พวกเขาออกไปที่สวนองุ่น เก็บองุ่นมาย่ำ แล้วจัดงานฉลองในวิหารของเทพเจ้าของพวกเขา กินและดื่มกันไปพลางสาปแช่งอาบีเมเลคไป 28 แล้วกาอัลบุตรของเอเบดพูดขึ้นว่า “อาบีเมเลคเป็นใคร และพวกเราชาวเชเคมเป็นใครที่จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาไม่ใช่บุตรของเยรุบบาอัลหรือ เศบุลเป็นผู้แทนของเขาไม่ใช่หรือ เราจงรับใช้คนของฮาโมร์บิดาของเชเคม ควรแล้วหรือที่เราจะรับใช้อาบีเมเลค 29 หากว่าคนเหล่านี้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเรา เราก็จะกำจัดอาบีเมเลคเสียสิ้น เราจะพูดกับอาบีเมเลคว่า ‘เพิ่มกำลังทัพของท่าน และออกมาเถิด’”

30 เมื่อเศบุลผู้ปกครองเมืองได้ยินว่ากาอัลบุตรของเอเบดพูดดังนั้นก็โกรธ 31 เขาจึงให้บรรดาผู้ส่งข่าวไปยังอาบีเมเลคเป็นการลับ และบอกว่า “ดูเถิด กาอัลบุตรของเอเบดมาอยู่ที่เมืองเชเคมกับพวกญาติๆ ของเขาแล้ว พวกเขากำลังก่อกวนคนในเมืองให้ต่อต้านท่าน 32 ฉะนั้น บัดนี้ท่านกับคนของท่านที่อยู่กับท่านควรออกไปในเวลากลางคืน และดักซุ่มอยู่ในทุ่งนา 33 พอรุ่งเช้า ทันทีที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ตื่นแต่เช้าตรู่รีบไปในเมือง และเวลากาอัลกับพรรคพวกออกมาต่อต้านท่าน ท่านก็ใช้กำลังต้านพวกเขากลับไปได้”

34 ดังนั้นอาบีเมเลคและทุกคนที่อยู่กับเขาจึงไปกันในเวลากลางคืน และแบ่งคนเป็น 4 กองดักซุ่มคอยโจมตีเชเคม 35 ฝ่ายกาอัลบุตรของเอเบดก็ออกไปยืนอยู่ที่ทางเข้าประตูเมือง ขณะที่อาบีเมเลคและพรรคพวกที่อยู่กับเขาออกมาจากที่ซ่อน 36 เมื่อกาอัลเห็นพวกเขา จึงพูดกับเศบุลว่า “ดูสิ มีคนกำลังลงมาจากยอดเขา” เศบุลพูดตอบเขาว่า “ท่านเข้าใจผิดว่าเงาภูเขาเป็นคน” 37 กาอัลพูดอีกว่า “ดูสิ มีคนกำลังลงมาจากใจกลางแผ่นดิน และคนจำนวนกองหนึ่งกำลังมาจากทางต้นโอ๊กของบรรดาผู้ทำนาย” 38 เศบุลพูดกับเขาว่า “เวลานี้ปากของท่านอยู่ที่ไหน ท่านเป็นคนพูดว่า ‘อาบีเมเลคเป็นใครกันที่เราควรจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา’ เขาเหล่านี้ไม่ใช่คนที่ท่านหมิ่นประมาทหรอกหรือ ออกไปต่อสู้กับพวกเขาเดี๋ยวนี้” 39 ดังนั้นกาอัลจึงนำหน้าชาวเชเคมออกไป และต่อสู้กับอาบีเมเลค 40 อาบีเมเลคไล่ตามกาอัล จนเขาต้องหนีไป หลายคนบาดเจ็บขณะวิ่งหนีไปจนถึงทางเข้าประตูเมือง 41 อาบีเมเลคอาศัยอยู่ที่อารูมาห์ เศบุลขับไล่กาอัลและญาติพี่น้องของเขาไป และไม่ให้พวกเขาอยู่ที่เชเคม

42 วันรุ่งขึ้น ชาวเมืองเชเคมออกไปที่ทุ่งนา และมีคนไปบอกอาบีเมเลค 43 เขาแบ่งคนของเขาออกเป็น 3 พวกไปดักซุ่มที่ทุ่งนา เขาเห็นว่ามีคนกำลังออกมาจากเมือง เขาจึงลุกขึ้นโจมตีและฆ่าเสีย 44 อาบีเมเลคและพวกที่ติดตามเขาไปจำนวน 1 กองรีบรุดออกไปยืนที่ทางเข้าประตูเมือง ขณะที่พรรคพวกอีก 2 กองรุดโจมตีทุกคนที่อยู่ในทุ่งนาและฆ่าเสีย 45 อาบีเมเลคโจมตีเมืองนั้นตลอดทั้งวัน เขายึดเมืองและฆ่าคนที่อยู่ในเมือง ทำลายเมืองและหว่านเกลือทั่วเมือง

46 เมื่อชาวบ้านหอคอยเชเคมทราบเรื่อง จึงเข้าไปหลบอยู่ในที่หลบภัยของวิหารของเอลเบรีท 47 มีคนบอกอาบีเมเลคว่าชาวบ้านทุกคนของหอคอยเชเคมรวมอยู่ด้วยกัน 48 อาบีเมเลคกับพรรคพวกที่อยู่ด้วยกันจึงขึ้นไปยังภูเขาศัลโมน เขาใช้ขวานตัดกิ่งไม้และหามไว้บนบ่า พูดกับพวกที่อยู่ด้วยว่า “เจ้าเห็นเราทำอะไร ก็จงทำตามที่เราทำ” 49 ดังนั้นทุกคนจึงตัดกิ่งไม้ตามอาบีเมเลคไป และกองไว้ที่หลบภัย แล้วจุดไฟเผาที่หลบภัยให้ไหม้พวกชาวบ้าน ชายและหญิงประมาณ 1,000 คนที่หอคอยเชเคมนั้นตายสิ้นทุกคน

50 จากนั้นอาบีเมเลคไปยังเมืองเธเบศ ใช้กำลังล้อมเมืองและยึดไว้ได้ 51 แต่ภายในเมืองมีหอคอยที่มั่นคงอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งบรรดาชายหญิงและชาวเมืองทุกคนได้หลบหนีไปอยู่ โดยได้ใส่กุญแจประตู และปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคาหอคอยนั้น 52 ฝ่ายอาบีเมเลคมาถึงหอคอย และโจมตีเข้าใกล้ประตูหอคอยเพื่อจะใช้ไฟเผา 53 หญิงคนหนึ่งทุ่มหินโม่ลงที่ศีรษะของอาบีเมเลคจนกะโหลกแตก 54 เขาจึงรีบร้องบอกให้ชายหนุ่มที่ถืออาวุธของเขาว่า “ชักดาบของเจ้า แล้วฆ่าเราเสีย มิฉะนั้นคนจะพูดถึงเราว่า ‘ผู้หญิงฆ่าเขา’” ชายหนุ่มของเขาก็แทงเขาทะลุจนสิ้นชีวิต 55 เมื่อชาวอิสราเอลเห็นว่าอาบีเมเลคสิ้นชีวิตแล้ว ต่างก็กลับบ้านไป 56 เช่นนั้นแหละพระเจ้าสนองกลับความชั่วร้ายของอาบีเมเลค ที่เขากระทำต่อบิดาของเขาด้วยการฆ่าพี่น้อง 70 คน 57 พระเจ้าทำให้ชายชาวเชเคมรับผลจากความชั่วที่กระทำด้วย คือคำสาปแช่งของโยธามบุตรของเยรุบบาอัลก็เป็นจริง