1 พงศ์กษัตริย์ 3-5
Thai New Contemporary Bible
โซโลมอนทูลขอสติปัญญา(A)
3 โซโลมอนทรงเจริญพระราชไมตรีกับฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์และอภิเษกกับพระธิดาองค์หนึ่งของฟาโรห์ พระองค์ทรงพาพระนางมาประทับในเมืองดาวิดจนกระทั่งการก่อสร้างพระราชวัง พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า และกำแพงรอบกรุงเยรูซาเล็มเสร็จเรียบร้อย 2 แต่ว่าประชาชนยังคงถวายเครื่องบูชาที่สถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายเพราะพระวิหารเพื่อพระนามพระยาห์เวห์ยังไม่ได้สร้างขึ้น 3 โซโลมอนทรงรักองค์พระผู้เป็นเจ้า และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของดาวิดราชบิดา เว้นแต่ยังทรงถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมที่สถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย
4 พระองค์เสด็จไปยังกิเบโอนเพื่อถวายเครื่องบูชา เพราะที่นั่นเป็นสถานบูชาบนที่สูงที่สำคัญที่สุด ทรงถวายสัตว์หนึ่งพันตัวเป็นเครื่องเผาบูชาบนแท่นนั้น 5 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปรากฏแก่โซโลมอนที่กิเบโอนในความฝันยามค่ำคืน พระเจ้าตรัสว่า “จงขอสิ่งที่เจ้าต้องการเถิด แล้วเราจะให้เจ้า”
6 โซโลมอนกราบทูลว่า “พระองค์ได้ทรงสำแดงพระกรุณาอย่างยิ่งต่อผู้รับใช้ของพระองค์คือดาวิดเสด็จพ่อของข้าพระองค์ เนื่องจากเสด็จพ่อทรงซื่อสัตย์ต่อพระองค์ มีใจชอบธรรมและซื่อตรง และพระองค์ยังคงสำแดงพระกรุณาเดียวกันนี้ต่อเสด็จพ่อสืบมาจนถึงวันนี้ โดยให้บุตรคนหนึ่งครองราชบัลลังก์
7 “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ บัดนี้ทรงโปรดให้ผู้รับใช้ของพระองค์ได้เป็นกษัตริย์สืบต่อจากเสด็จพ่อดาวิด แต่ข้าพระองค์ยังเป็นเพียงเด็กเล็กๆ คนหนึ่ง ไม่รู้วิธีปฏิบัติภาระหน้าที่ 8 ผู้รับใช้ของพระองค์อยู่ท่ามกลางประชากรที่ทรงเลือกสรร ซึ่งเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่และมากมายเหลือคณานับ 9 ฉะนั้นขอทรงโปรดให้ผู้รับใช้ของพระองค์มีความคิดฉลาดหลักแหลม เพื่อจะปกครองประชากรของพระองค์ และรู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี เพราะใครเล่าจะสามารถปกครองชนชาติที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์นี้ได้?”
10 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพอพระทัยที่โซโลมอนทูลขอเช่นนี้ 11 ดังนั้นพระเจ้าจึงตรัสกับโซโลมอนว่า “เนื่องจากเจ้าขออย่างนี้ ไม่ได้ขอชีวิตยืนยาว หรือทรัพย์สมบัติสำหรับตัวเอง หรือชีวิตศัตรูของเจ้า แต่ขอให้มีความฉลาดหลักแหลมเพื่อผดุงความยุติธรรม 12 เราจะให้ตามที่เจ้าขอ เราจะให้เจ้ามีสติปัญญาและความฉลาดหลัดแหลมอย่างที่ไม่เคยมี และจะไม่มีใครเสมอเหมือนเจ้า 13 ยิ่งกว่านั้นเราจะให้สิ่งที่เจ้าไม่ได้ขออีกด้วย คือทรัพย์สมบัติและเกียรติ เพื่อที่จะไม่มีกษัตริย์องค์ใดเสมอเหมือนตลอดชีวิตของเจ้า 14 และหากเจ้าดำเนินในทางของเรา ปฏิบัติตามคำสั่งและกฎเกณฑ์ของเราเหมือนดาวิดบิดาของเจ้า เราจะให้เจ้ามีชีวิตยืนยาว” 15 แล้วโซโลมอนก็ตื่นบรรทมและตระหนักว่าได้ทรงฝันไป
พระองค์เสด็จกลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม ทรงยืนอยู่หน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชา จากนั้นทรงจัดงานเลี้ยงให้ข้าราชสำนักทั้งปวง
การตัดสินคดีอย่างมีปัญญา
16 มีหญิงโสเภณีสองคนมาเข้าเฝ้ากษัตริย์โซโลมอน 17 คนหนึ่งทูลว่า “ข้าแต่กษัตริย์ หม่อมฉันกับหญิงคนนี้อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน นางอยู่ด้วยเมื่อหม่อมฉันคลอดลูก 18 พอลูกอายุได้สามวัน ผู้หญิงคนนี้ก็คลอดลูกด้วยเช่นกัน มีเพียงเราสองคนอยู่ในบ้าน ไม่มีคนอื่น
19 “ลูกชายของหญิงคนนี้ตายไปตอนกลางคืนเพราะถูกนางนอนทับ 20 แล้วนางตื่นขึ้นมากลางดึก ขณะที่หม่อมฉันหลับอยู่ นางเอาลูกชายของหม่อมฉันออกไปจากข้างตัว ไปนอนแนบอก และเอาลูกของนางที่ตายแล้วมาไว้แนบอกของหม่อมฉัน 21 เช้าวันรุ่งขึ้นหม่อมฉันตื่นขึ้นจะให้นมลูก ก็พบว่าลูกตายแล้ว พอสว่างหม่อมฉันเพ่งดู จึงเห็นว่าไม่ใช่ลูกของหม่อมฉัน”
22 หญิงอีกคนพูดขึ้นว่า “นั่นแหละเป็นลูกของเธอ ส่วนเด็กที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นลูกของฉัน”
แต่หญิงคนแรกยืนยันว่า “ไม่ใช่ ลูกที่ตายแล้วเป็นของเธอ ลูกที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นของฉัน” แล้วทั้งสองคนก็เถียงกันต่อหน้ากษัตริย์
23 กษัตริย์ตรัสว่า “คนนี้ก็ว่า ‘ลูกฉันยังอยู่ ลูกเธอตายแล้ว’ คนนั้นก็ว่า ‘ไม่ใช่ ลูกเธอตายแล้ว ลูกฉันสิยังอยู่’ ”
24 แล้วกษัตริย์ตรัสว่า “เอาดาบมาให้เราสักเล่มสิ” ก็มีผู้นำดาบมาถวาย 25 กษัตริย์ตรัสสั่งว่า “จงฟันเด็กคนที่ยังมีชีวิตอยู่ออกเป็นสองท่อน แบ่งให้ผู้หญิงสองคนนี้คนละท่อน”
26 หญิงที่เป็นแม่ของเด็กนั้นจริงๆ สงสารลูกจับใจ จึงทูลกษัตริย์ว่า “อย่าเลยพระองค์เจ้าข้า ยกลูกให้นางไปเถิด อย่าฆ่าลูกเลย!”
แต่อีกคนพูดว่า “ฟันเป็นสองท่อนเลย จะได้ไม่ต้องเป็นของเธอหรือของฉัน!”
27 กษัตริย์จึงตรัสว่า “อย่าฆ่าเด็กนั้นเลย จงมอบเขาให้กับหญิงคนที่ต้องการให้เด็กมีชีวิตอยู่ เพราะเธอนั่นแหละเป็นแม่”
28 เมื่อชนชาติอิสราเอลทั้งปวงได้รู้ถึงคำตัดสินของกษัตริย์ ก็ยำเกรงพระองค์ เพราะเห็นว่าทรงมีสติปัญญาจากพระเจ้าเพื่อผดุงความยุติธรรม
ข้าราชการของโซโลมอน
4 โซโลมอนทรงปกครองเหนืออิสราเอลทั้งปวง 2 ข้าราชการคนสำคัญของโซโลมอน ได้แก่
อาซาริยาห์บุตรศาโดกเป็นปุโรหิต
3 เอลีโฮเรฟและอาหิยาห์บุตรชิชาเป็นราชเลขา
เยโฮชาฟัทบุตรอาหิลูดเป็นอาลักษณ์
4 เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาเป็นแม่ทัพ
ศาโดกและอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต
5 อาซาริยาห์บุตรนาธันดูแลข้าหลวงประจำเขต
ศาบุดบุตรนาธันเป็นปุโรหิตและราชมนตรี
6 อาหิชาร์เป็นเจ้ากรมวัง
อาโดนีรัมบุตรอับดาเป็นผู้ควบคุมแรงงานโยธา
7 และโซโลมอนยังมีข้าหลวงประจำเขตสิบสองนายดูแลทั่วอิสราเอล รับผิดชอบจัดหาเสบียงจากประชากรสำหรับกษัตริย์และข้าราชบริพาร แต่ละคนรับหน้าที่จัดหาเสบียงสำหรับแต่ละเดือนในรอบปี 8 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของพวกเขา
เบนเฮอร์ในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม
9 เบนเดเคอร์ในมาคาส ชาอัลบิม เบธเชเมช และเอโลนเบธฮานัน
10 เบนเฮเสดในอารุบโบท (โสโคห์และดินแดนเฮเฟอร์ทั้งหมดเป็นของเขา)
11 เบนอาบีนาดับ (ผู้ซึ่งแต่งงานกับทาฟัทราชธิดาของโซโลมอน) ในนาโฟทโดร์[a]
12 บาอานาบุตรอาหิลูดในทาอานาคและเมกิดโด เบธชานทั้งหมดถัดจากศาเรธานใต้ยิสเรเอล จากเบธชานจดอาเบลเมโหลาห์ไปถึงโยกเมอัม
13 เบนเกเบอร์ในราโมทกิเลอาด (ถิ่นฐานของยาอีร์บุตรมนัสเสห์ในกิเลอาด รวมทั้งภูมิภาคอารโกบในบาชาน และเมืองป้อมปราการของบาชานหกสิบเมืองซึ่งมีลูกกรงประตูทองสัมฤทธิ์ล้วนเป็นของเขา)
14 อาหินาดับบุตรอิดโดในมาหะนาอิม
15 อาหิมาอัส (ซึ่งแต่งงานกับบาเสมัทราชธิดาของโซโลมอน) ในเขตนัฟทาลี
16 บาอานาบุตรหุชัยในอาเชอร์ และอาโลท
17 เยโฮชาฟัทบุตรปารูอาห์ในอิสสาคาร์
18 ชิเมอีบุตรเอลาในเบนยามิน
19 เกเบอร์บุตรอุรีในกิเลอาด (ดินแดนของกษัตริย์สิโหนแห่งอาโมไรต์ และดินแดนของกษัตริย์โอกแห่งบาชาน) เขาเป็นข้าหลวงประจำเขตคนเดียวของที่นั่น
เสบียงประจำวันของโซโลมอน
20 ประชากรยูดาห์และอิสราเอลมีมากมายดั่งเม็ดทรายที่ชายทะเล พวกเขาล้วนอิ่มหนำสุขสำราญกันทั่วหน้า 21 และโซโลมอนทรงครอบครองดินแดนทั้งหมดจากแม่น้ำยูเฟรติสจนถึงดินแดนของชาวฟีลิสเตียจดพรมแดนของอียิปต์ ดินแดนเหล่านี้ต่างนำเครื่องบรรณาการมาถวายและอยู่ใต้อำนาจของโซโลมอนตลอดพระชนม์ชีพ
22 เสบียงประจำวันที่โซโลมอนต้องการคือ แป้งละเอียดประมาณ 6.6 กิโลลิตร[b] แป้งขนมประมาณ 13.2 กิโลลิตร[c] 23 วัวขุน 10 ตัว วัวจากทุ่งหญ้า 20 ตัว แพะแกะรวม 100 ตัว นอกจากนี้ยังมีกวาง เก้ง สมัน และไก่ที่คัดแล้ว 24 โซโลมอนทรงครอบครองอาณาจักรทั้งปวงทางทิศตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส จากทิฟสาห์ไปถึงกาซา และมีความสงบสุขทุกๆ ด้าน 25 ตลอดพระชนม์ชีพของโซโลมอน ยูดาห์และอิสราเอลจากดานจดเบเออร์เชบาล้วนดำเนินชีวิตอย่างปลอดภัย แต่ละคนอยู่ใต้เถาองุ่นและต้นมะเดื่อของตน
26 โซโลมอนทรงมีคอกสำหรับม้าที่ใช้เทียมรถ 4,000 แห่ง[d] และม้า 12,000 ตัว[e]
27 ในแต่ละเดือนจะกำหนดให้ข้าหลวงเขตส่งเสบียงมาให้โซโลมอนและผู้ร่วมโต๊ะเสวย ไม่ให้มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง 28 อีกทั้งยังจัดหาข้าวบาร์เลย์และฟางสำหรับม้าศึกที่ใช้เทียมรถและม้าอื่นๆ ในคอกม้าหลวงด้วย
สติปัญญาของโซโลมอน
29 พระเจ้าประทานสติปัญญากับการหยั่งรู้อันลึกซึ้ง และความเข้าใจอันกว้างขวางสุดคะเน ดั่งเม็ดทรายที่ชายทะเลแก่โซโลมอน 30 โซโลมอนทรงเฉลียวฉลาดยิ่งกว่าบรรดานักปราชญ์ของทิศตะวันออก และปราชญ์ทั้งปวงของอียิปต์ 31 พระองค์ทรงฉลาดกว่าใครๆ รวมทั้งเอธานแห่งวงศ์เอสราห์ เฮมาน คาลโคล์ และดารดา บุตรทั้งหลายของมาโฮล และพระนามของพระองค์เลื่องลือไปทั่วทุกประชาชาติที่อยู่แวดล้อม 32 ทรงกล่าว สุภาษิต 3,000 ข้อ และมีบทเพลงพระราชนิพนธ์ 1,005 บท 33 ทรงพรรณนาเรื่องพฤกษชาติ ตั้งแต่สนซีดาร์แห่งเลบานอนลงไปถึงต้นหุสบซึ่งงอกออกมาจากกำแพง พระองค์ยังทรงตรัสสอนเกี่ยวกับสัตว์และนก สัตว์เลื้อยคลานและปลา 34 กษัตริย์ทุกชาติในโลกได้ยินถึงพระปัญญาของโซโลมอนก็ส่งคนมาฟังพระปัญญาของพระองค์
การเตรียมสร้างพระวิหาร(B)
5 กษัตริย์ฮีรามแห่งเมืองไทระทรงมีสัมพันธไมตรีกับกษัตริย์ดาวิดเสมอมา ฉะนั้นเมื่อทรงทราบว่าโซโลมอนได้รับการเจิมตั้งเพื่อขึ้นครองราชย์สืบต่อจากดาวิดราชบิดาก็ส่งทูตมาเข้าเฝ้า 2 โซโลมอนมีพระราชสาส์นตอบฮีรามความว่า
3 “ท่านทราบอยู่ว่าดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้ามีศึกติดพันรอบด้าน จึงไม่สามารถสร้างพระวิหารเพื่อพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ จนกระทั่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสยบข้าศึกทั้งหลายไว้แทบพระบาท 4 บัดนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าประทานการพักสงบรอบด้านแก่ข้าพเจ้า ไม่มีข้าศึกหรือภัยพิบัติประการใด 5 ข้าพเจ้าจึงตั้งใจจะสร้างพระวิหารถวายเพื่อพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้า ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้าไว้ว่า ‘ลูกของเจ้าซึ่งเราจะตั้งให้ครองราชบัลลังก์แทนเจ้าจะสร้างวิหารเพื่อนามของเรา’
6 “ฉะนั้นขอท่านโปรดสั่งให้คนของท่านตัดไม้สนซีดาร์จากเลบานอนให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะส่งคนไปทำงานด้วย และจะจ่ายค่าจ้างให้คนงานของท่านตามที่ท่านตั้งไว้ ท่านทราบอยู่แล้วว่าทางฝ่ายข้าพเจ้าไม่มีช่างที่เชี่ยวชาญการตัดไม้เหมือนชาวไซดอน”
7 เมื่อกษัตริย์ฮีรามได้รับสาส์นจากโซโลมอนก็พอพระทัยยิ่งนักและตรัสว่า “สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าในวันนี้ ที่พระองค์ทรงโปรดประทานโอรสที่เฉลียวฉลาดแก่ดาวิดให้ปกครองชนชาติที่ยิ่งใหญ่นี้”
8 จากนั้นฮีรามทรงตอบโซโลมอนกลับมาว่า
“เราได้รับสาส์นจากท่านแล้ว และจะจัดส่งท่อนซุงทั้งไม้สนซีดาร์และไม้สนอื่นๆ ไปตามที่ท่านต้องการทั้งหมด 9 คนของเราจะนำไม้ซุงจากเลบานอนไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แล้วผูกแพล่องมาตามทะเลสู่จุดหมายที่ท่านกำหนด จากนั้นจะถอดแพมอบไม้ซุงให้ท่าน ท่านสามารถจ่ายค่าตอบแทนเราโดยส่งอาหารมาให้ราชสำนักของเรา”
10 ฮีรามก็ส่งไม้สนซีดาร์และไม้สนอื่นๆ มาให้โซโลมอนตามความประสงค์ด้วยวิธีดังกล่าว 11 และเพื่อเป็นการตอบแทน โซโลมอนจึงส่งข้าวสาลีไปให้ราชสำนักของฮีรามปีละประมาณ 4,400 กิโลลิตร[f] และน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ปีละประมาณ 440 กิโลลิตร[g] โซโลมอนทำอย่างนี้ปีแล้วปีเล่า 12 องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานสติปัญญาแก่โซโลมอนตามที่ทรงสัญญาไว้ ฮีรามและโซโลมอนทรงเจริญพระราชไมตรีและทรงทำสนธิสัญญาต่อกัน
13 โซโลมอนทรงเกณฑ์แรงงาน 30,000 คนจากทั่วแดนอิสราเอล 14 และส่งพวกเขาหมุนเวียนไปเลบานอนเดือนละ 10,000 คน คนหนึ่งจะไปอยู่เลบานอนหนึ่งเดือน และกลับมาอยู่บ้านสองเดือน อาโดนีรัมเป็นผู้บังคับบัญชาแรงงานโยธาเหล่านี้ 15 โซโลมอนยังทรงมีกรรมกรแบกหามอีก 70,000 คน และช่างสกัดหิน 80,000 คนในแถบเทือกเขา 16 โดยมีหัวหน้าคนงาน 3,300 คน[h] ทำหน้าที่ควบคุมโครงการและดูแลคนงาน 17 ตามพระบัญชาของโซโลมอน พวกเขาขนหินก้อนมหึมาที่คัดแล้วเพื่อสกัดเป็นหินฐานรากของพระวิหาร 18 ผู้คนจากเกบาล[i]มาช่วยช่างของโซโลมอนและฮีรามในการเลื่อยซุง ถากไม้ และเตรียมหินสำหรับ การสร้างพระวิหาร
ลูกา 20:1-26
Thai New Contemporary Bible
ปัญหาเรื่องสิทธิอำนาจของพระเยซู(A)
20 วันหนึ่งขณะพระเยซูทรงสอนประชาชนอยู่ในลานพระวิหารและประกาศข่าวประเสริฐ พวกหัวหน้าปุโรหิต ธรรมาจารย์ และผู้อาวุโสมาหาพระองค์ 2 และทูลว่า “จงบอกเราว่าท่านทำสิ่งเหล่านี้โดยอาศัยสิทธิอำนาจใด? ใครให้สิทธิอำนาจนี้แก่ท่าน?”
3 พระองค์ตรัสตอบว่า “เราจะถามท่านสักข้อเช่นกัน จงบอกเราว่า 4 บัพติศมาของยอห์นมาจากสวรรค์หรือจากมนุษย์?”
5 พวกเขาหารือกันว่า “ถ้าเราตอบว่า ‘มาจากสวรรค์’ เขาก็จะถามว่า ‘ทำไมท่านไม่เชื่อยอห์น?’ 6 แต่ถ้าเราตอบว่า ‘มาจากมนุษย์’ ประชาชนทั้งปวงก็จะเอาหินขว้างเรา เพราะพวกเขาเชื่อว่ายอห์นเป็นผู้เผยพระวจนะ”
7 ดังนั้นพวกเขาจึงทูลตอบว่า “เราไม่ทราบว่ามาจากไหน”
8 พระเยซูตรัสว่า “เราก็จะไม่บอกพวกท่านเช่นกันว่าเราอาศัยสิทธิอำนาจใดที่ทำสิ่งเหล่านี้”
คำอุปมาเรื่องผู้เช่าสวน(B)
9 แล้วพระองค์ตรัสคำอุปมาให้ประชาชนฟังว่า “ชายคนหนึ่งทำสวนองุ่นให้ชาวสวนเช่า แล้วจากไปต่างแดนเสียนาน 10 เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว เขาก็ส่งคนรับใช้ไปหาผู้เช่าเพื่อรับส่วนแบ่งของผลผลิตจากสวนองุ่น แต่พวกผู้เช่าทุบตีและไล่คนรับใช้นั้นกลับมามือเปล่า 11 เขาส่งคนรับใช้อีกคนไป พวกเขาก็ทุบตีคนรับใช้นั้น ทำให้อับอายขายหน้า และไล่กลับมามือเปล่าอีก 12 เขายังส่งคนที่สามไปอีก พวกนั้นก็ทำร้ายคนรับใช้นั้นและโยนออกมา
13 “แล้วเจ้าของสวนองุ่นจึงกล่าวว่า ‘เราจะทำอย่างไรดี? เราจะส่งบุตรชายที่รักของเราไป บางทีพวกนั้นจะเคารพเขา’
14 “แต่เมื่อผู้เช่าเห็นบุตรชายของเจ้าของสวนก็ปรึกษากันว่า ‘นี่ไงทายาท ให้เราฆ่าเขา แล้วมรดกจะตกเป็นของเรา’ 15 ดังนั้นพวกเขาจึงจับบุตรชายเจ้าของสวนโยนออกมานอกสวนองุ่นแล้วฆ่า
“แล้วเจ้าของสวนจะทำอย่างไรกับคนพวกนั้น? 16 เขาย่อมจะมาฆ่าพวกผู้เช่าเหล่านั้น และให้คนอื่นเช่าสวนองุ่นนี้”
เมื่อประชาชนได้ยินดังนี้ก็ทูลว่า “ขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย!”
17 พระเยซูทอดพระเนตรตรงไปที่พวกเขาและตรัสว่า “ก็แล้วที่เขียนไว้นั้นหมายความว่าอย่างไร? ที่ว่า
18 ทุกคนที่ตกทับศิลานั้นจะแหลกเป็นชิ้นๆ แต่ศิลานี้ตกทับผู้ใด ผู้นั้นจะแหลกลาญ”
19 พวกธรรมาจารย์และพวกหัวหน้าปุโรหิตหาทางจะจับกุมพระองค์ทันที เพราะรู้ว่าพระองค์ตรัสคำอุปมานี้ว่าพวกตน แต่พวกเขากลัวประชาชน
การเสียภาษีแก่ซีซาร์(C)
20 พวกเขาจับตาดูพระองค์อย่างใกล้ชิดโดยส่งคนสอดแนมซึ่งแสร้งทำเป็นคนซื่อตรงมา หวังจะจับผิดถ้อยคำของพระเยซู จะได้มอบพระองค์ไว้ในอำนาจและการพิพากษาของผู้ว่าการ 21 คนสอดแนมนั้นจึงมาทูลถามพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ เรารู้ว่าท่านพูดและสอนสิ่งที่ถูกต้อง ไม่เข้าข้างใคร แต่สอนทางของพระเจ้าตามความจริง 22 เป็นการถูกต้องหรือไม่ที่เราจะเสียภาษีให้แก่ซีซาร์?”
23 พระเยซูทรงรู้ทันอุบายของพวกเขา จึงตรัสว่า 24 “ไหนเอาเงินหนึ่งเหรียญเดนาริอันมาให้เราดูซิ รูปและคำจารึกบนเหรียญเป็นของใคร?”
25 พวกเขาทูลว่า “ของซีซาร์” พระองค์จึงตรัสว่า “ของของซีซาร์จงให้แก่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า”
26 พวกเขาไม่สามารถจับผิดสิ่งที่พระองค์ตรัสต่อสาธารณชนได้ และต้องนิ่งอึ้งเพราะประหลาดใจในคำตอบของพระองค์
Read full chapterFootnotes
- 20:17 หรือศิลาหัวมุม
- 20:17 สดด.118:22
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.